วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2020, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กรรมที่เคยฆ่าเต่า
พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปู่ไม อินทสิริ)
วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา


ปีที่หลวงปู่เข้าไปโรงพยาบาลศิริราช ปี ๒๕๔๐ ปีนั้นนั่งอย่างเดียว นอนก็ไม่ได้ ฉันได้วันละคำสองคำ มันกลืนไม่ลง ไข้ก็ขึ้นสูง นอนก็ไม่ได้ใจมันก็จะขาด ที่เป็นหนักอยู่เกือบ ๒ อาทิตย์ หน้าอกเหมือนจะระเบิดเหมือนกับไฟเผา เหงื่อไหลไม่หยุด มันๆ ไม่ใช่เหงื่อหรอกมันเป็น “ยางตาย” (ภาษาอีสาน) ผลสุดท้ายก็ว่าจะตัดสินใจตาย เอ้า ! ตายก็ตาย

นั่งภาวนาดูแต่ลมหายใจเข้า, ออก เอาพระพุทธเจ้าเข้าไปในลมหายใจตลอดเวลา “พุทโธๆ” อยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจอะไรล่ะ ตายๆ มันจะตายอยู่แล้ว ไม่ต้องไปห่วงมันหรอกเรื่องร่างกายสังขารเราก็เคยวางมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ครั้งนี้ยังจะมาแพ้อีกเหรอ

อื่ม เราไม่แพ้มันหรอก

ก็จับเอาพุทโธอยู่อย่างนี้ เราเตรียมตัวตายเสียดีกว่า ก็นั่งสมาธิภาวนาเตรียมตัวตาย !

พอถึงเที่ยงคืนมา เห็นเต่า (เห็นในนิมิต) มันนอนหงายดิ้นกะแดวๆ อยู่ หน้าอกมันแตกเลือดเต็มอยู่พื้น มันดิ้นๆ ใจจะขาดนะ

พอ...ไปเห็นตรงนั้นปั๊บนึกไปถึงตัวเอง


เอาสันมีดเนี้ยตีหน้าอกเต่า สมัยเป็นเด็กฆ่าเต่าไม่เป็น ตีหน้าอกมัน มีพ่อตาคนหนึ่งบอก “ตีหน้าอกมันลูก !!” เราก็ซัดเลยตีจนกว่ามันจะตาย หน้าอกมันแตก

โอ๊ย !...พอเห็นตรงนั้นปั๊บมันตุดเข้ามาตรงนี้เลย (ตรงหน้าอก)

โอ๊ยทำไมเราถึงมาเป็นอยู่ตรงนี้ พอรู้แล้วน้ำตามันก็ไหลสงสารเต่า

นิแหละที่ว่า ความไม่รู้เดียงสาที่เราเกิดขึ้นมาไม่รู้เดียงสาไปทำตามกิเลสของตนเอง


ทำไมถึงไปทำอย่างนั้น มีพ่อตาคนนั้นหนะ เขาบอกวันนี้เราไม่มีอาหาร เราต้องเผาเต่าตัวนี้กิน แกก็บอกเราก่อกองไฟขึ้นก็ใช้เรา เราเป็นเด็กเนาะ เขาบอกให้ทำไงเราก็ทำไป เขาบอกให้ฆ่าเต่าถือมีดคอยฟันหัวมันอยู่เนี้ย

ปล่อยเต่าเอาไว้ พอนานๆ นิ่งๆ มันจะโผล่หัวออกมาขามันก็ออกมา เราจะฟัน พอจะฟันลงไป หัวกับขามันก็หุบเข้าไปเลยไม่รู้จะฟันตรงไหนที่นี้ ฆ่าเต่าก็ไม่ได้นั่งจนเหนื่อย ตาลายหิวข้าวล่ะทีนี้

พ่อใหญ่ : ฆ่าตายหรือยังละลูก ?

หลวงปู่ตอนเป็นเด็ก : โอ๊ยยังไม่ตายเลย

พ่อใหญ่ : มึงทำอะไรมันอยู่ล่ะ ?

หลวงปู่ตอนเป็นเด็ก : คอยฟันหัวมันอยู่

พ่อใหญ่ : โอ๊ย..หงายมันขึ้น ให้มันนอนหงายแล้วตีหน้าอกมัน

เราก็เลยทำอย่างที่เขาบอก สันมีดบังตอนิหละตีเลย !!

หน้าอกมันแตก มันถึงได้มาปวดหน้าอกเรา พอเห็นอย่างนั้นน้ำตามันล่วงไหล

สงสาร “ทำไม๊ เราไปทำเค้าอย่างนั้น” พอนึกไปก็ตำหนิตาคนนั้นด้วย ทำไมมาใช้เราทำอย่างนี้ เอ้า ! ก็ไปด้วยกันเราเป็นผู้น้อยเขาก็ต้องใช้เรา เราเป็นเด็ก ผลสุดท้ายกรรมตกที่เรา

พอนึกไปถึงตรงนั้น เต่ามันก็มองจ้องเราอยู่ พอเห็นน้ำตาเราไหล ตามันก็พริบๆ พริบๆ ตามันก็เล็กๆเนาะ พอน้ำตาตกลง (เต่ามันร้องไห้เหมือนกัน) เราก็ร้องไห้เหมือนกัน

นั่งภาวนาอยู่นั่นหนะ ต่างคนก็ต่างสงสารกัน

พอ...หลังจากนั้นมาเห็นหัวใจตัวเอง ที่มันปวด หัวใจมันบีบ พอเห็นหัวใจมันทำงานนะ เวลามันบีบตัวมันสูบเลือด หัวใจมันสูบเลือด มันมีเส้นเลือดผ่านมาทางนี้ (ทางใต้หน้าอกด้านขวานี้) มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ออกจากหัวใจมา ดำปึด อยู่จุดหนึ่ง พองขึ้น พองขึ้น ขนาดเท่านี้ (เปรียบเทียบกับนิ้วหัวแม่มือ) เส้นเล็กๆ จนเขียวปึด มันใกล้จะระเบิดแล้ว โอ๊ยมันปวดตรงนี้เอง

วันนั้นหนะหมอเอกซเรย์ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงถึง ๑๒ ครั้ง ไม่เจออะไร เอกซเรย์ออกมาก็ขาวจั้วๆ แผ่นเอกซเรย์หนะ เข้าเอกซเรย์อุโมงค์นะ มีแต่อาจารย์หมอ ๗ คน ยืนล้อมอยู่ ทีนี้ก็มีอาจาย์หมอคนหนึ่งเขาก็แก่แล้วละใกล้จะเกษียณแล้ว

“โอ๊ย...หลวงพ่อ หลวงพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกผมดูอยู่เนี้ย” เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา เดี๋ยวผมจะจัดยาแก้ปวดให้ไปอยู่มูลนิธิ ฉันวันสองวันก็หาย

พอเราได้ยินอย่างนั้นแล้วโอ...จะส่งเราไปตาย เรานึกว่าจะส่งเราไปตายแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยว่า เอาล่ะ ! หมอ เป็นไข้ก็เป็นจะจัดยาก็จัดแต่ว่า

อยากจะถามวิธีการที่หมอเรียนมาเนี้ยสรีระร่างกายของคนเราเนี้ย

หัวใจมันทำงานอย่างไง ? อาตมาไม่ได้เรียนนะแต่ขอถามหน่อย หมอก็ยืนเต็มอยู่

หลวงปู่ : เวลาหัวใจมันทำงานมันจะบีบตัวอย่างนี้ใช่ไหม (พร้อมกับกำมือแล้วยกนิ้วโป่งหุบเข้าขณะที่หลวงปู่เทศน์อยู่)

หมอ : ครับ

“หนะมีแต่อาจารย์หมอนะ”

หลวงปู่ : หัวใจมันทำงานเนี้ยมันสูบเลือดมันทำงานเหมือนเครื่องสูบน้ำนี้ใช่ไหม ?

หมอ : ครับ

หลวงปู่ : มันมีเส้นเลือดใหญ่อยู่หัวใจผ่านมาใต้นมนี้ใช่ไหม ? มีไหม ?

หมอ : ครับ มีครับ !

หลวงปู่ : เออ...! ถ้ามี...ฟังให้ดี เมื่อคืนนี้...อาตมาเห็นไข้มันมันอุดอยู่ตรงนี้ (พร้อมกับชี้ลงใต้นมด้านขวา) มันเป็นก้อนผสมกับเลือดจนดำแล้ว เหมือนกับลูกกระสุนมันอุดอยู่ตรงนี้ เวลาหัวใจมันสูบเลือดเนี้ย เลือดมันจึดๆ เลือดมันไปไม่ได้ ตรงเนี้ยตอนเนี้ยมันเขียวปึดเลย ขนาดนี้เนี้ย (พร้อมยกนิ้วเปรียบเทียบ) มันใกล้จะระเบิดแล้วพอพูดอย่างนี้

หมอ : โอ๊ย..เอกซเรย์ใหม่ ! เลยเข้าเอกซเรย์ พอเข้าเอกซเรย์ พอเราเปิดเผยอย่างนี้แล้ว คุณหมอวิยะดาก็มาอยู่ใกล้ๆ มากระซิบ หลวงพ่อๆ หลวงพ่ออย่ากำหนดจิตเวลาเขาเอกซเรย์ เออใช่สิเรากำหนดจิตจ้องมันอยู่ตลอดเวลา เราก็จ้องดูตรงนี้ ตั้งแต่วันที่เราเริ่มเจ็บมา จนกระทั่งเราอยู่ที่โรงบาล เอกซเรย์อยู่ก็จ้องที่ตรงนั้น ถ้าอย่างนั้นเอกซเรย์มันไม่ผ่าน

คุณหมอวิยะดา : หลวงพ่ออย่าว่าหนูละลาบละล้วงนะ หมอวิยะดาเป็นหมออุปฐากหลวงปู่ชอบนะ หลวงปู่ชอบเอกซเรย์มันก็ไม่ผ่านเหมือนกัน หลวงปู่ชอบเลยพูดว่า โอ๊ย...!! เราลืมวางจิต เครื่องเอกซเรย์มันเลยเอกซเรย์ไม่ได้ นิล่ะหนูได้ความรู้จากหลวงปู่ชอบ

เออ...! เราก็เลยหายใจนับ ๑ นับ ๒ ก็ลืมตาขึ้นอยู่ในอุโมงก็นับตามเขาเขาบอกกั้นใจก็กั้นใจ พอทำตามเข้าปั๊บเอกซเรย์ออกมาปั๊บ โอ...มันเห็นหมดเลยร่างกายเนี้ย เส้นเลือด อาจารย์หมอวันชัยตรวจแผ่นเอกซเรย์ เราออกมานั่ง ยังไม่ได้ว่าอะไร

หมอวันชัย : หลวงพ่อๆ !! ผ่าตัดด่วนๆ !!!

หลวงปู่ : ยังไม่ได้นั่งคุยกัน มันอะไรล่ะหมอ

หมอวันชัย : นี่ๆ ดูสิเส้นเลือดมันจะระเบิดแล้ว ถ้าไม่ผ่าไม่ทันนะ ถ้ามันระเบิดนี้ตายแน่นะ

หลวงปู่ : หมอหยุดก่อนใจเย็นๆ (หัวเราะ) ใจเย็นๆ

หมอวันชัย : ใจเย็นยังไงหลวงพ่อ ผมไม่ได้เป็นคนป่วยหลวงพ่อป่วย

หลวงปู่ : เออ...ใจเย็นๆ อย่าพึ่งผ่า

หมอวันชัย : เอ้าจะทำยังไงล่ะ

หลวงปู่ : ยาดีๆ อยู่ที่ศิริราชนะมีไหม

หมอวันชัย : ยาอะไรหลวงพ่อ (หมอพูดด้วยความตกซะเพ้อ)

หลวงปู่ : เอ้าก็เป็นหมอไม่ใช่เหรอ (ท่านพูดด้วยความตลก) ไขมันมันอุดตันก็เอายาละลายไขมันอย่างดีที่สุดสิ (หัวเราะ) เอายาละลายไขมันดีที่สุด! แล้วผลเลือดมันออกมาตอนนี้ มันไปทำลายตับ ตับมันสกัดน้ำตาลไม่ได้ เริ่มเป็นน้ำตาลปีนั้นเลย นั้นละปีนั้นละเป็นน้ำตาลขึ้นสูง โรคเบาหวานมาพร้อมกัน

ก็เลยว่าเอายาลดน้ำตาลกับยาละลายไขมัน หมอบอกว่า ครับๆๆ ถ้าเอายาสองอย่างนี้มาไม่ได้ผ่า

พอได้ยามาหมอก็จัดให้ไปนอนห้องพิเศษ แล้วก็นั่งภาวนา โอ๊ย...มันเบาลงเลย ๒ ชั่วโมงเท่านั้นละเบา หน้าอกนี้เย็นลงไปเย็นลงไปมันละลายพอไขมันละลาย พอเช้ามาไปเอกซเรย์ดู เส้นเลือดเริ่มเป็นปรกติมันถึงไม่ปวด

โอ๊ย...อานิสงส์เห็นเต่า เต่าสงสารเรา ภาวนาไปเห็นเต่า เต่ามันร้องไห้มันก็คงเมตตาเราเนาะ โอ๊ย...ต่างคนก็ต่างไม่รู้ มันคงว่าอย่างนั้นละ แกก็ถูกเขาบังคับให้ทำเราเหมือนกัน เต่าก็คงจะว่าอย่างนั้นละนะ อื่มนั้นล่ะ มันก็เลยอโหสิกรรมให้กัน นี่ล่ะภาวนาไปเห็นกรรมมันถึงจะปลดกรรมได้ นี่อานิสงส์ของการภาวนา


ถอดความจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไม อินฺทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
(เป็นช่วงตอบปัญหาธรรมจากญาติโยม
หลังจากที่องค์หลวงปู่ได้เมตตาแสดงธรรมเทศนาแล้วเสร็จ
เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗)
ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์
:b8: :b8: :b8:


:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่ไม อินฺทสิริ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=58801


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2020, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร