วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อานันทโพธิ์
ต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

“ต้นอานันทโพธิ์” ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ชมพูทวีป
เป็นต้นดั้งเดิม โดยเป็นต้นโพธิ์ที่ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล
ที่ประตูหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
(ปลูกจากเมล็ดของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้)
โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
จึงเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐)
มีอายุกว่า ๒,๕๖๐ ปี
(มีอายุมากกว่าพุทธศักราช)
และชาวพุทธนับถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสอง
รองจาก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้


พุทธคยาในสมัยพุทธกาล หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
และประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจ้าแล้ว
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างใด
มีกล่าวถึงในอรรถกถา แต่เมื่อคราวพระอานนท์ได้มายังพุทธคยา
เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้
กลับไปปลูก ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
ตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปประทับที่อื่น


ประวัติความเป็นมาของ “ต้นอานันทโพธิ์” จากหนังสือปูชาวัลลิยะ
ของสมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

ได้กล่าวไว้มีใจความสำคัญว่า...

“แม้ว่าพระเชตวันมหาวิหาร จะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้
ยิ่งกว่าสถานที่แห่งใดๆ อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า
แต่พระองค์ได้ประทับพักตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธองค์ทรงประทับพัก
เพียง ๓ เดือนในพรรษาเท่านั้น ส่วนอีก ๙ เดือนของปีนอกฤดูฝน
พระองค์เสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมชนบทและหัวเมืองอื่น

เมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปสู่ที่อื่นประมาณปีละ ๙ เดือน
ชาวนครสาวัตถีผู้เลื่อมใสในพระธรรม ใคร่จะทูลเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ
ไม่ปรารถนาให้พระองค์เสด็จไปประทับแห่งใดๆ จึงพากันเกิดความเดือดร้อนใจ
ปรึกษากันว่า จะทำไฉนหนอ จึงจะทูลเชิญพระองค์ให้ประทับอยู่ตลอดปีได้
เมื่อพระองค์ต้องเสด็จไป ก็ทำให้เกิดความอ้างว้างใจ
จะหาสิ่งใดของพระองค์ให้ปรากฏอยู่เป็นเครื่องระลึกแทนองค์พระพุทธเจ้าได้

ความนั้นทราบถึงพระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นต้น
จึงนำกราบทูลให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา เพื่อจะยังมหาชนให้สมปรารถนา
จึงรับสั่งให้นำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
ที่ตำบลพุทธคยา มาปลูกไว้ที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์ จักได้เป็นที่บูชากราบไหว้ของคนทั้งปวง

ครั้งนั้นพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย
ทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงทูลอาสาแสดงฤทธิ์
โดยเหาะไปในอากาศถึงตำบลพุทธคยา
นำเอาผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
กลับมายังพระเชตวันมหาวิหารได้ในวันเดียวกันนั้น

ครั้นนำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) มาแล้ว
ก็มีการปรึกษากันว่า ผู้ใดจักสมควรเป็นผู้ปลูก
เบื้องต้นชาวเมืองและพระสงฆ์พร้อมใจกันถวายพระเกียรติ
แด่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองกรุงสาวัตถี
ให้ทรงเป็นผู้ปลูก แต่ทรงปฏิเสธ
โดยบอกว่าฐานะกษัตริย์ย่อมไม่มั่นคงถาวร
ทายาทที่จะมาภายหลังจะให้ความคุ้มครอง
บารุงรักษาต้นโพธิ์ต่อไปนี้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้
จึงควรยกเกียรตินี้ให้แก่คนอื่น

ในที่สุดก็ได้ตกลงให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ปลูก
เพราะด้วยคิดกันว่า ต้นโพธิ์จะอยู่ภายในที่สาคัญของท่านอย่างหนึ่ง
และท่านมีบริวารข้าทาสหญิงชายมาก คงสืบตระกูลช่วยกันรักษาต้นโพธิ์
ต่อๆ กันไปได้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปลูกเสร็จก็ได้มีการฉลองต้นโพธิ์
และพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จประทับนั่งอยู่ภายใต้ต้นโพธิ์ ๑ ราตรี
ตั้งแต่นั้นมา ชาวเมืองก็พากันกราบไว้ต้นโพธิ์เสมือนเครื่องระลึกแทนพระพุทธเจ้า
ที่เรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ นั้นเป็นเพราะว่าพระอานนท์เป็นผู้จัดการดูแล
เรื่องการปลูกและรดน้ำจนต้นโพธิ์เจริญเติบโตนั่นเอง”


อานันทโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่
ณ ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้


อานันทโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์
พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้
ชาวพุทธทั่วโลกจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายมาแล้ว ๓ ครั้ง
แต่ที่วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) นี้ยังคงอยู่
ชาวพุทธเราจึงเชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์
มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
บริเวณโคนต้นอานันทโพธิ์ จะมีชาวพุทธนำกลีบดอกไม้
หลากสีสดสวยมาสักการะโดยรอบ แลดูงดงาม
นอกจากนี้ก็ยังมีเสาเหล็กมาช่วยค้ำยัน
เพื่อช่วยพยุงกิ่งของต้นอานันทโพธิ์มิให้ทรุดพังลงมา


:b49: :b47: :b49:

ที่มา >>> :b39: ประวัติ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ทั้ง ๔ ต้น
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39333

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

อานันทโพธิ์
:: ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก
:b47: :b44: :b47:

ผู้มีโอกาสไปเยือนอินเดียเพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล เมื่อย่างเข้าไปยังบริเวณวัดพระเชตวันมหาวิหารกว้างใหญ่อันเป็นที่เสด็จประทับของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเห็นวัดศรีลังกาซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ไม่นาน ที่หน้าวัดเป็นที่นาของชาวบ้าน มีบริเวณที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังศพของนางจิญจมาณวิกา แล้วนางจิญจมาณวิกาเป็นใครหรือ

นางจิญจมาณวิกา เป็นคนให้ร้ายป้ายสีพระพุทธองค์ เล่นกันถึงขนาดหนัก ถึงขั้นว่าพระพุทธเจ้ามีสัมพันธ์กับนางจนมีบุตร พูดไม่พูดเปล่า นางมีตัวอย่างมาให้ประชาชนดูด้วย


“นี่ไง ดูครรภ์ของข้ามันโตขึ้น” ประชาชนที่ไม่ใช้สติปัญญาเป็นจำนวนมากต่างก็เชื่อไปตามๆ กัน ส่งเสียงอื้ออึงไป นางบอกอีกว่า “ถ้าไม่เชื่อตามข้ามา จะพาไปถามพระสมณโคดม อาจารย์ของท่านด้วยตัวเอง”

ว่าแล้วก็นำประชาชนจำนวนมากเข้าไปยังพระอารามที่พระองค์ท่านประทับ ไปถึงก็กล่าวว่า “สมณะ ท่านได้แต่สอนคนอื่น ภรรยามีบุตรไม่เคยดูแล”

พระพุทธองค์สงบพระวรกายดังเช่นปกติ ตรัสถามว่า “น้องหญิง ที่เจ้าพูดนั้นจริงหรือเท็จ เธอและเราเท่านั้นที่รู้ความจริง”

นางได้ฟังดังนั้นก็สนองรับทันที “ใช่สิๆ เรื่องนี้มีแต่เราสองคนที่รู้ดี” นางถือไพ่เหนือกว่าพระพุทธองค์ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ คงสมใจอยาก พูดว่า “พี่น้องเห็นไหม ในที่สุดพระสมณโคดมก็ยอมรับแล้ว” พูดพลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

บังเอิญกระโดดแรงไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ท่อนไม้ที่นางผูกไว้ที่พุงทำทีเป็นตั้งครรภ์ ก็หลุดลงต่อหน้าต่อตาประชาชน อนิจจา คนพาลที่ให้ร้ายพระพุทธองค์ก็มีอันเป็นไป ประชาชนต่างลุกฮือขึ้นจับตัวนางจิญจมาณวิกามาทำโทษ ไม่แน่ใจว่าทำโทษหนักเบาแค่ไหน บ้างก็ว่ารุนแรงถึงขั้นทำร้ายจนตาย

แต่พระคัมภีร์เล่าไว้ว่า ธรณีสูบร่างนางต่อหน้าต่อตาประชาชน เพราะเหตุนี้แหละ คนเขาจึงเชื่อกันว่า แผ่นดินสูบนาง ณ ที่แห่งนั้น

ส่วนภายในวัดนั้นมีสถานที่ควรพิจารณา ๒-๓ แห่ง คือ พระคันธกุฎี สถานที่ประทับของพระพุทธองค์ ปัจจุบันยังมีซากปรักหักพังให้เห็นอยู่ เมื่อผมไปอินเดีย ยังได้ไปสวดมนต์ไหว้พระ ณ กุฏิของพระพุทธองค์ ไปนั่งสมาธิกลางวันแสกๆ ตอนแรกก็ร้อนแดด นั่งไปสักหนึ่งแดดหายไป กลายเป็นความร่มเย็น มีสายลมเย็นพัดผ่านมาเป็นที่อัศจรรย์

ข้างกุฏิที่ประทับมีสระน้ำ (ยังมีน้ำอยู่) คนไปตักน้ำติดตัวไปด้วย ถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใกล้สระน้ำมนต์นั้น มีต้นมหาโพธิ์ใหญ่ต้นหนึ่ง ทราบว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี และพระอานนท์ ช่วยกันปลูก พระราชาตั้งชื่อต้นโพธิ์ว่า “อานันทโพธิ์”

ส่วนอีกสถานที่หนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นที่พักของพระมหาเถระทั้งหลาย เช่น พระอานนท์ พระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสีวลี ฯลฯ เชื่อกันว่า เป็นกุฏิที่พระเหล่านี้ประทับอยู่ ส่วนกุฏิไหนเป็นของพระเถระรูปไหน รู้ได้อย่างไร ไม่ทราบเหมือนกัน ใครเป็นคนบอกไม่ทราบ แต่ก็มีคนเชื่อต่อๆ กันมา บอกเล่ากันว่า ที่นั่นเป็นของพระเถระรูปนั้นรูปนี้ รู้กันทั่วไป แม้แต่เด็กที่เดินตามหลังพวกเรา ต่างก็รู้ว่ากุฏิไหนเป็นของพระเถระรูปไหน

ปรากฏว่า กุฏิของพระสีวลีมักจะมีดอกไม้มาวางสักการะไม่ขาดสาย เรียกว่าเป็นที่โปรดปรานของญาติโยม เพราะท่านเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงว่าเป็นพระเถระที่มีลาภมาก ลาภใครก็อยากได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ

ครานี้มาว่ากันถึงต้นอานันทโพธิ์ ความเป็นมาก็คือ คราวหนึ่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าไปหาพระอานนท์ พุทธอนุชา กราบเรียนท่านว่า เวลาที่พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ ณ ที่อื่น ขอให้พระอานนท์กราบทูลว่า ถ้าจะสร้าง “เจดีย์” (หมายถึงสถานที่ควรบูชา) อะไรสักอย่างสำหรับบูชาแทนพระพุทธองค์ ควรจะเป็นอะไร

พระอานนท์กราบทูลความประสงค์ของอนาถบิณฑิกเศรษฐีให้ทรงทราบ

พระพุทธองค์ตรัสว่า เจดีย์มีอยู่ ๔ ชนิด คือ

๑. ธาตุเจดีย์ สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
๒. บริโภคเจดีย์ สิ่งของที่พระพุทธเจ้าเคยใช้สอย หรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยประทับ
๓. ธรรมเจดีย์ สิ่งที่บรรจุพระธรรม
๔. อุทเทสิกเจดีย์ สิ่งที่สร้างอุทิศ (เจาะจง) พระพุทธเจ้า คือ พระพุทธรูป


พระอานนท์จึงกราบทูลขอพระพุทธานุญาตนำต้นโพธิ์จากพุทธคยามาปลูกเพื่อให้เป็นปูชนียสถาน เป็นเครื่องสักการะรำลึกถึงพระองค์ในคราวเสด็จไป ณ ที่อื่น ก็ได้รับพระบรมพุทธานุญาต

พระอานนท์จึงไปแจ้งเรื่องนี้ให้พระเจ้าปเสนทิโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขา มหาอุบาสิกาทราบ ได้นิมนต์ให้พระโมคคัลลานะ ไปนำต้นโพธิ์มาจากพุทธคยา พระโมคคัลลานะเข้าฌาน เหาะไปเอาเมล็ดมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธองค์ประทับเมื่อคราวตรัสรู้

ว่ากันว่า ท่านไปเอามาภายในวันเดียว


เมื่อได้เมล็ดโพธิ์แล้ว ก็ได้ปรึกษากันว่า จะให้ใครเป็นคนปลูก


พระอานนท์เสนอว่า ควรให้พระเจ้าปเสนทิโกศล ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเมืองสาวัตถี และเป็นผู้นำแห่งพุทธศาสนิกฝ่ายคฤหัสถ์ ทรงเป็นผู้ปลูก แต่พระราชาทรงปฏิเสธ ตรัสว่า ควรให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นคนปลูก เพราะเป็นผู้ริเริ่มความคิดนี้ก่อนผู้อื่น ที่ประชุม (ผมเดาว่าต้องประชุมเป็นการเป็นงาน คงมิใช่ยืนคุยกันว่าเอายังไง อะไรทำนองนั้น) ตกลงยกให้เป็นเกียรติแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐี

อนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงนำเมล็ดโพธิ์มา เอาน้ำหอมประพรมแล้วปลูกลง ณ พื้นที่ที่เตรียมไว้ ท่ามกลางเหล่าพุทธศาสนิกชน อันมีพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเป็นประธาน และเพื่อถวายเป็นเกียรติแก่พระอานนท์ ผู้เป็นตัวจักรสำคัญให้แนวคิดนี้สำเร็จขึ้นมา จึงพร้อมใจกันขนานนามต้นโพธิ์ตามนามของท่านว่า “อานันทโพธิ์” จะแปลตามศัพท์ว่า ต้นโพธิ์เพลิดเพลินเจริญใจ หรือโพธิ์สุขใจ ก็ไม่มีใครว่า ความหมายที่แท้จริงก็คือ ต้นโพธิ์ที่ปลูกขึ้นด้วยคำแนะนำและความช่วยเหลือของพระอานนท์

อานันทโพธิ์ ยังอยู่จนปัจจุบันนี้ ที่ยืนต้นให้เห็นนั้นคงเป็นลูกหลานของต้นเดิมกระมัง


:b49: :b47: :b49:

ที่มา >>> :b39: สุทัตตะ อนาถบิณฑิกเศรษฐี
อุบาสกผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=50333

:b44: ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จัดเป็น “อุทเทสิกเจดีย์”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=43001

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร