วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2019, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
กรัชกาย เขียน:
หายหมด :b32:

:b12:
ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมีเดี๋ยวนี้
และไม่มีตัวตนใครทั้งนั้นมีแต่ทุกขอริยสัจจะธัมมะ
คือเดี๋ยวนี้เองที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนมีแต่ธัมมะที่กำลังปรากฏว่ามีชั่วคราว
ตรง1สัจจะหลากหลายตามเหตุปัจจัย ตามการสะสมของจิต เป็นตัวจริงธัมมะ ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎก
ก็มันมีแล้วไม่ได้ทำตัวจริงธัมมะที่เป็นทุกขอริยสัจจะธัมมะมีแต่คิดเห็นผิดด้วยความมีตัวตนไปทำลืมฟังงัยคะ
ตัวจริงธัมมะที่เป็นทุกขะลักษณะกำลังเกิดดับตามปกติเป็นปกติและไม่อยู่นอกกายทุกคนทุกตนทุกสัตว์ค่ะ
สถานที่ไม่รู้อะไรเลยแต่ความไม่รู้มีที่จิตทุกดวงที่ไม่ได้กำลังระลึกถึงความจริงตรงตามคำสอนตรงกับปัจจุบัน
ผิดปกติแล้วที่ยังคิดว่าต้องเอาตัวตนไปทำด้วยความอยากรู้งัยคะลืมว่าปัญญาเริ่มเกิดเมื่อเริ่มฟังคำสอนนะคะ
https://youtu.be/9qsbfIX0sUM
:b32: :b32: :b32:


พระไตรปิฎกมาอีก ทุกขอริสัจจะก็มา มากันหมดทั้งบ้าน :b13: :b1:
เอาไปตั้ง กท.พระไตรปิฎกดีไหมเนี่ย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2019, 01:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เข้าใจความหมายของคำว่า “ภาวนา” ให้ถูกตรง


ภาวนา” นั้นจะต้องแยกจาก ภาวนาในภาษาไทยก่อน

คือไม่ใช่เป็นเพียงว่า มามุบมิบๆแต่ปาก แล้วบอกว่าเป็นภาวนา หรือ เอาถ้อยคำในภาษาพระ เอามนต์ เอาคาถามาท่องมาบ่น แล้วว่าเป็นภาวนา ไม่ใช่อย่างนั้น

“ภาวนา” แปลว่า ทำให้เกิดให้มีขึ้น, ทำให้เป็นขึ้น, สิ่งที่ยังไม่เป็นก็ทำให้มันเป็น สิ่งที่ยังไม่มีก็ทำให้มีขึ้น เรียกว่า ภาวนา

เพราะฉะนั้น จึงเป็นการปฏิบัติ ฝึกหัด หรือลงมือทำ
ภาวนา จึงแปลอีกความหมายหนึ่งว่า การฝึกอบรม
ฝึกนั้น เมื่อยังไม่เป็น ก็ทำให้มันเป็น
อบรมนั้น เมื่อยังไม่มี ก็ทำให้มีขึ้น
ยิ่งกว่านั้น เมื่อทำให้เกิด ให้มี ให้เป็นขึ้นมาแล้ว ก็ต้องทำให้เจริญงอกงาม เพิ่มพูน พรั่งพร้อมขึ้นไปด้วยจนเต็มที่

“ภาวนา” จึงมีความหมายตรงกับคำว่า พัฒนา ด้วย และจึงแปลง่ายๆว่า เจริญ

ในภาษาไทยแต่โบราณมาก็นิยมแปล ภาวนา ว่า "เจริญ" เช่น เจริญสมาธิ เรียกว่าสมาธิภาวนา, เจริญเมตตา เรียกว่า เมตตาภาวนา, เจริญวิปัสสนา เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา
ตกลงว่า “ภาวนา” แปลว่า การฝึกอบรม หรือ การเจริญ การทำให้เป็น ให้มีขึ้นมา และพัฒนาให้งอกงามบริบูรณ์

การภาวนาในระดับที่เราต้องการในที่นี้ แยกเป็น ๒ อย่าง คือ จิตตภาวนา การฝึกอบรมจิตใจ อย่างหนึ่ง และ ปัญญาภาวนา การฝึกอบรมปัญญา อีกอย่างหนึ่ง

ถ้าใช้ตามนิยมของภาษาสมัยใหม่ เจริญ แปลว่า พัฒนา เพราะฉะนั้น จิตตภาวนา ก็แปลว่า การพัฒนาจิต หรือ พัฒนาจิตใจ ส่วนปัญญาภาวนา ก็แปลว่า การพัฒนาปัญญา

จิตตภาวนา นั้นเรียกง่ายๆว่า “สมถะ” บางทีก็เรียกว่า สมถภาวนา สมถะนี้ตัวแก่นของมันแท้ๆคือ สมาธิ เพราะสมถะนั้นแปลว่า ความสงบ ตัวแก่นของความสงบก็คือสมาธิ ความมีใจแน่วแน่ สมถะนั้นมุ่งที่ตัวสมาธิ จะว่าสมาธิเป็นสาระของสมถะก็ได้ ฉะนั้น ก็เลยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สมาธิภาวนา
คำว่า จิตตภาวนาก็ดี, สมถภาวนาก็ดี, สมาธิภาวนาก็ดี จึงใช้แทนกันได้หมด

ต่อไปอย่างที่สอง

ปัญญาภาวนา นั้น เรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า วิปัสสนาภาวนา การเจริญวิปัสสนา มุ่งให้เกิดปัญญา คือปัญญาที่เข้าใจความจริงของสิ่งทั้งหลาย ปัญญาในขั้นที่รู้จักโลกและชีวิตตามความเป็นจริง เรียกว่า “วิปัสสนา” แปลว่า รู้แจ้ง ไม่ใช่รู้แค่ทำมาหาเลี้ยงชีพได้เท่านั้น แต่รู้สภาวะ รู้สภาพความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย จึงเรียกว่า วิปัสสนา ซึ่งก็เป็นปัญญาระดับหนึ่งนั่นแหละ เพราะฉะนั้น วิปัสสนาภาวนา ถ้าจะเรียกให้กว้าง เป็น ปัญญาภาวนา

ตกลง ก็แยกภาวนาเป็น ๒ อย่าง
อย่างที่หนึ่ง เรียกว่า จิตตภาวนาบ้าง, สมถภาวนาบ้าง, สมาธิภาวนาบ้าง
อย่างที่สอง เรียกว่า ปัญญาภาวนา หรือเรียกให้แคบจำกัดลงไปว่า วิปัสสนาภาวนา

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ที่ท่านว่ามานี่ ขัดกับคุณโรสหมดเลย คุณโรสว่า สภาพธัมมะมีอยู่แล้วจะทำไปทำไม พูด ปะ คำเดียวจิตเกิดดับแสนล้านโกฎิขณะเป็นคำจริงของตถาคต ตา หู คอ จมูก ก็มีอยู่แล้วจะไปทำมันทำไม

:b12:
เอางี้นะคำสอนคือสัจจะตรงปัจจุบัน
ปัจจุบันขณะคือขณะที่ไม่รู้ความจริง
จะรู้ว่าสัจจะของความไม่รู้ที่มีต่างๆกันไป
ตามการสะสมของจิต89-121ประเภทฟังให้เก็ต
เดี๋ยวนี้เลยค่ะทุกคนกำลังมีจิตสะสมทีละ1ประเภทฟังให้รู้ค่ะ
ตัวเองต้องรู้1ประเภทของจิตที่ตนเองกำลังเป็นตรงจริงคือรู้ตรงทีละ1ทาง
ไม่รู้=ไม่รู้...เข้าใจไหมคะว่า...พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทุกคำที่ทุกคนกำลังเป็นแบบนั้น
คิดไม่ตรงสัจจะที่ตัวเองกำลังมีแล้วเอาอะไรไปภาวนาถูกตามคำสอนบอกให้ฟังก่อนงัยคะ
https://youtu.be/eGXafWe278w
:b12:
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร