วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2023, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Green-Living.original.jpg
Green-Living.original.jpg [ 84.07 KiB | เปิดดู 806 ครั้ง ]
ชีวิตินทรีย์

[๔๓๙] ชีวิตินทรีย์ (ชีวิตินทริย์) :-
๑. มีลักษณะคือการตามรักษากรรมชรูปซึ่งเกิดร่วมกัน (สหชรูปานุปาลนลกฺขณํ)
๒. มีหน้าที่ทำให้กรรมชรูปเหล่านั้นเป็นไปได้ (ตั้งแต่อุปปาทขณะจนถึงภังคขณะ]
๓. ปรากฏ(แก่ญาณของผู้ปฏิบัติ]ด้วยการทำให้กรรมชรูปซึ่งเกิดร่วมกันเหล่านั้น
ดำรงอยู่(จนถึงภังคขณะ (เตสญฺเญว ฐปนปจฺจุปฏฺฐานํ)
๔. มีมหาภูตรูปที่ตนจะพึงให้เป็นไป(ด้วยการตามรักษา ซึ่งกำลังเกิดขึ้นยังไม่ดับไป]
เป็นเหตุใกล้ (ยาปยิตพฺพภูตปทฎฺฐานํ)

กรรมชรูปมักดำรงอยู่เพียงชั่วขณะที่เกี่ยวกับคน แต่ชีวิตินทรีย์ตามรักษา
กรรมชรูปนั้นด้วยความเป็นเหตุทำให้กรรมชรูปคำเนินไปได้ ดังนั้น จึงมีลักษณะตาม
รักษากรรมชรูปซึ่งเกิดร่วมกัน เนื่องจากกรรมอย่างเดียวไม่ควรเป็นเหตุทำให้กรรมช-
รูปตำรงอยู่ให้ เหมือนอาหารเป็นต้นที่เป็นเหตุทำให้อาหาระรูปดำรงอยู่ให้ เพราะกรรม
ย่อมไม่มีในขณะที่เกิดกรรมชรูปนั้น

ข้อความว่า "มีหน้าที่ทำให้กรรมชรูปเหล่านั้นเป็นไปใด้(ตั้งแต่อุปปาทขณะจนถึงภังคขณะ]
หมายความว่า ทำให้กรรมชรูปที่เกิดร่วมกันมีกำลังดำเนินต่อไปในขณะทั้ง ๓ ของรูป คือ
อุปาทขณะ ฐีติขณะ และภังคขณะ โดยทำให้กรรมชรูปที่เกิดขึ้นใหม่ๆ มีกำลังดำเนินต่อไปไม่
ขาดช่วง


วิสุทธิมหาฎีกา ๒๔๓๔๑๐๖

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2023, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อลักษณะคือการตามรักษาเป็นต้นมีอยู่ ชีวิตรูปย่อมรักษากรรมชรูปที่เกิดร่วมกัน
เหล่านั้นในขณะ[รูปที่ถูกรักษา]มีอยู่ เหมือนน้ำหล่อเลี้ยงดอกอุบลเป็นต้น และยังรักษาธรรมเคือ
รูปที่เป็นผล)ซึ่งแม้จะเป็นผลของกรรมที่เกี่ยวข้อง เหมือนพี่เลี้ยงดูแลกุมารที่เป็นบุตรของผู้อื่น

อนึ่ง ชีวิตินทรีย์นั้นมักเป็นไปเนื่องด้วยรูปธรรมที่ตนเองให้เป็นไป ประดุจนายเรือไป
หร้อมกับเรือที่ตนพาย] มิได้เป็นไปภายหลังภังคขณะ เพราะไม่มีตนและรูปที่จะพึงให้เป็นไป อีก
ทั้งไม่อาจทำให้รูปที่เกิดร่วมกันดำรงอยู่ในภังคขณะที่ตนเองกำลังดับไปอยู่ ประดุจใส้และน้ำมัน
กำลังดับไม่อาจคงเปลวไฟให้ตั้งอยู่ให้ แต่ก็ยังสามารถตามรักษา การให้เป็นไป และการทำให้
ดำรงอยู่ เพื่อทำให้สำเร็จหน้าที่นั้นๆ ในขณะตามที่กล่าวมาแล้ว (คือ ตั้งแต่อุปปาทขณะจนถึง
ภังคขณะ]

คัมภีร์ปรมัตถที่ปนีฎีกา"ㆍ อธิบายชีวิตรูป ตังนี้

ชีวิตรูป คือ รูปที่ทำให้ธรรมซึ่งเกิดร่วมกันดำรงอยู่ได้
อินทรีย์ ถือ รูปที่ทำตนให้เป็นใหญ่ เพราะประกอบด้วยความเป็นใหญ่ในการ
ตั้งอยู่ของรูปที่เกิดร่วมกันดังกล่าว
ชีวิดินทรีย์ คือ ชีวิตรูปที่เป็นใหญ่ เปรียบเหมือนดอกอุบล
ชีวิตินทรีย์มีลักษณะตามรักษารูป[อื่น)ที่เกิดร่วมกัน
เป็นตันที่เกิดจากเมล็ด แม้ว่าเมล็ดจะผุพังไปก็มีน้ำหล่อเลี้ยงคงอยู่ได้ตลอดกาลนาน
เช่นเดียวกัน กรรมชรูปที่เกิดจากกรรมซึ่งดับไปแล้ว แม้ไม่มีกรรมอยู่ก็มีชีวิตินทรีย์ตาม
รักษา ก็ดำรงอยู่ใด้อย่างต่อเนื่องตลอดร้อยปีบ้าง พันปีบ้าง กัปหนึ่งบ้าง หนึ่งหมื่น
หกพันกัปบ้าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2023, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




4.มัดหมี่-พิมดาว.jpg
4.มัดหมี่-พิมดาว.jpg [ 90.84 KiB | เปิดดู 719 ครั้ง ]
โดยความพิสดารดังนี้ รูปอื่นที่ปราศจากชีวิตินทรีย์ก็ย่อมดำรงอยู่ไปได้ เพราะเมื่อ
จิต อุตุ พรืออาหารที่เป็นเหตุดับไป รูปดังกล่าวย่อมดับไป ไม่อาจจะสืบต่อกระแสรูป
ต่อไปได้อีก ความจริงในบรรดารูปเหล่านั้น ส้นตติปัจจุบัน (เปัจจุปันต่อเนื่อง) ของจิตตช
รูปมีกำทนดด้วยวิถีจิตหนึ่ง ชวนวาระหนึ่ง หรือสมาปัตติวาระหนึ่ง ส่วนส้นตติปัจจุบัน
ของอุตุชรูปและอาทารชรูปมีกำหนดไว้ด้วบอุตุและอาทารอย่างหนึ่งที่มีสภาพเหมือนก้น
แต่กรรมชรูปไม่มีสันตติปัจจุบันโดยเฉพาะ มีแต่อัทธาปัจจุบัน (ปัจจุบันโดยระยะกาล) ที่
กำหนดด้วยภพหนึ่ง

ถามว่า : นามธรรมมีอัทธาปัจจุบันได้อย่างไร หากเป็นเพราะดำรงอยู่ได้ด้วย
การประกอบกับชีวิตินทรีย์เจตสิก นามธรรมก็มีสันตติปัจจุบันได้มิไช่หรือ ?

ตอบว่า : ก่อนอื่นถ้าจะเปรียบกับนามธรรม กรรมชรูปก็เหมือนกับวิปากจิต
กล่าวคือ เมื่อวิถีจิตไม่เกิดขึ้น วิปากจิตจักดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายตลอดชีพ
ส่วนกุศลจิต อกุศลจิต และกิริยาจิตอื่นย่อมเกิดขึ้นเพราะมีอารมณ์มาปรากฏ แม้เมื่อ
อารมณ์นั้นดับแล้ว กระแสจิตจำนวนมากที่รับรู้อารมณ์ซึ่งดับไปแล้วนั้นย่อมดำเนินต่อไป
ได้ด้วยอำนาจของชีวิตินทรีย์เจตสิก

อีกอย่างหนึ่ง เนื้อความนี้กล่าวไว้โดยความที่กระแสจิตเป็นไปไม่ขาดช่วงด้วย
ความเป็นอนันตรปัจจัยตราบจนถึงการดับขันธ์ ดังพระอรรถกถาจารย์กล่าวว่า

กิเลลสีสํ อวิชฺชา, ปวตฺตลีสํ ชีวิตินฺทริยํ.

อวิซซาเป็นผู้นำของกิเลส ชีวิตินทรีย์[ที่เป็นทั้งรูปและนาม เป็นผู้นำของการเกิด

ในคัมภีร์วิภาวนีกล่าวว่า

ยถาสกํ ขนมตฺตฎจายีนํปี หิ สหชาตานํ ปวตฺติเหตุภาเวน อนุปาลกํ. น หิ เตส่
กมฺมํเยว จิติการณํ โหติ อาหารซาทีนํ อาหาราทิ วิย กมฺมสฺส ตงฺขณาภาวโต.

ชีวิตรูปตามรักษาโดยการทำให้กรรมชรูปที่เกิดร่วมกันดำรงอยู่ชั่วขณะ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2023, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ตามสมควร เพาะกรรมอย่างเดียวมีได้ทำให้กรรมชรูปดำรงอยู่ได้ เนื่องจากกรรมไม่มือยู่ใน
ปัจจุบันเหมือนดังอาหารเป็นต้นที่ทำให้อาหาาขรูปดำรงอยู่ได้

โดยมุ่งหมายว่า
"อาหารเป็นต้น ทำให้อาหารชรูปเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ เพราะปรากฏในปัจจุบัน
ขณะ ส่วนกรรมทำให้เกิดกรรมชรูป แต่มีได้ทำให้กรรมชรูปดำรงอยู่เพราะไม่ปรากฎใน
ปัจจุบันขณะ การที่กรรมชรูปดำรงอยู่ได้ชั่วขณะเพราะมีชีวิตรูปตามรักษา"

ข้อความนั้นไม่สมควร เพราะการที่รูปธรมดำรงอยู่ชั่วขณะเป็นสภาพเนื่องด้วย
ปัจจัยที่เกิดร่วมกันในรูปกลาปหนึ่ง มิได้เนื่องด้วยปัจจัยที่ทำให้เกิดรูปขึ้นในรูปกลาปต่างกัน
มิเช่นนั้นพระพุทธองค์ก็พึงตรัสว่า ซรตารูปซึ่งเกิดในฐิติขณะเกิดจากเหตุอย่างใด
อย่างหนึ่งเหมือนอุปจยรูปและสันตติรูปที่เกิดในอุปปาทขณะ

อีกอย่างหนึ่ง การดำรงอยู่ชั่วขณะสำเร็จโดยสภาวะ ธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมไม่
ดับไปในระหว่างโดยไม่ตั้งอยู่ครบขณะของตนเพราะปัจจัยบกพร่องไป ทั้งไมตั้งอยู่นาน
กว่าเดิมเพราะมีปัจจัยมาก ดังนั้น อาหารเป็นต้นที่อุปถัมภ์ในฐิติขณะและชีวิตรูปที่ตาม
รักษาอยู่จึงอุปถัมก็รักษาให้กระแสรูปที่มีกำลังเกิดขึ้นได้ในภายหลัง มิไช่เพื่อให้เป็นไปใน
ฐิติขณะ ข้อความนี้แสดงว่า ฐิติขณะของรูปธรรมกับนามธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เนื่องด้วย
ปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นซึ่งปรากฏอยู่ หรือเกี่ยวกับชีวิตินทรีย์(ที่เป็นทั้งรูปและนาม

ถ้าข้อความในคัมภีร์วิภาวนีหมายถึงความเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นสันตติบัญญัติ
ข้อนั้นย่อมสมควร แม้ข้อความในคัมภีร์อรรถกถาก็พึ่งพิจารณาแล้วถือเอาโดยหมายถึง
การดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องดังข้อความเป็นตันว่า

สนฺเตปิ จ อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหิ วิธาเน อตฺถิกฺขเณเยว ตํ เต ธมฺเม ปาเลติ.
เมื่อลักษณะคือการตามรักษาเป็นตันมีอยู่ ชีวิตรูปย่อมรักษาธรรมเหล่านั้นในขณะ
กำลังเกิดขึ้น
อนึ่ง ชีวิตรูปนี้ดำรงอยู่ซึมซาบทั่วร่างกายที่มีใจครองทั้งหมดรวมทั้งไฟธาตุย่อย
อาหาร

อภิ.ส่.อ ๑๔๑๗๓

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร