วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2020, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#มีคนเดินมาด่าเรา_เราจะโกรธไหม

คนทั่วไปที่ไม่รับการฝึกอบรมจิตใจมา ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา

แต่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาจะไม่โกรธ กลับสงสารว่า...เขาไม่เคยเจอความสุขที่แท้จริง เขาน่าสงสาร

ถ้าเรารักตัวเอง เราจะไม่ส่งจิตออกไปให้ใจโกรธ แต่จะมีสติรักษาจิตให้มีความสุข สงบเย็น

โอวาทธรรม
หลวงพ่อสุดใจ ทนฺตมโน


"..การเผาศพนั้น
ไม่ใช่จะเผาแต่คนอื่น
ครูบาอาจารย์ท่านสอน
อยู่เสมอ ให้เผาศพเจ้าของ
ทุกวัน เราก็เป็นผู้ที่เกิดมา
แล้วจะต้องตายเหมือนกัน

ไม่ใช่เกิดมาตายแต่เฉพาะ
คนอื่น เราก็เกิดมาตาย
เหมือนกัน ร่างกายของเรา
นี้ล่ะ ให้เผาเขาอยู่ทุกวัน

คำว่า“เผาทุกวัน”คืออย่างไร
คือนึกว่าเผาร่างกายของเรา
ร่างกายอันนี้เขาก็เป็นของทิ้ง
ในเมื่อเป็นของทิ้ง เอาไปเผา
เผาก็เพื่อให้ไหม้ ให้ซาก
สกปรกให้ซากสิ่งปฏิกูล
อันนี้หมดสิ้นไป เพื่อทำลาย
ขยะเชื้อโรคปฏิกูลนี้ให้หมด
สิ้นไปเท่านั้นเอง

การเผาศพเราต้องหัดเผา
อยู่เสมอ ประโยชน์ก็เพื่อ
ให้เห็นว่าร่างกายนี้ก็สัก
แต่ว่าเป็นของทิ้ง ร่างกาย
ของใคร ๆ ก็สักแต่ว่าของทิ้ง

ในเมื่อร่างกายเขาเป็น
ของทิ้ง แล้วร่างกายจะ
เป็นเราเป็นเขาได้อย่างไร
ร่างกายจะเป็นคนได้อย่างไร
ก็เห็นชัด ๆ ว่าเป็นของทิ้ง

เรื่องการเผาศพนี้จึงต้อง
เผาให้เป็น ถ้าหากเผาเป็น
ก็เป็นบุญเป็นกุศล "

โอวาทธรรม
หลวงปู่แบน ธนากโร



"ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว
คนอื่นเค้าว่าไม่ดี ก็เป็นเรื่องของเขา
เราอย่าทิ้งความดีของเรา
มันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ที่คนอื่นมอง"

หลวงปู่ชา สุภัทโท



"เราทำบุญกับใคร ให้ลืม
ใครทำบุญกับเรา ให้จำ"

หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ



"กินเนื้อ ก็เป็นสัตว์
กินผัก ก็เป็นสัตว์
เราพุทธบริษัท
ไม่กินทั้งเนื้อ
ไม่กินทั้งผัก
แต่กินอาหารโว้ย! "

ท่านพุทธทาสภิกขุ



#เราเกิดมาในชาติหนึ่งๆ....

"อย่าปล่อยให้ร่างกายของเรา เหมือนเรือไหลล่อง ผู้เป็นเจ้าของต้องเตรียมตัวระมัดระวัง หางเสือของเรือไว้ให้ดี

#ผู้ใดเผลอ
#ผู้ใดประมาท

ผู้นั้นมอบกายของตน ให้เป็นเรือไหลล่องไปตามกระแสน้ำ ผู้นั้นเรียกว่า โง่น่าเกลียดฉลาดน่าชัง เป็นยาพิษ เรือที่เรานั่งไปนั้นหากมันล่มลงในกลางน้ำ จระเข้ก็จะไล่กิน กระโดดขึ้นมาบนดิน ฝูงแตนก็ไล่ต่อย

#คนเราเกิดมามีกิเลส

เรียกว่า กิเลสวัฏฏะ เป็นเชือกผูกมัดคอ ผู้มีกิเลสต้องทำกรรม เรียกว่า กรรมวัฏฏะ ซึ่งก็เป็นเชือกมัดคออีกเส้นหนึ่ง ผู้ที่ทำกรรมไว้ย่อมจะได้เสวยผลของการ กระทำ เรียกว่า วิปากวัฏฏะ เป็นเชือกเส้นที่สามมัดคอไว้ในเรือนจำ เราทุกคนต้องสร้างสมอบรมปัญญา ซึ่งสามารถทำลายเรือนจำให้แตก ผู้ใดทำลายเรือนจำไม่ได้ ผู้นั้นก็จะเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะนี้เรื่อยไป.. "
--------------------
"เพราะฉะนั้น เราทุกคนจะต้องเตรียมตัวเป็นนักกีฬา ต่อสู้ทำลายเรือนจำให้มันแตก อย่าให้มันขังเราไว้ต่อไป คนเราจะไปสวรรค์ก็ได้ ไปนิพพานก็ได้ ไปสู่อบายภูมิก็ได้

#เมื่อเป็นเช่นนี้ #ต้องดำเนินชีวิตในทางที่ดีที่งาม

อยากดีต้องทำดีเป็น อยากได้ต้องทำได้เป็น อยากดีต้องละเว้นทางเสื่อม ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ นิททาสีลี อย่าพากันนอนตื่นสาย สภาสีลี ผู้ใดอยากดี อย่าพากันพูดเล่น อนุฏฐาตา

#ผู้ใดอยากดี

ให้พากันขยันหมั่นเพียร อลโส ผู้ใดอยากดี อย่าเป็นคนเกียจคร้าน ผู้ใดอวดเก่ง ผู้นั้นเป็นคนขี้ขลาดผู้ใดอวดฉลาดผู้นั้นเป็นคนโง่ ผู้ใดคุยโว ผู้นั้นเป็นคนไม่เอาถ่าน อยากเป็นคนดีต้องทำดีถูก เรียนหนังสือเพื่อรู้ ดูหนังสือเพื่อจำ ทำอะไรต้องหวังผล เกิดมาเป็นคนต้องมีความคิด อุบายเครื่องพ้นทุกข์ไม่ใช่อยู่ที่อื่นไกล หากแต่อยู่ที่มีสติสัมปชัญญะรอบคอบในทุกอิริยาบถ.. "
-----------------------
#หลวงปู่จันทร์_เขมิโย




#เพราะความเจริญของโลก
#เป็นเครื่องมอมเมาทั้งนั้น

ใครตกเข้าไปในกระแสสิ่งเหล่านั้นแล้ว อดที่จะเมาไม่ได้ จึงว่าสิ่งที่โลกเรื่องที่โลกเขาสร้างเขาคิดขึ้นมา ก็คือ เครื่องมอมเมานั่นเองเครื่องผูกเครื่องมัด

....ไม่เหมือนกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแสดงธรรมเทศนา แสดงบาทใดคาถาใด ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมเครื่องแก้เครื่องผูกมัดทั้งนั้น

..... บรรดาพวกเราๆสมัยนี้ จิตใจของเราสร้างเครื่องผูกจิตใจของเรามาก หรือจิตใจของเราสร้างธรรมเป็นเครื่องแก้ให้จิตใจของเราพ้นจากเครื่องผูกนั้นมาก

จิตใจของเราดึงเราไปหาเครื่องผูกมากหรือจิตใจของเราดึงเราให้พ้นจากเครื่องผูกนั้นมาก

#ถ้าจิตใจของเราดึงเราให้พ้นจากเครื่องผูกนั้นละเรียกว่า #จิตใจของเรามีธรรมะ ...."

พระธรรมเทศนา
องค์หลวงปู่แบน ธนากโร
แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ ต.ตองโคบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร



"#ต้องมีข้อสอบมาพิสูจน์ใจ”

ผู้ใดที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้วนี้ จะไม่กลับไปอยู่ในเพศของฆราวาสอย่างแน่นอน ที่บอกว่าเป็นโสดาบัน แล้วกลับไป สึกไปนี้ ก็เป็นโสดาบันเทียมเข้าใจไหม โสดาบันตามความคิด แต่ไม่ได้เป็นไปทางจิตใจ คิดว่าตัวเองเข้าใจแล้วว่า ร่างกายไม่ใช่ตัวเราของเรา มันจะแก่ จะเจ็บ จะตายก็ช่างมัน อันนี้ก็พูดได้ เพราะมันยังไม่เจอของจริง มันยังไม่ได้ไปสอบ ต้องเข้าห้องสอบ ถึงจะรู้จริงว่าปล่อยได้หรือเปล่า ต้องนั่งสู้กับเวทนาให้เกิด แล้วมันดับของมันไปเอง แล้วจิตใจไม่มีความทุกข์ไม่มีความหวั่นไหวกับทุกขเวทนา คือความเจ็บปวดของร่างกาย แล้วก็ต้องพาร่างกายไปหาที่ไหนที่มันน่ากลัว ที่มันน่ากลัวตายนี้ ให้มันไปดูสิว่ามันยังกลัวอยู่หรือเปล่า อันนี้ถึงจะรู้ว่าเป็นโสดาบันจริงหรือไม่จริง

แต่เพียงแต่นั่งคิดตรงนี้ว่า อ๋อ ร่างกายไม่ใช่ของเรา เกิดแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ปล่อยให้มันตายไป อันนี้ก็พูดได้ ใครๆก็พูดได้ แต่เวลาไม่สบายแล้วไปหาหมอ หมอบอกเป็นมะเร็งนี่ จะรักษาไม่หายนี่ ดูสิใจจะเป็นยังไง ตอนนั้นแหละจะรู้ว่าเป็นโสดาบันหรือไม่โสดาบัน ถ้ารู้สึกเฉยๆ เอ้อ เดี๋ยวมันต้องธรรมดา มันต้องเจ็บเดี๋ยวมันต้องตาย เอ้อก็ดี จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ โดยที่ไม่รู้สึกหวั่นไหว ไม่รู้สึกเศร้าโศกเสียใจเดือดร้อน อย่างนั้นแหละโสดาบันจริง

คือมันต้องมีข้อสอบมาพิสูจน์ใจ ไม่ใช่เพียงแต่ฟังหรืออ่านแล้วก็มาคิดว่า อ๋อ ร่างกายไม่ใช่เรา มาจากดินน้ำลมไฟ มาจากพ่อจากแม่ เดี๋ยวมันต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ถ้าไปยึดกับมันก็จะทุกข์ ฉะนั้นอย่าไปยึดมันดีกว่า อันนี้มันพูดได้ เพราะตอนนี้มันยังไม่ทุกข์ ต้องไปเจอตอนที่มันทุกข์ แล้วดูสิว่ามันทุกข์หรือเปล่า ไปเจอตอนที่มันเจ็บ ตอนที่มันตาย หรือสำหรับบางคน คนที่ชอบสวยชอบงาม พอเห็นหนังเหี่ยว พอเห็นผมขาวขึ้นมา ดูสิว่ามันทุกข์ขึ้นมาหรือเปล่า หรือสิวฝ้าโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า

อันนี้แหละมันต้องมีข้อสอบ ไม่ใช่อยู่ดีๆมานั่งคิดตอนที่ยังไม่มีข้อสอบ เหมือนเด็กที่จะเข้าสอบ ยังไม่สอบนี่ โอ้ย ดูเข้าใจแล้วสอบยังไงก็สอบได้ เออพูดได้ แต่ต้องไปสอบก่อนถึงจะรู้จริงว่าสอบได้หรือสอบไม่ได้ ถึงแม้จะได้ทำการบ้านแล้วก็ตาม แต่ถ้ายังไม่ไปทำข้อสอบนี้ ยังไม่รู้ว่าสอบได้จริงหรือเปล่า อันนี้ก็เหมือนกัน หรือเหมือนนักมวยที่ซ้อมชกอยู่กระสอบทราย ซ้อมชกกับคู่ซ้อมจนมีความมั่นใจ โอย เอาชนะมันได้แน่นอนก็ยังเป็นความคิดเท่านั้นเอง ยังไม่เป็นความจริง มันต้องรู้กันตอนที่ขึ้นเวทีเท่านั้นแหละ ถ้าไปขึ้นเวทีแล้วทีนี้จะรู้แล้วแพ้หรือชนะ ดังนั้นเราจะต้องเจอกับเหตุการณ์จริง แล้วถึงจะรู้ว่าใจเรานี้ทุกข์หรือไม่ทุกข์ปล่อยหรือไม่ปล่อย

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต



#คำว่าสัจจะ #คือความจริงเหนือชีวิต

เอา ตายก็ตาย แต่จะให้ลุกนี้ไม่ยอมลุก นี่ละคำสัตย์ ทีนี้เวลามันจะตายจริงๆ สติปัญญามันก็มี มาเอง มันแก้กัน

#ทุกขเวทนาโหมตัวเข้ามาเผาเรา

เรานั่งภาวนานี้เหมือนหัวตอ ทุกขเวทนาโหมเผาเรานี้เหมือนไฟไหม้หัวตอ เอา ไหม้ก็ไหม้ไป ทางนี้พิจารณาแยกแยะเวทนาจนดับ

#ทีนี้จิตก็ลงผึงเลย

นั่น ได้ความอัศจรรย์ในเวลาจนตรอกจนมุมอย่างนั้น นี่ละคำสัตย์ไม่ใช่เล็กน้อย ถ้าหากว่าคำสัตย์ไม่ดี พอมันจะตายจริงๆ มันจะหาเรื่องปวดหนักบ้าง ปวดเบาบ้าง ทางออกของกิเลสออกไปแล้ว เราเหลวไหล

#เพราะฉะนั้นจึงบังคับเลย

เอา ปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย ให้ลุกไม่มีลุก ตั้งแต่เล็กแต่น้อยมันขี้ใส่ตักแม่มา เอาตักแม่เป็นส้วมเป็นถานมานานแล้ว ใหญ่โตขนาดนี้เวลาขี้มันแตกออกมานี้ล้างไม่ได้ เอาไปฆ่าทิ้งเสียมันหนักศาสนา

#บังคับ #ไม่ลุก #เข้าใจไหมล่ะ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็เป็นจริงๆ นั่นแหละ จะให้เคลื่อนไม่เคลื่อน ปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย ไม่มีข้อยกเว้น แต่ว่าปวดหนักไม่เคยมี สำหรับปวดเบาไม่ต้องพูด ก็มันเปียกหมดจีวร

#คนจะตายมันไม่ใช่เหงื่อนะ

มันเป็นยางตาย เปียกหมดจีวร เหมือนเราซักผ้านะ เปียกหมดเลย สำหรับเยี่ยวมันจะไปเยี่ยวได้ยังไง ส่วนหนักไม่มีนะ ถ้ามีก็ให้ออกเลย นี่เรียกว่าคำสัตย์ ตั้งลงไปแล้วคำสัตย์มีอานุภาพมาก

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


เงินแถบปริศนา
พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงปู่ไพบูลย์ สุมงฺคโล)

เรื่องของการบุญทานกุศลนั้น ท่านเล่าว่าที่บ้านของท่านบิดามารดาใส่บาตรเป็นประจำทุกวัน เมื่อท่านยังเล็ก มารดาก็จะอุ้มมาใส่บาตรด้วย

พอโตขึ้นหน่อยก็จะให้ยืนอยู่ข้างๆ คอยใส่ข้าว หรือหย่อนขนมลงในบาตรพระ ทุกวันพระบิดามารดาก็จะพาไปวัดด้วย สอนลูกให้รู้จักทำบุญแต่เล็กแต่น้อย

ท่านเล่าว่า ใส่บาตรเป็นประจำทุกวัน และไปวัดในวันธรรมสวนะทุกครั้ง...ไม่เคยขาด เว้นแต่เจ็บป่วยเท่านั้น

ท่านสังเกตว่าของที่ใส่บาตรมารดาของท่านจะต้องจัดอย่างประณีต เลือกเฟ้นแต่ของที่ดีที่สุดในบ้านมาใส่บาตรก่อน ที่เหลือจึงจะให้สามีและลูกๆ ต่อไป ไม่ว่าเป็นอาหารคาวหวาน หรือส้มสูกลูกไม้ใดๆ ที่ปรุงหรือหาซื้อมาได้

แม้ของที่ญาติหรือเพื่อนให้มาก็จะต้อง “เก็บไว้ใส่บาตร เก็บไว้ถวายพระ” หากมีจำนวนมากพอดอก จึงจะเหลือให้ทางบ้านได้ลิ้มรส

ท่านเป็นเด็ก ยังไม่รู้จักการทำบุญสุนทานอย่างถ่องแท้ พ่อแม่เพียงพาทำ ก็ไม่เคยเห็นประโยชน์ประจักษ์ใจ มองดูการกระทำของมารดาอย่างรำคาญนิดๆ อิจฉาหน่อยๆ

.....รำคาญ ที่ทำไมในบ้านจึงได้กุลีกุจอแต่การบุญ จะไปเที่ยววิ่งเล่น แม่ก็เรียกให้ถือของไปวัดเสียแล้ว! ข้าวของอาหารอย่างดีเลือกสรรไปถวายพระหมด น่าที่บิดาจะห้ามปราม หรือมีทีท่าไม่พอใจ แต่ท่านก็กลับเออออเห็นด้วย บางครั้งช่วยเลือกให้เสียด้วยซ้ำ

.....อิจฉา นั้นก็น่าคิดอยู่บ้าง เพราะของดีๆ อย่างนั้น น่าที่ให้ลูกได้กินได้ชิมบ้าง กลับไปทำบุญหมด ถวายพระนั้นลูกก็ไม่ว่า แต่ถวายหมด ถวายแต่ของดีๆ ความจริง...พ่อแม่นั่นแหละควรจะแบ่งไว้กินเองบ้าง

คิดอยู่ในใจไม่นาน ปากก็อดเปรยออกมาไม่ได้สองสามครั้ง มารดาก็จะห้ามทุกครั้ง อย่าคิดอย่างนั้นนะลูก บาป อิจฉาพระ...! หลายครั้งเข้า มารดาก็จะอธิบายต่อ บุญมีซีลูก ถ้าไม่มี พ่อแม่จะทำไปทำไม

ที่จริงท่านก็มิได้จะตั้งใจค้าน เพราะจิตใจท่านเองก็พอใจการทำบุญอยู่มาก แต่ที่พูดไปนั้น ปรารถนาจะให้บิดามารดาได้กินอาหารดีๆ บ้างเท่านั้น

วันนี้ก็คิดจะยอมแพ้แล้ว แต่วิสัยเด็กก็อยากจะใช้คารมอวดเก่งกับผู้ใหญ่บ้างจึงแกล้งบ่น

“บุญ...มีเป็นอย่างไร ไม่เห็นนี่ครับ ตัวบุญเป็นอย่างไร จับได้ ถูกต้องได้ไหมครับ”

คิดว่าคงจะถูกมารดาเงื้อมือซัดสักผาง ซึ่งท่านตั้งใจจะกระโดดหนี แล้วพ่อแม่ลูกก็จะหัวเราะกันที่ลูกยั่วแม่สำเร็จ

คราวนี้ผิดคาด ท่านทั้งสองสบตากัน อาจจะเป็นเพราะเห็นว่า ลูกชายมีวันเติบโตพอจะรู้ความควรไม่ควรแล้ว ท่านจึงเล่าความให้ลูกน้อยฟัง...บิดาท่านเองเป็นผู้เล่า

ท่านเริ่มต้นว่า

ดีแล้วที่ลูกพูดขึ้นมาเช่นนี้ ถามว่า บุญ ที่ว่ามี...มี นั้นเป็นอย่างไร ตัวบุญเป็นอย่างไร จับต้องได้ไหม ถูกต้องได้ไหม ตัวบุญ...นั้นแน่นอน จับไม่ได้ ถูกต้องไม่ได้ แต่ลูกลองฟังเรื่องนี้ดู...

ระหว่างนั้นบ้านเรายังไม่มีฐานะพอมีพอกินเช่นอย่างเดี๋ยวนี้ ถึงจะมีความรู้ทางหมออยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เปิดร้านยา อาชีพหลักคือทำไร่ ทำสวน แต่ก็พยายามหาของใส่บาตรทุกวัน ส้มหน่วยกล้วยใบก็ใส่บาตรไปตามมี...มิได้ขาด

วันหนึ่งมันเข้าตาจนจริงๆ เงินไม่เหลือติดบ้านเลยสักสตางค์ ที่บางครั้งเคยมีคนมาขอซื้อยาบ้าง วันนั้นเงียบหาย รุ่งขึ้นเป็นวันพระตั้งใจจะไปทำบุญที่วัด ไม่มีเงินเลยจะทำอย่างไร ทุกครั้งว่าลำบากๆ ยังพอหยิบฉวยกล้วยอ้อยในสวนไปวัดได้บ้าง วันนี้อับจนไปหมด เคยทำบุญ เคยไปวัด ก็ไม่ได้ไป มันคับแค้นแน่นใจจริงๆ

บ่น ปรึกษากันจนตีหนึ่ง ตีสอง สองคนสามีภรรยา รำพันว่า เกิดมาชาติหนึ่งทำไมจนเหลือเกิน อดีตเราคงไม่เคยทำบุญทำทาน หรือทำก็เล็กน้อยไม่สม่ำเสมอ ไม่เคยสงเคราะห์คนอื่น ชีวิตชาตินี้จึงได้ลำบากยากเข็ญนัก น้ำตาคลอร้องไห้กันด้วยความคับแค้นใจ...เทวดาฟ้าดินไม่เห็นใจเราบ้างเลย เราอยากจะไปวัด ก็จะไม่ได้ไป!

รุ่งสว่าง บิดาก็คิดว่าไปไร่อ้อยดีกว่า คิดเอาเสื้อมาใส่ จะถีบจักรยานไปไร่ไปสวน พอหยิบเอาเสื้อจากที่แขวนข้างฝา กระเป๋าเสื้อก็ดังกรุ๋งกริ๋งๆ ท่านก็คิดประหลาดใจว่า เสียงอะไร เหมือนเสียงโลหะกระทบกันขยับเสื้อ เสียงดัง กรุ๋งกริ๋งก็ยังคงอยู่

บิดาเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อได้เงินมา ๒ แถบ!


...สมัยนั้นทางภาคเหนือยังใช้เงินแถบอยู่ ที่ลำปางก็เช่นเดียวกัน ท่านพลิกเงินแถบไปมาอยู่ในมือ เอ...มันเหมือนเงินแถบ ใช่หรือเปล่านี่ รูปร่างก็เงินแถบจริงๆ เคาะ...ดีก็ดังเหมือนเสียงโลหะเงิน เอ...เป็นเงินจริงหรือเงินปลอมกันนี่...เสียงดังก็คล้ายเงินจริงๆ

ว่าแต่ว่า...ใครเอาเงินมาให้นะ แม่คำก็ไม่ใช่ บ่นอยู่ด้วยกันจนดึกดื่น คนอื่นจะเอามาก็ไม่มีทาง เสื้อตัวนี้แขวนอยู่ตั้งแต่เย็น ตอนจะหาเงินมาทำบุญก็แทบจะพลิกกระเป๋าตลบกลับออกดู ไม่มีวี่แวว...ไม่มีเลย เราปิดประตูบ้านแต่หัวค่ำ เสื้อก็แขวนอยู่ตรงนั้น ใครจะเอาเงินมาใส่ในกระเป๋าเสื้อได้...!

สุดท้ายท่านก็นำเงินไปซื้อของ ใจไม่ค่อยดีเวลาเขาห่อของให้แล้ว ท่านส่งเงินให้เขาเป็นการชำระค่าของ เกรงเขาจะคืนมา...แต่เอ...เขาก็รับเงินดิบดี ขายของให้เป็นปกติ

บิดาจึงได้เงิน ๒ แถบที่มาปรากฏในกระเป๋าเสื้ออย่างแปลกประหลาดนี้ เอาไปซื้ออาหารไปวัดได้

ได้เงินวันละ ๒ แถบ ทุกเช้าหยิบเสื้อมา จะมีเงินมาปรากฏขึ้นวันละ ๒ แถบ ให้ได้นำไปจับจ่ายซื้อข้าวของไปใส่บาตรไปวัด ท่านปิดปากเงียบ รู้อยู่คนเดียว ยังไม่กล้าเล่าให้ภรรยาฟังเกรงจะว่า เพ้อ หรือ ฝันไป

ได้เป็นเดือนเลย ทุกวัน ในที่สุดเย็นวันหนึ่งก็อดใจเก็บความลับอยู่ต่อไปไม่ไหว ก็เล่าให้คู่ชีวิตฟัง ในชนบทนั้นตกเวลาเย็นกลับจากไร่จากสวนก็จะกลับบ้านมาคุยกัน มีอะไรก็เล่าสู่กันฟัง เย็นวันนั้นท่านก็เล่าเรื่องเงินแถบแปลกประหลาดที่มีอยู่ในกระเป๋าเสื้อทุกเช้านี้ให้ฟัง เธอไม่ได้นำมาใส่ให้ไม่ใช่หรือ สุดท้ายถามซ้ำ

ภรรยายืนยันว่า ไม่เคยนำมาใส่เลย ไม่ทราบด้วยซ้ำ ยังคิดเหมือนกันว่า หมู่นี้มีเงินทำบุญอย่างไม่ขาดแคลน คิดว่าคงจะขายอ้อยได้เงิน หรือก็มีคนไข้ให้เงินเป็นพิเศษ


ไม่ใช่หรอก เงินแปลก มาอยู่ในกระเป๋าเสื้อทุกวันไม่ทราบมาได้อย่างไร

มารดาท่านเป็นหญิงชนบท คงเคยได้ฟังนิทานเล่าต่อๆ กันมาเรื่องพระสังข์ทองที่ออกจากหอยสังข์ไปเอาอาหารผลไม่มาให้ตายายที่อาศัยอยู่ทุกวัน แม่ก็เลยว่า เอ...พระสังข์ทองหอยสังข์คงจะไปขโมยมาให้กระมัง

พอว่า ขโมย รุ่งขึ้นก็หายไปเลย ล้วงในกระเป๋าเสื้อก็ไม่มี จากวันที่มารดาพูดล้อเล่นว่า คงจะไปขโมยมา จากวันนั้นก็ไม่มีอีกเลย

บิดาเล่าแล้ว มารดาซึ่งนั่งอยู่ด้วยฟังบิดาเล่าความเก่าให้ลูกฟัง ก็เสริมว่า...แม่เองปากไม่ดี พูดไม่เป็นมงคล เงินก็เลยไม่มีมาอีก


แล้วทั้งบิดามารดาก็สรุปให้บุตรชายซึ่งนั่งฟังนัยน์ตาแป๋วว่า นี่แหละลูก บุญมีไหม! จะจับไม่ได้จะถูกต้องไม่ได้ก็ตาม แต่หลังจากนั้น พ่อแม่ก็ยิ่งมีใจเชื่อมั่น มีศรัทธา พยายามทำบุญไม่ให้ขาด มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก ฐานะบ้านเราก็ค่อยกระเตื้องขึ้น สบายขึ้น พอมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ มีฐานะอย่างที่ลูกเห็นอยู่นี้


ท่านอาจารย์ (หลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล) เล่าว่า ท่านก้มกราบเท้าบิดามารดาด้วยความรักและเคารพอย่างสูง ต่อมาในภายหลังเมื่อได้บวชเรียนท่องบ่นสวดมงคลกถา ตอนที่ว่า สุภาสิตา จ ยาวาจา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ...วาจาใดอันชนกล่าวแล้วด้วยดี ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด” คราใด ท่านจะระลึกถึงพระคุณของโยมบิดาโยมมารดาอย่างซาบซึ้งครานั้นทุกครั้งไป

ในวาระนั้น เมื่อเล่าเรื่องเงินแถบซึ่งเกิดจากผลบุญกุศลแล้ว ท่านทั้งสองก็ถือโอกาสอบรมบุตรน้อยต่อไป

ให้รู้จักพูดจาแต่คำอันเป็นมงคล...เป็นมงคลแก่ผู้พูด...เป็นมงคลแก่ผู้ฟัง

...ให้พูดแต่คำไพเราะอ่อนหวาน ซึ่งจะเป็นที่เจริญหู เจริญใจ ทั้งแก่ผู้พูดและผู้ฟัง

...ให้พูดแต่ความดีของผู้อื่น อย่าพยายามพูดถึงความเลวของเขา คนเราย่อมมีทั้งดี ทั้งเลว เราต้องรู้สึกเลือกหยิบแต่ของดี เราก็จะได้แต่ของดี มีแต่ความดีในตัว มีความดีแวดล้อมห้อมล้อมตัวเราตลอดไป


รูปภาพ

:b8: :b8: :b8: ที่มา : หนังสือ สุมงฺคลปูชา หลวงปู่ไพบูลย์ สุมงฺคโล
หน้า ๑๖-๒๔


วัดอนาลโยทิพยาราม
บ้านสันป่าบง ต.สันป่าม่วง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา

สำนักสงฆ์ดอยเทพนิมิต สุดเขตสยาม
บ้านห้วยเม็ง ต.ห้วยเม็ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร