วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สังคมจะมีสันติสุขได้ คนต้องรู้จักความสุขจากการให้


เรื่องความสุขทางสังคม และความสุขของสังคมนั้น บอกแล้วว่าเป็นเรื่องใหญ่ ท่านสอนไว้มากมายให้ตระหนักว่าจะต้องเอาใจใส่ถือเป็นเรื่องสำคัญ

ถึงแม้จะพูดไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่ควรพูดเพิ่มอีก เมื่อกี้นั้นเน้นแง่คุณธรรมในใจ คือ ที่ว่าเป็นความสุขทางสังคม ก็เป็นความสุขในตัวคน ในใจของคน ที่เป็นมิติทางสังคม ที่โยงไปในด้านของสังคม เป็นการจำแนกให้เห็นว่า คนเราแต่ละคนนี้ มีความสุขได้หลายด้าน และด้านหนึ่งคือความสุขทางสังคม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้จะให้ชัดว่า ความสุขทางสังคมนั้น ที่จริงหมายถึงออกไปเป็นความสุขของสังคมพร้อมไปด้วย จึงต้องพูดต่อไปถึงหลักธรรมที่โยงจากคุณธรรมในใจออกไปสู่การปฏิบัติในสังคม จนเต็มกระบวน ครบวงจร

ขอเริ่มง่ายๆ ถามว่า เมื่อในใจคนเกิดมีเมตตา อยากให้คนอื่นเป็นสุข มีกรุณา อยากให้คนอื่นหลุดพ้นไปจากทุกข์นั้น เขามักแสดงออกไปด้วยการทำอะไร ที่เป็นพื้นฐานที่สุด

คำถามนั้น มาบรรจบกับคำถามนี้ว่า ธรรมอะไรที่พระพุทธเจ้าตรัสบ่อยที่สุดสำหรับชาวบ้าน คำตอบก็ง่าย บอกว่า ”ทาน”

พุทธศาสนาเริ่มต้นด้วยทาน ชาวบ้านทั่วไปพอจะรู้เข้าใจหลักที่เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติชุดของคฤหัสถ์ ที่เทียบคู่ กับ ชุด ไตรสิกขา ของพระสงฆ์

พูดง่ายๆว่า ของพระ คือ ไตรสิกขา ของโยม คือ บุญกิริยา ๓ คือ ทาน ศีล ภาวนา

บุญกิริยา ที่เรียกเต็มว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ (หรือบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ก็ตาม) เริ่มด้วยข้อแรก คือ ทาน

หลักธรรมสำคัญๆ สำหรับประชาชน หรือมนุษยชน ขอให้สำรวจดูเถิด มีทานเป็นข้อแรกทั้งนั้น

ทาน อันแปลง่ายๆ ว่า ”การให้” ที่สำคัญอย่างนี้ บ่งบอกความหมายอะไร

ก็บอกให้รู้ให้ตระหนักว่า ในเรื่องของมนุษย์นั้น การแสวงหาวัตถุ การจัดสรรวัตถุ การครอบครองวัตถุ และการเสพวัตถุ เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

แล้วที่แสวงหา ที่จัดสรร ที่ครอบครองนั้น ก็มาจบมารวมมาลงที่”เสพ”(คลุมทั้งบริโภค)นี่แหละ

มนุษย์มีแนวคิด มีความครุ่นคิดพื้นฐานอะไร อย่างน้อยจากแรงบีบคั้นของความต้องการอยู่รอด ทำให้เขาหาทางดิ้นรนแสวงหาเพื่อตัวเอง เขาก็คิดถึงการที่จะได้จะเอา จะได้จะเอา จะได้จะเอา จนกระทั่งความคิดนี้เป็นความเคยชินติดเป็นพื้นใจ

เมื่อแสวงหา ได้มา เอาไว้ๆ ก็ไม่รู้จับ ไม่รู้พอ แต่วัตถุสิ่งเสพมีจำกัด แล้วการแย่งชิงเบียดเบียนกันก็เกิดขึ้น และแพร่ขยายออกไป สังคมมนุษย์ จนถึงทั้งโลก ก็เดือดร้อน บอกว่าไม่มีสันติภาพ

ทางแก้คือธรรมก็จึงเริ่มต้นที่ทาน ด้วยการให้ อย่างน้อยก็สร้างดุลได้ ถ้าเป็นไปได้ พอไหว ก็ฝังเข้าไปให้เป็นนิสัยของจิต เป็นความเคยชินของความคิดติดเป็นพื้นใจ

เริ่มต้นก็บอกว่า คุณอย่าคิดแต่จะได้จะเอาอย่างเดียว จะทำให้เบียดเบียนกัน แล้วคุณเองก็จะเดือดร้อนด้วย ทางที่ถูกที่ดี คู่กับการให้การเอานี้ ก็ต้องมีการให้ด้วย คือ พร้อมกับจะได้จะเอา ก็ให้มีทานขึ้นมาเข้าคู่กัน

เป็นอันว่า คู่กับพฤติกรรมพื้นฐานอันแรกของมนุษย์ ที่แสวงหา จะได้ จะเอา จะเสพ เพื่อตนเอง ก็มีการให้ปันแก่ผู้อื่นบ้าง

เพราะฉะนั้น ทานจึงขึ้นมาเป็นข้อแรก เป็นข้อธรรมพื้นฐานสำหรับสังคมมนุษย์ ที่เราจัดว่าเป็นฝ่ายคฤหัสถ์ หรือชาวบ้าน

อย่างที่ว่าเมื่อกี้ ทานนี้มาเป็นฐานที่จะพัฒนาคนขึ้นไปสู่ธรรมอื่นๆ ต่อๆไป ที่กว้างที่สุด ก็คือในชุด บุญกิริยาวัตถุ ๓ สำหรับพัฒนาชีวิตของคน โดยจัดเป็น ทาน ศีล ภาวนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คคห.บน ส่องทะลุไปถึงบุญกิริยาวัตถุ ๓ โน่นเลย ยังทะลุทะลวงไปถึงบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อีก เห็นแสงไตรสิกขารำไรๆด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

อ้างคำพูด:
เมื่อแสวงหา ได้มา เอาไว้ๆ ก็ไม่รู้จับ ไม่รู้พอ แต่วัตถุสิ่งเสพมีจำกัด แล้วการแย่งชิงเบียดเบียนกันก็เกิดขึ้น และแพร่ขยายออกไป สังคมมนุษย์ จนถึงทั้งโลก ก็เดือดร้อน บอกว่าไม่มีสันติภาพ

ขอ อนุญาติเสริมนะครับ ตรงจุดนี้แหละย่อมนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น
จนอาจกลายเป็นสงคราม ระดับโลกเลยทีเดียวหากยังสิ่งเหล่านี้ยังสืบต่อไป
เรื่อยๆ

เราก็คือส่วนประกอบของสังคม สังคมก็เป็นส่วนประของประเทศ และประเทศ
ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของโลกนั้นเอง เมื่อเกิดสงครามโลกทุกคนก็อาจจะได้
รับผลสท้อนเช่นกันครับ แต่สงครามครั้งนี้อาจจะเป็นสงครามล้างโลกเลยที่เดียว
จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ ทุกคนทำปัจจุบันกันดีแค่ไหนอย่างไร?

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

โคจาฝูงนำไปดี ฝูงโคก็ย่อมจะไปดีฉันใด สมัยใดผู้
นำดี โลกก็ย่อมพบกับความสงบสุขกันทุกถ้วนหน้ายัง
กับสมัยพระเจ้าจักรพัตดิราช ราชาธรรม ปกครองโดยธรรม

เห็นชอบ ดำริชอบ คิดชอบ พูดชอบ กระทำชอบ.........

ปัญญา ศีล สมาธิ ย่อจากอริยมรรคมีองค์ ๘

เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มดีตามเป็นขบวนเป็นแถว

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2018, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ทานนั้นเป็นเบื้องต้น จะให้หนักแน่นแข็งแกร่งยิ่งควรมี
หิริโอตตัปป และ ศีล ๕ เป็นอย่าง ผู้นำทุกคนทั่วโลกหาก
มีธรรมเหล่านี้ประจำใจ แน่นอนครับ โลกสงบร่มเย็นเป็นสุข
ในศีล ๕ ข้อ และข้อสุดท้ายคือเรื่องของมื่นเมานี้ยุคเกือบทุก
หลังคาเรือนไม่ว่างเว้น นี้คือภัยอย่างยิ่ง ภัยที่มาแบบนิ้มนวล

เชือดชีวิตคนไปตั้งมายแล้ว ข้อนี้ผมเปรียบเหมือนโรคติดต่อ
หากผิดข้อเดียวแล้ว จะติดตามไปข้ออื่นๆ ธรรมข้ออื่นๆด้วยเช่น
กัน ดื่ม กิน แบบฟุ่มเฟื่อยเป็นบ่อเกิดความของขัดสน วุ้นวาน
ต่างๆนาๆตามมา อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ดื่มของมื่นเมาเพิ่มจากนี้ครับ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56783
ภัยที่ถูกกฏหมาย ทั้งเป็นของฝากในวันปีใหม่ ให้สิ่งที่ดีย่อมเกิดบุญมาก
ให้สิ่งที่เป็นโทษ บุญนั้นอาจจะมิได้เลย แต่กับให้ให้โทษแก่คนที่เรารักด้วย

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่จบ ไปต่ออีก

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ชาวบ้านทั่วๆไป ที่ยังไม่ค่อยมีพื้นฐานความรู้ ตามปกติทรงแสดงคำสอนปูพื้นขึ้นไปตามลำดับก่อน เรียกว่าอนุปุพพิกถา มี ๕ ข้อ ก็เริ่มด้วย ทานกถา คือเรื่องทาน แล้วจึงต่อด้วยสีลกถา เรื่องศีล สัคคกถา เรื่องสวรรค์ กามาทีนพ โทษของกาม และเนกขัมมานิสงส์ อานิสงส์แห่งเนกขัมม์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วก็มาชุดทศพิธราชธรรม ธรรมของพระราชา ๑๐ อย่าง คือคุณธรรมสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน หรือผู้ปกครอง ได้แก่ ทาน ศีล ปริจจาคะ อาชชวะ มัททวะ ตบะ อักโกธะ อวิหิงสา ขันติ อวิโรธนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม้แต่ในชุดบารมี ๑๐ ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ ก็มีลำดับว่า ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา

ทานยังอยู่ในธรรมชุดอื่นอีก และเป็นข้อแรกเป็นธรรมดา ความสำคัญของทานก็คงไม่ต้องพูดให้มาก คนไม่มีจะกิน จะอดตาย ทุกข์แค่ไหนก็รู้กัน และทานนี่แหละแก้ได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กว้างออกไป คนแย่งชิงเบียดเบียนกัน แสนจะเดือดร้อน ก็เอาทานมาช่วย อย่างน้อยก็พอบรรเทา แค่นี้ก็เห็นไม่ยากว่า ทานช่วยให้เกิดความสุขของสังคมได้อย่างไร

นอกจากคุณค่าในตัวของมันแล้ว ทานก็มาเป็นตัวประกอบ ที่สำคัญยิ่ง คือเป็นตัวหนุนศีล เมื่อมีการให้กันแล้ว ก็ทำให้มนุษย์รักษาศีล หรือคงอยู่ในศีลง่ายขึ้น ทำให้ไม่ต้องแย่งชิงกัน เพราะมีการให้แล้ว

คนที่ไม่มีเลย จะต้องคิดแย่งเขา พอทานมา ก็หยุดได้ บางคนมีความเข้มแข็งทางศีลธรรมมากหน่อย ถ้าไม่ขาดแคลนมากนัก ก็ไม่เอา ไม่ไปลักขโมย ไม่ไปเบียดเบียนใคร แต่เมื่ออดอยากขาดแคลนมากนัก ทนไม่ไหว ก็จะเอา อย่างนี้ ทานก็ช่วยได้

แต่คนบางพวกที่แทบไม่มีภูมิคุ้มกันทางศีลธรรมเลย พอขาดแคลนนิดหน่อย หรือแม้จะไม่ขาดแคลน เห็นของใครก็อยากได้อยากเอา อย่างนั้นก็ต้องพิจารณาวิธีพัฒนากันอีกชั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กว้างออกไป คนแย่งชิงเบียดเบียนกัน แสนจะเดือดร้อน ก็เอาทานมาช่วย อย่างน้อยก็พอบรรเทา แค่นี้ก็เห็นไม่ยากว่า ทานช่วยให้เกิดความสุขของสังคมได้อย่างไร

นอกจากคุณค่าในตัวของมันแล้ว ทานก็มาเป็นตัวประกอบ ที่สำคัญยิ่ง คือเป็นตัวหนุนศีล เมื่อมีการให้กันแล้ว ก็ทำให้มนุษย์รักษาศีล หรือคงอยู่ในศีลง่ายขึ้น ทำให้ไม่ต้องแย่งชิงกัน เพราะมีการให้แล้ว

คนที่ไม่มีเลย จะต้องคิดแย่งเขา พอทานมา ก็หยุดได้ บางคนมีความเข้มแข็งทางศีลธรรมมากหน่อย ถ้าไม่ขาดแคลนมากนัก ก็ไม่เอา ไม่ไปลักขโมย ไม่ไปเบียดเบียนใคร แต่เมื่ออดอยากขาดแคลนมากนัก ทนไม่ไหว ก็จะเอา อย่างนี้ ทานก็ช่วยได้

แต่คนบางพวกที่แทบไม่มีภูมิคุ้มกันทางศีลธรรมเลย พอขาดแคลนนิดหน่อย หรือแม้จะไม่ขาดแคลน เห็นของใครก็อยากได้อยากเอา อย่างนั้นก็ต้องพิจารณาวิธีพัฒนากันอีกชั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รวมแล้วมนุษย์มีหลายระดับ ถึงอย่างไรก็ให้มีทานไว้ พอมีการแบ่งปัน มีการดูแลเอาใจใส่ ใครขาดแคลน ก็ให้ ก็ผ่อนเบาให้การเบียดเบียนการลักขโมยแย่งชิงลดน้อยลงไป เป็นการเกื้อหนุนการรักษาศีลในสังคม

เอาเป็นว่า ทานเป็นฐานที่จะช่วยค้ำหนุนพยุงศีลไว้ ไม่ให้มนุษย์ต้องเบียดเบียนกันมาก มนุษย์จะรักษาศีลได้สะดวกขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้ ต่อจากเป็นตัวช่วยหนุนศีลแล้ว ทานก็ไปประกอบภาวนาด้วย แม้แต่ผู้ที่บำเพ็ญสมถะวิปัสสนาก็เอาใจใส่ไม่ละเลยการให้ทาน โดยถือเป็นเรื่องสำคัญ

ไม่เพียงด้วยเหตุผลทั่วไปที่ได้ว่ามา และเพราะเป็นธรรมอยู่ในชุดบุญกิริยาเดียวกันที่พึงบำเพ็ญให้ครบ ไม่ใช่เท่านั้น พระพุทธเจ้ายังตรัสถึงการบำเพ็ญสมถะวิปัสสนา ที่ได้ทานเป็นจิตตาลังการและเป็นจิตบริขารอีกด้วย

การบำเพ็ญทานของผู้บำเพ็ญภาวนานี้ เป็นจิตตาลังการ คือเป็นอลังการของจิต เป็นจิตบริขาร คือเป็นบริขารของจิต หมายความว่า
การไปให้ไปสละบำเพ็ญทานนั้น ส่งผลทางจิตใจมาช่วยประกอบประดับปรับแต่งจิต โดยทำให้จิตนุ่มนวล อ่อนโยน โน้มน้อมไปในกุศล เสริมเพิ่มกำลังให้แก่จิต รวมแน่วมุ่งมาทางกุศลได้ดี ช่วยเปิดจิต สลัดออกไป ทำให้จิตโล่ง โปร่ง เบา ผ่อนคลาย ทำให้จิตงามผ่อง น้อมสู่สมาธิ เอื้อต่อการชำระจิต และการจะพัฒนาสูงขึ้นไป

แม้แต่เกิดปีติสุขจากการบำเพ็ญทาน ก็ช่วยการเจริญภาวนาได้อย่างยิ่งแล้ว ช่วยให้เดินหน้าไปในภาวนา ช่วยให้บำเพ็ญสมถะวิปัสสนาได้ง่าย

เพราะอย่างนี้แหละ คฤหัสถ์ แม้จะเป็นอริยสาวก บรรลุธรรมสูงชั้นไหน ก็บำเพ็ญทานกันทั้งนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 18 ธ.ค. 2018, 05:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีต่อ ยังไม่จบ เมื่ออ่านจับประเด็นได้แล้วว่า ทาน คือการให้ การแบ่งปัน หนุนศีล หนุนภาวนา หนุนจิต เราอยากแบ่งปัน อยากให้ เพราะอยากจะเป็นยังงั้นบ้าง ให้ใหญ่เลย ให้จนหมดเนื้อหมดตัว ก็ไม่ถูก คิกๆๆ ไม่มีก็ไม่ต้องให้ไปทำอย่างอื่นเอา :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2018, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทานนี้ มีความหมายกว้าง คือ การให้ การเผื่อแผ่ การแบ่งปัน การจัดสรรความช่วยเหลือกันในสังคมมนุษย์อย่างที่ว่าแล้ว เป็นฐานที่จะให้มนุษย์อยู่กันดีมีความสุข จึงสำคัญมาก

เรารู้กันดี และเป็นที่สังเกตกันทั่วไปว่า ทานเป็นเรื่องเด่นในพระพุทธศาสนา ดังที่ได้สั่งสอนและสะสมกันมา จนกระทั่งในเมืองไทย ในแง่ที่เป็นเมืองพุทธนี้ มองเห็นกันชัดว่า คนไหนเป็นคนที่ให้ง่าย สละง่าย มีน้ำใจแบ่งปัน

แต่ทั้งนี้ ก็ต้องทำให้ถูก ต้องทำโดยไม่ประมาท เช่นว่า ให้ด้วยปัญญา ให้โดยรู้จักพิจารณา ระมัดระวังผลข้างเคียงที่จะเสียหาย

แล้วก็ต้องไปประสานกับการปฏิบัติธรรมอื่น ไม่ควรไปนึกว่า ฉันมาถึงขั้นภาวนาแล้ว ฉันไม่ต้องให้ทานแล้ว อะไรอย่างนี้ ไม่ถูกทาง

ช่วยกันย้ำว่า ต้องให้ทานมาเกื้อหนุนภาวนา อย่างน้อยให้เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า บำเพ็ญทานให้เป็นจิตตาลังการ เป็นจิตบริขาร อันจะช่วยให้การบำเพ็ญสมถะวิปัสสนาของตนได้ผลดียิ่งขึ้น ดังได้ว่ามา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร