วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 13:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2019, 05:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


วัดเราไม่ได้มุ่งจำกัดพระให้เป็นมาตรฐานแบบเดียวกันหมด​ เพราะพระแต่ละองค์มีวิถีทางต่างกัน​ บางองค์บวชเรียน​ บางองค์บวชรักษาตัว​ บางองค์บวชตามประเพณี​ บางองค์บวชมุ่งศึกษาธรรมขั้นปฎิบัติ​ บางองค์บวชเบื่อหน่ายทางโลก​ บางองค์บวชแก้บน​ แต่ละองค์มีจุดหมายต่างกัน​ จริตนิสัยวาสนาย่อมต่างกันเป็นเรื่องของธรรมดา เราเป็นพระอุปัชฌาย์​ เป็นครูบาอาจารย์จะบีบจะเค้นเลือกแต่ลูกศิษย์​ที่เคร่งครัดในศีลในวินัยตลอดเลย​นั้นเป็นไปได้ยาก​ แต่ละองค์​จุดหมายต่างกันเราต้องให้โอกาสเค้า​ พอได้ประสบพบเจอกระแสร์ธรรมแล้ว​ หากแม้นมีนิสัยวาสนาจะปรับแปรไปในฝ่ายปฏิบัติเป็นเนื้อนาบุญได้ไม่สักวันใดก็วันหนึ่ง​ เราในฐานะอุปัชฌาย์​อาจารย์ไม่เคยปิดกั้นใคร​ โอกาสให้เสมอกันหมดถ้าใฝ่เอา​ ใฝ่มาบวชมาศึกษา
นี้จะให้เราเลือกเอาแต่คนดี​ ๆ​ คนเคร่ง​ ๆ​ คนมีวินัยแท้​ มันเป็นไปไม่ได้​ ก็รู้อยู่ทุกอย่างในโลกมันมีขาวมีดำ​ มีชั่วทีดี​ เอาไว้เปรียบเทียบกัน​ พิจารณาโลกธรรมให้เกิดปัญญา
วัดวาอารามต้องรับสภาพให้ได้​ทุกอย่างทุกประเภท บุญก็หาบ​ บาปก็หิ้ว​ หลวงปู่ผางอันเป็นพระทรงอภิญญาฤทธิ์ของจริงของแท้ในยุคกึ่งพุทธกาล​ ท่านก็ใช้แนวทางนี้แหละสอนคน​ สอนเรา
เราก็ต้องเอาตามท่าน​ นอกเหนือนั้นมันจะเกินครูบาอาจารย์ที่ยกขึ้นเหนือหัว

คติธรรมหลวงปู่ประเสริฐ​ สิริ​คุต​ฺ​โต​
บันทึกโดย
อนิรุทธะปัญญา
๗/๑๒/๒๕๖๒







ถึงอย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ
ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย
ขึ้นเวทีแล้วต้องชก
อย่ามัวแต่ตั้งท่าเงอะๆงะๆ

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ





เรื่อง "ถ้าไม่มีธรรม มันจะตายไปอีกกี่กัปกี่กัลป์"
ยิ่งจวนจะตายเท่าไร เราพูดจริงๆ เพราะฉะนั้นคำพูดนี้ถึงออกเรื่อย ออกจาก "หัวใจ" ทั้งนั้นนะ ด้วยความเมตตาล้วนๆ ทั้งนั้น
"มันจะมาตายกองกันอยู่นี้กี่กัปกี่กัลป์อีกถ้าไม่มีธรรม ไม่มีสายที่จะขึ้นให้พ้นจาก กองทุกข์ นี้ไปได้นะ"
"ธรรมเท่านั้น" คือบุญคือกุศลของเรา หัวใจนี้ไม่ตาย สมบุกสมบันมากที่สุดคือหัวใจ เวลามันสร้างมันสร้างแต่บาปมันก็กดลง แน่ะ มันไม่ตายใจนี่ กดลงไปนรกอเวจี พวกเปรตพวกผีพวกอะไรที่ไม่พึงปรารถนา แต่ความอยากทำมันอยากทำแต่สิ่งเหล่านั้น ตายแล้วก็ไปหาสิ่งเหล่านั้น อยากไปสวรรค์นิพพานมันไม่อยากไป รักบุญรักกุศลรักศีลรักธรรม ฝืนกันกับกิเลส กิเลสเราจะทำความดีมันจะฝืน มันจะกั้นกางหวงห้ามเราไม่อยากให้ทำ มีอุปสรรคร้อยแปดเวลาจะทำความดี

คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








ถ้าความเพียรย่อหย่อน
"ความฉลาดไม่พอ จิตจำ
ต้องหลุดมือตกไปอยู่ใน
อำนาจของฝ่ายต่ำ คือกิเลส
และพาให้เป็นวัฏจักรหมุน
เพื่อความทุกข์ร้อนไปตลอด
อนันตกาล ถ้าเราสามารถด้วย
ความเพียรและความฉลาด
แหลมคม จิตจำต้องตกมาอยู่
ในเงื้อมมือและเป็นสมบัติอัน
ล้นค่าของเราแต่ผู้เดียว.."

#โอวาทธรรม
#พระครูวินัยธร [มั่น ภูริทตฺโต]​
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
[พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒]​
#จากหนังสือชีวประวัติ
#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตตเถระ
#โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว_ญาณสัมปันโน








กรรมใด ที่เกิดขึ้นกับเรา
กรรมนั้น เป็นกรรมที่เราเคยทำ

หลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง







"...ถูกใจ ไม่ถูกใจ
พอใจ ไม่พอใจ
รู้ทันแล้ว
กะรู้อดรู้ทนกับมันซะก็หมดเรื่อง
กำหนดรู้กะมันดี ๆ..."

หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร













#ถ้าความเพียรย่อหย่อน

"ความฉลาดไม่พอ จิตจำ
ต้องหลุดมือตกไปอยู่ใน
อำนาจของฝ่ายต่ำ คือกิเลส
และพาให้เป็นวัฏจักรหมุน
เพื่อความทุกข์ร้อนไปตลอด
อนันตกาล ถ้าเราสามารถด้วย
ความเพียรและความฉลาด
แหลมคม จิตจำต้องตกมาอยู่
ในเงื้อมมือและเป็นสมบัติอัน
ล้นค่าของเราแต่ผู้เดียว.."

#โอวาทธรรม
#พระครูวินัยธร [มั่น ภูริทตฺโต]​
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
[พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒]​
#จากหนังสือชีวประวัติ
#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตตเถระ
#โดยท่านพระอาจารย์มหาบัว_ญาณสัมปันโน








..หากบุคคลใดได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้ ได้ทำบุญทำทานการกุศล รักษาศีลเจริญภาวนา ละบาปความชั่วออกจากกายวาจาใจของตนแล้ว น้อมนึกถึงแต่คุณงามความดีที่ตนเองสร้างเอาไว้ เราสร้างบุญอะไร ได้บวชลูกบวชหลาน ทำบุญทำทานการกุศล สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา โรงร้าน ขุดน้ำบ่อ สร้างถนนให้คนเดินไปมา ทานผ้าผ่อนท่อนสไบ เภสัชปัจจัยทั้งหลาย ได้สร้างสมอบรมไว้ตามอำนาจของกรรมของตนเองเอาไว้ นึกขึ้นมามีคนบอกทำความดีไว้ นึกขึ้นมาว่ารักษาศีลเราก็ได้รักษาศีลตามกำลังอำนาจของตนที่จะรักษาได้
..ได้ฟังเทศน์ฟังธรรม จำคำเทศน์ครูบาอาจารย์สั่งสอนเอาไว้ น้อมนำมาปฏิบัติ เราฟังเทศน์ก็ได้ฟัง เรามาพินิจพิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญ เราได้นั่งเจริญเมตตา พัฒนาฝึกฝนอบรมจิตใจให้สงบเป็นสมาธิ จิตใจหนักแน่นมั่นคง จิตใจมีความสงบสุขเกิดขึ้น เข้าใจ เราได้เจริญเมตตาภาวนาไตร่ตรอง ควรสร้างสมอบรมจิตใจของเราให้แก่กล้าได้เพียงไหน มีความอบอุ่นใจเรียกว่าวิหารธรรม เป็นเครื่องอยู่ของจิตใจ
..เมื่อจิตใจได้ที่พึ่งอย่างนี้เอง เมื่อบุคคลจะบอกหรือไม่บอกก็ตาม เขาเรียกว่า นิจกรรม-กรรมเนืองนิตย์ อยู่ในจิตใจที่มีความสุข อยู่กับคุณงามความดีของตน เมื่อจิตวิญญาณจะออกจากรูปร่างกายแล้ว จิตใจนั้นไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุขเกิดขึ้น จิตใจของบุคคลที่มีความสุขเวลาออกจากรูปร่างกาย ก็ไปแต่สุคติตามฐานะของบุคคลที่สร้างเอาไว้..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..ตายแล้วไปไหน#15..









"...เป็นธรรมดา ที่สังขารร่างกายของเรา จะต้องเดินไปสู่ความเสื่อมความสลาย แม้จะป้องกันแก้ไขอย่างไร ก็เป็นแต่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น ที่จะห้ามไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตายเลยนั้นไม่ได้
ฉะนั้น จึงให้มุ่งเอาจิตเป็นสำคัญ....คือบำรุงรักษาร่างกายพอ...ประมาณ แต่บำรุงรักษาจิตให้มากๆ เป็นการหาสาระจากสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารนั้นๆ ให้มากที่สุดที่จะทำได้ คือให้เร่งรัดบำเพ็ญกุศลเต็มสติกำลัง ทั้งทาน ศีล ภาวนา
แม้ร่างกายจะแก่ จะแตก จะตาย ก็ไม่วิตกกังวล เพราะสมบัติดีๆ มีไว้ เตรียมไว้แล้ว ดังนี้ จะไปไหนก็ไม่ต้องกลัว..."

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร







“อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูดว่าดี ว่าถูก ว่าควรแล้ว ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือนให้พึงระวังเรื่องอายตนะ ๖ กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น ไม่...ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล โลกเรามีทุกอย่าง มีผู้ชาย มีผู้หญิง มีผัว มีเมีย สองสิ่งหลังนี้หากหลีกเลี่ยงได้จะเป็นการดี เพราะเป็นเหตุปัจจัยสร้างภพสร้างชาติต่ออีกไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนเอาของมีคมแขวนไว้บนหัว จะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ได้”

หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ






"...ถ้าต้องการความเจริญก้าวหน้า
อย่าอิจฉาคนอื่น..."

#ธรรมคำสอน หลวงปู่ขาวอนาลโย





"...เป็นธรรมดา ที่สังขารร่างกายของเรา จะต้องเดินไปสู่ความเสื่อมความสลาย แม้จะป้องกันแก้ไขอย่างไร ก็เป็นแต่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น ที่จะห้ามไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ตายเลยนั้นไม่ได้
ฉะนั้น จึงให้มุ่งเอาจิตเป็นสำคัญ....คือบำรุงรักษาร่างกายพอ...ประมาณ แต่บำรุงรักษาจิตให้มากๆ เป็นการหาสาระจากสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารนั้นๆ ให้มากที่สุดที่จะทำได้ คือให้เร่งรัดบำเพ็ญกุศลเต็มสติกำลัง ทั้งทาน ศีล ภาวนา
แม้ร่างกายจะแก่ จะแตก จะตาย ก็ไม่วิตกกังวล เพราะสมบัติดีๆ มีไว้ เตรียมไว้แล้ว ดังนี้ จะไปไหนก็ไม่ต้องกลัว..."

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร








คนที่เขาปฏิบัติ เขาได้ฌาณ เขาไม่พูดหรอก
เขาตั้งใจปฏิบัติต่อไป แต่คนที่ชอบพูดกันนั้น
นั่นมันเป็นวิธีหลอก มันหาเงินหาลาภสักการะ
เข้าตัวมัน อย่าไปยุ่งกับพวกอย่างนี้นะ
อย่าไปยุ่ง อย่าไปข้องเกี่ยวนะ นั่นมันหาหลอก

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต อ.หนองแสง จ.อุดรธานี








...ขอให้ใช้เวลาที่มีค่านี้
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“เพราะชีวิตของเรา
ก็เป็นเหมือนกับเทียนไข”
เมื่อจุดแล้วก็มีแต่จะไหม้ไปเรื่อยๆ
ต้นเทียนก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ
ในที่สุดเนื้อเทียนก็จะหมดไป
ชีวิตของเราก็จะหมดไป
เราจึงควรใช้ชีวิตของเรา
“ให้เกิดประโยชน์ อย่าให้เกิดโทษ “.
..................................
จุลธรรมนำใจ 3,กัณฑ์ที่ 232
ธรรมะบนเขา 22/1/2549
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี







..ต้องถามตนเองว่าตนเองเกิดขึ้นมาทำอะไร...
..ควรแล้วพวกเราจะไม่หลงลืม มรณานุสติ คือ ความตาย ให้ระลึกถึงความตายอยู่บ่อยๆ อยู่ที่ไหนก็รีบขวนขวาย สร้างคุณงามความดีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเองได้ เราจะดูอะไรให้เข้าใจ ศึกษาธรรมะให้เข้าใจ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ตรัสไว้ให้พวกเรานี้เกิดมาเพื่อทำประโยชน์เท่านั้นเอง ไม่ได้เกิดขึ้นมาทำอะไร ต้องถามตนเองว่า ตนเองเกิดขึ้นมาทำอะไร ตนเองถาม..ให้รู้ให้เข้าใจ
..พระพุทธเจ้า ว่าเกิดขึ้นมาแล้ว ควรทำประโยชน์ ทำประโยชน์ให้ได้ประโยชน์ตนเอง จิตใจยังไม่สงบ ก็รีบฝึกฝนอบรมจิตใจของตน ตนเองไม่มีสติปัญญา ก็รีบศึกษาให้มีสติปัญญาเกิดขึ้นเพื่อจะให้รู้ดีรู้ชั่ว ให้รู้อะไรเป็นบาปนำความทุกข์มาให้ รู้อะไรเป็นบุญนำความสุขมาให้แก่ตน นี้เรียกว่า หัดเป็นคนฉลาด
..การเจริญมรณานุสติ ทำให้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต คิดจะทำกิจการอันใด เช่น จะทำบุญ ก็รีบทำบุญ จะรักษาศีล ก็รีบรักษาศีล จะเจริญภาวนา ก็รีบตั้งใจเจริญภาวนา เพื่อให้จิตใจของตนเองสงบ จะได้ไม่ตายไปก่อน ที่จะได้สร้างคุณงามความดี หากบุคคลใดได้เจริญมรณานุสติ เวลาทำสมาธิจิตใจจะไม่ฟุ้งซ่าน สงบได้เร็ว เพราะได้ระลึกถึงความตายบ่อยๆ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเป็นประโยชน์..

..โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..










พอตื่นเช้าขึ้นมา “พุทโธ” ซัก5นาที ปราบอารมณ์ก่อน
พอปราบอารมณ์ได้แล้วทีนี้ มันก็คิดดีหล่ะ เห็นลูกหลานก็น่ารัก เห็นเพื่อนฝูงก็น่ารัก เห็นบ้านเรือนก็น่ารัก เดินไปทางไหนมันก็น่ารัก เพราะว่าใจมันสะอาดแล้ว

โอวาทธรรม
พระธรรมมงคลญาณ วิ.(หลวงปู่วิริยังค์ สิรินฺธโร)






เรื่อง “เจ้าหนี้รายใหญ่ ที่ใจดีที่สุดในโลก”
“มารดาบิดา ท่านจัดว่าเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เป็นเจ้าหนี้ใจดีที่สุดในโลก เป็นเจ้าหนี้ที่ไม่หวังผลต่อการตอบแทน
เจ้าหนี้มี ๒ ประเภท คือ เจ้าหนี้ให้กู้ยืมทางทรัพย์สินเงินทองอย่างหนึ่ง เจ้าหนี้ทางบุญคุณอย่างหนึ่ง เจ้าหนี้ประเภทให้ยืมทรัพย์สินเงินทอง เราพอมีทางที่จะขวนขวายหามาชดใช้ให้หมดสิ้นไป แต่เจ้าหนี้ทางบุญคุณนี้ยากแก่การที่จะชดใช้สิ้นสุดลงไปได้ มารดาบิดาเป็นเจ้าหนี้ทั้ง ๒ ประเภท คือ ทางเงินทองท่านก็ลงทนให้แก่บุตรก่อนเป็นจำนวนมากมาย ทางบุญคุณท่านก็สร้างให้แก่บุตรอย่างมหาศาล
หลักฐานที่เห็นได้ชัดก็คือ เลือดเนื้อตัวตนของเราทั้งหมดนี้แบ่งแยกออกมาจากท่านทั้ง ๒ นั้นเอง คือ ท่านได้มอบสมบัติอันล้ำค่าไว้ให้แก่บุตรทุกๆ คน เรียกว่า “มูลสมบัติ” (รูปร่างกาย)
มารดาบิดาสามารถที่จะเลี้ยงดูบุตรของตนได้หลายคน แต่บุตรหลายคนนั้น น้อยคนที่สุดที่จะเลี้ยงมารดาบิดาของตนได้”

คติธรรม ท่านพ่อลี ธัมมธโร





“เราเกิดขึ้นมากี่ภพกี่ชาติ ก็มาหัดสติตัวเดียวนี้
แต่ไม่สมบูรณ์กันสักที เหตุนั้น ควรที่พวกเรา
จะพากันรีบฝึกหัดสติ แต่บัดนี้
เราจวนจะตายอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าจะตายวันไหน
ควรที่จะฝึกหัดสติ ให้อยู่ในเงื้อมมือของตนให้ได้
อย่าให้จิต ไปอยู่ในเงื้อมมือของความหลงมัวเมา
ผู้ใด จิตไม่อยู่ในอำนาจของตน ก็ได้ชื่อว่า
เราเกิดมาเสียเปล่า ได้ฟังคำสอน
ของพระพุทธเจ้าเสียเปล่า ตายไปก็เปล่าจากประโยชน์”

… หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี …









"ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่ถูกรับรองแล้วว่า เป็นดอกไม้ที่หอมเย็นชื่นใจที่สุด และขาวบริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาดอกไม้ทั้งหลาย ชีวิตของมนุษย์ที่เป็นอยู่ก็เช่นเดียวกับการเล่นละคร ขอให้เป็นตัวเอกที่มีชื่อเสียงที่สุด เช่นเดียว หรือลักษณะเดียว กับดอกมะลิ อย่างเป็นตัวผู้ร้ายที่เลวที่สุด และให้เห็นว่า ดอกมะลินี้จะบานเต็มที่เพียง ๒-๓ วัน ก็จะเหี่ยวเฉาไป ฉะนั้น ขอให้ทำตัวเราให้ดีที่สุดเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ให้หอมที่สุดเหมือนดอกมะลิที่เริ่มแย้มบานฉะนั้น"

ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
ธมฺมวิตกฺโกภิกฺขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร