ขอกล่าวว่าถ้า ปรกติ ที่ว่าเจริญองค์กรรมฐาน อาณาปานสติ จึงขอกล่าวว่าอาณาปานสติ เหมาะแก่ทุกคนทุกจริต แล้วอสุภกรรมฐานไม่ควรจะทำ เพราะ ทำแล้วเกิดนิพพิทาญาณแล้วก็ไปฆ่าตัวตายแบบพระในสมัยพุทธกาลก็มีพระพุทธองค์จึงไม่ให้พระภิกษุเจริญอสุภกรรมฐานแล้วให้มาเจริญอาณาปานสติ แทน เพราะเมื่อต้องการจะปฎิบัติสมาธิแล้วก็ให้ใช้องค์พุทโธ แล้วก็กำหนดสติ อยู่ในลมหายใจ ในอริยาบทต่างๆๆโดยสักแต่ว่าไม่เพ่ง



เท่านี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องทำกสิน

สวัสดีค่ะคุณ see

หายไปเลย ไม่เห็นมาส่งข่าวบ้าง ว่าตกลงแล้ว เดินจงกรมแบบไหนที่ถูกใจน่ะค่ะ

เหนด้วยๆ กับ K. อธิคม จะฝึกหรือทำอะไรก็ทำทีละอย่าง อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน เพราะฝึกอานาปานสติ ฝึกได้ง่าย และทำได้นาน เป็นแบบที่คนทำกันมากที่สุด ไม่มีพิษภัย หากทำอานาปานสติจนจิตละเอียดตั้งมั่นในสมาธิแล้ว ย่อมเห็นนิมิตเป็นอสุภะเกิดขึ้นแก่ตัวเราได้เองเป็นปัจจัตตัง...เป็นครื่องหมายรู้ของความเบื่อหน่ายในสังขารของมันเอง ทำแบบง่ายๆและปลอดภัยด้วยวิธีอานาปานสตินี่แหละครับ ดีแล้ว

เหตุที่ทำให้ทำสมาธิไม่ได้ หรือทำแล้วไม่ดีเท่าที่ควร

1. ขี้เกียจ
2. ร่างกายเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป
3. มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
4. จิตใจเครียดมากไป
5. กังวล ฟุ้งซ่าน
6. ไม่ตั้งใจทำ
7. ทำๆ หยุดๆ
8. ทำไม่ต่อเนื่อง ไม่สม่ำเสมอ
9. ราคะเกิด
10. เห็นแก่ความสบาย
11. ผลัดวันประกันพรุ่ง ขาดสัจจะ(ถึงเวลา แล้วไม่ทำ)
12. ไม่ทำจนติดเป็นนิสัย
13. ไม่ปฏิบัติตามปฏิปทาคำสอนครูอาจารย์ที่ได้แนะนำไว้

สมาธิไม่ได้มีแบบแผนตายตัวว่า ต้องเป็นวิธีนั้นวิธีนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงแนวทาง สำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
หากใช้วิธีพิจารณาแล้ว รู้สึกนิ่งดี ก็ใช้วิธีนั้น เมื่อใจสงบดีแล้ว (อาจจะเป็นเดือน) ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ควรจะทำวิธีไหนต่อ

แต่ถ้าจะเลือกตามวิธีที่มีการเผยแพร่กัน แนะให้เป็นกสิณในแบบใดแบบหนึ่ง หากชอบไฟ ก็เลือกกสิณไฟ ชอบเป็นสี ก็เลือกกสิณสี ถ้าตรงกับจริตของเรา เราก็จะรู้สึกว่า กสินนั้นๆ ง่ายกว่ากสินอื่นๆ
อสุภะ ไม่แนะนำนะ และถึงจะทำได้ สมาธิก็ก้าวหน้าไม่ได้มาก มันเป็นวิธีที่หยาบมากๆ มีไว้สำหรับคนราคะแรงๆ

อานาปานสติ (กำหนดลมหายใจ) วิธีนี้ดูเหมือนง่าย แต่ยากกว่ากสินนะ เพราะกสินใช้การเพ่งรูป จิตมีที่ให้เกาะ แต่อานาปานสติ โอกาสที่จิตจะฟุ้งไปคิดเรื่องอื่นๆ นั้น ง่ายมาก เพราะงั้น มันจึงเหมาะสำหรับคนที่เคยฝึกสมาธิมาบ้างแล้ว...

ไม่ต้องกลัวบ้า แต่ถ้าเริ่มเห็นภาพต่างๆ ก็ตั้งสติให้ดี อย่าไปสนใจมันมาก ให้มองเฉยๆ และอย่าได้คิดสื่อสารกับภาพนั้นเป็นอันขาด เพราะภาพเหล่านั้น โดยมากเกิดจากจิตใต้สำนึก เหมือนกับเราพยายามคุยกับความฝันน่ะ

เพิ่มเติมนะ อันที่จริงเราอยากจะบอกว่า ให้เริ่มจากโยคะก่อน ท่าศพ คือนอนหงาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อธรรมดา ใจไม่เกี่ยว จะคิดอะไรก็ได้ แต่ให้ฝึกผ่อนคลายก่อน (คือ ฝึกกายก่อน ต่อไปเวลาฝึกจิต จะได้ก้าวหน้าเร็วขึ้น) ท่าศพนี้ ยังมีประโยชน์คลายความปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อด้วย ถ้าทำตอนนอน ตื่นนอนมาจะหายปวดเมื่อยเลย
ฝึกจนรู้สึกว่า แขนขาเบา หรือคล้ายจะหายไป ก็ใช้ได้แล้ว ค่อยมาทำสมาธิ