วันเวลาปัจจุบัน 12 ก.ย. 2025, 00:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 154, 155, 156, 157, 158, 159, 160 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตสฺส ยานํ ความว่า พวกนาย
สารถี ได้จัดพระราชยาน ถวายแด่พระราชานั้น. บทว่า ทนฺตํ ได้แก่ อัน
ล้วนแล้วไปด้วยงา. บทว่า รูปิยปกฺขรํ แปลว่า มีกระพองเป็นเงิน. บทว่า
สุกฺกมฏฺ€ปริวารํ ความว่า มีรถอันบริสุทธิ์ เกลี้ยงเกลา ไม่หยาบเป็น
เครื่องแห่แหน. บทว่า โทสินา มุข ความว่า เป็นเสมือนพระจันทร์เพ็ญ
ประหนึ่งหน้าแห่งราตรี ที่ปราศจากมลทินโทษ. บทว่า ตตฺราสุํ แปลว่า

ได้มีในรถนั้น. บทว่า กุมุทา แปลว่า เป็นเสมือนสีแห่งโกมุท. บทว่า
สินฺธวา ได้แก่ ม้าที่มีฝีเท้าเร็วเชื้อชาติม้าสินธพ. บทว่า อนีลุปฺปสมุปฺ-
ปาตา ได้แก่ ม้าที่มีกำลังเสมือนกับกำลังลม. บทว่า เสตจฺฉตฺตํ แม้
ฉัตรที่เขายกขึ้นไว้บนรถนั้นก็มีสีขาว. บทว่า เสตรโถ ความว่า แม้รถนั้น
ก็มีสีขาวเหมือนกัน. บทว่า เสตสฺสา ความว่า แม้ม้าก็มีสีขาว บทว่า

เสตวีชนี ความว่า แม้พัดวีชนีก็ขาว. บทว่า นียํ ความว่า พระเจ้าวิเทหราช
แวดล้อมไปด้วยหมู่อำมาตย์ เสด็จไปด้วยรถเงินนั้น ย่อมงดงามดังจันทเทพ
บุตร. บทว่า นรา นรวราธิปํ ความว่า เป็นอธิบดีแห่งนรชนผู้ประเสริฐ
เป็นพระราชา ยิ่งกว่าพระราชา. บทว่า โส มุหุตฺตํว ยายิตฺวา ความว่า
พระราชานั้น เสด็จไปสู่พระราชอุทยาน โดยครู่เดียวเท่านั้น. บทว่า ปตฺติ-

คุณมุปาคมิ ความว่า ทรงพระราชดำเนินเข้าไปหาคุณาชีวก. บทว่า เยปิ
ตตฺถ ตทา อาสุํ ความว่าในกาลนั้น พวกพราหมณ์คฤหบดี ทั้งหลายไปก่อน
ไปในอุทยานนั้น เข้าไปนั่งใกล้อาชีวกนั้น. บทว่า น เต อปนยี ความว่า
พระราชาตรัสว่า โทษเป็นของพวกเราเท่านั้น พวกเรามาภายหลัง อย่าวิตกไป
เลย จึงไม่ให้พวกพราหมณ์และคฤหบดี กระทำโอกาส คือลุกขึ้นหลีกไป
เพื่อประโยชน์แก่พระราชา. บทว่า ภูมิมาคเต ความว่า เขาเหล่านั้น ผู้มาสู่
พื้นที่ประชุม อันพระราชามิให้ลุกขึ้นแล้วหนีไป.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระเจ้าอังคติราชนั้น แวดล้อมไปด้วยบริษัท ผสมกันนั้นแล้วประทับ
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทรงกระทำปฏิสันถาร.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศความนั้น จึงตรัสว่า

ลำดับนั้น พระเจ้าอังคติราชนั้น. เสด็จเข้าไป
ประทับนั่งบนอาสนะ อันปูลาดพระยี่ภู่ มีสัมผัสอัน
อ่อนนุ่ม ณ ส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทรงปราศรัย ถามทุกข์
สุขว่า ผู้เป็นเจ้าสบายดีอยู่หรือ ลมมิได้กำเริบเสียดแทง
หรือ ผู้เป็นเจ้าเลี้ยงชีวิตโดยมิฝืดเคืองหรือ ได้บิณฑ-
บาตพอเยียวยาชีวิตให้เป็นไปอยู่หรือ ผู้เป็นเจ้ามีอา-
พาธน้อยหรือ จักษุมิได้เสื่อมไปจากปรกติหรือ.

คุณาชีวก ทูลปราศรัยกับพระเจ้าวิเทหราช ผู้ทรง
ยินดีในวินัยว่า ข้าแต่มหาราชา ข้าพระพุทธเจ้าสบาย
ดีทุกประการ บ้านเมืองของพระองค์ไม่กำเริบหรือ
ช้างม้าของพระองค์หาโรคมิได้หรือ พาหนะยังพอเป็น
ไปแหละหรือ พยาธิไม่มีมาเบียดเบียนพระสรีระของ
พระองค์แลหรือ.

เมื่อคุณาชีวกทูลปราศรัยแล้ว ลำดับนั้น พระ-
ราชาผู้เป็นจอมทัพทรงใคร่ธรรม ได้ตรัสถามอรรถ-
ธรรมและเหตุว่า ท่านกัสสป นรชนพึงประพฤติธรรม
ในมารดาและบิดาอย่างไร พึงประพฤติธรรมในอาจารย์
อย่างไร พึงประพฤติธรรมในบุตรและภรรยาอย่างไร

พึงประพฤติธรรมในวุฒิบุคคลอย่างไร พึงประพฤติ
ธรรมในพลนิกายอย่างไร และพึงประพฤติธรรมใน
ชนบทอย่างไร ชนทั้งหลายประพฤติธรรมอย่างไร ละ
โลกนี้ไปแล้วจึงไปสู่สุคติ ส่วนคนบางพวกผู้ไม่ตั้งอยู่
ในธรรมไฉนจึงตกลงไปใต้นรก.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มุทุกา ภิสิยา ความว่า ด้วยพระยี่ภู่
ซึ่งมีสัมผัสสบายอ่อนนุ่ม. บทว่า มุทุจิตฺตกสณฺ€เต ความว่า บนเครื่อง
ลาดอันวิจิตร มีสัมผัสสบาย. บทว่า มุทุปจฺจตฺถเต ความว่า อันลาดด้วย
เครื่องลาดอันอ่อนนุ่ม. บทว่า สมฺโมทิ ความว่า ได้กระทำสัมโมทนียกถา
กับอาชีวก. บทว่า ตโต ความว่า ถัดจากการนั่งนั่นแล ได้กล่าวสาราณียกถา.

บทว่า กจฺจิ ยาปนียํ ความว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านอยู่ดีหรือ ท่าน
สามารถยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยปัจจัยอันประณีตอยู่หรือ. บทว่า วาตานม-
วิยตฺตตา ความว่า วาโยธาตุในร่างกายของท่านเป็นไปอย่างสบายอยู่หรือ โรค
ลมมิได้กำเริบหรือ อธิบายว่า ลมที่เกิดขึ้นเป็นพวกในร่างกายนั้น ๆ ของท่าน
ไม่เบียดเบียนท่านหรือ. บทว่า อกสิรา ได้แก่ หมดทุกข์. บทว่า วุตฺติ

ได้แก่ ความเป็นไปแห่งชีวิต. บทว่า อปฺปาพาโธ ความว่า เว้นจาก
อาพาธอันหักรานอิริยาบถ. ด้วยบทว่า จกฺขุ นี้ ท่านถามว่า อินทรีย์มี
จักขุนทรีย์เป็นต้นของท่านไม่เสื่อมหรือ. บทว่า ปฏิสมฺโมทิ ความว่า ท่าน
กล่าวตอบด้วยสัมโมทนียกถา. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพเมตํ คำที่
ท่านกล่าวว่า ลมมิได้กำเริบเสียดแทงเป็นต้นทั้งหมดนั้นย่อมเป็นอย่างนั้นนั่นแล.

บทว่า ตทูภยํ ความว่า แม้คำที่ท่านกล่าวว่า ท่านมีอาพาธน้อย จักษุไม่
เสื่อมหรือ ทั้ง ๒ นั้น ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน. บทว่า น พลียเร ได้แก่
ไม่ครอบงำ ไม่กำเริบ ด้วยบทว่า อนนฺตรา นี้ ท่านถามปัญหาในลำดับ
แต่ปฏิสันถาร. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อตฺถํ ธมฺมญฺจ ญายญฺจ ได้แก่
อรรถแห่งบาลี ธรรมแห่งบาลี และอรรถธรรมอันประกอบไปด้วยเหตุ ก็

อำมาตย์นั้นเมื่อถามว่า กถํ ธมฺมญฺจเร จึงถามอรรถธรรมและความประพฤติ
ดีนี้ว่า ขอท่านจงบอก อรรถแห่งบาลี ธรรมแห่งบาลี และอรรถธรรมอัน


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สมควรแก่เหตุ อันแสดงการปฏิบัติในมารดา และบิดาเป็นต้นแก่ข้าพเจ้า. บทว่า
กถญฺเจเก อธมฺมฏฺ€า ความว่า ชนบางพวกตั้งอยู่ในอธรรม อย่างไรคน
บางพวกจึงเอาหัวลงตกสู่นรก และเอาเท้าขึ้น ตกไปในอบาย.

ก็ปัญหานั้นเป็นปัญหาที่พระราชาควรจะตรัสถามผู้มีศักดิ์ใหญ่คน
หลัง ๆ เพราะไม่ได้คำตอบจากคนก่อน ๆ ในบรรดาพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธสาวก และพระมหาโพธิสัตว์ แต่กลับตรัสถาม
คุณาชีวก ผู้เปลือยกาย หาสิริมิได้ เป็นคนอันธพาล ไม่รู้ปัญหาอะไรเลย.

คุณาชีวกนั้น ครั้นถูกถามแล้วอย่างนี้ จึงไม่เห็นทางพยากรณ์อันเหมาะสมแก่
ราชปุจฉา ซึ่งเป็นประหนึ่งเอาท่อนไม้ตีโคที่กำลังเที่ยวไปอยู่ หรือเหมือน
คราดหยากเยื่อทิ้งด้วยจวักฉะนั้น แต่ได้ทูลขอโอกาสว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า
ขอพระองค์จงสดับเถิด แล้วเริ่มตั้งมิจฉาวาทะของตน.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศความนั้นจึงตรัสว่า

คุณาชีวกกัสสปโคตร ได้ฟังพระดำรัสของพระ-
เจ้าวิเทหราช ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราชา ขอ
พระองค์ทรงสดับทางที่จริงแท้ของพระองค์ ผลแห่ง
ธรรมที่ประพฤติแล้วเป็นบุญเป็นบาปไม่มี ขอเดชะ
ปรโลกไม่มี ใครเล่าจากปรโลกนั้นมาโลกนี้ ปู่ย่าตายาย
ไม่มี มารดาบิดาจะมีที่ไหน ขึ้นชื่อว่าอาจารย์ไม่มี
ใครจักฝึกผู้ที่ฝึกไม่ได้ สัตว์เสมอกันหมด ผู้ประพฤติ

อ่อนน้อมต่อท่านผู้เจริญไม่มี กำลังหรือความเพียรไม่มี
บุรุษผู้มีความหมั่นจักได้รับผลแต่ที่ไหน สัตว์ที่เกิดตาม
กันมา เหมือนเรือน้อยห้อยท้ายเรือใหญ่ สัตว์ย่อมได้
สิ่งที่ควรได้ ในข้อนั้น ผลทานจักมีแต่ที่ไหน ผลทาน
ไม่มี ความเพียรไม่มีอำนาจ ทานคนโง่บัญญัติไว้
คนฉลาดรับทาน คนโง่สำคัญตัวว่าฉลาด เป็นผู้ไม่มี
อำนาจ ย่อมให้ทานแก่นักปราชญ์ทั้งหลาย.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อิธาคโต ความว่า ชื่อว่าผู้จากปรโลกนั้น
มาสู่โลกนี้ย่อมไม่มี. บทว่า ปิตโร วา ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
เฉพาะปิยชนทั้งหลาย มีปู่ย่าตายายเป็นต้นย่อมไม่มี เมื่อท่านเหล่านั้นไม่มี
มารดาจะมีแต่ที่ไหน บิดาจะมีแต่ที่ไหน ?. บทว่า ยถา โหถ วิโย ตถา
ความว่า พวกสัตว์เป็นเหมือนเรือน้อยห้อยท้ายตามเรือใหญ่ไปฉะนั้น. ท่าน

กล่าวว่า เรือน้อยที่ผูกห้อยท้ายตามหลังเรือใหญ่ไปฉันใด สัตว์เหล่านี้ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ย่อมติดตามไปอย่างแน่นอนทีเดียวถึง ๘๔ กัป. บทว่า อวโส
เทว วีริโย ความว่า เมื่อผลของทานไม่มีด้วยอาการอย่างนี้ คนพาลคนใด
คนหนึ่งย่อมชื่อว่าให้ทาน ท่านแสดงไว้ว่าคนพาลนั้นไม่มีอำนาจไม่มีความเพียร
ย่อมให้ทานโดยอำนาจ คือโดยกำลังของตนหาได้ไม่ แต่ย่อมเชื่อต่อคนอันธ-

พาลเหล่าอื่น จึงให้ด้วยสำคัญว่า ผลทานย่อมมี. บทว่า พาเลหิ ทานํ
ปญฺตฺตํ ความว่า คนพาลเท่านั้นย่อมให้ ทานนั้นบัณฑิตย่อมคอยรับทานที่
คนอันธพาลบัญญัติไว้ คืออนุญาตไว้ว่า ควรให้ทานแล.

ครั้นคุณาชีวกทูลพรรณนาภาวะที่ทานเป็นของไม่มีผลอย่างนี้แล้ว บัดนี้
เพื่อพรรณนาถึงบาปที่ไม่มีผล จึงกล่าวว่า

รูปกายอันเป็นที่รวม ดิน น้ำ ลม ไฟ สุข
ทุกข์และชีวิต ๗ ประการนี้ เป็นของเที่ยง ไม่ขาดสูญ
ไม่กำเริบ รูปกาย ๗ ประการนี้ ของสัตว์เหล่าใด
ชื่อว่าขาดไม่มี ผู้ที่ถูกฆ่าหรือถูกตัด หรือเบียดเบียน
ใด ๆ ไม่มี ศาสตราทั้งหลายพึงเป็นไปในระหว่างรูปกาย
๗ ประการนี้ ผู้ใดตัดศีรษะของผู้อื่นด้วยดาบอันคม
ผู้นั้นไม่ชื่อว่าตัดร่างกายเหล่านั้น ในการทำเช่นนั้น

ผลบาปจะมีแต่ที่ไหน สัตว์ทุกจำพวกท่องเที่ยวอยู่ใน
วัฏสงสาร ๘๔ มหากัป ย่อมบริสุทธิ์ได้เอง เมื่อยังไม่
ถึงกาลนั้น แม้จะสำรวมด้วยดีก็บริสุทธิ์ไม่ได้ เมื่อยัง
ไม่ถึงกาลนั้นแม้จะประพฤติความดีมากมาย ก็บริสุทธิ์


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ไม่ได้ ถ้าแม้กระทำบาปมากมาย ก็ไม่ล่วงขณะนั้นไป
ในวาทะของเราทั้งหลาย ความบริสุทธิ์ย่อมมีได้โดย
ลำดับเมื่อถึง ๘๔ กัป พวกเราไม่ล่วงเลยเขตอันแน่นอน
นั้นเหมือนคลื่นไม่ล่วงเลยฝั่งไปฉะนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กายา แปลว่า หมู่. บทว่า อวิโกปิโน
ได้แก่ ไม่อาจจะแยกออกจากกันได้. บทว่า ชีเว จ ได้แก่ ชีวะ (ชีวิต) ปาฐะ
ว่า ชีโว จ ดังนี้ก็มีอรรถเป็นอันเดียวกัน. บทว่า สตฺติเม กายา ได้แก่ หมู่
สัตว์เหล่านี้. บทว่า หญฺเร วาปิ โกจินํ ความว่า ผู้ใดพึงเบียดเบียน
แม้ผู้นั้นก็ไม่จัดว่าเป็นผู้ทำร้าย. บทว่า สตฺถานิ วินิวตฺตเร ความว่า

ศาสตราทั้งหลายเที่ยวไปอยู่ในภายในกายทั้ง ๗ นี้ ไม่สามารถจะตัดได้. บทว่า
สิรมาทาย ความว่า จับศีรษะของชนเหล่าอื่น. บทว่า นิสิตาสินา ความว่า ท่าน
กล่าวว่า ตัดด้วยดาบอันคม ท่านแสดงไว้ว่า แม้ผู้นั้นตัดพวกนั้นด้วยกาย ธาตุดิน
ก็จัดเป็นปฐวีธาตุ ธาตุลมเป็นต้น ก็จัดเข้าเป็นอาโปธาตุเป็นต้น สุขทุกข์และ

ชีวิต ย่อมแล่นไปสู่อากาศ. บทว่า สํสรํ ความว่า ดูก่อนมหาราชเจ้า
สัตว์เหล่านี้จะทำแผ่นดินนี้ให้เป็นลานเนื้ออันหนึ่งก็ดี ท่องเที่ยวไปตลอดกัปมี
ประมาณเท่านี้ก็ดี ก็หาบริสุทธิ์ได้ไม่ จริงอยู่ ชื่อว่าผู้สามารถจะชำระเหล่า
สัตว์ให้บริสุทธิ์จากสงสารย่อมไม่มี สัตว์ทั้งหมดนั้น ย่อมบริสุทธิ์ด้วยสงสาร
นั่นเอง. บทว่า อนาคเต ตมฺหิ กาเล ความว่า ก็เมื่อกาลหนึ่งตามที่กล่าว

แล้ว ยังไม่ถึงอนาคตกาล ผู้ที่สำรวมดีก็ดี ผู้มีศีลบริสุทธิ์ก็ดีในระหว่าง ย่อม
ไม่บริสุทธิ์. บทว่า ตํ ขณํ ได้แก่ ตลอดกาลมีประการดังกล่าวแล้วนั้น.
บทว่า อนุปุพฺเพน โน สุทฺธิ ความว่า ความหมดจดย่อมมีโดยลำดับ
ในวาทะของเรา อธิบายว่า ความหมดจดโดยลำดับแห่งเราทั้งปวงก็มี. บทว่า
ตํ เวลํ ได้แก่ ตลอดกาลมีประการดังกล่าวแล้วนั้น.

คุณาชีวกผู้มีวาทะว่าขาดสูญ เมื่อจะยังวาทะของตนให้สำเร็จตามกำลัง
ของตน จึงกราบทูลโดยหาหลักฐานมิได้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อลาตเสนาบดี ได้ฟังคำของคุณาชีวกกัสสปโคตร
แล้ว ได้กล่าวคำนี้ว่า ท่านผู้เจริญกล่าวฉันใด คำนั้น
ข้าพเจ้าชอบใจฉันนั้น แม้ข้าพเจ้าก็ระลึกชาติหนหลัง
ของตนได้ชาติหนึ่ง คือในชาติก่อนข้าพเจ้าเกิดในเมือง
พาราณสีอันเป็นเมืองมั่งคั่ง เป็นนายพรานฆ่าโค ชื่อว่า

ปิงคละ ข้าพเจ้าได้ทำบาปกรรมไว้มาก ได้ฆ่าสัตว์ที่
มีชีวิต คือ กระบือ สุกร แพะ เป็นอันมาก ข้าพเจ้า
จุติจากชาตินั้นแล้ว มาเกิดในตระกูลเสนาบดีอันบริ-
สุทธิ์นี้ บาปไม่มีผลแน่ ข้าพเจ้าจึงไม่ต้องไปนรก.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อลาโต เอตทพฺรวิ ความว่า ได้ยิน
ว่า อลาตเสนาบดีนั้น กระทำการบูชาด้วยพวงดอกอังกาบที่เจดีย์ ในกาลแห่ง
พระทศพลทรงพระนามกัสสปะในกาลก่อน ในมรณสมัยถูกกรรมอื่นซัดไปตาม
อานุภาพ ท่องเที่ยวไปในสงสาร ด้วยผลแห่งบาปกรรมอันหนึ่ง จึงบังเกิดใน
ตระกูลแห่งโคฆาต ได้กระทำกรรมเป็นอันมาก ครั้นในเวลาที่เขาจะตาย

บุญกรรมอันนั้นที่ตั้งอยู่ตลอดกาลประมาณเท่านี้ได้ให้โอกาส เหมือนไฟที่เอา
ขี้เถ้าปิดไว้ฉะนั้น. ด้วยอานุภาพแห่งกรรมนั้น เขาจึงบังเกิดในที่นี้ ได้รับสมบัติ
เช่นนั้น และระลึกชาติได้ เมื่อไม่อาจระลึกถึงกรรมอื่นจากอนันตรกรรมใน
อดีต จึงสนับสนุนวาทะของคุณาชีวกนั้นด้วยสำคัญว่า เราได้กระทำกรรมคือ
การฆ่าโคจึงบังเกิดในที่นี้ จึงได้กล่าวคำนี้มีอาทิว่า ยถา ภทฺทนฺโต ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สเร สํสริตตฺตโน ความว่า ระลึกถึงชาติที่ตน
ท่องเที่ยวอยู่ได้. บทว่า เสนาปติกุเล แปลว่า เกิดในตระกูลแห่งเสนาบดี


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ครั้งนั้น ในมิถิลานครนี้ มีคนเข็ญใจเป็นทาส
เขาผู้หนึ่ง ชื่อว่าวีชกะ รักษาอุโบสถศีล ได้เข้าไป
ยังสำนักของคุณาชีวก ได้ฟังคำของกัสสปคุณาชีวก
และอลาตเสนาบดีกล่าวกันอยู่ ถอนหายใจฮึดฮัด ร้อง
ไห้น้ำตาไหล.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อเถตฺถ ความว่า ครั้งนั้นในเมืองมิถิลา
นั้น. บทว่า ปฏจฺฉรี ได้แก่ คนเข็ญใจกำพร้า. บทว่า คุณสนฺติกวุปาคมิ
ความว่า ได้ไปยังสำนักของคุณาชีวก พึงทราบความว่า เข้าไปใกล้ด้วย
ตั้งใจว่า ข้าพระองค์จักฟังเหตุอะไรนั่นแล.

พระเจ้าวิเทหราช ได้ตรัสถามนายวีชกะนั้นว่า
สหายเอ๋ย เจ้าร้องไห้ทำไม เจ้าได้ฟังได้เห็นอะไรมา
หรือเจ้าได้รับทุกขเวทนาอะไร จงบอกให้เราทราบ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กึ มํ เวเทสิ เวทนํ ความว่า เจ้า
ได้รับเวทนาทางกาย หรือทางจิตอะไรหรือเป็นอย่างไร เจ้าจึงร้องไห้อย่างนี้
จงบอกให้เราทราบ เจ้ากระทำตนให้ลำบากอย่างไรหรือ จงบอกเรา.

นายวีชกะได้ฟังพระดำรัสของพระเจ้าวิเทหราช
แล้ว ได้กราบทูลว่า ข้าพระองค์ไม่มีทุกขเวทนาเลย
ข้าแต่พระมหาราชา ขอได้ทรงพระกรุณาฟังข้าพระ-
พุทธเจ้า แม้ข้าพระพุทธเจ้าก็ยังระลึกถึงความสุขสบาย
ของตนในชาติก่อนได้ คือ ในชาติก่อนข้าพระพุทธเจ้า

เกิดเป็นภาวเศรษฐี ยินดีในคุณธรรม อยู่ในเมือง
สาเกต ข้าพระพุทธเจ้านั่นอบรมตนดีแล้ว ยินดีใน
การบริจาคทานแก่พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย มี
การงานอันสะอาด ข้าพระพุทธเจ้าระลึกถึงบาปกรรม
ที่ตนกระทำแล้วไม่ได้เลย ข้าแต่พระเจ้าวิเทหราช


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าพระพุทธเจ้าจุติจากชาตินั้นแล้ว มาเกิดในครรภ์ของ
นางกุมภทาสีหญิงขัดสนในมิถิลามหานครนี้ จำเดิม
แต่เวลาที่เกิดแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าก็ยากจนเรื่อยมา
แม้ข้าพระพุทธเจ้าจะเป็นคนยากจนอย่างนี้ ก็ตั้งมั่นอยู่
ในความประพฤติชอบ ได้ให้อาหารกึ่งหนึ่งแก่ท่านที่
ปรารถนา ได้รักษาอุโบสถศีลในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำทุก
เมื่อ ไม่ได้เบียดเบียนสัตว์และไม่ได้ลักทรัพย์เลย

กรรมทั้งปวงที่ข้าพระพุทธเจ้าประพฤติดีแล้วนั้น ไร้
ผลเป็นแน่ ศีลนี้เห็นจะไร้ประโยชน์ เหมือนอลาต
เสนาบดีกล่าว ข้าพระพุทธเจ้ากำเอาแต่ความปราชัยไว้
เหมือนนักเลงผู้ไม่ได้ฝึกหัดฉะนั้นเป็นแน่ ส่วนอลาต
เสนาบดีย่อมกำเอาแต่ชัยชนะไว้ ดังนักเลงผู้ชำนาญ
การพนัน ฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้า ไม่เห็นประตู
อันเป็นเหตุสุคติเลย ข้าแต่พระราชา เพราะเหตุนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังคำของกัสสปคุณาชีวกแล้วจึงร้อง
ไห้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภาวเสฏฺ€ี ความว่า เศรษฐีผู้มีสมบัติ ๘๐
โกฏิ ผู้มีชื่ออย่างนี้. บทว่า คุณรโต แปลว่า ผู้ยินดีในคุณ. บทว่า สมฺ-
มโต ความว่า อันตนอารมดีแล้ว. บทว่า สุจิ ได้แก่ ผู้มีกรรมอันสะอาด.
บทว่า อิธ ชาโต ทุริตฺถิยา ความว่า ข้าพเจ้าเกิดในท้องกุมภทาสี ผู้เป็น
หญิงขัดสนเข็ญใจ กำพร้า ในมิถิลานครนี้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดังได้สดับมา ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ ใน
ปางก่อน นายวีชกบุรุษนั้นเกิดเป็นนายโคบาล แสวงหาโคพลิพัททะ ที่หาย
ไปในป่า ถูกภิกษุรูปหนึ่งผู้หลงทางถามถึงหนทางได้นิ่งเสีย ถูกท่านถามอีก ก็
โกรธแล้วกล่าวว่า ขึ้นชื่อว่า สมณขี้ข้านี้ปากแข็ง ชะรอยว่าท่านนี้จะเป็นขี้ข้า
เขาจึงปากแข็งยิ่งนัก. กรรมหาได้ให้ผลในชาตินั้นไม่ ตั้งอยู่เหมือนไฟ ที่มีเถ้า

ปิดไว้ ฉะนั้น ถึงเวลาตาย กรรมอื่นก็ปรากฏ. เขาจึงท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสาร
ตามลำดับของกรรม เพราะผลแห่งกุศลกรรมอย่างหนึ่ง เขาจึงเป็นเศรษฐี มี
ประการดังกล่าวแล้ว ในเมืองสาเกต ได้กระทำบุญมีทานเป็นต้น. ก็กรรมที่
เขาด่าภิกษุผู้หลงทางนั้นตั้งอยู่ ประหนึ่งขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ในแผ่นดิน ได้โอกาส
จึงให้ผลแก่เขาในอัตภาพนั้น. เขาเมื่อไม่รู้จึงกล่าวอย่างนั้นด้วยสำคัญว่า ด้วย

กรรมอันดีงามนอกนี้ เราจึงเกิดในท้องของนางกุมภทาสี. บทว่า ยโต ชาโต
สุทุคฺคโต ท่านแสดงว่า ข้าพเจ้านั้น ตั้งแต่เกิดมา เป็นคนเข็ญใจอย่างยิ่ง.
บทว่า สมจริยมธิฏฺ€ิโต ความว่า ข้าพเจ้าตั้งอยู่ในความประพฤติสม่ำเสมอ
ทีเดียว. บทว่า นูเนตํ แก้เป็น เอกํเสเนตํ เป็นอย่างนั้นโดยส่วนเดียว.
บทว่า มญฺิทํ สีลํ ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ธรรมดาว่า ศีลนี้

เห็นจะไร้ประโยชน์. บทว่า อลาโต ความว่า อลาตเสนาบดีนี้กล่าวว่า เรา
กระทำกรรมชั่ว คือปาณาติบาตไว้มากในภพก่อนจึงได้ตำแหน่งเสนาบดี เพราะ
เหตุใด เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงสำคัญว่า ศีลไร้ประโยชน์. บทว่า กลิเมว
ความว่า ผู้ไม่มีศิลปะไม่ได้ศึกษา เป็นนักเลงสะกา ถือเอาการปราชัย ฉันใด

ข้าพเจ้าย่อมถือเอาฉันนั้นแน่ พึงให้สมบัติของตนในภพก่อนฉิบหายไป บัดนี้
ข้าพเจ้าจึงเสวยทุกข์. บทว่า กสฺสปภาสิตํ ท่านกล่าวว่า ได้ฟังภาษิตของ
อเจลกกัสสปโคตร.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระเจ้าอังคติราชสดับคำของนายวีชกะแล้ว ได้
ตรัสว่า ประตูสุคติไม่มี ยังสงสัยอยู่อีกหรือวีชกะ ได้
ยินว่าสุขหรือทุกข์สัตว์ย่อมได้เองแน่นอน สัตว์ทั้งปวง
หมดจดได้ด้วยการเวียนเกิดเวียนตาย เมื่อยังไม่ถึงเวลา
อย่ารีบด่วนไปเลย เมื่อก่อนแม้เราก็เป็นผู้กระทำความ
ดี ขวนขวายในพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย
อนุศาสน์ราชกิจอยู่เนือง ๆ งดเว้นจากความยินดี ใน
กามคุณตลอดกาลประมาณเท่านี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า องฺคติมพรฺวิ ความว่า พระเจ้าอังคติราช
สดับคำของคนทั้ง ๓ คือของ ๒ คนนอกนี้ก่อน และของวีชกะในภายหลัง
ยึดมั่นมิจฉาทิฏฐิ แล้วกล่าวคำมีอาทิว่า ประตูไม่มี. บทว่า นิยตํ กงฺขา
ความว่า ดูก่อนวีชกะผู้สหาย ท่านจงตรวจดูแต่ความแน่นอนเท่านั้น. พระเจ้า
อังคติราช ตรัสอย่างนี้โดยอธิบายว่า ความจริง กาลมีประมาณ ๘๔ มหา-

กัปเท่านั้น ย่อมยังสัตว์ทั้งหลายให้บริสุทธิ์ได้ ท่านอย่ารีบด่วนนักเลย. บทว่า
อนาคเต ความว่า ท่านอย่ารีบด่วนว่า เมื่อยังไม่ถึงกาลนั้นแล้ว เราจะไปสู่
เทวโลกในระหว่างได้. บทว่า ปาวโฏ ความว่า อย่าได้มีความขวนขวายด้วย

การกระทำมีการกระทำการขวนขวายทางกายเป็นต้นแก่ชนทั้งหลายนั้น คือใน
พวกพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย. บทว่า โวหารํ ความว่า นั่งในที่เป็นที่
วินิจฉัยแล้วพร่ำสอนตามบัญญัติแห่งราชกิจ. บทว่า รติหีโน ตทนฺตรา
ความว่า ละจากความยินดีในกามคุณตลอดกาลมีประมาณเท่านี้.

ก็แลครั้นพระราชาตรัสอย่างนี้แล้ว ก็ตรัสบอกลาคุณาชีวกว่า ท่าน
กัสสปโคตร พวกข้าพเจ้าประมาทมาแล้วสิ้นกาลเท่านี้ แต่บัดนี้พวกข้าพเจ้าได้
อาจารย์แล้ว ตั้งแต่นี้ไปพวกข้าพเจ้าจะเพลิดเพลินยินดีแต่ในกามคุณเท่านั้น

แม้การฟังธรรมในสำนักของท่าน ให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก ก็เป็นกาลเนิ่นช้าของ
พวกข้าพเจ้าเปล่า ท่านจงหยุดเถิด พวกข้าพเจ้าจักลาไปละดังนี้ จึงตรัสคาถาว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปุนปิ ภนฺเต ทกฺเขมุ สงฺคติ เจ ภวิสฺสติ
ถ้าการสมาคมจักมีผล พวกข้าพเจ้าจักมาหาท่านอีก.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สงฺคติ เจ ความว่า ถ้าการสมาคมของ
พวกข้าพเจ้า ในที่แห่งหนึ่งจักไม่เกิดผล คือเมื่อผลบุญไม่มี จะประโยชน์อะไร
ด้วยท่านที่เราจะมาเยี่ยม.

อิทํ วตฺวาน เวเทโห ปจฺจคา สนฺนิเวสนํ.
ครั้นพระเจ้าวิเทหราชตรัสดังนี้แล้ว ก็เสด็จกลับ
ไปยังพระราชนิเวศน์ของพระองค์.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สนฺนิเวสนํ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย พระเจ้าวิเทหราชครั้นตรัสคำนี้แล้ว จึงเสด็จขึ้นสู่รถพระที่นั่ง กลับไป
ยังพื้นจันทกปราสาทอันเป็นพระราชนิเวศน์ของพระองค์.

ตอนแรกพระราชาเสด็จไปยังสำนักของคุณาชีวก ทรงนมัสการแล้วจึง
ได้ตรัสถามปัญหา ก็แล เมื่อเสด็จกลับหาได้ทรงนมัสการไม่ ก็เพียงแต่การทรง
นมัสการคุณาชีวกยังไม่ได้รับเพราะเป็นผู้ไม่มีคุณ ไฉนจะได้รับพระราชทาน
สักการะมีก้อนข้าวเป็นต้น. ส่วนพระราชาทรงยังคืนนั้นให้ผ่านไป วันรุ่งขึ้นจึง
ให้ประชุมเหล่าอำมาตย์แล้วตรัสว่า พวกท่านจงบำเรอกามคุณกันเถิด นับแต่

วันนี้ไปเราจะเสวยความสุขในกามคุณเท่านั้น อย่าพึงรายงานกิจการอื่นให้เรา
ทราบเลย ผู้ใดผู้หนึ่งจงกระทำการวินิจฉัยเถิด ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ทรงมัวเมา
เพลิดเพลินยินดีอยู่แต่ในกามคุณเท่านั้น.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ตั้งแต่รุ่งสว่าง พระเจ้าอังคติราชรับสั่งให้ประชุม
เหล่าอำมาตย์ ในที่ประทับสำราญพระองค์แล้วตรัสว่า
จงจัดกามคุณทั้งหลายเพื่อเรา ไว้ในจันทกปราสาทของ
เราทุกเมื่อ เมื่อข้อราชการลับและเปิดเผยเกิดขึ้น ใคร ๆ
อย่าเข้ามาหาเรา อำมาตย์ผู้ฉลาดในราชกิจ ๓ นายคือ
วิชยอำมาตย์ ๑ สุนามอำมาตย์ ๑ อลาตเสนาบดี ๑

จงนั่งพิจารณาข้อราชการเหล่านั้น พระเจ้าวิเทหราช
ครั้นตรัสดังนี้แล้วจึงตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงใส่ใจกาม
คุณให้มาก ไม่ต้องขวนขวายในพราหมณ์ คฤหบดี
และกิจการอะไรเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปฏฺ€านมฺหิ ได้แก่ ในที่ประทับสำราญ
พระองค์. บทว่า จนฺทเก เม ได้แก่ ในจันทกปราสาทอันเป็นสำนักของ
เรา. บทว่า วิเธนฺตุ เม ความว่า จงจัดคือจงบำรุงบำเรอกามคุณทั้งหลาย
แก่เราเป็นนิตย์. บทว่า คุยฺหปากาสิเยสุ ความว่า เมื่อเรื่องราวทั้งลับ

ทั้งเปิดเผยเกิดขึ้น ใคร ๆ อย่าเข้ามาหาเรา. บทว่า อตฺเถ ได้แก่ ในที่เป็น
ที่วินิจฉัยเหตุผล. บทว่า นิสีทนฺตุ ความว่า จงนั่งกับด้วยอำมาตย์ที่เหลือ
เพื่อกระทำกิจที่เราพึงกระทำ.
ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันที่ ๑๔ ราชกัญญาพระ
นามว่ารุจา ผู้เป็นพระธิดาที่โปรดปรานของพระเจ้า-
วิเทหราช ได้ตรัสกะพระพี่เลี้ยงว่า ขอท่านทั้งหลาย

ช่วยประดับให้ฉันด้วย และหญิงสหายทั้งหลายของเรา
ก็จงประดับ พรุ่งนี้ ๑๕ ค่ำ เป็นวันทิพย์ ฉันจะไป
เฝ้าพระชนกนาถ. พระพี่เลี้ยงทั้งหลายได้จัดมาลัย
แก่นจันทน์ แก้วมณี สังข์ แก้วมุกดาและผ้าต่าง ๆ สี
อันมีค่ามาก มาถวายแก่พระนางรุจาราชกัญญา หญิง
บริวารเป็นอันมาก ห้อมล้อมพระนางรุจาราชธิดาผู้มี
พระฉวีวรรณงามผุดผ่อง ประทับนั่งอยู่บนตั่งทอง
งามโสภาราวกะนางเทพกัญญา.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตโต ความว่า จำเดิมแต่ที่พระราชาติด
ข้องอยู่ในเปือกตมคือกามคุณนั้น. บทว่า เทวสตฺรตตฺตสฺส แปลว่า ในวัน
ที่ ๑๔. บทว่า ธาติมาตมาทพฺรวี ความว่า เป็นผู้ใคร่จะไปยังสำนักของ
พระบิดา จึงกล่าวกะพี่เลี้ยงทั้งหลาย.

ดังได้สดับมา ในวันที่ ๑๔ พระนางรุจาราชธิดา ทรงผ้าสีต่าง ๆ แวด
ล้อมไปด้วยหมู่กุมารี ๕๐๐ พาหมู่พระพี่เลี้ยงนางนม ลงจากปราสาท ๗ ชั้น
ด้วยสิริวิลาสอันใหญ่ยิ่ง เสด็จไปยังจันทกปราสาท เพื่อเฝ้าพระชนกนาถ.
ลำดับนั้น พระเจ้าวิเทหราช ทอดพระเนตรเห็นพระธิดา ทรงมีพระทัยยินดี

ชื่นบาน ให้จัดมหาสักการะต้อนรับ เมื่อจะส่งกลับ จึงได้พระราชทานทรัพย์
๑,๐๐๐ แล้วส่งไปด้วย ตรัสว่า นี่ลูก เจ้าจงให้ทาน พระนางรุจานั้นเสด็จ
กลับไปยังนิเวศน์ของตนแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงทรงรักษาอุโบสถศีล ทรงให้ทาน
แก่คนกำพร้าคนเดินทางไกล ยาจกและวนิพกเป็นอันมาก.

ได้ยินว่า ชนบทหนึ่ง พระเจ้าวิเทหราช ได้พระราชทานแก่พระธิดา
พระนางรุจาได้ทรงกระทำกิจทั้งปวง ด้วยรายได้จากชนบทนั้น ก็ในกาลนั้น
เกิดลือกันขึ้นทั่วพระนครว่า พระราชาทรงอาศัยคุณาชีวก จึงทรงถือมิจฉา
ทิฏฐิ. พวกพระพี่เลี้ยงนางนม ได้ยินเขาลือกันดังนั้น จึงมาทูลพระนางรุจาว่า
ข้าแต่พระแม่เจ้า เขาลือกันว่า พระชนกของพระองค์ ทรงสดับถ้อยคำของ

อาชีวกแล้วทรงถือมิจฉาทิฏฐิ และได้ยินว่า พระราชานั้น ตรัสสั่งให้รื้อโรงทาน
ที่ประตูเมืองทั้ง ๔ และทรงข่มขืนหญิงและเด็กหญิงที่ผู้อื่นหวงห้าม มิได้ทรง
พิจารณาถึงพระราชกรณียกิจเลย ทรงมัวเมาอยู่แต่ในกามคุณ. พระนางรุจานั้น

ได้ทรงสดับคำของพระพี่เลี้ยงนางนมเหล่านั้น ก็ทรงสลดพระหฤทัย จึงทรง
พระดำริว่า เพราะเหตุอะไรหนอ พระชนกของเราจึงเสด็จเข้าถามปัญหากะ
คุณาชีวก ผู้ปราศจากคุณธรรม ไม่มีความละอาย ผู้เปลือยกายเช่นนั้น สมณ-


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พราหมณ์ผู้มีธรรมเป็นกรรมวาที ควรที่จะเข้าไปถามมีอยู่มิใช่หรือ แต่เว้น
เราเสียแล้ว คนที่จะปลดเปลื้องมิจฉาทิฏฐิพระชนกของเรา ให้กลับตั้งอยู่ใน
สัมมาทิฏฐิอีก คงจะไม่มีใครสามารถ ก็เราระลึกถึงชาติได้ถึง ๑๔ ชาติ คือ
ที่เป็นอดีต ๗ ชาติ ที่เป็นอนาคต ๗ ชาติ เพราะฉะนั้นเราจะทูลแสดง
กรรมชั่ว ที่ตนทำในชาติก่อน และแสดงผลแห่งกรรม ปลุกพระชนกของเรา

ให้ทรงตื่น ก็ถ้าเราจักเฝ้าในวันนี้ไซร้ พระชนกของเราคงจะท้วงเราว่า เมื่อ
ก่อนลูกเคยมาทุกกึ่งเดือน เพราะเหตุไรวันนี้จึงรีบมาเล่า ถ้าเราจะทูลว่า
กระหม่อมฉันมาในวันนี้นั้น เพราะได้ทราบข่าวเล่าลือกันว่า พระองค์ทรงถือ
มิจฉาทิฏฐิ ดังนี้ คำของเราจะไม่ยึดคุณค่าอันหนักแน่นได้นัก เพราะฉะนั้น
วันนี้เราอย่าไปเฝ้าเลย ถึงวัน ๑๔ ค่ำ จากนี้ไป เฉพาะในวัน ๑๔ ค่ำ

ในกาฬปักข์ เราจะทำเป็นไม่รู้ เข้าไปเฝ้าโดยอาการที่เคยเข้าไปเฝ้าในกาล
ก่อน ๆ ครั้นเวลากลับ เราจักทูลขอพระราชทรัพย์พันหนึ่งมาทำงาน เมื่อนั้น
พระชนกของเราจักแสดงการถือมิจฉาทิฏฐิแก่เรา ลำดับนั้น เราจักมีโอกาส
ให้พระองค์ทรงละทิ้งมิจฉาทิฏฐินั้นเสียได้ด้วยกำลังของตน. เพราะฉะนั้นใน
วัน ๑๔ ค่ำ พระนางรุจาราชธิดาจึงทรงใคร่จะไปเฝ้าพระชนก จึงตรัสอย่างนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สขิโย จ ความว่าหญิงสหายกับทั้งกุมาริกา
ประมาณ ๕๐๐ ของเราทั้งหมด จงประดับด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ แต่ละอย่าง
ไม่เหมือนกัน คือด้วยดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้มีสีต่าง ๆ. บทว่า
ทิพฺโย แปลว่า วันทิพย์. ที่ชื่อว่า ทิพย์ เพราะประชุมกันประดับอย่างเทวดา
ก็มี. บทว่า คจฺฉํ ความว่า ฉันจักไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหราชผู้เป็นพระชนกนาถ

เพื่อให้นำทานวัตรของเรามา. บทว่า อภิหรึสุ ความว่า เล่ากันมาว่าให้อาบ
ด้วยหม้อน้ำหอม ๑๖ หม้อ แล้วนำไปเพื่อประดับนางกุมาริกา. บทว่า ปริ-
กีริย แปลว่า แวดล้อมแล้ว. บทว่า อโสภึสุ ความว่า วันนั้นหญิงบริวาร


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 154, 155, 156, 157, 158, 159, 160 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร