วันเวลาปัจจุบัน 14 พ.ย. 2024, 15:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2011, 10:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา


เดี๋ยวมาต่อค่ะ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2011, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย
ในปัจจุบันนี้นับเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ หน่อหรือต้นที่ ๔


:b44: “ต้นพระศรีมหาโพธิ์”
ที่สำคัญที่ยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบันนี้ มี ๓ ต้น คือ


(๑) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งยืนต้นอยู่เหนือพระแท่นวัชรอาสน์ หรือโพธิบัลลังก์
ในปัจจุบันนี้นับเป็น “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” หน่อหรือต้นที่ ๔

เป็น ๑ ใน ๒ หน่อที่แตกขึ้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๓ ที่ล้มตายไป
โดยท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีชาวอังกฤษ
ได้บำรุงดูแลปลูกหน่อหนึ่่งไว้ที่บริเวณต้นเดิม อีกหน่อหนึ่งแยกนำไปปลูกไว้
ในที่ไม่ไกลจากต้นเดิมทางด้านทิศเหนือ ห่างกันประมาณ ๒๕๐ ฟุต
ปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๒ ต้นยังคงยืนต้นอยู่ มีอายุยืนถึงปัจจุบันนี้
กว่า
๑๓๗ ปี (นับจากเริ่มปลูกประมาณระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๓-๒๕๖๐)
ได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์
จากพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ โดยตรงเป็นครั้งแรก
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้
ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ
และวัดอัษฎางคนิมิตร เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี


(๒) ต้นอานันทโพธิ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย

เป็นต้นดั้งเดิม โดยเป็นต้นโพธิ์ที่ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล
ที่ประตูหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
(ปลูกจากเมล็ดของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้)
โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
จึงเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐)
มีอายุกว่า
๒,๕๖๐ ปี (มีอายุมากกว่าพุทธศักราช)
และชาวพุทธนับถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสอง
รองจาก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้


พุทธคยาในสมัยพุทธกาล หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
และประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจ้าแล้ว
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างใด
มีกล่าวถึงในอรรถกถา แต่เมื่อคราวพระอานนท์ได้มายังพุทธคยา
เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้
กลับไปปลูก ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
ตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปประทับที่อื่น


ประวัติความเป็นมาของ “ต้นอานันทโพธิ์” จากหนังสือปูชาวัลลิยะ
ของสมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

ได้กล่าวไว้พอสรุปใจความได้ว่า...

“แม้ว่าพระเชตวันมหาวิหาร จะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้
ยิ่งกว่าสถานที่แห่งใดๆ อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า
แต่พระองค์ได้ประทับพักตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธองค์ทรงประทับพัก
เพียง ๓ เดือนในพรรษาเท่านั้น ส่วนอีก ๙ เดือนของปีนอกฤดูฝน
พระองค์เสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมชนบทและหัวเมืองอื่น

เมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปสู่ที่อื่นประมาณปีละ ๙ เดือน
ชาวนครสาวัตถีผู้เลื่อมใสในพระธรรม ใคร่จะทูลเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ
ไม่ปรารถนาให้พระองค์เสด็จไปประทับแห่งใดๆ จึงพากันเกิดความเดือดร้อนใจ
ปรึกษากันว่า จะทำไฉนหนอ จึงจะทูลเชิญพระองค์ให้ประทับอยู่ตลอดปีได้
เมื่อพระองค์ต้องเสด็จไป ก็ทำให้เกิดความอ้างว้างใจ
จะหาสิ่งใดของพระองค์ให้ปรากฏอยู่เป็นเครื่องระลึกแทนองค์พระพุทธเจ้าได้

ความนั้นทราบถึงพระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นต้น
จึงนำกราบทูลให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา เพื่อจะยังมหาชนให้สมปรารถนา
จึงรับสั่งให้นำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
ที่ตำบลพุทธคยา มาปลูกไว้ที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์ จักได้เป็นที่บูชากราบไหว้ของคนทั้งปวง

ครั้งนั้นพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย
ทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงทูลอาสาแสดงฤทธิ์
โดยเหาะไปในอากาศถึงตำบลพุทธคยา
นำเอาผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
กลับมายังพระเชตวันมหาวิหารได้ในวันเดียวกันนั้น

ครั้นนำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) มาแล้ว
ก็มีการปรึกษากันว่า ผู้ใดจักสมควรเป็นผู้ปลูก
เบื้องต้นชาวเมืองและพระสงฆ์พร้อมใจกันถวายพระเกียรติ
แด่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองกรุงสาวัตถี
ให้ทรงเป็นผู้ปลูก แต่ทรงปฏิเสธ
โดยบอกว่าฐานะกษัตริย์ย่อมไม่มั่นคงถาวร
ทายาทที่จะมาภายหลังจะให้ความคุ้มครอง
บารุงรักษาต้นโพธิ์ต่อไปนี้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้
จึงควรยกเกียรตินี้ให้แก่คนอื่น

ในที่สุดก็ได้ตกลงให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ปลูก
เพราะด้วยคิดกันว่า ต้นโพธิ์จะอยู่ภายในที่สาคัญของท่านอย่างหนึ่ง
และท่านมีบริวารข้าทาสหญิงชายมาก คงสืบตระกูลช่วยกันรักษาต้นโพธิ์
ต่อๆ กันไปได้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปลูกเสร็จก็ได้มีการฉลองต้นโพธิ์
และพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จประทับนั่งอยู่ภายใต้ต้นโพธิ์ ๑ ราตรี
ตั้งแต่นั้นมา ชาวเมืองก็พากันกราบไว้ต้นโพธิ์เสมือนเครื่องระลึกแทนพระพุทธเจ้า
ที่เรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ นั้นเป็นเพราะว่าพระอานนท์เป็นผู้จัดการดูแล
เรื่องการปลูกและรดน้ำจนต้นโพธิ์เจริญเติบโตนั่นเอง”


อานันทโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่
ณ ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้


อานันทโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์
พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้
ชาวพุทธทั่วโลกจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายมาแล้ว ๓ ครั้ง
แต่ที่วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) นี้ยังคงอยู่
ชาวพุทธเราจึงเชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์
มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา


(๓) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
(เมืองอนุราธปุระ เป็นเมืองมรดกโลกและเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศศรีลังกา)

หลังพุทธกาลในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๓
พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช
พระภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท

ขณะทรงอัญเชิญพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาเผยแผ่ในประเทศศรีลังกาเป็นครั้งแรก
ได้ทรงนำกิ่งด้านขวาของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย
อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพร้อมกันด้วย
โดยทรงเดินทางลงเรือมามอบให้แด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ
เพื่อให้ประดิษฐาน (ทรงปลูก) ไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
(ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า
๒,๓๐๕ ปี
อันเนื่องมาจากชาวศรีลังกาได้ทำนุบำรุงรักษาดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีตลอดมา
มีการค้ำด้วยไม้ที่หุ้มด้วยทองคำ และทำรั้วกำแพงทองคำล้อมรอบไว้
ผู้ที่จะเข้าไปกราบสักการะต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
ปี พ.ศ. ๒๓๕๗ พระสมณทูตไทยได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ
มาด้วยจำนวน ๖ ต้น โดยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นำไปปลูกไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช ๒ ต้น
นอกนั้นให้ปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดสุทัศนเทพวราราม,
วัดสระเกศฯ และที่เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แห่งละ ๑ ต้น

อนึ่ง ครั้งที่ ศ.ดร.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้มีโอกาสไปสักการะ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
และได้อัญเชิญหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้ไปสักการะในครั้งนั้น
มาปลูกไว้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นที่ร่มเย็นอยู่จนถึงทุกวันนี้



:b8: :b8: :b8: รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก ::
(๑) บทความ โพธิญาณพฤกษา : ต้นโพธิ์ (ต้นอัสสัตถะ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=19553
(๒) บทความของพระมหา ดร.คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม
เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย
บางตอนในหนังสือ...คู่มือเส้นทางบุญสู่สังเวชนียสถาน
http://www.oknation.net/blog/mylifeandw ... 07/entry-1
(๓) หนังสือปูชาวัลลิยะ สมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย
เว็บไซต์เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมกวย http://www.kuay.org

:b8: :b8: :b8: ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ ::
ซึ่งบันทึกและเอื้อเฟื้อโดย คุณ Venfaa Aungsumalin


⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

:b39: พุทธสังเวชนียสถาน
: สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377

:b39: สุทัตตะ อนาถบิณฑิกเศรษฐี
อุบาสกผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=50333

:b39: พระสังฆมิตตาเถรี
ภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์เถรวาท

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=57241

⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

“ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งยืนต้นอยู่เหนือพระแท่นวัชรอาสน์ หรือโพธิบัลลังก์
ในปัจจุบันนี้นับเป็น “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” หน่อหรือต้นที่ ๔

เป็น ๑ ใน ๒ หน่อที่แตกขึ้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๓ ที่ล้มตายไป
โดยท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีชาวอังกฤษ
ได้บำรุงดูแลปลูกหน่อหนึ่่งไว้ที่บริเวณต้นเดิม อีกหน่อหนึ่งแยกนำไปปลูกไว้
ในที่ไม่ไกลจากต้นเดิมทางด้านทิศเหนือ ห่างกันประมาณ ๒๕๐ ฟุต
ปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๒ ต้นยังคงยืนต้นอยู่ มีอายุยืนถึงทุกวันนี้กว่า ๑๓๗ ปี
(นับจากเริ่มปลูกประมาณระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๓-๒๕๖๐)
ได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์
จากพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ โดยตรงเป็นครั้งแรก
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้
ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ
และวัดอัษฎางคนิมิตร เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

“ต้นอานันทโพธิ์” ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ชมพูทวีป
เป็นต้นดั้งเดิม โดยเป็นต้นโพธิ์ที่ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล
ที่ประตูหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
(ปลูกจากเมล็ดของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้)
โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
จึงเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก
ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐)
มีอายุกว่า ๒,๕๖๐ ปี
(มีอายุมากกว่าพุทธศักราช)
และชาวพุทธนับถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสอง
รองจาก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้


พุทธคยาในสมัยพุทธกาล หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
และประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจ้าแล้ว
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างใด
มีกล่าวถึงในอรรถกถา แต่เมื่อคราวพระอานนท์ได้มายังพุทธคยา
เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้
กลับไปปลูก ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน)
ตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปประทับที่อื่น


ประวัติความเป็นมาของ “ต้นอานันทโพธิ์” จากหนังสือปูชาวัลลิยะ
ของสมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย

ได้กล่าวไว้พอสรุปใจความได้ว่า...

“แม้ว่าพระเชตวันมหาวิหาร จะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้
ยิ่งกว่าสถานที่แห่งใดๆ อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า
แต่พระองค์ได้ประทับพักตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธองค์ทรงประทับพัก
เพียง ๓ เดือนในพรรษาเท่านั้น ส่วนอีก ๙ เดือนของปีนอกฤดูฝน
พระองค์เสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมชนบทและหัวเมืองอื่น

เมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปสู่ที่อื่นประมาณปีละ ๙ เดือน
ชาวนครสาวัตถีผู้เลื่อมใสในพระธรรม ใคร่จะทูลเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ
ไม่ปรารถนาให้พระองค์เสด็จไปประทับแห่งใดๆ จึงพากันเกิดความเดือดร้อนใจ
ปรึกษากันว่า จะทำไฉนหนอ จึงจะทูลเชิญพระองค์ให้ประทับอยู่ตลอดปีได้
เมื่อพระองค์ต้องเสด็จไป ก็ทำให้เกิดความอ้างว้างใจ
จะหาสิ่งใดของพระองค์ให้ปรากฏอยู่เป็นเครื่องระลึกแทนองค์พระพุทธเจ้าได้

ความนั้นทราบถึงพระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นต้น
จึงนำกราบทูลให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา เพื่อจะยังมหาชนให้สมปรารถนา
จึงรับสั่งให้นำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
ที่ตำบลพุทธคยา มาปลูกไว้ที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์ จักได้เป็นที่บูชากราบไหว้ของคนทั้งปวง

ครั้งนั้นพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย
ทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงทูลอาสาแสดงฤทธิ์
โดยเหาะไปในอากาศถึงตำบลพุทธคยา
นำเอาผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด)
กลับมายังพระเชตวันมหาวิหารได้ในวันเดียวกันนั้น

ครั้นนำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) มาแล้ว
ก็มีการปรึกษากันว่า ผู้ใดจักสมควรเป็นผู้ปลูก
เบื้องต้นชาวเมืองและพระสงฆ์พร้อมใจกันถวายพระเกียรติ
แด่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองกรุงสาวัตถี
ให้ทรงเป็นผู้ปลูก แต่ทรงปฏิเสธ
โดยบอกว่าฐานะกษัตริย์ย่อมไม่มั่นคงถาวร
ทายาทที่จะมาภายหลังจะให้ความคุ้มครอง
บารุงรักษาต้นโพธิ์ต่อไปนี้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้
จึงควรยกเกียรตินี้ให้แก่คนอื่น

ในที่สุดก็ได้ตกลงให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ปลูก
เพราะด้วยคิดกันว่า ต้นโพธิ์จะอยู่ภายในที่สาคัญของท่านอย่างหนึ่ง
และท่านมีบริวารข้าทาสหญิงชายมาก คงสืบตระกูลช่วยกันรักษาต้นโพธิ์
ต่อๆ กันไปได้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปลูกเสร็จก็ได้มีการฉลองต้นโพธิ์
และพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จประทับนั่งอยู่ภายใต้ต้นโพธิ์ ๑ ราตรี
ตั้งแต่นั้นมา ชาวเมืองก็พากันกราบไว้ต้นโพธิ์เสมือนเครื่องระลึกแทนพระพุทธเจ้า
ที่เรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ นั้นเป็นเพราะว่าพระอานนท์เป็นผู้จัดการดูแล
เรื่องการปลูกและรดน้ำจนต้นโพธิ์เจริญเติบโตนั่นเอง”


อานันทโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่
ณ ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้


อานันทโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์
พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้
ชาวพุทธทั่วโลกจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายมาแล้ว ๓ ครั้ง
แต่ที่วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) นี้ยังคงอยู่
ชาวพุทธเราจึงเชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์
มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
บริเวณโคนต้นอานันทโพธิ์ จะมีชาวพุทธนำกลีบดอกไม้
หลากสีสดสวยมาสักการะโดยรอบ แลดูงดงาม
นอกจากนี้ก็ยังมีเสาเหล็กมาช่วยค้ำยัน
เพื่อช่วยพยุงกิ่งของต้นอานันทโพธิ์มิให้ทรุดพังลงมา

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

“ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
(เมืองอนุราธปุระ เป็นเมืองมรดกโลกและเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศศรีลังกา)

หลังพุทธกาลในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๓
พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช
พระภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท

ขณะทรงอัญเชิญพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาเผยแผ่ในประเทศศรีลังกาเป็นครั้งแรก
ได้ทรงนำกิ่งด้านขวาของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย
อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพร้อมกันด้วย
โดยทรงเดินทางลงเรือมามอบให้แด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ
เพื่อให้ประดิษฐาน (ทรงปลูก) ไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
(ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า ๒,๓๐๕ ปี
อันเนื่องมาจากชาวศรีลังกาได้ทำนุบำรุงรักษาดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีตลอดมา
มีการค้ำด้วยไม้ที่หุ้มด้วยทองคำ และทำรั้วกำแพงทองคำล้อมรอบไว้
ผู้ที่จะเข้าไปกราบสักการะต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
ปี พ.ศ. ๒๓๕๗ พระสมณทูตไทยได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ
มาด้วยจำนวน ๖ ต้น โดยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นำไปปลูกไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช ๒ ต้น
นอกนั้นให้ปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดสุทัศนเทพวราราม,
วัดสระเกศฯ และที่เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แห่งละ ๑ ต้น

อนึ่ง ครั้งที่ ศ.ดร.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้มีโอกาสไปสักการะ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
และได้อัญเชิญหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้ไปสักการะในครั้งนั้น
มาปลูกไว้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นที่ร่มเย็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร