วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2020, 06:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




20200331_061430.jpg
20200331_061430.jpg [ 68.96 KiB | เปิดดู 943 ครั้ง ]
มรรคจิตมีกิจ ๑๖ อย่าง
หมายถึงนอกจากอย่างอื่นไม่มีอีกแล้ว
เมื่อบรรลุอรหันต์ก็ครบ ๑๖ อย่างพอดี
เพราะหน้าที่ของมรรคหนึ่ง ๆ นั้นจะแบ่งออกเป็น ๔ อย่าง

เช่นในขณะบรรลุโสตาปัตติมรรคก็จะทำหน้าที่ (กิจ)
ออกเป็น ๔ อย่าง คือจะทำหน้าที่กำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัย
แจ่มแจ้งในนิโรธ และทำให้มรรคเจริญ

เปรียบเหมือนตะเกียงที่จุดไว้ ในขณะเดียวกัน
ก็ทำหน้าที่เผาไหม้อยู่นั้น ๑. ทำให้น้ำมันหมด ๒. ไส้ก็หมด
๓. ให้แสงสว่าง ๔. ทำลายความมืด ไปพร้อมๆ กัน
กิจของมรรคทั้ง ๔ มรรคก็จะมีกิจคล้ายๆกัน

คำว่า นาปรํ อิตฺถตฺตาย กิจอย่างอื่นไม่มีอีกแล้ว
ขีณา ชาติ วึสิตํ พฺรหมจริยํ กตํ กรณียํ ชาติสิ้นสุดแล้ว
พรหมจรรย์ประพฤติจบแล้ว กิจได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว
กิจอื่นเพื่อที่จะได้เป็นอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว

เมื่อไม่มีกิจแล้ว มรรคก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอีก
และก็ไม่มีมรรคใด ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นอีกแล้ว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2020, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้บรรลุหากไม่พิจารณาก็ไม่รู้ว่าตัวเองบรรลุ
อนึ่งมรรคนั้นเป็นปัจจุบันกาล แปลว่า "ย่อมหลุดพ้น"
เพราะธรรมชาติของมรรคย่อมเกิดขึ้นครั้งเดียว
ส่วน วิมุตฺต "หลุดพ้นแล้ว" หมายถึงเมื่อหลุดพ้นแล้ว
เป็นขั้นของอริยผล

ส่วนคำว่า วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ อันนี้เป็นขั้น ปัจจเวกขณญาณ
หมายความว่า ผู้ที่บรรลุเป็นอริยะแล้ว ถ้าไม่ได้พิจารณา
ก็จะไม่รู้ว่าตนเองเป็นพระอริยะ คือต้องพิจารณาด้วยปัจจเวกขณญาณด้วย
จึงจะรู้ว่าตนเองบรรลุ ถ้าเราเรียนปริเฉทที่เกี่ยวกับกัมมัฏฐาน
ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ เราก็พอจะทราบว่า

หลังจากที่ได้อริยะผลแล้ว จะมีปัจจเวกขณญานเกิดขึ้น
ซึ่งในที่นี้หมายถึงคำว่าญาณํ ในประโยคว่า วิมุตฺติ ญาณํ โหติ
ก็ในปัจจเวกขณญานนี้เกิดเพื่อพิจารณามรรคผล
พิจารณากิเลสที่ตนละได้กับที่ละไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมี
ปัจจเวกขณญาณเกิดขึ้นหลังจากผล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร