วันเวลาปัจจุบัน 22 ส.ค. 2025, 22:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2008, 17:13 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2008, 17:29
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: วิมุตติ2 :b39:

ความหลุดพ้น

1.เจโตวิมุตติ :b45:

ความหลุดพ้นแห่งจิต,ความพ้นด้วยอำนาจการฝึกจิต,ความหลุดพ้นแห่งจิตจากราคะด้วยกำลังของสมาธิ

2.ปัญญาวิมุตติ :b44:

ความหลุดพ้นด้วยปัญญา,ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา,ความหลุดพ้นแห่งจิตจากอวิชชาด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามความเป็นจริง


:b8: ผู้บรรลุอรหัตตผลจะต้องได้เจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตตินี้ครบทั้ง2อย่างทุกคน
เจโตวิมุตติเป็นผลของสมถะ ปัญญาวิมุตติเป็นผลของวิปัสสนา
คำคู่นี้แสดงให้เห็นว่าสมถะและวิปัสสนาต้องมาครบคู่กันดังคำพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า

:b41: ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจิตที่เศร้าหมองด้วยราคะย่อมไม่หลุดพ้น หรือปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชาก็ไม่เจริญ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะสำรอกราคะได้จึงได้ชื่อว่าเจโตวิมุตติ และเพราะสำรอกอวิชชาได้จึงได้ชื่อว่า ปัญญาวิมุตติ :b41:


:b44: ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุตติ มีอยู่2ประเภท คือ

1.เจโตมิมุตติที่ยังกลับกำเริบได้
กรณีนี้ หมายเอาผู้ที่ยังไม่บรรลุอรหัตตผล ที่จิตสงบด้วยอำนาจแห่งสมาธิ แต่ยังเป็นของชั่วกาลสมัย ....ยังไม่บังเกิดอาสวักขยญาณ จึงยังไม่หลุดพ้นอย่างเด็ดขาด. แต่ ก็มีประโยชน์ เพราะ การที่นิวรณ์สงบไป(ถึงแม้นจะชั่วขณะ)ก็เป็นการเปิดโอกาสให้การเจริญมรรคด้านปัญญาเป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะ จิตที่ปราศจากนิวรณ์ย่อม นุ่มนวลควรแก่การงาน มากกว่าสภาวะจิตทั่วๆไป

และ

2. เจโตวิมุตติที่ไม่กลับกำเริบ หรือ เจโตวิมุตติที่ประกอบด้วยปัญญาวิมุตติ
กรณีนี้หมายเอา พระอรหันต์ผู้หลุดพ้นแล้ว ด้วยอาสวักขยญาณ




ส่วนคำว่า ปัญญาวิมุตติ นั้น กล่าวได้ใน2ลักษณะ คือ

1."ปัญญาวิมุตติที่ประกอบกับเจโตวิมุตติ" ของพระอรหันต์ นัยหนึ่ง...ซึ่ง ปัญญาวิมุตติที่กล่าวนัยยะนี้ พระอรหันต์ทุกท่านต้องมีแน่นอน

2."ปัญญาวิมุตอรหันต์" ในทางเถรวาท หมายเอา พระอรหันต์ประเภทที่ท่านไม่เชี่ยวชาญในสมถะ มากนัก
คือ ท่านผ่านเพียงรุปฌานในระดับสัมาสมาธิเท่านั้น แต่ท่านไม่เชี่ยวชาญในสมถะที่มากกว่านั้น คือ ไม่เชี่ยวชาญในอรูปฌาน


จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

ปัญญาวิมุต “ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา”
หมายถึง พระอรหันต์ผู้สำเร็จด้วยบำเพ็ญวิปัสสนาโดย มิได้อรูปสมาบัติมาก่อน



ปัญญาวิมุตอรหันต์ จากที่ท่านเจ้าคุณๆประมวลมานี้
ท่านไม่ได้"อรูปสมาบัติ"(อรูปฌาน) เท่านั้น

หาใช่ว่า ท่านต้องปราศจากรูปสมาบัติ(รูปฌาน) แต่อย่างใด





ส่วน พระอรหันต์ที่ท่านเชี่ยวชาญในสมาบัติทั้งแปด เรียกว่า อุภโตภาควิมุต


อุภโตภาควิมุต “ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน”
คือ พระอรหันต์ผู้บำเพ็ญสมถะมาเป็นอย่างมากจนได้สมาบัติ ๘ แล้ว จึงใช้สมถะนั้นเป็นฐานบำเพ็ญวิปัสสนาต่อไปจนบรรลุอรหัตตผล;
หลุดพ้นทั้งสองส่วน (และสองวาระ) คือหลุดพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมาบัติ (เป็นวิกขัมภนะ) หนหนึ่งแล้ว จึงหลุดพ้นจากนามกายด้วยอริยมรรค (เป็นสมุจเฉท) อีกหนหนึ่ง;



ในหนังสือพุทธธรรม ฉบับเดิม หน้า336
ก็ได้มีการกล่าวรายละเอียดในจุด"เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ" และ "ปัญญาวิมุต-อุภโตภาควิมุต"นี้ไว้มาก



ปล...

ที่กล่าวว่า พระอรหันต์ปัญญาวิมุต ย่อมต้องผ่านสมาธิระดับรูปฌานมาด้วยนั้น

เพราะ อิงกับ พระสูตรที่ตรัสถึงอริยมรรคสมังคี ที่เรียก สมถะในองค์แห่งอริยมรรคสมังคีว่า โลกุตรฌาน ...และ พระสูตรที่ตรัสระบุถึงสัมมาสมาธิว่าเป็นสมาธิระดับรูปฌานหนึ่งถึงสี่ นั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


พ้น


“ไปไม่กลับ”….ทุกข์ตรมพาขมขื่น
“หลับไม่ตื่น”…แน่ไซร้ทั้งชายหญิง
“ฟื้นไม่มี”…ทุกรูปนามคือความจริง
“หนีไม่พ้น”…แน่ยิ่งสัจธรรม

เมื่อมีเกิดย่อมมีตายสหายเอ๋ย
อย่าเพิกเฉยเตือนใจเราทุกเช้าค่ำ
“ตายก่อนตาย”พ้นทุกข์สุขประจำ
สิ่งเลิศล้ำกิเลสตายสบายใจ

ขันธ์ห้าเกิดย่อมต้องตายวอดวายแน่
ความจริงแท้มั่นคงอย่าสงสัย
ทางรอดพ้นวนวัฏฏ์ตัดเภทภัย
คือสิ้นไปสมุจเฉทกิเลสกาม

อุปาทานดับสนิทสิ้นฤทธิ์เดช
จึงพ้นเหตุดับจบทั้งภพสาม
แจ้งนิโรธวิมุตสุดงดงาม
หมดสิ้นความเวียนว่ายไม่วกวน

ด้วยหมดสิ้นตัวกูและตัวสู
สงบรู้แจ้งจินต์สิ้นสับสน
ไม่ยึดขันธ์พันพัวเป็นตัวตน
จิตหลุดพ้นหยุดตาย-เกิดประเสริฐจริง

ธรรมที่เหนือตาย-เกิดช่างเฉิดฉัน
ธรรมเอกนั้นวัฏฏะจบสงบนิ่ง
ธรรมวิสุทธิ์หลุดพ้นไปไม่ประวิง
ธรรมอันยิ่ง…นิพพาน…ตระการธรรม


ตรงประเด็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


พึงสังเกตุ



ความหลุดพ้น หรือ "วิมุตติ"(มี ต.เต่า สระอิ)

มี2อย่างคือ

1.เจโตวิมุตติ ความหลุดพ้นแห่งจิต, การหลุดพ้นจากกิเลสด้วยอำนาจการฝึกจิตหรือด้วยกำลังสมาธิ
เช่น สมาบัติ ๘ เป็นเจโตวิมุตติอันละเอียดประณีต (สันตเจโตวิมุตติ)

2.ปัญญาวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยปัญญา,
ความหลุดพ้นที่บรรลุด้วยการกำจัดอวิชชาได้ ทำให้สำเร็จอรหัตตผล
และทำให้เจโตวิมุตติ เป็นเจโตวิมุตติที่ไม่กำเริบ คือ ไม่กลับกลายได้อีกต่อไป;




ส่วน การแบ่งประเภทพระอรหันต์
สะกดด้วยคำว่า "วิมุต"(ไม่มี ต.เต่า สระอิ)

และ แบ่งพระอรหันต์เป็น 2ประเภท คือ

1.ปัญญาวิมุต “ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา”
หมายถึง พระอรหันต์ผู้สำเร็จด้วยบำเพ็ญวิปัสสนาโดยมิได้อรูปสมาบัติมาก่อน

2.อุภโตภาควิมุต “ผู้หลุดพ้นทั้งสองส่วน”
คือ พระอรหันต์ผู้บำเพ็ญสมถะมาเป็นอย่างมากจนได้สมาบัติ ๘ แล้ว จึงใช้สมถะนั้นเป็นฐานบำเพ็ญวิปัสสนาต่อไปจนบรรลุอรหัตตผล;
หลุดพ้นทั้งสองส่วน (และสองวาระ) คือหลุดพ้นจากรูปกายด้วยอรูปสมาบัติ (เป็นวิกขัมภนะ) หนหนึ่งแล้ว จึงหลุดพ้นจากนามกายด้วยอริยมรรค (เป็นสมุจเฉท) อีกหนหนึ่ง;


จะเห็นว่า ไม่มีเจโตวิมุตอรหันต์

เพราะ พระอรหันต์ จะต้องประกอบทั้ง เจโตวิมุตติ และ(กำกับด้วย)ปัญญาวิมุตฺติ (เจโตวิมุตติที่ไม่กลับกำเริบ)นั่นเอง

ลำพัง เจโตวิมุตติที่ไม่กำกับด้วยปัญญาวิมุตติ ย่อมไม่หลุดพ้นอย่างแท้จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2013, 11:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายน่าจะอ่านพวกนี้บ้างนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร