วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2019, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กระทู้กรัชกายเต็มไปหมด เต็มไปด้วยความไร้สาระ
คุณโรสก็ช่างสนทนากับเขาจริงๆ
555

:b32:
คนที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้
เขาจะรู้ไหมว่าตถาคต
สอนให้รู้จักฟังให้เข้าใจ
ไม่ใช่ฟังไปคิดไปตามที่อยากคิด
เช่นเราบอกว่าตถาคตไม่ให้รับเงินเมื่อบวชแล้ว
เขาคิดและทำตามไม่ได้อ้างวัตถุภายนอกมาเพื่อเข้าข้างตนเองว่าทำถูกต้องแล้ว
อ่ะคิดตามสิ...บรรพชาคือสละเพศคฤหัสถ์ไม่ทำงานหาเงินไม่มีที่นอนจึงจำวัดบิณฑบาตมาฉันไม่สะสมวัตถุ
คิดถูกตามก่อนแล้วก็ทำตามให้ตรงกลางคืนก็ปิดไฟนอนบวชแล้วคุยกับสีกาเกิน6คำก็อาบัติผิดศีลแล้ว
เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็กลับไปนอนบ้านไล่กลับบ้านให้หมดจะมาใช้น้ำไฟที่วัดสร้างบาปให้นักบวชทำไม
ชวนคนเข้าไปนอนวัดมากๆอยากได้อะไรจากชาวบ้านคะรับได้แค่ปัจจัยสี่เข้าใจความจริงไหมคะ
:b32: :b32:



อสาเร สารมติโน สาเร จาสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา
สารญฺจ สาโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา.


(แปลว่า) ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยเป็นสาระ และสิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ.

:b12:
ชื่อกระทู้ก็ลงท้ายว่าคนน่ะหามีไม่
แล้วมีอะไรจริงบอกมาเลย
คนหามีไม่อะไรที่มีคะ
เด่วนี้ขาดปัญญา
เพราะไม่ทำฟัง
ตรงปัจจุบัน
เข้าใจไหม
พอไม่ฟัง
ไม่รู้อะไรเลยก็รีบกุลีกุจอไปทำไม่รู้เพิ่มอีกงัยคะ
ถึงได้บอกงัยว่า...บอก ก็ ไม่ ฟัง ไม่ฟังอยู่เด่วนี้เลยคือปัจจุบันรู้สึกตัวมั๊ยคะ
เอาแต่ตัวตนไปทำตามที่ตนเองต้องการและตามที่คนอื่นขอให้ทำไม่ฟังคำสอนเพื่อให้คิดถูกตามได้งัยคะุ


ไปดูหน้า 1 ให้เข้าใจ พูดไว้ชัดแล้ว :b1: แต่มีบาง คคห. รูปภาพหายไป เดี๋ยวจะแก้ไขเอารูปภาพไปใส่ให้ใหม่

:b32:
ไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ
เอาแต่เรี่ยไรเงินสร้างวัตถุขึ้นมาเป็นภาระ
สร้างไม่เคยเสร็จไม่เคยหยุดเรี่ยไรเงิน
ชาวบ้านประกอบอาชีพบ้านก็ต้องเช่า
ข้าวก็ต้องซื้อบวชแล้วเอาแต่เบียดเบียนผู้อื่น
เนี่ยเรียกว่าทำสิ่งที่ไร้สาระสิ้นดี
บวชแล้วไม่มีเงินสร้างทำไม
ทำไมไม่สอนชาวบ้านว่า
อาตมาอยู่โดยไม่ใช้เงิน
มีฉันอาหารได้จากบิณฑบาต
ได้ไม่เกินเที่ยงไม่ต้องเก็บสะสมวัตถุสิ่งของ
มีอารามที่สงบผู้คนไม่พลุกพล่าน
ไม่ต้องมาสร้างวัตถุใหญ่โต
ให้เป็นภาระเสียค่าน้ำค่าไฟ
สีกาไม่มีกิจเกี่ยวข้องกับอาตมา
กลับไปดูแลบ้านเป็นแม่ศรีเรือน
อาตมามีกุฏิมีร่มไม้ชายคาพอบังแดดบังฝนเท่านั้น
ญาติโยมทั้งหลายมีกิจหน้าที่ประกอบกิจการงาน
ใช้ทรัพย์สินเงินทองจ้างคนงานต้องดูแลครอบครัว
อาตมาปากท้องเดียวมีเงินเดือนวันละ1บาตรฉันให้พุงแตกตายยังได้
ไร้สาระไหมให้ชาวบ้านขนแต่เงินไปบำรุงกิเลสนักบวชจอมปลอมทำสิ่งไม่มีสาระให้กิเลสพองขน
:b32: :b32:


ดูตัวอย่างที่ กท.นี้

viewtopic.php?f=1&t=58370&p=454155#p454155

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2020, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีผู้รู้ทุกท่านครับ อยากขอสอบถามในเรื่องของการนั่งสมาธิครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่

ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบนั่งสมาธิ หรือทำการสวดมนตร์เลยครับ เคยนั่งบ้าง ทำบุญบ้าง ตั้งแต่เด็กยันโต แต่เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเลยทำให้ผมค่อนข้างคิดว่าเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ล้าสมัยครับ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อในศาสนา หรือ ลบหลู่อะไนะครับ ทุกปีก็ยังมีการไปทำบุญบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ค่อยได้ทำการสวดมนตร์ หรือนั่งสมาธิเป็นประจำครับ

จนมาถึงช่วงหนึ่งในชีวิตก็เริ่มอยากศึกษาในเรื่องของพระธรรมครับ มีการค้นคว้าค้นหาทางเน็ตก็เยอะ ได้ลองตั้งสวดมนตร์แบบนั้นนั่งสมาธิแบบนี้มากขึ้นเป็นช่วงๆ ตามประสาวัยรุ่นครับ

จนมาในรอบนี้ที่ตัวผมเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตมากๆครับ จึงเริ่มมีความคิดอยากปลงชีวิต เหนื่อยกับการทำอะไรวนเวียน แลัวรู้สึกเป็นทุกข์ ตัวผมจึงเริ่มกลับมาเข้าหาศาสนาอย่างจริงจังครับ เริ่มรักษาศีล อยากทำบุญ และเริ่มนั่งสมาธิ รวมถึงฟังธรรมจากใน ยูทูปมากขึ้นเรื่อยๆครับ

ปกติการนั่งสมาธิของผมก็เป็นปกติครับ มีการใช้ พุธโธ หายใจเข้าออกเป็นปกติ มีบางครั้งที่รู้สึกว่าตัวลอยบ้าง โดนกดให้ตัวเล็กลง หรือตัวพองบ้าง ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะกว่าอาการจะมาก็เป็นช่วงท้ายๆก่อนจะถึงเวลาหยุดสมาธิแล้วครับ

จนมาเมื่อวานความรู้สึกมันต่างออกไปครับ ผมทำการสวดมนตร์บูชาพระรัตนตรัยน์ก่อนเป็นปกติ แลเริ่มเปิดคลิปสอนนั่งสมาธิของหลวงปู่จรัญแล้วเริ่มทำการนั่งสมาธิครับ

ในช่วงแรกมีการกำหนดลมหายใจตามเดิมเป็นปกติ แต่ด้วยมีการศึกษาอะไรหลายๆอย่างเช่นเรื่องการทำวิปัสสนา เวลามีอาการคัน หรือมีความรู้สึกอะไรก็จะดูที่ตรงที่นั้นๆไปครับ จนมาถึงจุดๆหนึ่งใช้เวลาประมาณไม่เกิน 10 นาที เริ่มมีอาการดั่งที่เคยเป็นครับ ตัวพอง ตัวลอย แต่คราวนี้เริ่มรู้สึกว่ามันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆเช่น มีอาการตัวโยก หรือเหมือนตัวเอียงทั้งๆที่เราก็นั่งตรงอยู่ มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่มันซ้อนทับร่างเราอีกรอบนึงครับ

แต่ด้วยอ่านศึกษามาจึงพยายามไม่ตกใจในอาการเหล่าๆนั้นครับ และคิดว่าสิ่งเหล่านี้มัน คือ อาการของปีติ จึงท่องไว้ในใจว่านี่คือปีติหนอ ปีติหนอ ทว่าพอเราเพ่งดูไปสักพัก มันเริ่มเกิดอาการหมุนครับเหมือนโลกหมุนกลับหน้ากลับหลังจนผมรู้สึกอยากจะอ้วกออกมาเลยครับ แต่ก็ยังสู้กับมันอยู่

ในตอนนั้นเริ่มมีอาการหูไม่ได้สนใจเสียงหลวงพ่อจรัญที่เปิดอยู่รวมถึงคำบริกรรมด้วยครับ

สักพักอาการหมุนก็เริ่มหยุดลง แต่เริ่มมีอาการเหมือนจิตลอยสูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆและมาการหนาวเย็นที่ขาค่อยๆไต่ขึ้นมาถึงตัวครับ หลังจากนั้นตัวผมจึงเริ่มถอนออกจากสมาธิครับ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปไกล หรือมโนภาพไปเองจนเดี๋ยวจะถอนตัวไม่ขึ้นครับ

สภาพหลังถอนตัวออกมานั้น ผมมีอาการเหมือนคนซึมครับ และปวดหัวมากๆ และยังมีอาการรู้สึกว่าร่างกายมันเบาอยู่ จนผ่านมาเกือบวันก็ไม่ได้รู้สึกหิวข้าวหรืออยากกินอะไร และไม่อยากพบหน้าใครหรือทำอะไรเลยครับ พอหันมาดูเวลาก็ผ่านมาแค่ 15-20 นาทีเองเท่านั้น ทั้งๆที่ตัวผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่สภาวะนั้นที่นานมากๆ แต่ด้วยจิตเริ่มกังวลจึงไม่ได้ทำสมาธิต่อครับ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ จึงอยากถามท่านผู้รู้ว่า
1.สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเป็นเพียงแค่ปีติใช่ไหมครับหรือเป็นเพียงจิตปรุงแต่ง
2.หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ผมควรทำอย่างไรต่อไปให้ทิ้งอาการปีติเหล่านี้ได้ครับ และควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อไปให้ถูกทางครับ
3.อาการที่เริ่มไม่ฟังเสียง ไม่บริกรรม พุธโธ เกิดจากอะไรครับ
4.หากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับข้อที่ 3 ผมควรทำเช่นไรต่อครับ
5.เขาว่ากันว่าควรจะมีอาจารย์คอยแนะนำ ตัวผมนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ อยากรู้ว่าใน จ.ชลบุรี ผมสามารถตามหาพวกท่านได้ที่ไหนมั่งครับ เพราะกลัวจะไปผิดทางตอนนี้เลยไม่กล้าทำอะไรที่โผงผางครับ กลัวบ้าหรือจิตจะวิปลาสครับ


https://pantip.com/topic/39539136

ไม่มีอะไรผิดเลย ไม่ผิด ถูกด้วยซ้ำ

คุณโรสเข้าใจไหม นี่แหละคนมีอยู่ แต่คนหามีไม่ คือ ไม่มีคนไม่เขาไม่มีฉัน มีแต่สภาวะของธรรม-ชาติ เข้าใจไหม ดังนั้น ผู้ใดใครก็ตามจะปฏิบัติทางจิตนี่ สำเหนียกไว้เลยว่า อะไรๆเกิดยังไงทั้งทางกายใจ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นอย่างเดียวเท่านั้น เป็นยังไงกำหนดยังงั้น รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น
แรกๆตัวเอง (คน) อาจจะอึดอัดอัดอั้นทรมาน แต่กำหนดไปๆ เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นสภาวะอื่นอีก นี่แหละความเป็นไตรลักษณ์ของมัน (ไม่ใช่เรา) จึงว่า คนน่ะมีอยู่ แต่คนหามีไม่
ถ้าไม่ไหวอย่าทำ :b32: ไปทำบุญอย่างอื่นเอา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2020, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางหลักภาคปฏิบัติไว้ด้วย

วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ (เกิดในขณะถึงอุทยัพพญาณอย่างอ่อน - ตรุณวิปัสสนา)

๑. โอภาส เห็นแสงสว่างต่างๆ

๒. ปีติ (ปีติ ๕ อย่าง จะเกิดขึ้น) ดังนี้

1. ขุททกาปีติ มีลักษณะดังนี้
1.1 เยือกเย็น ขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว
1.2 ร่างกาย มึน ตึง หนัก
1.3 น้ำตาไหลพราก
1.4 ปรากฏเป็นสีขาวต่างๆ

๒. ขณิกาปีติ มีลักษณะดังนี้
2.1 เป็นประกายดังฟ้าแลบ
2.2 ร่างกายแข็ง หัวใจสั่น
2.3 แสบร้อนตามเนื้อตามตัว
2.4 คันยุบยิบ เหมือนแมลงไต่ตามตัว


๓. โอกกันติกาปีติ มีลักษณะดังนี้
3.1 ร่างกายไหวโยก โคลงแคลง บางครั้งสั่นระรัว
3.2 สบัดหน้า สบัดมือ สบัดเท้า
3.3 น้ำลายสอในปาก คลื่นไส้ อาเจียร
3.4 มีอาการคล้ายๆละลอกคลื่นซัด
3.5 ปรากฏมีสีม่องอ่อน สีเหลืองอ่อน


๔. อุเพงคาปีติ มีลักษณะดังนี้
4.1 มีอาการคล้ายๆกายสูงขึ้น ตัวเบา ตัวลอย
4.2 คันยุบยิบ เหมือนมีตัวไร ตอมไต่ตามหน้าตา
4.3 ท้องเสีย ลงท้อง
4.4 สัปหงกไปข้างบ้าง ข้างหลังบ้าง
4.5 หัวหมุนไปมา
4.6 กัดฟันบ้าง อ้าปากบ้าง หุบปากบ้าง
4.7 กายงุ้มไปข้างหลังบ้าง ข้างๆบ้าง
4.8 กายกระตุก ยกแขน ยกขา
4.9 ปรากฏสีไข่มุก สีนุ่น


๕. ผรณาปีติ มีลักษณะดังนี้
5.1 ร่างกายเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว
5.2 ซึมๆไม่อยากลืมตา ไม่อยากเคลื่อนไหว
5.3 ปรากฏเป็นสีคราม สีเขียว สีบงกต

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2020, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


๓. ญาณ (ความรู้) ปรากฏว่า ตัวมีความรู้เปรื่องปราชญ์ หมดจด อย่างไม่เคยมีมาก่อน


๔. ปัสสัทธิ มีความรู้สึกสงบเยือกเย็น ทั้งกายและใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กระวนกระวาย สงบเงียบดังเข้าผลสมาบัติ


๕. สุข ได้แก่ วิปัสสนาสุข รู้สึกว่ามีความสุขที่สุด อย่างไม่เคยพบมาก่อน ยินดี เพลิดเพลิน ไม่อยากออกจากการปฏิบัติ อยากจะพูด จะบอก ผลที่ตนได้ แก่ผู้อื่น


๖. อธิโมกข์ (สัทธา) มีความเลื่อมใสในพระรัตนไตร เป็นต้น อย่างแรงกล้า


๗. ปัคคาหะ (ความเพียร) ขยันเกินควร ตั้งใจปฏิบัติจริง ยอมสู้ตาย ไม่ถอย จนเกินพอดี


๘. อุปัฏฐานะ (สติ) สติมากเกินไป ระลึกถึงแต่เรื่องในอดีตและอนาคต จนทิ้งอารมณ์ปัจจุบันเสีย


๙. อุเบกขา รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดี ยินร้าย ใจลอย หลงๆลืมๆ เป็นต้น อะไรมากระทบก็เฉย ขาดการกำหนด ปล่อยใจไปตามอารมณ์


๑๐. นิกันติ (ติดใจ) พอใจในอารมณ์ต่างๆ มีโอภาส เป็นต้น ตื่นหลงผิดคิดไปว่า ตนคงบรรลุ มรรค ผล นิพพานแล้ว เหตุไม่เคยพบมาก่อน


กิเลสทั้ง ๑๐ (สิ่งที่ทำให้วิปัสสนาเศร้าหมอง) นี้ จะเกิดแก่ผู้ที่ปฏิบัติถูกวิธีเท่านั้น ผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติวิปัสสนาจะไม่ประสบเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2020, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้คำพูดว่า ผู้ปฏิบัติต้องกำหนดละข้ามให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสุขขนาดไหน เป็นทุกข์เท่าใดก็ตาม ต้องกำหนดตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก รู้สึกเฉยๆหรอ เฉยๆหนอๆๆๆ ว่าในใจ ไม่ใช่ขี้เกียจกำหนด ขี้เกียจว่าในใจ ไม่ใช่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2020, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ใช้คำพูดว่า ผู้ปฏิบัติต้องกำหนดละข้ามให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสุขขนาดไหน เป็นทุกข์เท่าใดก็ตาม ต้องกำหนดตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก รู้สึกเฉยๆหรอ เฉยๆหนอๆๆๆ ว่าในใจ ไม่ใช่ขี้เกียจกำหนด ขี้เกียจว่าในใจ ไม่ใช่

onion
รู้จักพระพุทธเจ้าได้เมื่อรู้ความจริงตรงสัจจะไม่ตรงเลยแปลว่ามีไม่รู้(มีกิเลส)
ตถาคตบอกให้เข้าใจถูกตามคำของพระองค์ว่าไม่มีเรามีแต่สิ่งที่มีจริงที่เรียกว่าธัมมะ
ภิกษุลามกโลภมากอยากได้เงินสอนชาวบ้านผิดๆอ้างผ้าคือกฐินและผ้าป่าเพื่อเรี่ยไรเงินทอง
https://youtu.be/lad32U6XaBQ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2020, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สวัสดีผู้รู้ทุกท่านครับ อยากขอสอบถามในเรื่องของการนั่งสมาธิครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่

ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบนั่งสมาธิ หรือทำการสวดมนตร์เลยครับ เคยนั่งบ้าง ทำบุญบ้าง ตั้งแต่เด็กยันโต แต่เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเลยทำให้ผมค่อนข้างคิดว่าเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ล้าสมัยครับ

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อในศาสนา หรือ ลบหลู่อะไนะครับ ทุกปีก็ยังมีการไปทำบุญบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ค่อยได้ทำการสวดมนตร์ หรือนั่งสมาธิเป็นประจำครับ

จนมาถึงช่วงหนึ่งในชีวิตก็เริ่มอยากศึกษาในเรื่องของพระธรรมครับ มีการค้นคว้าค้นหาทางเน็ตก็เยอะ ได้ลองตั้งสวดมนตร์แบบนั้นนั่งสมาธิแบบนี้มากขึ้นเป็นช่วงๆ ตามประสาวัยรุ่นครับ

จนมาในรอบนี้ที่ตัวผมเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตมากๆครับ จึงเริ่มมีความคิดอยากปลงชีวิต เหนื่อยกับการทำอะไรวนเวียน แลัวรู้สึกเป็นทุกข์ ตัวผมจึงเริ่มกลับมาเข้าหาศาสนาอย่างจริงจังครับ เริ่มรักษาศีล อยากทำบุญ และเริ่มนั่งสมาธิ รวมถึงฟังธรรมจากใน ยูทูปมากขึ้นเรื่อยๆครับ

ปกติการนั่งสมาธิของผมก็เป็นปกติครับ มีการใช้ พุธโธ หายใจเข้าออกเป็นปกติ มีบางครั้งที่รู้สึกว่าตัวลอยบ้าง โดนกดให้ตัวเล็กลง หรือตัวพองบ้าง ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะกว่าอาการจะมาก็เป็นช่วงท้ายๆก่อนจะถึงเวลาหยุดสมาธิแล้วครับ

จนมาเมื่อวานความรู้สึกมันต่างออกไปครับ ผมทำการสวดมนตร์บูชาพระรัตนตรัยน์ก่อนเป็นปกติ แลเริ่มเปิดคลิปสอนนั่งสมาธิของหลวงปู่จรัญแล้วเริ่มทำการนั่งสมาธิครับ

ในช่วงแรกมีการกำหนดลมหายใจตามเดิมเป็นปกติ แต่ด้วยมีการศึกษาอะไรหลายๆอย่างเช่นเรื่องการทำวิปัสสนา เวลามีอาการคัน หรือมีความรู้สึกอะไรก็จะดูที่ตรงที่นั้นๆไปครับ จนมาถึงจุดๆหนึ่งใช้เวลาประมาณไม่เกิน 10 นาที เริ่มมีอาการดั่งที่เคยเป็นครับ ตัวพอง ตัวลอย แต่คราวนี้เริ่มรู้สึกว่ามันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆเช่น มีอาการตัวโยก หรือเหมือนตัวเอียงทั้งๆที่เราก็นั่งตรงอยู่ มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่มันซ้อนทับร่างเราอีกรอบนึงครับ

แต่ด้วยอ่านศึกษามาจึงพยายามไม่ตกใจในอาการเหล่าๆนั้นครับ และคิดว่าสิ่งเหล่านี้มัน คือ อาการของปีติ จึงท่องไว้ในใจว่านี่คือปีติหนอ ปีติหนอ ทว่าพอเราเพ่งดูไปสักพัก มันเริ่มเกิดอาการหมุนครับเหมือนโลกหมุนกลับหน้ากลับหลังจนผมรู้สึกอยากจะอ้วกออกมาเลยครับ แต่ก็ยังสู้กับมันอยู่

ในตอนนั้นเริ่มมีอาการหูไม่ได้สนใจเสียงหลวงพ่อจรัญที่เปิดอยู่รวมถึงคำบริกรรมด้วยครับ

สักพักอาการหมุนก็เริ่มหยุดลง แต่เริ่มมีอาการเหมือนจิตลอยสูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆและมาการหนาวเย็นที่ขาค่อยๆไต่ขึ้นมาถึงตัวครับ หลังจากนั้นตัวผมจึงเริ่มถอนออกจากสมาธิครับ เพราะกลัวว่าตัวเองจะไปไกล หรือมโนภาพไปเองจนเดี๋ยวจะถอนตัวไม่ขึ้นครับ

สภาพหลังถอนตัวออกมานั้น ผมมีอาการเหมือนคนซึมครับ และปวดหัวมากๆ และยังมีอาการรู้สึกว่าร่างกายมันเบาอยู่ จนผ่านมาเกือบวันก็ไม่ได้รู้สึกหิวข้าวหรืออยากกินอะไร และไม่อยากพบหน้าใครหรือทำอะไรเลยครับ พอหันมาดูเวลาก็ผ่านมาแค่ 15-20 นาทีเองเท่านั้น ทั้งๆที่ตัวผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่สภาวะนั้นที่นานมากๆ แต่ด้วยจิตเริ่มกังวลจึงไม่ได้ทำสมาธิต่อครับ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ จึงอยากถามท่านผู้รู้ว่า
1.สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเป็นเพียงแค่ปีติใช่ไหมครับหรือเป็นเพียงจิตปรุงแต่ง
2.หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ผมควรทำอย่างไรต่อไปให้ทิ้งอาการปีติเหล่านี้ได้ครับ และควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อไปให้ถูกทางครับ
3.อาการที่เริ่มไม่ฟังเสียง ไม่บริกรรม พุธโธ เกิดจากอะไรครับ
4.หากเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับข้อที่ 3 ผมควรทำเช่นไรต่อครับ
5.เขาว่ากันว่าควรจะมีอาจารย์คอยแนะนำ ตัวผมนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ อยากรู้ว่าใน จ.ชลบุรี ผมสามารถตามหาพวกท่านได้ที่ไหนมั่งครับ เพราะกลัวจะไปผิดทางตอนนี้เลยไม่กล้าทำอะไรที่โผงผางครับ กลัวบ้าหรือจิตจะวิปลาสครับ


https://pantip.com/topic/39539136

ไม่มีอะไรผิดเลย ไม่ผิด ถูกด้วยซ้ำ

คุณโรสเข้าใจไหม นี่แหละคนมีอยู่ แต่คนหามีไม่ คือ ไม่มีคนไม่เขาไม่มีฉัน มีแต่สภาวะของธรรม-ชาติ เข้าใจไหม ดังนั้น ผู้ใดใครก็ตามจะปฏิบัติทางจิตนี่ สำเหนียกไว้เลยว่า อะไรๆเกิดยังไงทั้งทางกายใจ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นอย่างเดียวเท่านั้น เป็นยังไงกำหนดยังงั้น รู้สึกยังไงกำหนดยังงั้น
แรกๆตัวเอง (คน) อาจจะอึดอัดอัดอั้นทรมาน แต่กำหนดไปๆ เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเป็นสภาวะอื่นอีก นี่แหละความเป็นไตรลักษณ์ของมัน (ไม่ใช่เรา) จึงว่า คนน่ะมีอยู่ แต่คนหามีไม่
ถ้าไม่ไหวอย่าทำ :b32: ไปทำบุญอย่างอื่นเอา

cool
ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสแล้วก็จำมาตั้งแต่เกิดเลยว่ามีตัวคนหนาแน่น=ปุถุชน
จำชื่อแนบแน่นจำว่ามีบ้านมีสมบัติมีอาชีพพอหลับสนิทแม้แต่ชื่อตัวเองก็ไม่รู้จัก
ที่สำคัญที่สุดคือลืมตาปริบๆนี่แหละไม่รู้ว่าเห็นคืออะไรยังจะไปหลับตาทำไม่รู้เพิ่มอีก
แล้วก็ไม่รู้จักว่าอะไรคือดีอะไรคือชั่วมีแต่อยากดีแต่ไม่รู้ว่าที่อยากดีมากๆนั่นคือยังไม่ละชั่ว
ทุกคำที่คุณพูดพูดตามคิดเห็นของตัวเองคือพูดทุกคำที่ตัวเองไม่รู้จักจนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำสอน
เมื่อไหร่ที่เริ่มฟังแล้วคิดไตร่ตรองตามคำสอนของตถาคตขณะนั้นเองเริ่มดีได้และหยุดอยากไปทำอย่างอื่น
ประเสริฐเมื่อเริ่มเข้าใจถูกตามคำสอนเริ่มคิดได้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรบ้างไม่ใช่ไปท่องคำที่เป็นปัญญาตถาคต
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2020, 16:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะรู้ไม่ทันจะคิดดับๆ​ จึงออกจากวงกลมใส่ร้าย​ไม่ได้​ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใส่ดีได้สักครั้ง​ เพราะต้นเหตุอยู่ที่รู้ทันจะคิดดับๆ​ ก็จะใส่ดีได้ทุกเรื่ง​ ก็จะไม่โง่​ ใส่ร้าย​ ยึดถือ​ เรื่องอะไรอีกเลย

จากสายสืบนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2020, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ประกาศๆๆๆๆ
เร่เข้ามาฟังว่าอลัชชีมหาโจรเศรษฐีหัวโล้นโกนคิ้ว
ปล้นวัด+สักการะต่างๆที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
รีดไถเงินต่างๆนานาจากความทุกข์ของชาวบ้าน
บวชเข้าไปทำลายคำสอนเบียดเบียนแต่ชาวบ้าน
สร้างวัตถุเครื่องรางของขลังทำเป็นธุรกิจทุกกิจการ
https://youtu.be/2HGB44e4l1I
:b12:
:b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2020, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin

สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


viewtopic.php?f=1&t=58750&start=150

อ้างคำพูด:
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


ไหนแขนอยู่ไหน

ที่คุณโรสไปจดจำมาจากสำนักแม่สุจิน พูดตรงๆก็คือหลงจนหลุดโลก

ดังนั้น จึงนำ คคห. จากลิงค์นั้น มาที่ กท. "คนมีอยู่ แต่คนหามีไม่"

อย่างคุณโรสถาม ไหนแขนอยู่ไหน เขาเรียกมโนหลุดโลก คือแยกสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะไม่เป็น :b32: เลยกลายเป็นทำมะเฉพาะคนเฉพาะกลุ่มด้วยประการฉะนี้แล.

เป็นทำมะขวางโลก ไม่ใช่พุทธธรรมไม่ใช่ธรรมที่องค์พระศาสดาสอน

ถามไว้ คุณโรสมีแขานไหม มีขาไหม มีตา มีปาก เป็นต้น ไหม ตอบสิ มี ไม่มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2020, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin

สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


viewtopic.php?f=1&t=58750&start=150

อ้างคำพูด:
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


ไหนแขนอยู่ไหน

ที่คุณโรสไปจดจำมาจากสำนักแม่สุจิน พูดตรงๆก็คือหลงจนหลุดโลก

ดังนั้น จึงนำ คคห. จากลิงค์นั้น มาที่ กท. "คนมีอยู่ แต่คนหามีไม่"

อย่างคุณโรสถาม ไหนแขนอยู่ไหน เขาเรียกมโนหลุดโลก คือแยกสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะไม่เป็น :b32: เลยกลายเป็นทำมะเฉพาะคนเฉพาะกลุ่มด้วยประการฉะนี้แล.

เป็นทำมะขวางโลก ไม่ใช่พุทธธรรมไม่ใช่ธรรมที่องค์พระศาสดาสอน

ถามไว้ คุณโรสมีแขานไหม มีขาไหม มีตา มีปาก เป็นต้น ไหม ตอบสิ มี ไม่มี

:b12:
พระพุทธเจ้าคือมหาบุรุษเอกบุรุษของจักรวาลนี้
ที่เป็นผู้รู้ทุกอย่างแล้วก่อนมาอธิบายไว้ละเอียดว่าอะไรดี อะไรชั่ว
พระองค์บอกให้ฟังคำอธิบายให้ละเอียดๆจะได้เข้าใจพฤติกรรมตัวเอง
ถ้าไม่เข้าใจพฤติกรรมตัวเองตรงตามคำสอนแปลว่าไม่เคยรู้สึกตัวอะไรทั้งนั้นตูจะเอาตามความคิดตู555
:b34:
คุณกรัชกายคะคุณมีตาไหมคะ
ยังมีก็ให้รู้จักตัวเองสิว่ากำลังมีอัตตา
ไม่เคยระลึกตามคำของตถาคตเลยว่าตัวตนไม่มี
ถ้าตถาคตบอกว่าตัวเราไม่มีแล้วจะมีตาจริงๆได้หรือคิดสิ
เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีอัตตาและไม่รู้ด้วยว่าอนัตตาเป็นยังไง...เอ่อน่ะบอกให้เริ่มทำปัญญาจากฟัง
จะไปรู้สึกตัวตนตัวเองตอนไหน...การศึกษาคำของตถาคตไม่ใช่การท่องบัญญัติคำทุกคำแล้วก็คิดว่ารู้แล้ว
เข้าใจมั๊ยคะว่าตถาคตรู้หมดแล้วจึงมาบอกให้รู้สึกตัวตรงที่ตัวตนกำลังมีตรงแค่คำเดียวทางเดียวเอาสักทางสิ
เพราะทุกทางที่มีมันเกิดสลับที่กันไม่ได้เกิดพร้อมกันไม่เกิดร่วมกันเลยมันเกิดดับคนละที่เป็นคนละวิถีจิตเลย
คำของตถาคตมันมีตรงเดี๋ยวนี้ทุกคำที่ตัวตนของทุกคนกำลังมีตัวเองมีตรงกับคำไหนต้องรู้สึกจริงตรงนั้นเลย
เอาอะไรมาคิดว่าตัวเองรู้เพราะความตรงจริงต้องกำลังรู้สึกตัวตรงจุดใดจุดหนึ่งที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นเลย
ไม่มีการแปลกแยกปลีกวิเวกออกไปจากตัวตนที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ขณะนี้ถ้าคิดออกไปนอกตัวก็คือขาดสติแล้ว
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2020, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin

สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


viewtopic.php?f=1&t=58750&start=150

อ้างคำพูด:
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


ไหนแขนอยู่ไหน

ที่คุณโรสไปจดจำมาจากสำนักแม่สุจิน พูดตรงๆก็คือหลงจนหลุดโลก

ดังนั้น จึงนำ คคห. จากลิงค์นั้น มาที่ กท. "คนมีอยู่ แต่คนหามีไม่"

อย่างคุณโรสถาม ไหนแขนอยู่ไหน เขาเรียกมโนหลุดโลก คือแยกสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะไม่เป็น :b32: เลยกลายเป็นทำมะเฉพาะคนเฉพาะกลุ่มด้วยประการฉะนี้แล.

เป็นทำมะขวางโลก ไม่ใช่พุทธธรรมไม่ใช่ธรรมที่องค์พระศาสดาสอน

ถามไว้ คุณโรสมีแขานไหม มีขาไหม มีตา มีปาก เป็นต้น ไหม ตอบสิ มี ไม่มี

:b12:
พระพุทธเจ้าคือมหาบุรุษเอกบุรุษของจักรวาลนี้
ที่เป็นผู้รู้ทุกอย่างแล้วก่อนมาอธิบายไว้ละเอียดว่าอะไรดี อะไรชั่ว
พระองค์บอกให้ฟังคำอธิบายให้ละเอียดๆจะได้เข้าใจพฤติกรรมตัวเอง
ถ้าไม่เข้าใจพฤติกรรมตัวเองตรงตามคำสอนแปลว่าไม่เคยรู้สึกตัวอะไรทั้งนั้นตูจะเอาตามความคิดตู555
:b34:
คุณกรัชกายคะคุณมีตาไหมคะ
ยังมีก็ให้รู้จักตัวเองสิว่ากำลังมีอัตตา
ไม่เคยระลึกตามคำของตถาคตเลยว่าตัวตนไม่มี
ถ้าตถาคตบอกว่าตัวเราไม่มีแล้วจะมีตาจริงๆได้หรือคิดสิ
เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีอัตตาและไม่รู้ด้วยว่าอนัตตาเป็นยังไง...เอ่อน่ะบอกให้เริ่มทำปัญญาจากฟัง
จะไปรู้สึกตัวตนตัวเองตอนไหน...การศึกษาคำของตถาคตไม่ใช่การท่องบัญญัติคำทุกคำแล้วก็คิดว่ารู้แล้ว
เข้าใจมั๊ยคะว่าตถาคตรู้หมดแล้วจึงมาบอกให้รู้สึกตัวตรงที่ตัวตนกำลังมีตรงแค่คำเดียวทางเดียวเอาสักทางสิ
เพราะทุกทางที่มีมันเกิดสลับที่กันไม่ได้เกิดพร้อมกันไม่เกิดร่วมกันเลยมันเกิดดับคนละที่เป็นคนละวิถีจิตเลย
คำของตถาคตมันมีตรงเดี๋ยวนี้ทุกคำที่ตัวตนของทุกคนกำลังมีตัวเองมีตรงกับคำไหนต้องรู้สึกจริงตรงนั้นเลย
เอาอะไรมาคิดว่าตัวเองรู้เพราะความตรงจริงต้องกำลังรู้สึกตัวตรงจุดใดจุดหนึ่งที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นเลย
ไม่มีการแปลกแยกปลีกวิเวกออกไปจากตัวตนที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ขณะนี้ถ้าคิดออกไปนอกตัวก็คือขาดสติแล้ว
:b32: :b32:


ไม่ได้ฟังเสียงนกเสียงกาเลย ไม่ฟังเสียงจิ้งจกทักเลย พร่ำไปเรื่อยอะไรนักก็ไม่รู้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2020, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin

สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


viewtopic.php?f=1&t=58750&start=150

อ้างคำพูด:
ไม่มีแขน แต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้าง แข็งบ้าง นุ่มบ้างทีละ 1 อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


ไหนแขนอยู่ไหน

ที่คุณโรสไปจดจำมาจากสำนักแม่สุจิน พูดตรงๆก็คือหลงจนหลุดโลก

ดังนั้น จึงนำ คคห. จากลิงค์นั้น มาที่ กท. "คนมีอยู่ แต่คนหามีไม่"

อย่างคุณโรสถาม ไหนแขนอยู่ไหน เขาเรียกมโนหลุดโลก คือแยกสมมติสัจจะ กับ ปรมัตถสัจจะไม่เป็น :b32: เลยกลายเป็นทำมะเฉพาะคนเฉพาะกลุ่มด้วยประการฉะนี้แล.

เป็นทำมะขวางโลก ไม่ใช่พุทธธรรมไม่ใช่ธรรมที่องค์พระศาสดาสอน

ถามไว้ คุณโรสมีแขานไหม มีขาไหม มีตา มีปาก เป็นต้น ไหม ตอบสิ มี ไม่มี

:b12:
พระพุทธเจ้าคือมหาบุรุษเอกบุรุษของจักรวาลนี้
ที่เป็นผู้รู้ทุกอย่างแล้วก่อนมาอธิบายไว้ละเอียดว่าอะไรดี อะไรชั่ว
พระองค์บอกให้ฟังคำอธิบายให้ละเอียดๆจะได้เข้าใจพฤติกรรมตัวเอง
ถ้าไม่เข้าใจพฤติกรรมตัวเองตรงตามคำสอนแปลว่าไม่เคยรู้สึกตัวอะไรทั้งนั้นตูจะเอาตามความคิดตู555
:b34:
คุณกรัชกายคะคุณมีตาไหมคะ
ยังมีก็ให้รู้จักตัวเองสิว่ากำลังมีอัตตา
ไม่เคยระลึกตามคำของตถาคตเลยว่าตัวตนไม่มี
ถ้าตถาคตบอกว่าตัวเราไม่มีแล้วจะมีตาจริงๆได้หรือคิดสิ
เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีอัตตาและไม่รู้ด้วยว่าอนัตตาเป็นยังไง...เอ่อน่ะบอกให้เริ่มทำปัญญาจากฟัง
จะไปรู้สึกตัวตนตัวเองตอนไหน...การศึกษาคำของตถาคตไม่ใช่การท่องบัญญัติคำทุกคำแล้วก็คิดว่ารู้แล้ว
เข้าใจมั๊ยคะว่าตถาคตรู้หมดแล้วจึงมาบอกให้รู้สึกตัวตรงที่ตัวตนกำลังมีตรงแค่คำเดียวทางเดียวเอาสักทางสิ
เพราะทุกทางที่มีมันเกิดสลับที่กันไม่ได้เกิดพร้อมกันไม่เกิดร่วมกันเลยมันเกิดดับคนละที่เป็นคนละวิถีจิตเลย
คำของตถาคตมันมีตรงเดี๋ยวนี้ทุกคำที่ตัวตนของทุกคนกำลังมีตัวเองมีตรงกับคำไหนต้องรู้สึกจริงตรงนั้นเลย
เอาอะไรมาคิดว่าตัวเองรู้เพราะความตรงจริงต้องกำลังรู้สึกตัวตรงจุดใดจุดหนึ่งที่ร่างกายตัวเองกำลังเป็นเลย
ไม่มีการแปลกแยกปลีกวิเวกออกไปจากตัวตนที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ขณะนี้ถ้าคิดออกไปนอกตัวก็คือขาดสติแล้ว
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
คุณมีตาไหมคะ
ยังมีก็ให้รู้จักตัวเองสิว่ากำลังมีอัตตา


คุณโรสตีความผิดหมด เข้าใจผิดหมด

ถามว่ากรัชกายมีตาไหมคะ ? คิกๆๆ ตอบว่า มีจ้า
นอกจากมีตาแล้ว ยังมีหู มีจมูก มีปาก มีลิ้น มีกาย มีใจด้วยนะขอรับ :b32:

คุณโรสถามแบบนี้ แสดงว่า คุณโรส เป็นต้น รวมทั้งคุณปฤษฎีเป็นต้นอีกด้วย ที่ว่า เป็นต้นก็ยังมีเจ้าสำนักบ้านธัมมะด้วย ไม่มีตา ไม่มีหู ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีตูด คิกๆๆ พูดแล้วขำ ใช่ไหมขอรับ ตอบ

1. ไม่มี
2.มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2020, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
บัญญัติแล้ว ราชบัณฑิตยสภา บัญญัติศัพท์ "New normal" หมายถึง ความปรกติใหม่ หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ โดยเขียนทับศัพท์ว่า "นิวนอร์มัล"


https://pbs.twimg.com/media/EX9s5kvUYAI ... ame=medium

https://news.thaipbs.or.th/content/292432


นักธรรมบ้านเราพูดกันบ่อยๆ สมมติบัญญัติ ดูตัวอย่างนี้ บัญญัติ

สมมติบัญญัติ ละไม่ได้ ไม่ต้องละมัน เพียงแต่เข้าใจ คนนี่ก็บัญญัติ (สมมติบัญญัติ) ไม่ต้องละคน เพียงแต่เข้าใจว่าเป็นคำที่บัญบัติเรียก (ปัญจสาขา-หัว 1 แขน 2 ขา 2 = ว่า คน, มนุษย์แล้วแต่ภาษาของชนชาตินั้นๆ ไม่ต้องละไปไหน เพียงรู้เข้าใจ) เพื่อสื่อสารกันรู้เรื่อง บางกลุ่มไปสอนให้ละสมมติบัญญัติ :b1:


บัญญัติ การตั้งขึ้น, ข้อที่ตั้งขึ้น,การกำหนดเรียก, การเรียกชื่อ, การวางเป็นกฎไว้, ข้อบังคับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2020, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นจาก 1000 ทิพ หัวข้อ กท.

ธรรมะขั้นต้น โดย ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

https://pantip.com/topic/39901665

ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ ความคิด และ ความจำ ว่ามีตัวเรา มีแขน ขา ปอด หัวใจ ฯลฯ รวมทั้งมีคนอื่นรอบตัวเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา สัตว์ สิ่งของ

น่าคิดว่าตัวเราจริงๆ ที่มีแขน ขา ปอด หัวใจรวมทั้งอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายมีหรือไม่

พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ของเรา มีจริงและเป็นของเราจริงหรือไม่

ลองจับที่ "แขน" ของคุณดูสิว่า กระทบอะไร จะบอกว่า กระทบ "แขน" หรือเปล่า ลองหลับตา แล้วจับที่ "แขน" อีกสักครั้งว่า จริงๆแล้ว กระทบอะไรบางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอ่อนนุ่ม (ถ้าแขนของคุณ นุ่ม อย่างนั้น) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความแข็ง (ถ้าแขนของคุณไม่นุ่ม แต่ผิวแห้งแตก มีเนื้อน้อย) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความเย็น (ถ้าคุณอยู่ในห้องแอร์ เย็นเฉียบ) บางคนอาจบอกว่า กระทบ ความอุ่น (ถ้าตัวคุณอุ่นๆ เพราะเป็นไข้ ตัวร้อน)เห็นไหมว่า คุณไม่ได้กระทบ "แขน" จริงๆ แต่เป็น ความอ่อน แข็ง เย็นหรือร้อนต่างหาก ที่เคยคิดว่า เป็น "แขน" เพราะเคยได้เห็น แล้วจำไว้ เคยได้จับต้อง แล้วจำไว้

คราวนี้ ลองหลับตาอีกครั้ง คุณ "เห็น" อะไรบ้าง เห็นแต่ "ความมืด" ใช่หรือไม่พอลืมตามีความสว่าง และสีสันต่างๆ ปรากฏ เป็นรูปทรงหลากหลายคราวนี้หลับตาอีกครั้ง แล้วลองนึกดูสิว่า เมื่อสักครู่ (ตอนลืมตา) เห็นอะไรบ้างคุณอาจบอกไม่ได้ทั้งหมดที่คุณได้เห็นเพราะจำไม่ได้หมด

ความจริงก็คือตอนที่คุณ "เห็น" จริงๆ (ลืมตา) กับตอนที่คิดว่า "เห็นอะไร" (หลับตา แล้วคิด) ต่างกัน แต่ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ไม่หลับ คุณลืมตาเกือบตลอดเวลาจึงดูเหมือนว่า คุณเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เห็นคน เห็นวัตถุความจริงก็คือ คุณเห็นเพียง"สีต่างๆ" แล้วคิดต่อว่าเป็น "คน" เป็น "วัตถุ" เป็นสิ่งต่างๆ เพราะว่า คุณเคยเห็น แล้วจดจำไว้ว่า สิ่งที่คุณเห็น เรียกว่า "คน" หรือวัตถุสิ่งของต่างๆมากมาย

คุณโรสต้องคิดทำความเข้าใจคำว่า รถ, เกวียน, คน, เป็นต้น ให้ขาดระหว่างคำสมมติเรียกว่า "รถ" กับ คำว่า สภาวะ (สภาวธรรม) ถ้าให้สรุปบทความนั้น ก็ว่า เป็นการตีความเอาเอง ถ้าใช้ภาษาสมัยใหม่ก็ว่า มโนไปเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 127 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร