วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 มี.ค. 2005, 04:18
โพสต์: 1877


 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

โพธิญาณพฤกษา
พันธุ์ไม้ที่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ประทับตรัสรู้


ต้นอ้อยช้างใหญ่ (ต้นมหาโสณกะ)


ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25 ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ปทุมพุทธวงศ์, นารทพุทธวงศ์ และเวสสภูพุทธวงศ์ กล่าวไว้ว่า

พระพุทธเจ้า 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 11 พระนามว่า พระปทุมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม, พระพุทธเจ้าองค์ที่ 12 พระนามว่า พระนารทพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วัน และ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 24 พระนามว่า พระเวสสภูพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 6 เดือนเต็ม ทั้งสามพระองค์จึงได้ประทับตรัสรู้ ณ ควงไม้อ้อยช้างใหญ่ เช่นเดียวกัน


จากการค้นคว้าทางพฤกษศาสตร์ไม่พบ ‘ต้นอ้อยช้างใหญ่’ มีแต่เพียง ‘ต้นอ้อยช้าง’ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นต้นอ้อยช้างที่มีขนาดใหญ่ ตามที่มีการระบุในภาษาบาลีไว้ว่า ‘ต้นมหาโสณกะ’ ซึ่ง ‘มหา’ แปลว่า ใหญ่ ดังนั้น จึงขอนำเรื่องราวของต้นอ้อยช้างมาเสนอไว้ ณ ที่นี้

รูปภาพ

ต้นอ้อยช้าง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Lannea coromandelica (Houtt.) Merr.” อยู่ในวงศ์ Anacardiaceae มีชื่อพื้นเมืองเรียกกันมากมาย เช่น คำมอก, กอกกั๋น, กุ๊ก, ช้างโน้ม, ตะคร้ำ, หวีด เป็นต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงราว 8-15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกนอกสีน้ำตาลปนเทา กิ่งอ่อนมีขนปกคลุม ลำต้นมีร่องเล็กๆ ตามยาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายใบแหลมโคนใบมน ขอบใบเรียบ ออกเป็นช่อตรงปลายกิ่ง และใบจะร่วงหมดในช่วงที่ออกดอกจน ถึงออกผลในราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม

ดอกขณะตูมมีสีม่วงแดง เมื่อบานสีด้านในของกลีบเป็นสีเหลืองแต้มสีม่วงแดงเรื่อๆ ขนาดเล็กออกเป็นช่อ กลีบรองดอกและกลีบดอกมีประมาณ 4-5 กลีบ ออกราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ผลรูปรี มีขนาดเล็กสีเขียวอมแดง ภายในมีเมล็ดกลมหรือรี 1 เมล็ด ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง

รูปภาพ

อ้อยช้างมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ส่วนของรากซึ่งเป็นกระเปาะใหญ่เก็บสะสมน้ำไว้จำนวนมาก น้ำในรากสามารถนำมาดื่มแก้กระหายได้ เนื้อไม้ใช้เป็นแบบเทคอนกรีต งานแกะสลัก เปลือกใช้ทำที่รองหลังช้าง ใช้ฟอกหนังสัตว์ ส่วนยอดอ่อนมีรสเปรี้ยว ฝาด จึงนิยมรับประทานเป็นผัก

ส่วนสรรพคุณด้านพืชสมุนไพรนั้น เปลือกเป็นยาสมานแผล แก้อาการปวดฟัน แก้ธาตุพิการและอ่อนเพลีย แก้ฝี โรคเรื้อน โรคผิวหนัง และแก้เจ็บตา แก่นมีรสหวาน แก้เสมหะ บรรเทาอาการกระหายน้ำ ชุ่มคอ ใบใช้แก้ผิว หนังพุพอง เน่าเปื่อย รากใช้เข้าตำรับยา เพื่อชูรสยาในตำรับนั้นๆ

รูปภาพ


......................................................

:b8: โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มีนาคม 2548 16:35 น.

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2015, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโมทนาสาธุค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2019, 10:39 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร