วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2020, 02:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 07:10
โพสต์: 456

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะดีได้ไหมคะ
ใครก็พูดได้แล้วก็ชอบพูดว่า...ความเป็นหนี้เป็นทุกข์ที่สุดในโลก
พูดทุกคำที่ไม่รู้จักตั้งแต่เกิดจนตายทำอะไรก็ด้วยความไม่รู้จักตนเอง
สำหรับคนที่ชอบดูถูกดูหมิ่นคนอื่นก็ต้องเปลี่ยนเป็นเข้าใจและเมตตาผู้อื่น
จะเข้าใจชีวิตตนเองต้องเกิดจากได้ฟังพระพุทธพจน์บ่อยๆไปนั่งคิดเองก็เท่านั้นแค่คิด
เป็นหนี้คืออะไรก่อนอื่นถ้าไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจอะไรอะไรก็ได้แค่คิดแต่ไม่รู้
เลิกทำไม่ได้เลยสักอย่างถ้าพระพุทธเจ้าสอนว่าไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนอ่านไม่กี่คำเนี่ยมันเข้าใจอะไรได้มั๊ย
การสำนึกมีมาจากการเข้าใจและทำได้ไม่ใช่ได้แต่พูดได้แต่ท่องจำการสิกขาคือศึกษาคำสอนให้รอบรู้ทุกคำ
ฟังพระพุทธพจน์ไปก่อนนะคะ...ค่อยมาอธิบายคำว่าเป็นหนี้เพราะรายละเอียดมันเยอะมากมันมีเหตุผลที่เป็น
https://youtu.be/QCoZvF8coSU
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงินแล้ว
https://youtu.be/cMhi3cW4QOU
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2020, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


คริคริ
คนจ้องทำลายพุทธศาสนา มักกล่าวแบบคุณยายโรส นี่แหละ

คุณยายจ๋า

ชาวบ้าน เค้าก่อนถวาย อะไรๆ
ก่อน ที่พระจะรับปัจจัย รับอาหาร รับเงินรับทอง

เค้ากล่าวกัน แบบนี้ก่อนจร้า

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

แล้วค่อยกล่าวคำถวาย ปัจจัย ถวายอะไรๆๆๆ ก็เพื่อ บูชาพระพระรัตนตรัย

เจตนาเป็นกรรม นะจ๊ะๆๆ เป็นกุศลกรรมสูงสุด
ทั้งคนรับ คนให้ เจตนา บูชาพระรัตนตรัย ไม่มีใครตกนรกหรอก จร้า



มีแต่คนและสำนัก ที่ด่าว่า คนทำกุศลกรรม แบบคุณยาย น่ะแหละ ตกนรกหมกไหม้ ค่ะ

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


คริคริ
คนจ้องทำลายพุทธศาสนา มักกล่าวแบบคุณยายโรส นี่แหละ

คุณยายจ๋า

ชาวบ้าน เค้าก่อนถวาย อะไรๆ
ก่อน ที่พระจะรับปัจจัย รับอาหาร รับเงินรับทอง

เค้ากล่าวกัน แบบนี้ก่อนจร้า

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

แล้วค่อยกล่าวคำถวาย ปัจจัย ถวายอะไรๆๆๆ ก็เพื่อ บูชาพระพระรัตนตรัย

เจตนาเป็นกรรม นะจ๊ะๆๆ เป็นกุศลกรรมสูงสุด
ทั้งคนรับ คนให้ เจตนา บูชาพระรัตนตรัย ไม่มีใครตกนรกหรอก จร้า



มีแต่คนและสำนัก ที่ด่าว่า คนทำกุศลกรรม แบบคุณยาย น่ะแหละ ตกนรกหมกไหม้ ค่ะ

tongue tongue tongue

เนี่ยพูดตรงตามที่พระพุทธเจ้าพูดเลย
บวชแล้วห้ามรับเงิน...มีตาไหมคุณเมฉลาดน้อย
ทำแกล้งไม่รับเงินแต่เปลี่ยนเป็นรับเช็ครับกระดาษที่เขียนว่าปัจจัย500บาทเหรอสิ่งแทนเงินทุกชนิดรับไม่ได้
คนทำน่ะตกนรกค่ะน้อง...ส่วนคนพูดบอกตรงๆ...ส่วนคนด่าคนพูดตรงตามพระพุทธเจ้าต้องตกนรกนะคะ
เข้าใจตรงตามไหมว่าบวชแล้วห้ามรับเงินและสิ่งที่ใช้แทนเงินทุกประเภทที่จะเอาไปเปลี่ยนเป็นงอเงินน่ะค่ะ
กิจของสงฆ์มี2อย่างคือ1.คันถธุระและ2.วิปัสสนาธุระดังนั้นกิจของสงฆ์ทุกชนิดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงิน
เพราะเป็นกิจที่สงฆ์(หมู่คณะ)ร่วมกันศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าใครทำถูกหรือผิดประการใดที่ทำมาน่ะ
การรับเงินของพระภิกษุมีปกติทุศีลและปิดกั้นมรรคผลนิพพานโดยปกติถ้าอริยบุคคลบวชไม่ทำเกินวินัยจ้ะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


คริคริ
คนจ้องทำลายพุทธศาสนา มักกล่าวแบบคุณยายโรส นี่แหละ

คุณยายจ๋า

ชาวบ้าน เค้าก่อนถวาย อะไรๆ
ก่อน ที่พระจะรับปัจจัย รับอาหาร รับเงินรับทอง

เค้ากล่าวกัน แบบนี้ก่อนจร้า

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

แล้วค่อยกล่าวคำถวาย ปัจจัย ถวายอะไรๆๆๆ ก็เพื่อ บูชาพระพระรัตนตรัย

เจตนาเป็นกรรม นะจ๊ะๆๆ เป็นกุศลกรรมสูงสุด
ทั้งคนรับ คนให้ เจตนา บูชาพระรัตนตรัย ไม่มีใครตกนรกหรอก จร้า



มีแต่คนและสำนัก ที่ด่าว่า คนทำกุศลกรรม แบบคุณยาย น่ะแหละ ตกนรกหมกไหม้ ค่ะ

tongue tongue tongue

เนี่ยพูดตรงตามที่พระพุทธเจ้าพูดเลย
บวชแล้วห้ามรับเงิน...มีตาไหมคุณเมฉลาดน้อย
ทำแกล้งไม่รับเงินแต่เปลี่ยนเป็นรับเช็ครับกระดาษที่เขียนว่าปัจจัย500บาทเหรอสิ่งแทนเงินทุกชนิดรับไม่ได้
คนทำน่ะตกนรกค่ะน้อง...ส่วนคนพูดบอกตรงๆ...ส่วนคนด่าคนพูดตรงตามพระพุทธเจ้าต้องตกนรกนะคะ
เข้าใจตรงตามไหมว่าบวชแล้วห้ามรับเงินและสิ่งที่ใช้แทนเงินทุกประเภทที่จะเอาไปเปลี่ยนเป็นงอเงินน่ะค่ะ
กิจของสงฆ์มี2อย่างคือ1.คันถธุระและ2.วิปัสสนาธุระดังนั้นกิจของสงฆ์ทุกชนิดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงิน
เพราะเป็นกิจที่สงฆ์(หมู่คณะ)ร่วมกันศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าใครทำถูกหรือผิดประการใดที่ทำมาน่ะ
การรับเงินของพระภิกษุมีปกติทุศีลและปิดกั้นมรรคผลนิพพานโดยปกติถ้าอริยบุคคลบวชไม่ทำเกินวินัยจ้ะ
:b12:
:b32: :b32:


คริคริ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำ
นาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุมีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบัง-
*เกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง
ไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑.

ไม่รับเงินไม่ได้หรอก
เพราะพระสัทธรรมต้องเสื่อมลงไปๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามที่พระองค์พยากรณ์ ค่ะ
คุณยายเรยไม่รู้ว่า สิขาบทนั้น ต้องเสื่อมลงๆๆๆ ตาม

นี่เป็นวิปัสสนาธุระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

555

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


คริคริ
คนจ้องทำลายพุทธศาสนา มักกล่าวแบบคุณยายโรส นี่แหละ

คุณยายจ๋า

ชาวบ้าน เค้าก่อนถวาย อะไรๆ
ก่อน ที่พระจะรับปัจจัย รับอาหาร รับเงินรับทอง

เค้ากล่าวกัน แบบนี้ก่อนจร้า

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

แล้วค่อยกล่าวคำถวาย ปัจจัย ถวายอะไรๆๆๆ ก็เพื่อ บูชาพระพระรัตนตรัย

เจตนาเป็นกรรม นะจ๊ะๆๆ เป็นกุศลกรรมสูงสุด
ทั้งคนรับ คนให้ เจตนา บูชาพระรัตนตรัย ไม่มีใครตกนรกหรอก จร้า



มีแต่คนและสำนัก ที่ด่าว่า คนทำกุศลกรรม แบบคุณยาย น่ะแหละ ตกนรกหมกไหม้ ค่ะ

tongue tongue tongue

เนี่ยพูดตรงตามที่พระพุทธเจ้าพูดเลย
บวชแล้วห้ามรับเงิน...มีตาไหมคุณเมฉลาดน้อย
ทำแกล้งไม่รับเงินแต่เปลี่ยนเป็นรับเช็ครับกระดาษที่เขียนว่าปัจจัย500บาทเหรอสิ่งแทนเงินทุกชนิดรับไม่ได้
คนทำน่ะตกนรกค่ะน้อง...ส่วนคนพูดบอกตรงๆ...ส่วนคนด่าคนพูดตรงตามพระพุทธเจ้าต้องตกนรกนะคะ
เข้าใจตรงตามไหมว่าบวชแล้วห้ามรับเงินและสิ่งที่ใช้แทนเงินทุกประเภทที่จะเอาไปเปลี่ยนเป็นงอเงินน่ะค่ะ
กิจของสงฆ์มี2อย่างคือ1.คันถธุระและ2.วิปัสสนาธุระดังนั้นกิจของสงฆ์ทุกชนิดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงิน
เพราะเป็นกิจที่สงฆ์(หมู่คณะ)ร่วมกันศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าใครทำถูกหรือผิดประการใดที่ทำมาน่ะ
การรับเงินของพระภิกษุมีปกติทุศีลและปิดกั้นมรรคผลนิพพานโดยปกติถ้าอริยบุคคลบวชไม่ทำเกินวินัยจ้ะ
:b12:
:b32: :b32:


คริคริ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำ
นาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุมีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบัง-
*เกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง
ไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑.

ไม่รับเงินไม่ได้หรอก
เพราะพระสัทธรรมต้องเสื่อมลงไปๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามที่พระองค์พยากรณ์ ค่ะ
คุณยายเรยไม่รู้ว่า สิขาบทนั้น ต้องเสื่อมลงๆๆๆ ตาม

นี่เป็นวิปัสสนาธุระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

555

tongue tongue tongue

:b32:
เอากิเลสตัวเองให้ทันก่อนไหมคะเมคริคริคริ
ไม่มีเรา=ไม่มีใครเลยสักคน
ตอนนี้มีตัวเมมั๊ยคะ
ถ้าตัวเราไม่มี
ยังจะเสียดายอยากได้บุญมั๊ย
ถามท่านเจ้าอาวาสดูสิเม...มีตัวท่านเจ้าอาวาสไหม
จะสร้างกุฏิศาลาเรี่ยไรเงินกฐินผ้าป่าไปสร้างภาระให้เรี่ยไรเงินสอนชาวบ้านผิดๆ
จะทำอะไรก็ทำผิดหมดค่ะเมฉลาดน้อยเพราะไม่คิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือโง่ทำตามคนอื่นสั่งไง
พระพุทธเจ้าก็บอกอยู่ว่าให้ลืมตาตื่นดูพฤติกรรมคนตามปกติเห็นอะไรเหรอ555คิดสิ...ไม่มีเรา...ตรงปัจจุบัน
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31: Kiss
ภายในสุดลึกสุดในสุดตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
จิตกำลังเกิดดับทีละ1ขณะไม่เหลือซากของตัวตนเลย
ขณิกมรณะ=ตายทุก1ขณะจิตมันว่างเปล่าจากตัวตน
กิเลสเยอะนะไม่รู้เลยว่าตัวตนกำลังทำกิเลสใหม่อยู่
จนกว่าจะเริ่มดับกิเลสเมื่อได้ยินว่าไม่มีเรารู้ถูกตัวมั๊ย
หลงเอาตัวไปทำอะไรทำไมไม่เริ่มฟังเผื่อปัญญาจะเกิดขึ้นบ้างสัก1ขณะจิตก็ยังดีได้บ้าง
ในชาตินี้ถ้าไม่เกิดปัญญาเลยเพราะทุก1ขณะจิตถ้าปัญญาไม่เกิดกิเลสก็นั่งครองจิตใจแล้ว
กิเลสนั่งไม่ลุกออกมาเลยนั่นน่ะ...เอาแต่กิเลสไปทำบุญ...ไม่ฟังว่าบุญมีตอนเกิดปัญญา
จะให้บอกอะไรมากกว่าแค่3คำนี้อีกไหมคะ...ไม่มีเรา...ถ้ายังไม่รู้ตัวก็เสียเงินไปสร้างสินอนหลังติดพื้นแค่วา
เงินซื้อปัญญาไม่ได้แล้วบวชเข้าไปแบมือขอเงินชาวบ้านสร้างวัตถุอะไร...เงินซื้อปัญญาไม่ได้...ชัดไหมคะ
1ขณะที่เห็นดับไปแค่ขณะที่3ถัดไปขณะที่4กิเลสก็เกิดแล้วและรูปของสีที่ตาเนื้อเห็นดับไปขณะจิตที่17
ถามว่าเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏคนสัตว์วัตถุเยอะๆน่ะคือจิตที่เกิดดับไปถึงแสนโกฏิขณะแล้วใครไม่มีกิเลสบ้างคะะะะ
พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเพื่อให้ฟังให้เข้าใจว่าความจริงมีที่ตัวแล้วไม่ได้ทำบอกว่าฟังให้เข้าใจก่อนตายไง
http://www.dhammahome.com
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 28 ก.ย. 2020, 14:21, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
บวชแล้วเป็นหนี้อะไรคิดให้ดีก่อนจะบวช
หนี้ก้อนคำข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
บวชมาเพื่อทำตามสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าบัญญัติจึงจะไม่ตกนรก
คำข้าวที่ชาวบ้านใส่บาตรให้ใครให้แก่ผู้ที่ทำตามพระธรรมและพระวินัยของพระพุทธเจ้าได้
มีคำเปรียบว่ากลืนถ่านแดงร้อนลวกจากปากจนถึงทวารหนักตายแค่อัตภาพนี้ชาติเดียวเท่านั้น
การล่วงเกินพระธรรมและพระวินัยคือขาดจากเพศบรรพชิตแล้วแค่ห่มครองผ้าจีวรไม่ปลงอาบัติตายตกนรก
ใครก็ตามที่บวชเข้าไปแล้วเหยียบย่ำสิกขาบทน้อยใหญ่คือทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า...นรกรออยู่ค่ะ
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
บวชแล้วเป็นหนี้อะไรคิดให้ดีก่อนจะบวช
หนี้ก้อนคำข้าวที่ชาวบ้านถวายพระพุทธเจ้า
บวชมาเพื่อทำตามสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าบัญญัติจึงจะไม่ตกนรก
คำข้าวที่ชาวบ้านใส่บาตรให้ใครให้แก่ผู้ที่ทำตามพระธรรมและพระวินัยของพระพุทธเจ้าได้
มีคำเปรียบว่ากลืนถ่านแดงร้อนลวกจากปากจนถึงทวารหนักตายแค่อัตภาพนี้ชาติเดียวเท่านั้น
การล่วงเกินพระธรรมและพระวินัยคือขาดจากเพศบรรพชิตแล้วแค่ห่มครองผ้าจีวรไม่ปลงอาบัติตายตกนรก
ใครก็ตามที่บวชเข้าไปแล้วเหยียบย่ำสิกขาบทน้อยใหญ่คือทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า...นรกรออยู่ค่ะ
onion onion onion

:b32:
หมายเหตุ
ถ้าจำไม่ได้ว่าอาบัติอะไรบ้างก็แนะนำทำได้อย่างเดียวค่ะลาสิกขาเป็นชาวบ้านก็พ้นโทษอาบัติทุกข้อแล้ว
แต่ถ้าเข้าไปบวชอีกอาบัติเดิมกลับมาด้วยทั้งหมดทุกข้อทุกชาติที่บวชด้วยเลยนะเจ้าคะต้องรู้จักอุปนิสัยตน
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
หนี้...
จริงๆแล้วคำว่าหนี้นี้
คิดให้ละเอียดจริงๆคือภาระติดข้องต้องการอยากได้เพิ่มมากขึ้น
เหตุผลมีครอบครัวใช้จ่ายหลายคนที่หามาได้ไม่พอใช้มีหลายแบบค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเกิดมาเป็นคนเป็นสัตว์สังคมต้องมีการประกอบอาชีพมีการว่าจ้างงานคน
ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นทำธุรกิจขยายกิจการเลี้ยงดูคนงานลูกจ้างในร้าน
การเป็นหนี้ไม่ใช่ความผิดแต่ความที่คนรู้สึกเป็นทุกข์จึงโยนความผิดไปว่าคนเป็นหนี้ไม่ดีก็ไม่จริงค่ะ
ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริหารจัดการสภาพการเงินให้คล่องตัวอันนี้น่ะใช่แล้วก็มีการบริหารรายรับรายจ่ายที่ดี
ว่าทำอย่างไรจึงจะเคลียหนี้ออกหมดกลายเป็นผลกำไรก็ต้องดูที่กำลังของธุรกิจการงานที่ท่านทำอยู่ด้วย
:b12:
ทีนี้มาดูกันว่าในทางพระพุทธศาสนาคือตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือ
การตัดภาระต่างๆที่ไม่จำเป็นออกคือสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพคือปัจจัย4
ปัจจัย4คือปัจจัยที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตมี
1.อาหาร
2.เครื่องนุ่งห่ม
3.ที่อยู่อาศัย
4.ยารักษาโรค
:b17:
เอาตรงๆเลยนะคนที่นับถือพระพุทธเจ้าต้องเข้าใจสิ่งนี้
พระพุทธเจ้าแบ่งประเภทคนที่เลื่อมใสคำสอนของพระองค์เป็น2แบบคือ
ก.เป็นชาวบ้านชื่อว่าคฤหัสถ์คือผู้ครองเรือน
ข.เป็นนักบวชชื่อว่าบรรพชิตคือคนที่ผ่านการบรรพชาสละเพศคฤหัสถ์
เป็นชาวบ้านต้องประกอบอาชีพทำงานหาเงินก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นที่อาศัย
ต่อเมื่อมีผู้ที่เลื่อมใสคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าครองเรือนเดือดร้อน
จึงอาสาออกบวชเพื่อทำตามพระพุทธเจ้าไม่ใช้เงินไม่ทำงานเลี้ยงชีพโดยชอบ
:b1:
หนี้ในที่นี้หมายถึงเงินและเงินหมายถึงสิ่งที่มีราคาหรือเช็คหรือทองที่ตีมูลค่าได้
เงินคือสิ่งที่มีเพื่อเพิ่มราคะจึงมีการตีราคามูลค่าสิ่งของต่างๆซึ่งชาวบ้านทำสิ่งนี้ได้
การบวชเพื่อสละความติดข้องพอใจในการวุ่นวายหาเงินเลี้ยงครอบครัวและบริวาร
เป็นการสละราคะที่ทำให้มีโทษเพิ่มขึ้นของความเดือดร้อนวุ่นวายใจในการคิดใช้เงิน
บวชคือสละได้น่ะมันเบา...แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ
การสำนึกตัวได้ว่าเราเป็นบรรพชิตต้องมีตั้งแต่ตื่นจนหลับถือครองสันโดษแล้วไม่ติดใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน

:b12:
:b16: :b16:


แต่ถ้าบวชแล้วคิดแต่จะเอาอยากได้พระพุทธรูปใหญ่ๆโตๆผิดมั๊ยคะ

คริคริ

ไม่ผิดหรอกค่ะ

เค้าเรียกว่า "อุเทสิกเจดีย์"
"สิ่งที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป"

ได้บุญโข


tongue tongue tongue

เป็นชาวบ้านทำได้มีเงินก็ทำไปสิแต่จิตไปลงนรกได้ไม่รู้เหรอ555
กรรมแต่แสนล้านโกฏิไหนก็ไม่รู้ที่ให้ผลวันนี้ได้เป็นคน
แต่กรรมตอนตายไม่มีใครเลือกได้อาจต้องตกนรก
คนที่เลือกได้คือชาติสุดท้ายที่จะได้ลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
และในพระไตรปิฏกมีว่าพระ1รูปที่ได้รับผ้าจีวรที่งดงามแค่ยินดีในผ้าจีวรตายลงยังไปเกิดเป็นเลนได้
แล้วสมัยนี้ล่ะคะบวชแล้วยินดีพอใจการคลุกคลีกับคฤหัสถ์มากมั๊ยถึงชวนคนเข้าไปนอนวัดเยอะๆ
แล้วก็ชักชวนสร้างโน่นนี่นั่นมันสงบหรือทำแบบนั้นความเห็นผิดทำลายคำสอนเกิดจากคนในวัดมั๊ย
ถวายเงินพระภิกษุนั้นคือจงใจตั้งใจส่งพระภิกษุไปอบายภูมิพระพุทธเจ้าบอกไว้ละเอียดหมดเลยนะจ๊ะ
แต่ถ้ามีจิตอาสาเป็นคฤหัสถ์เรียกว่าเป็นไวยาวัจจกรดูแลให้ก็ทำได้แต่พระจะมาสั่งจะมายินดีไม่ได้เข้าจั๊ยย
นอนกุฏิหลังแตะพื้นได้หลังเดียวไม่เก็บสะสมอาหารไม่เลี้ยงดูใครไม่ต้องคิดวิธีใช้เงินบวชนี้เบาสบายมากเลย
https://youtu.be/Dx2CPxnQfFk
:b12:
:b16: :b16:


คริคริ
คนจ้องทำลายพุทธศาสนา มักกล่าวแบบคุณยายโรส นี่แหละ

คุณยายจ๋า

ชาวบ้าน เค้าก่อนถวาย อะไรๆ
ก่อน ที่พระจะรับปัจจัย รับอาหาร รับเงินรับทอง

เค้ากล่าวกัน แบบนี้ก่อนจร้า

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)

แล้วค่อยกล่าวคำถวาย ปัจจัย ถวายอะไรๆๆๆ ก็เพื่อ บูชาพระพระรัตนตรัย

เจตนาเป็นกรรม นะจ๊ะๆๆ เป็นกุศลกรรมสูงสุด
ทั้งคนรับ คนให้ เจตนา บูชาพระรัตนตรัย ไม่มีใครตกนรกหรอก จร้า



มีแต่คนและสำนัก ที่ด่าว่า คนทำกุศลกรรม แบบคุณยาย น่ะแหละ ตกนรกหมกไหม้ ค่ะ

tongue tongue tongue

เนี่ยพูดตรงตามที่พระพุทธเจ้าพูดเลย
บวชแล้วห้ามรับเงิน...มีตาไหมคุณเมฉลาดน้อย
ทำแกล้งไม่รับเงินแต่เปลี่ยนเป็นรับเช็ครับกระดาษที่เขียนว่าปัจจัย500บาทเหรอสิ่งแทนเงินทุกชนิดรับไม่ได้
คนทำน่ะตกนรกค่ะน้อง...ส่วนคนพูดบอกตรงๆ...ส่วนคนด่าคนพูดตรงตามพระพุทธเจ้าต้องตกนรกนะคะ
เข้าใจตรงตามไหมว่าบวชแล้วห้ามรับเงินและสิ่งที่ใช้แทนเงินทุกประเภทที่จะเอาไปเปลี่ยนเป็นงอเงินน่ะค่ะ
กิจของสงฆ์มี2อย่างคือ1.คันถธุระและ2.วิปัสสนาธุระดังนั้นกิจของสงฆ์ทุกชนิดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงิน
เพราะเป็นกิจที่สงฆ์(หมู่คณะ)ร่วมกันศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าใครทำถูกหรือผิดประการใดที่ทำมาน่ะ
การรับเงินของพระภิกษุมีปกติทุศีลและปิดกั้นมรรคผลนิพพานโดยปกติถ้าอริยบุคคลบวชไม่ทำเกินวินัยจ้ะ
:b12:
:b32: :b32:


คริคริ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำ
นาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุมีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบัง-
*เกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง
ไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑.

ไม่รับเงินไม่ได้หรอก
เพราะพระสัทธรรมต้องเสื่อมลงไปๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามที่พระองค์พยากรณ์ ค่ะ
คุณยายเรยไม่รู้ว่า สิขาบทนั้น ต้องเสื่อมลงๆๆๆ ตาม

นี่เป็นวิปัสสนาธุระ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

555

tongue tongue tongue

:b32:
เอากิเลสตัวเองให้ทันก่อนไหมคะเมคริคริคริ
ไม่มีเรา=ไม่มีใครเลยสักคน
ตอนนี้มีตัวเมมั๊ยคะ
ถ้าตัวเราไม่มี
ยังจะเสียดายอยากได้บุญมั๊ย
ถามท่านเจ้าอาวาสดูสิเม...มีตัวท่านเจ้าอาวาสไหม
จะสร้างกุฏิศาลาเรี่ยไรเงินกฐินผ้าป่าไปสร้างภาระให้เรี่ยไรเงินสอนชาวบ้านผิดๆ
จะทำอะไรก็ทำผิดหมดค่ะเมฉลาดน้อยเพราะไม่คิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็คือโง่ทำตามคนอื่นสั่งไง
พระพุทธเจ้าก็บอกอยู่ว่าให้ลืมตาตื่นดูพฤติกรรมคนตามปกติเห็นอะไรเหรอ555คิดสิ...ไม่มีเรา...ตรงปัจจุบัน
:b32: :b32: :b32:

คริคริ

คุณยายขา ไม่รู้จักคำสอนตรงๆ สัจจะแท้ที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว ซะแล้ว

ไปคิดเองเออเอง อยากทรงพระวินัย เป๊ะๆๆ ตามใจตนเอง

พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ บอกว่า สัจจะธรรม ปริยัติ ปฎิบัติ จะเสื่อมไปเรื่อยๆ
แล้วพระธาตุจะอันตราธานไปในที่สุด

เนี่ย จะให้คงพระธรรม เป๊ะๆๆๆๆ ตามใจสำนักยูทู๊ปไม่ได้หรอก ค่ะ

นั่นเพราะคุณยาย และสำนักยูทู๊ป มีความมีตัวแบบเป้งๆๆๆๆ เบิ้มๆๆๆ ทั้งสำนัก แต่ไม่รู้ตัว
ตัวเราอยากเป๊ะๆๆๆ แต่ตัวเขาไม่เป๊ะๆๆๆ ตามเราอยากๆๆๆๆ 555
เรยขัดข้องหมองใจ ติดยึดอยู่เอง

ยูทู๊ปเข้าใจพระสัจจธรรมผิดๆๆ อย่างเบิ้มๆเรย

ผิดจากคำพระพุทธองค์พยากรณ์ ไว้ ค่ะ

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


คริคริ

งดไม่ไส่ลิ้งยูทู๊ป เพือเรียกยอดวิว จะเสียดายมั๊ยค๊ะ
ทำได้มั๊ยค๊ะ

ไม่มีเรา ไม่มียูทู๊ปของเรา ทดสอบแค่นี้ก็ง่ายแระหล่ะค่ะ

นี่แหละ ตัวเบ้งๆๆ เบิ้มๆๆ ยึดติดไม่รู้ตัว

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
คริคริ

งดไม่ไส่ลิ้งยูทู๊ป เพือเรียกยอดวิว จะเสียดายมั๊ยค๊ะ
ทำได้มั๊ยค๊ะ

ไม่มีเรา ไม่มียูทู๊ปของเรา ทดสอบแค่นี้ก็ง่ายแระหล่ะค่ะ

นี่แหละ ตัวเบ้งๆๆ เบิ้มๆๆ ยึดติดไม่รู้ตัว

tongue tongue tongue

:b32:
คนที่คิดไตร่ตรองเหตุผลไม่เป็น
คิดให้ตายก็คิดไม่ได้อยากทำอะไรก็ทำนะ
ไปสู่ที่ชอบที่ชอบทำนะไม่ต้องมาตามถ้าไม่อยากฟัง
คนที่เขาจะฟังเขาก็ฟังเพราะเห็นคุณค่าที่ได้เกิดมาหูไม่หนวกตาไม่บอดฟังสิ่งที่ต้องฟัง
ไม่ใช่ใครสั่งให้ทำก็เชื่อแล้วทำตามทันทีเคยทำป่ะย่างหนอยกหนอเหยียบหนอเนี่ย
เคยสวดมนต์แล้วมีคำว่า...อุทะปาทิ...ต่อท้ายมั๊ยคะ555...อุทะปาทิ แปลว่า หนอ
แค่กระพริบตากิเลสตัวเองดับไปถึงแสนล้านดวงจิตแล้วหนอออออ...คิดทันไหมล่ะ
https://youtu.be/9JCfT8VTq3A
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2020, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

งดไม่ไส่ลิ้งยูทู๊ป เพือเรียกยอดวิว จะเสียดายมั๊ยค๊ะ
ทำได้มั๊ยค๊ะ

ไม่มีเรา ไม่มียูทู๊ปของเรา ทดสอบแค่นี้ก็ง่ายแระหล่ะค่ะ

นี่แหละ ตัวเบ้งๆๆ เบิ้มๆๆ ยึดติดไม่รู้ตัว

tongue tongue tongue

:b32:
คนที่คิดไตร่ตรองเหตุผลไม่เป็น
คิดให้ตายก็คิดไม่ได้อยากทำอะไรก็ทำนะ
ไปสู่ที่ชอบที่ชอบทำนะไม่ต้องมาตามถ้าไม่อยากฟัง
คนที่เขาจะฟังเขาก็ฟังเพราะเห็นคุณค่าที่ได้เกิดมาหูไม่หนวกตาไม่บอดฟังสิ่งที่ต้องฟัง
ไม่ใช่ใครสั่งให้ทำก็เชื่อแล้วทำตามทันทีเคยทำป่ะย่างหนอยกหนอเหยียบหนอเนี่ย
เคยสวดมนต์แล้วมีคำว่า...อุทะปาทิ...ต่อท้ายมั๊ยคะ555...อุทะปาทิ แปลว่า หนอ
แค่กระพริบตากิเลสตัวเองดับไปถึงแสนล้านดวงจิตแล้วหนอออออ...คิดทันไหมล่ะ
https://youtu.be/9JCfT8VTq3A
:b12:
:b16: :b16:

คริคริ

ซ้ายหนอ ขวาหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ แข็งหนอ อ่อนหนอ กระพริบตาดับไปนานแล้ว เพิ่งจะหนอ
แล้วก็เพิ่งมาหนอๆ

แบบนั้นเคยทำมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงเม แล้วค่ะ

บอกตามตรงนะคะ
แบบนั่น เม เรียกว่ายังตามจิต ยังไม่ทันเรย

อนาคตของจิตแปรรูปและเสียหายไป เพราะไปคิดหนอๆๆ นี่แหละ

เรยเลิกหนอ

แต่ตอนเริ่มเป็นนางสาวเม นี่ รู้โดยไม่อิงอาศัยความคิดแหละค่ะ
ชักเริ่มไม่มีปัจจัยให้เกิดสังขารแระหล่ะค่ะ

คุณยายยังอินทรีย์อ่อน ไม่รู้จริง เรยหลงหาอะไรๆไส่หูอยู่
เพราะไม่รู้คุณค่า ของความรู้จริงแจ้ง โดยไม่ต้องคิด
เพราะไม่ฉลาดในปฎิจจสมุปาท (ฌาน)

ว่างๆจะเข้ามาใหม่น๊ะค๊ะ 555




tongue tongue tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร