วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2018, 10:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ตอนนี้เอกอนกำลังนั่งมอง แดจาวู

:b32: :b32: :b32:

นั่งมอง แดจาวู ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.61

:b1: :b1: :b1:

เอกอนเคยคิดว่า ชีวิตคนเราดำเนินไปด้วยความ บังเอิญ/ความน่าจะเป็น

แต่ แดจาวู :b32: :b32: :b32: มันกลับมาหักล้างความเข้าใจเช่นนั้น

แดจาวู เป็นสิ่งเหมือนกับว่า เราเห็นแผนการที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้

และเมื่อเราใช้ชีวิต และเราเดินตามข้อกำหนด แม้เราจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ รู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม
แม้เราจะปฏิเสธการรับรู้ก็ตาม เราก็จะได้พบกับสิ่งต่าง ๆ ที่ดำเนินไปตามแผนนั้น ๆ

:b1: :b1: :b1:

ว่าแต่แผนการนั้น ใครเป็นผู้กำหนด และได้กำหนดไว้ตอนไหน

:b1: :b1: :b1:

จริง ๆ เอกอนมีคำตอบทุกอย่างอยู่แล้วใน แดจาวู
แต่...มันเป็นจุดที่เอกอนเจอกับลำดับความเป็นไปที่ขัดแย้งน่ะ
จนยากที่จะปฏิเสธ และก็ยากที่จะยอมรับ.... :b32:

แดจาวู ของเอกอนอย่างเช่นว่า

:b32: สมมตินะสมมติ

แบบว่า สมมติว่าตอนเด็ก ๆ เอกอนนอนหลับไปแล้วอยู่ ๆ ก็ตื่นมากลางดึก
แล้วก็เดินลงไปนั่งคุยกับคณรุกขเทวดาที่อยู่ตรงศาลพระภูมิ
ท่านก็เล่าเรื่องราวมากมายให้ฟัง แล้วก็บอกว่า ในวันหนึ่งจะมีแดร๊คคิวล่ามาจากดาวดวงหนึ่ง
ที่อยู่อีกฟากของกาแลคซี่ เขาจะมาในรูปของคนปกติ แต่เขาจะพูดคำ "......."
ซึ่งเอกอนจะรู้ทันทีว่าเขามาจาก ดาวแดร็คคิวล่า ... :b32:
แล้วว....แล้ววว...แล้วววว...แล้ววววววว

แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เอกอนก็ได้เจอกับสิ่งนั้น ที่บ่งบอกว่าเป็นแดร็คคิวล่า :b32:

เอกอนไม่สงสัย แต่ความตรึกมันตกลงไปสู่ ห้วงอะไรสักอย่าง ที่...

เหมือนกับเข้าไปอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์ลี้ลับ มิติคู่ขนาน ชีวิตในมิติที่ 4

ความเป็นไปในอีกระนาบที่อายตนะมนุษย์ปกติยากจะเข้าใจ ...

:b32: :b32: :b32:

มีเรื่องหนุก ๆ ให้ อ๊บซ์ เข้ามาแสดงความเห็นแล้ว

:b32:

แค่อากาศ เขียน:
:b9: :b9: :b9:

อ่อมันเป็นเช่นนั้นเองเหรอครับ อิอิ..

เดจาวู..ที่สุดเหตุการณ์ทุกอย่างมันก็เป็นไปของมัน ตามที่มันควรจะเป็น

ขอบคุณท่านเอกอน ท่านอ๊บส์ ครับ ทำให้นึกถึงและมองเห็นอะไรหลายๆอย่างเลยครับ

มันคงเหมือนเพลงพงษ์สิทธิ์คำภีร์หีือเปล่าครับ ..อยู่ๆก็หายไป ..อยู่ๆก็หวนมา ..แล้วอยู่ๆไปก็หาย ซ้ำไปซ้ำมา อิอิ..

น้อยคนจะรู้ความนัยย์ของเดจาวูที่เกิดขึ้นว่าคืออะไร แต่บางอย่าง บางประโยค บางคำ บางการแสดง บางสิ่ง บางเหตุการณ์ บางจุดก็สามารถกระตุ้นให้ตัวตนหรือสิ่งที่เป็นอยู่ของสิ่งหนึ่งให้แสดงโผล่ออกมาได้โดยง่าย และชัดเจนจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจริง อิอิ

:b32: :b32: :b32:

:b8: :b8: :b8:

กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อาการไม่ชัดขนาด..เอกอน..

เรียกว่า..ยังบ้าไม่ถึงขั้น... :b32: :b32:

แค่..หันซ้ายคุยดีดี..หันขวาก็เปลี่ยนกลับมาอยู่โลกเหมือนเดิม..

อ้าว.เมื่อกี้..อยู่โลกไหนละหว้า..???

สงสัยแก่ไป..คงไม่พ้นอัลไซเมอร์

:b32: :b32: :b32:


:b32: :b32: :b32:


ฮั้นแน่.... :b9: :b9:

อย่าเอาแต่หัวเราะ..ซี

พูดต่อ..ซี..เรื่องที่ทำให้..งง..งง..นี้นะ
:b16: :b16: :b16:


กบนอกกะลา เขียน:
ผมคิดทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน..ที่ดีกว่าฝาหรั่ง...

แต่ไปดูฝาหรั่ง..ก่อน..ว่าเขาคิดยังงัยกับจักรวาลคู่ขนาน

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2018, 10:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แบบว่า มีการเปิดประเด็นไว้ที่นั่น เรามาต่อกันที่นี่ดีก่า... :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2018, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
แบบว่า มีการเปิดประเด็นไว้ที่นั่น เรามาต่อกันที่นี่ดีก่า... :b12: :b12:


:b17: :b17: :b17:

ผมจะไปอีกจักรวาลก่อนครับ 5555

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2018, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


จริง ๆ ชาวต่างชาติที่เขาไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนา
เขาก็จะเจออะไรแปลก ๆ เหมือนกับเรานั่นล่ะ เพราะต่างก็มีอายตนะ เหมือน ๆ กัน
แต่เขาก็จะค้นคว้าหาคำตอบกันไปอีกแบบ ที่เป็นมิตรต่อวัฒนธรรมความเชื่อของเขา
สมเหตุสมผลต่อเขา

มนุษย์โลกอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน คือ อยู่บนโลก อยู่ใต้ผืนบรรยากาศห่อหุ้มเดียวกัน

อากาศของเราแม้จะอยู่กันคนละมุมโลก แต่ต่างก็เชื่อมต่อถึงกัน

ก็เช่นเดียวกับว่า เราอยู่บนถนนและเพื่อนเราอยู่ตรงระเบียงตึกชั้น 5
เราตะโกน แล้วเพื่อนเราก็ได้ยิน
เสียงเดินทางผ่านสื่อ สื่อก็คืออากาศ

คนที่รักกัน แม้แต่ไม่ต้องพูดออกมา แค่มองตากัน แม้อยู่ห่างกัน 5 เมตร
สายตา-ท่าทาง ก็บ่งบอกออกมาได้ว่า เขาตกอยู่ในอารมณ์ไหน
เดินเข้ามาด้วยความดีใจ คิดถึง โกรธ

หรือการสื่อสารที่นอกจากการมองเห็น เช่น กลิ่น สัมผัส...

ซึ่งนอกเหนือจากผัสสะระดับหยาบ มันยังมีผัสสะที่ละเอียด
ซึ่ง ผู้ที่มีการรับรู้ทางจิตที่มีความละเอียดสูง เขาก็จะสามารถทำได้

ซึ่งคนที่อยู่กันคนละฝากฝั่งมหาสมุทร ก็สามารถสื่อสารถึงกันได้
โดยที่เป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้กับทุกคน

ความคิดของคนเราก็เป็นสิ่งที่ฟุ้งกระจายออกมาได้
และการส่งผ่านความคิดก็เดินทางผ่านสื่อ ... สื่อตามธรรมชาติก็อากาศนั่นล่ะ

ในช่วงที่เอกอนค่อนข้างใฝ่ศึกษาเพื่อค้นหาคำตอบในสิ่งที่สงสัย
เอกอนจะค่อนข้างนั่งสมาธิบ่อย ซึ่งจิตก็จะมีระดับความสงบ เบาต่างระดับกันไป

เป็นประจำที่เมื่อหนังสือ ศาสนา-ปรัชญา กำลังจะออกมา
เอกอนจะเห็นสิ่งปรากฏในทัศนะ

การสื่อสารที่มองไม่เห็น บางทีคนมักจะชอบคิดว่าเป็น ผี/สิ่งลี้ลับ
แต่บางทีมันก็ไม่ใช่
เราคิดว่าเป็นอะไร มันอยู่ที่ว่า อายตนะภายในจะรับแล้วแปลเป็นอะไรออกมาให้เรารู้
ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทาง จิต ของเราเอง

เรื่องโทรจิต เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นตลอดเวลา
เพราะ กระแสความคิดมันเดินทางกระจายไปอากาศ อวกาศ ห้วงอวกาศ

ทุกคนมีสิทธิที่จะสัมผัสและรับรู้สิ่งที่อยู่อากาศได้ ถ้ามีอุปกรณ์การรับที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่ส่ง

ก็เหมือนกับ สถานีวิทยุ/โทรทัศน์ ที่ส่งสัญญาณออกมาเดินทางผ่านอากาศ มองไม่เห็นได้ด้วยตา
แต่เครื่องรับโทรทัศน์ที่บ้านเราสามารถรับสัญญาณแล้วแปลงออกมาได้
...
โทรทัศน์ ถูกประดิษฐ์และใช้งานจากสิ่งที่ปรากฏมีขึ้นตามธรรมชาติ
มนุษย์ ก็คือสิ่งหนึ่งที่ตัั้งขึ้นอยู่บนพื้นฐานธรรมชาติ
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่โทรทัศน์ทำได้ แล้วมนุษย์จะทำไม่ได้
สมอง/จิต มนุษย์มีกลไก ศักยภาพที่จะทำอย่างนั้นด้วยตัวมันเอง โดยที่มนุษย์ไม่เคยรู้

...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 01:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดังที่ท่านเอกอน กล่าวมานี้ นักวิทยาศาตร์จึงพยายามค้นหาพัฒนากันในสิ่งที่เรียกว่าพลังจิต จึงพบมีเพียงพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นที่เเข้าถึงได้ โดยเรียกว่า วิทยาศาตร์ทางจิต

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 05:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
จริง ๆ ชาวต่างชาติที่เขาไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนา
เขาก็จะเจออะไรแปลก ๆ เหมือนกับเรานั่นล่ะ เพราะต่างก็มีอายตนะ เหมือน ๆ กัน
แต่เขาก็จะค้นคว้าหาคำตอบกันไปอีกแบบ ที่เป็นมิตรต่อวัฒนธรรมความเชื่อของเขา
สมเหตุสมผลต่อเขา

มนุษย์โลกอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน คือ อยู่บนโลก อยู่ใต้ผืนบรรยากาศห่อหุ้มเดียวกัน

อากาศของเราแม้จะอยู่กันคนละมุมโลก แต่ต่างก็เชื่อมต่อถึงกัน

ก็เช่นเดียวกับว่า เราอยู่บนถนนและเพื่อนเราอยู่ตรงระเบียงตึกชั้น 5
เราตะโกน แล้วเพื่อนเราก็ได้ยิน
เสียงเดินทางผ่านสื่อ สื่อก็คืออากาศ

คนที่รักกัน แม้แต่ไม่ต้องพูดออกมา แค่มองตากัน แม้อยู่ห่างกัน 5 เมตร
สายตา-ท่าทาง ก็บ่งบอกออกมาได้ว่า เขาตกอยู่ในอารมณ์ไหน
เดินเข้ามาด้วยความดีใจ คิดถึง โกรธ

หรือการสื่อสารที่นอกจากการมองเห็น เช่น กลิ่น สัมผัส...

ซึ่งนอกเหนือจากผัสสะระดับหยาบ มันยังมีผัสสะที่ละเอียด
ซึ่ง ผู้ที่มีการรับรู้ทางจิตที่มีความละเอียดสูง เขาก็จะสามารถทำได้

ซึ่งคนที่อยู่กันคนละฝากฝั่งมหาสมุทร ก็สามารถสื่อสารถึงกันได้
โดยที่เป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้กับทุกคน

ความคิดของคนเราก็เป็นสิ่งที่ฟุ้งกระจายออกมาได้
และการส่งผ่านความคิดก็เดินทางผ่านสื่อ ... สื่อตามธรรมชาติก็อากาศนั่นล่ะ

ในช่วงที่เอกอนค่อนข้างใฝ่ศึกษาเพื่อค้นหาคำตอบในสิ่งที่สงสัย
เอกอนจะค่อนข้างนั่งสมาธิบ่อย ซึ่งจิตก็จะมีระดับความสงบ เบาต่างระดับกันไป

ป็นประจำที่เมื่อหนังสือ ศาสนา-ปรัชญา กำลังจะออกมา
เอกอนจะเห็นสิ่งปรากฏในทัศนะ


การสื่อสารที่มองไม่เห็น บางทีคนมักจะชอบคิดว่าเป็น ผี/สิ่งลี้ลับ
แต่บางทีมันก็ไม่ใช่
เราคิดว่าเป็นอะไร มันอยู่ที่ว่า อายตนะภายในจะรับแล้วแปลเป็นอะไรออกมาให้เรารู้
ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานทาง จิต ของเราเอง


เรื่องโทรจิต เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นตลอดเวลา
เพราะ กระแสความคิดมันเดินทางกระจายไปอากาศ อวกาศ ห้วงอวกาศ

ทุกคนมีสิทธิที่จะสัมผัสและรับรู้สิ่งที่อยู่อากาศได้ ถ้ามีอุปกรณ์การรับที่เข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่ส่ง

ก็เหมือนกับ สถานีวิทยุ/โทรทัศน์ ที่ส่งสัญญาณออกมาเดินทางผ่านอากาศ มองไม่เห็นได้ด้วยตา
แต่เครื่องรับโทรทัศน์ที่บ้านเราสามารถรับสัญญาณแล้วแปลงออกมาได้

...
โทรทัศน์ ถูกประดิษฐ์และใช้งานจากสิ่งที่ปรากฏมีขึ้นตามธรรมชาติ
มนุษย์ ก็คือสิ่งหนึ่งที่ตัั้งขึ้นอยู่บนพื้นฐานธรรมชาติ
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่โทรทัศน์ทำได้ แล้วมนุษย์จะทำไม่ได้
สมอง/จิต มนุษย์มีกลไก ศักยภาพที่จะทำอย่างนั้นด้วยตัวมันเอง โดยที่มนุษย์ไม่เคยรู้

...


แฮ่ม..รอตั้งนาน..กว่าจะเอื่อนเอ่ย.ออกมาได้ :b12: :b12: :b12: .


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 15:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ดังที่ท่านเอกอน กล่าวมานี้ นักวิทยาศาตร์จึงพยายามค้นหาพัฒนากันในสิ่งที่เรียกว่าพลังจิต จึงพบมีเพียงพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นที่เเข้าถึงได้ โดยเรียกว่า วิทยาศาตร์ทางจิต


ใช่ ... ยิ่งนับวัน วิทยาทางจิตจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

ชาติตะวันตก มักจะจับมือร่วมกับนักบวชธิเบต และมีโครงการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ

เพียงแต่ เรา ไม่รู้

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2018, 16:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ดังที่ท่านเอกอน กล่าวมานี้ นักวิทยาศาตร์จึงพยายามค้นหาพัฒนากันในสิ่งที่เรียกว่าพลังจิต จึงพบมีเพียงพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นที่เเข้าถึงได้ โดยเรียกว่า วิทยาศาตร์ทางจิต


ใช่ ... ยิ่งนับวัน วิทยาทางจิตจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

ชาติตะวันตก มักจะจับมือร่วมกับนักบวชธิเบต และมีโครงการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ

เพียงแต่ เรา ไม่รู้

:b1: :b1: :b1:



เขาว่าอนาคตภายหน้าเมื่อเกิดการพัฒนาจิตถึงจุดสูงสุด จะเหมือนมนุษย์ต่างดาว ดึงพลังจิตมาใช้ได้

ซึ่งการพัฒนาจิตของเขาไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นทุกข์ แต่เป็นการสนองตัณหา นำไปใช้ในกิจการงานต่างไป

แล้วเราจะหน้าตาแบบนั้นด้วยมั้ยนะ 555

แต่เมื่อมันถึงจุดสูงสุด ก็จะเกิดการแก่งแย่งฆ่าฟัน ล่มสลาย ก็จะกลับคืนสู่สามัญในยุคก่อนพระศรีอริยเมตไตรยจะเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้

บางครา..เดจาวู..อาจเกิดขึ้นจากความจำเสมือนของเราเอง รู้ เห็น พบเจอ ที่คล้ายกัน หรือเกิดการกระทำซ้ำไป แต่สัญญานั้นมันหดหายแล้ว เมื่อพบเจออีกจึงเหมือนรู้สึกว่าเคยพบเจอมาแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่การรับรู้ล่วงหน้าเท่านั้น

สมองแต่ละซีกของคนเราสามารถทำงานต่างๆกันได้ถ้าเราควบคุมมันได้ก็เรียกวิทยาศาสตร์ทางจิต

ส่วนในทางพระพุทธศาสนาเรานี้เป็นญาณเป็นของเล่นของแถมที่ได้มาจากการอบรมจิตภาวนา ..แต่ถ้าเป็นไปเพื่อปัญญารู้เห็นตามจริง เป็นไปเพื่อเห็นจริงแท้ในสังขารธรรมทั้งปวงน้อมไปในการตัด ละ วาง สละคืน ก็ชื่อว่า..วิชชา เหมือนเตวิชโช เป็นต้น

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 00:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
eragon_joe เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ดังที่ท่านเอกอน กล่าวมานี้ นักวิทยาศาตร์จึงพยายามค้นหาพัฒนากันในสิ่งที่เรียกว่าพลังจิต จึงพบมีเพียงพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นที่เเข้าถึงได้ โดยเรียกว่า วิทยาศาตร์ทางจิต

ใช่ ... ยิ่งนับวัน วิทยาทางจิตจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

ชาติตะวันตก มักจะจับมือร่วมกับนักบวชธิเบต และมีโครงการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ

เพียงแต่ เรา ไม่รู้

:b1: :b1: :b1:

เขาว่าอนาคตภายหน้าเมื่อเกิดการพัฒนาจิตถึงจุดสูงสุด จะเหมือนมนุษย์ต่างดาว ดึงพลังจิตมาใช้ได้

ซึ่งการพัฒนาจิตของเขาไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นทุกข์ แต่เป็นการสนองตัณหา นำไปใช้ในกิจการงานต่างไป

แล้วเราจะหน้าตาแบบนั้นด้วยมั้ยนะ 555

แต่เมื่อมันถึงจุดสูงสุด ก็จะเกิดการแก่งแย่งฆ่าฟัน ล่มสลาย ก็จะกลับคืนสู่สามัญในยุคก่อนพระศรีอริยเมตไตรยจะเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้


:b32: ไม่รู้สิ่ เอกอนเกรงว่า พุทธในแถบเอเซียจะสลายไปเนื่องจากน้ำท่วม
เอกอนเคยเห็นแค่ว่า ในยุคหนึ่งในกาลข้างหน้า
พุทธไปเจริญอยู่ในต่างแดน ยุโรป ส่วนทางด้านตอนล่างคือเอเชีย พื้นที่โดยมาก
ถูกทำลายไปด้วยภัยธรรมชาติ โน่นนี่นั่น
สภาพดูไม่ได้ เพราะพื้นที่โดยมากเพิ่งผุดมาจากน้ำ

เอกอนเคยเห็นภาพนี้ แต่เอกอนก็จะปลอบใจตัวเองว่า
สงสัยเอกอนจะใจลอยไปแอบฟังลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำคุยกันแน่เลย :b32:
...
จิตมันคือจะซน ... เน๊อะ :b32:

มันชอบมีเรื่องราวมายั่วให้ยากรู้
แต่เมื่อหลุดออกมาแล้ว จะเข้าไปส่องเพื่อตามเรื่องต่อก็ทำไม่ได้น่ะ
แต่บทจะเห็นอะไร อยู่ ๆ มันก็แว๊บเข้ามาเอง
:b32: :b32: :b32:
เมื่อทำไม่ได้มันก็เป็นความหงุดหงิด อาการก็ประมาณเหมือนคนติดละคร
แล้วอยู่ ๆ วันที่ละครมา ไฟดันดับน่ะ
:b32: :b32: :b32:

บางครั้งเมื่อเราเห็นแล้ว สิ่งนั้นเกิดจริง ก็เป็นอาการลิงโลดใจอยู่พอตัวนะ :b32:
แต่ก็รู้สึกผวามากพอ ๆ กันนั่นล่ะ เพราะบางครั้งมันตอกย้ำกรรมกำหนดยังไงชอบก๊ล ชอบกล
...
ใครจะอยากเห็นน้ำท่วมประเทศไทยกันล่ะ ... จริงมั๊ย

ดังนั้น การมีนิมิตต่าง ๆ นานา สนุกก็สนุก แต่มันก็เป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน

:b1:

ต้องเห็นไป เห็นอะไรก็ต้องวาง

ซึ่งถ้าต้องเห็น แล้วต้องวาง

สู้ไม่เห็นซะดีก่า จะได้ไม่ต้องวาง

:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 07 พ.ย. 2018, 23:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 09:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 14:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
eragon_joe เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ดังที่ท่านเอกอน กล่าวมานี้ นักวิทยาศาตร์จึงพยายามค้นหาพัฒนากันในสิ่งที่เรียกว่าพลังจิต จึงพบมีเพียงพระพุทธศาสนานี้เท่านั้นที่เเข้าถึงได้ โดยเรียกว่า วิทยาศาตร์ทางจิต


ใช่ ... ยิ่งนับวัน วิทยาทางจิตจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

ชาติตะวันตก มักจะจับมือร่วมกับนักบวชธิเบต และมีโครงการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบ

เพียงแต่ เรา ไม่รู้

:b1: :b1: :b1:

เขาว่าอนาคตภายหน้าเมื่อเกิดการพัฒนาจิตถึงจุดสูงสุด จะเหมือนมนุษย์ต่างดาว ดึงพลังจิตมาใช้ได้

ซึ่งการพัฒนาจิตของเขาไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นทุกข์ แต่เป็นการสนองตัณหา นำไปใช้ในกิจการงานต่างไป

แล้วเราจะหน้าตาแบบนั้นด้วยมั้ยนะ 555

แต่เมื่อมันถึงจุดสูงสุด ก็จะเกิดการแก่งแย่งฆ่าฟัน ล่มสลาย ก็จะกลับคืนสู่สามัญในยุคก่อนพระศรีอริยเมตไตรยจะเสด็จอุบัติขึ้นบนโลกนี้


:b32: ไม่รู้สิ่ เอกอนเกรงว่า พุทธในแถบเอเซียจะสลายไปเนื่องจากน้ำท่วม
เอกอนเคยเห็นแค่ว่า ในยุคหนึ่งในกาลข้างหน้า
พุทธไปเจริญอยู่ในต่างแดน ยุโรป ส่วนทางด้านตอนล่างคือเอเชีย พื้นที่โดยมาก
ถูกทำลายไปด้วยภัยธรรมชาติ โน่นนี่นั่น
สภาพดูไม่ได้ เพราะพื้นที่โดยมากเพิ่งผุดมาจากน้ำ

เอกอนเคยเห็นภาพนี้ แต่เอกอนก็จะปลอบใจตัวเองว่า
สงสัยเอกอนจะใจลอยไปแอบฟังลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำคุยกันแน่เลย :b32:
...
จิตมันคือจะซน ... เน๊อะ :b32:

มันชอบมีเรื่องราวมายั่วให้ยากรู้
แต่เมื่อหลุดออกมาแล้ว จะเข้าไปส่องเพื่อตามเรื่องต่อก็ทำไม่ได้น่ะ
แต่บทจะเห็นอะไร อยู่ ๆ มันก็แว๊บเข้ามาเอง
:b32: :b32: :b32:
เมื่อทำไม่ได้มันก็เป็นความหงุดหงิด อาการก็ประมาณเหมือนคนติดละคร
แล้วอยู่ ๆ วันที่ละครมา ไฟดันดับน่ะ
:b32: :b32: :b32:

บางครั้งเมื่อเราเห็นแล้ว สิ่งนั้นเกิดจริง ก็เป็นอาการลิงโลดใจอยู่พอตัวนะ :b32:
แต่ก็รู้สึกผวามากพอ ๆ กันนั่นล่ะ เพราะบางครั้งมันตอกย้ำกรรมกำหนดยังไงชอบก๊ล ชอบกล
...
ใครจะอยากเห็นน้ำท่วมประเทศไทยกันล่ะ ... จริงมั๊ย

ดังนั้น การมีนิมิตต่าง ๆ นานา สนุกก็สนุก แต่มันก็เป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน

:b1:

ต้องเห็นไป เห็นอะไรก็ต้องวาง

ซึ่งถ้าต้องเห็น แล้วต้องวาง

สู้ไม่เห็นซะดีก่า จะได้ไม่ต้องวาง

:b32: :b32: :b32:


บางทีที่ท่านเห็นเปลือกโลกคงเคลื่อนตัวไปแล้ว เราอาจจะไปติดยุโรปก็ได้ครับ 5555

ที่จริงการเห็นของท่านดีอย่างนะ ทำให้รู้ว่าโลกแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา และไม่มีอะไรคงทนอยู่ยั่งยืนนาน เราจึงไม่ควรประมาทใช่มะครับ

สะสมมรรคแบบสาสวะให้เป็นบุญแก่ชันธ์ไป เห็น คิด พูด ทำในกุศล อบรมปัญญาในกุศลไป

หากเป็นพระอริยะก็เป็นองค์มรรคแท้ ก็ทำให้มรรคยิ่งๆขึ้น จับปักหลักแนบแน่นรู้ วจีสังขารสงบ ละเจตนาอกุศล มีความเห็น ความเพียร มีสติ ปัญญาปหาน

เผื่อเราอยู่ถึงตอนโลกแตกก็อุ่นใจว่าสะสมมาดีแล้วใช่ปะครับ

แต่ผมไม่ถึงธรรมคงได้แค่หยอดกระปุกไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาใกล้โลกจะแตกผใคงต้องรีบสร้างเรือโนอารับแต่สาวๆขึ้นเรือครับ 5555

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 17:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
บางทีที่ท่านเห็นเปลือกโลกคงเคลื่อนตัวไปแล้ว เราอาจจะไปติดยุโรปก็ได้ครับ 5555

:b32: :b32: :b32:

แค่อากาศ เขียน:
ที่จริงการเห็นของท่านดีอย่างนะ ทำให้รู้ว่าโลกแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา และไม่มีอะไรคงทนอยู่ยั่งยืนนาน เราจึงไม่ควรประมาทใช่มะครับ

:b32: :b32: :b32: ... :b1:
การเห็นมันก็ดีน่ะ ดีตรงที่มันได้มีเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ
และสิ่งที่ตามมาก็คือ ภาระทางจิตนั่นล่ะว่า จะวางมันไว้อย่างไร

ส่วนใหญ่เอกอนจะมองมันแบบละ ๆ น่ะ
เพราะเห็นไง พอเห็นเอกอนก็เห็นว่าใจมัน ลิงโลดไหลฟูฟ่องไปอย่างไร
และมันมีความคิดคำนึงที่จะอยากเข้าไปส้องเสพมันอย่างไร
อยากจะมีชีวิตอยู่เป็นนิรันดร์เพื่อตามไปให้เห็นสิ่งเหล่านั้นที่เห็น

:b32: ซึ่งมันจะบ้าอ๊ะป่าวล่ะ
แค่มีชีวิตหายใจอยู่บนชาตินี้แค่ไม่กี่สิบปี ยังผจญทุกข์โศกมาตั้งเท่าไรแล้ว
ยังมีหน้าอยากจะบ้าอยู่ไปเพื่อพบเจอวันนั้น :b32: :b32: :b32:

ละครทีวี มันยังมีวัน อวสาน
แต่ การดำเนินไปของโลก มันจะไป อวสาน เมื่อไรล่ะ
ความอยาก ถ้าไม่รู้เท่าทันมัน มันไม่ได้เจอฉากอวสานหรอก :b32:
ถ้าหากว่าดองจิตไว้เป็นอมตะจนถึงวันนั้นแล้ว ยังเห็นเรื่องราวต่อไปอีกล่ะ
:b32: :b32: :b32: อยากเห็นไปไม่จบไม่สิ้น
สุดท้ายจะได้กลายเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้านิพพานเป็นแน่แท้ :b32:

นั่นละ การเห็นมันก็เป็นเรื่องราวให้เอกอนต้องเป็นภาระที่จะต้องพิจารณาเพื่อปล่อยวาง

แค่อากาศ เขียน:
แต่ผมไม่ถึงธรรมคงได้แค่หยอดกระปุกไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาใกล้โลกจะแตกผมคงต้องรีบสร้างเรือโนอารับแต่สาวๆขึ้นเรือครับ 5555

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าท่านเอกอนตามไปดูทั้งจักรวาล หรือดำรงจิตคอยดูความแปรปรวนของโลก ..ผมก็คงต้องเริมโครงการสร้างยานเอ็นเตอร์ไพรส์ ไปท่องจักรวาลตามละมั้งครับทีนี้ :b32: :b32: :b32: เพราะผมไปแบบท่านไม่ได้ ต้องรีบสร้างยานเอ็นเตอร์ไพนส์แระครับ :b12: :b12: :b12:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 23:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ถ้าท่านเอกอนตามไปดูทั้งจักรวาล หรือดำรงจิตคอยดูความแปรปรวนของโลก ..ผมก็คงต้องเริมโครงการสร้างยานเอ็นเตอร์ไพรส์ ไปท่องจักรวาลตามละมั้งครับทีนี้ :b32: :b32: :b32: เพราะผมไปแบบท่านไม่ได้ ต้องรีบสร้างยานเอ็นเตอร์ไพนส์แระครับ :b12: :b12: :b12:

:b32: :b32: :b32:

ก่อนที่จะกลายเป็นเอกอนดอง ให้คุณอากาศต้องนั่งยานเอ็นเตอร์ไพนส์ไปคอยตามเก็บ :b32:
กลับมาเรื่อง เดจาวู ดีก่า

คือ ในเรื่องเกี่ยวกับจิตที่มันชอบจินตนาการไปไกล

เอกอนคิดว่าคนที่เขาปฏิบัติ เขาต้องมีได้พบเห็นอะไรบ้างแหละ
เพียงแต่เขาจะเอาเรื่องที่เขาเห็นออกมาพูดหรือไม่แค่นั้นเอง
บางเรื่องผู้ปฏิบัติก็คงไม่อยากจะพูดถึง เพราะพูดไป
คนฟังที่เขาไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นด้วย เขาก็คงจะว่าบ้า :b32:

:b32: จริง ๆ จะเรียก เดจาวู ก็ไม่ใช่หรอก
เพราะมันคงไม่ใช่ เดจาวู เพียงแต่เอกอนหยิบคำนี้มาใช้ให้มันออก ขำ ขำ ง่ะ :b32:

ตอนที่เกิด เดจาวู ครั้งแรก นั่นคือเอกอนเคลิบเคลิ้มไปเห็นเรื่องราวตอนก่อนจะมาเกิด

ตอนนั้น เรามีความทรงจำชัดเจนทุกอย่างเกี่ยวกับสภาพความเป็นไปในรูปแบบนั้น
ยืนอยู่บนแท่นที่เหมือนเป็นจุดส่งตัว มีผู้ที่อยู่ด้วยตรงนั้น 2
1 คือเป็นเหมือนสหาย อีก 1 คือผู้ที่จะส่งน้ำที่ทำให้ลืมมาให้ดืม
ตอนนั้น มีความเข้าใจว่าการที่จะมีอะไรก็ตามที่จะมาเกิด
สิ่งนั้นล้วนมีเป้าหมาย มีแบบแผนที่จะดำเนินไป
แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองเกิดมาทำไม
จริง ๆ แล้วเขาก็มีแผนการที่ตั้งใจไว้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร
เกิดมาเพื่อให้ถูกโจรฆ่าตาย ก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้
เพราะถ้าเขาเคยไปทำอะไรเอาไว้ และถ้าหากความแค้นกับการชำระต้องเป็นไป
แม้จะรู้ว่ามาเกิดแล้วจะต้องถูกฆ่าตายอย่างทรมาน เขาก็ต้องมา
แต่เขาจะลืม เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ไม่ต้องผวากลัวตั้งแต่เด็กจนถึงวันที่กรรมมาบรรจบ

ซึ่งเอกอนก็เห็นแผนที่ตัวเองวางไว้ แต่เอกอนก็ลืมเสีย 98% เพราะฤทธิ์ยา :b32:

เวลาเคลิ้มไปแล้วไปเจอเรื่องราวน่า ฉงน มันๆ
มันเป็นความฟินชนิดที่ว่า อยากเคลิ้มไปในนั้น ไม่อยากจะลืมตามารับรู้โลกจริง ๆ เลย :b32:
ซึ่งจุดจบของคนที่หลงไปในภวังค์ ก็มักจะไปลงเอยที่ ศรีธัญญา :b32: :b32: :b32:

สิ่งที่เห็นมันเหมือนฝัน แต่ฝันที่เห็นมันเหมือนจริงมาก
และเมื่อกลับมายังโลกจริง สิ่งที่เห็นในภวังค์ก็ยังคงมาปรากฏเกิดจริงขึ้นมา
ช่วงเวลาแห่งภวังค์ได้แสดงอิทธิพลบางอย่างออกมา
จนส่งผลให้เกิดอาการสั่นคลอนในโลกด้านวัตถุ
คือก่อนหน้านั้นเอกอนจะเข้าใจโลกในความจริงเพียงด้านเดียว ด้านวัตถุ

แต่พอเจอกับความพิศวงของจิตเรื่อย ๆ เราก็เกิดความสั่นคลอนทางความเชื่อด้านวัตถุไปเอง

จากที่เคยศึกษาธรรมแบบเรื่อยเปื่อย จึงเริ่มที่จะค่อย ๆ ศึกษาเข้าไปภายใน

:b1:

ต้องคอยประคองเฝ้าระวังสอดส่องตัวเองอย่างมาก ๆ
เพราะเอกอนรู้ว่าเอกอนคือคนที่ปฏิบัติธรรมแล้วมีโอกาสหลุดโลกสูง :b32: :b32:
คือ มีความรู้สึกตลอดเวลา บ้า กับ ธรรม มันมีเพียงแค่เส้นด้ายบาง ๆ คั่นอยู่เท่านั้น

:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 08 พ.ย. 2018, 07:08, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2018, 23:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
บางทีที่ท่านเห็นเปลือกโลกคงเคลื่อนตัวไปแล้ว เราอาจจะไปติดยุโรปก็ได้ครับ 5555

:b32: :b32: :b32:

นึกขึ้นได้ สิ่งที่เห็นในยุคนั้น ลักษณะรูปแบบสำนักธรรมจะเปลี่ยนไป
สัญญลักษณ์ในเชิงแสดงความเป็นพุทธจะเปลี่ยนไปนะ
ความทรงจำเกี่ยวกับ ศาสดา หายไป ความทรงจำเกี่ยวกับสัจจะธรรม หายไป
เพียงแต่ว่าคนในช่วงนั้น มีมาตรฐานชีวิตที่ค่อนข้างดี

ศรัทธาในช่วงนั้น มันเหมือนเป็นเพียงเคล้าร่างลาง ๆ ของทางสายเก่าที่เคยเจริญ
และผู้คนต่างพากันจินตนาการถึงปัญญานั้น ๆ ผ่านเศษซากโบราณ
ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้แจ้ง และเข้าถึงได้

ซึ่งจะมีการคิดค้นสัญลักษณ์ขึ้นมาใช้มากมาย แล้วแต่สำนักจะดีไซน์
บางทีก็จะใช้วัตถุโบราณทางศาสนาที่ขุดค้นพบ มาเป็นสัญลักษณ์ของสำนัก
และเจ้าสำนักก็จะพยายามหาความรู้ (เชิงวิชาการ) เพื่อที่จะได้รับการนับถือ
คือเจ้าสำนักทุกสำนักต่างก็พยายามหมายชิงความเป็น ศาสดา

จนกระทั่ง วันหนึ่ง ผู้บรรลุธรรมก็ปรากฏขึ้น

เมื่อท่านผู้นั้นบรรลุธรรม และนั่งสมาธิพิจารณาจนระลึกชาติได้ เห็นแจ้งทั้งหมด
ท่านผู้นั้นก็ได้เดินทางไปที่หุบเขาแห่งหนึ่ง และก็นำร่าง(ศพ)ที่ได้คงสภาพไว้มาตั้งแต่ ...
เผาบนฝ่ามือ :b1:


:b32: :b32: :b32:

ตอนเห็นมันก็นั่งมองเคลิบเคลิ้มเหมือนดูหนังนั่นล่ะ ...
ช่วงเวลาอยู่คนเดียวคือช่วงเวลาที่เอกอนเข้าไปอยู่ในโลกแห่งภวังค์ :b32:
และพอตอนเช้าก็ลืมตาตื่นขึ้นไปเรียน ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ
แต่พออยู่คนเดียวก็เข้าไปสู่โลกเพี้ยน ๆ กรึ่ม ๆ ในภวังค์เหมือนคนเมากัญชา :b32:

แต่หลังจากนั้นหลายปีเอกอนก็ไปอ่านเจอเรื่อง พญาช้าง กับ ควาญช้าง

:b32: :b32: :b32:
ความฉงน และ หลอน เริ่มเข้ามาแทนที่

คือจริง ๆ เอกอนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นนั้น เป็นเรื่องของคนที่จวนเจียนจะครองสติไม่อยู่
เหมือนคนเมากัญชา ไม่เคยคิดว่านั่นจะเป็นเรื่องทัศนะหรืออะไรเลย

จนกระทั่งไปอ่านเจอ เรื่องราวต่าง ๆ

เอกอนคิดว่าเอกอนบ้าแล้วนะ เรื่องที่เอกอนคิดว่าบ้าก็กลับมีเรื่องจริงสะท้อนออกมาให้เห็น

แต่ด้วยความที่เอกอนเป็นคนที่ใช้ชีวิตยุ่งกับการงานเสียมาก
เมื่อเรียนจบออกมาทำงาน เอกอนก็ไม่มีเวลาจะไปเล่นกับภวังค์สักเท่าไรแล้ว

ชีวิตโดยมากจึงเป็นการต้องละทิ้งภวังค์ แล้วตื่นอยู่กับโลกที่โหดร้าย ... :b32: :b32:

เรื่องราวต่าง ๆ ในภวังค์ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ
สักวันยังจะคิดว่าจะทบทวนเรียบเรียงสิ่งที่เห็นทั้งหมดออกมา
แล้วฝังดินซ่อนเอาไว้ ... :b32:

เมื่อถึงยุคนั้น จะมีคนไปขุดเจอ :b13:
แต่เขาอ่านภาษาไทยไม่ออก

:b32:

อิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 09 พ.ย. 2018, 07:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron