วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 05:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 03:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์ของความรักคือการจากกัน...แต่ทุกข์หลังจากนั้น คือการพยายามทำใจ..ให้ลืม ทุกวันนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังร้องไห้ได้อยู่เวลาที่นึกถึง อยากทำใจให้ลืม พยายามเอาธรรมะเข้าข่ม แต่ก็มีที่...บางคืนรู้สึกเหมือนคนนอนฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ...บางคืนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมากลางดึก .อยู่ๆก็ร้องไห้ออกมา...รู้สึกทุกข์ใจเพราะลืมตาก็ยังตัดทุกข์นั้นไม่ได้อยู่แล้ว ครั้งพอนอนหลับก็ไม่ต่างอะไรกับคนนอนฝันร้าย
เกิดจากความผิดหวังในความรักรึเปล่า ทำให้กลายเป็นคนหวาดกลัวอะไรง่ายๆแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเป้นคนนอนฝันร้ายง่ายๆและบ่อยๆแบบนี้เลย..
ภายนอกใครๆมองว่าเราเข้มแข็ง ทำใจได้ง่าย แต่จริงๆแล้ว เราก็ยังเจ็บปวดอยู่เสมอ แต่บอกใครไม่ได้เท่านั้นเอง
มีข้อคิดดีๆเตือนสติอะไรที่จะทำให้เข้มแข็งมากกว่านี้มั้ยคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายติดเหรียญให้ก่อนเห็นห้อยแล้วดูเก๋ดี คะแนนคนรู้ใจตนเอง รู้การทำงานของจิตที่ดิ้นรน เมื่อประสบกับอนิฏฐารมณ์ ภาษาทางธรรมเรียกว่า วิภวตัณหา
ส่วนคำพูดปลอบใจรอสมาชิกท่านอื่นๆ ครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความรักเป็นแรงดึงดูดทางใจอย่างหนึ่ง เมื่อคุณรักใคร แปลว่าคุณคิดถึงเขาในทางที่ดี และคุณก็ไม่รังเกียจที่จะคิดถึงเขาก่อนคิดถึงตัวเอง แต่บางครั้งคุณก็อาจสับสนได้ว่าทำไมจึงรักเขา ทั้งที่เขาร้ายกับคุณขนาดนั้น

คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’


อันมนุษย์สุดเฉาให้เศร้านัก
ยังปักรักปักหลงไม่สงสัย
มันก่อร่างทางมาและทางไป
เป็นอย่างไรไม่ดูไม่รู้ลา

เพราะพึงใจในรูปที่จูบหอม
หรือสมยอมยินเสียงไม่เดียงสา
หรือแรงเรียกเพรียกแห่งกระแสตา
หรือใบหน้าคร่าจิตพิชิตใจ

เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูให้รู้คลาย

ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง

รักนั้น เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
เป็นที่มาของความผิดหวังเมื่อไม่ได้บุคคลอันเป็นที่รักมาครอง
เป็นที่มาของความคร่ำครวญเมื่อพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นที่มาของความอึดอัดเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้เต็มร้อย ฯลฯ


“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน… สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ม.ค. 2009, 11:44
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์ มีทั้งกายและใจ
ทุกข์กายเช่น หิวข้าว เมื่อย ก็ต้องแก้ทุกข์ด้วยการเปลี่ยนท่าทาง ทุกข์มีอยู่แล้ว ใจก็ ทุกข์
ถ้าไม่อยู่กับปัจจุบันเอาใจไปวิ่งหาทุกข์ข้างนอกเอาเข้ามาข้างใน ก็ทุกข์ไปกันใหญ่ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า ค่ะ
ทุกข์มาแล้วก็ไป สุข มาแล้วก็ไป เราว่า รู้ กระทบ วาง ดี กว่านะค่ะ
อารมณ์ที่มันผ่านมา ปี เดือน วัน ชั่วโมง แม้แต่นาที ที่แล้วก็ปล่อยมันผ่านไป ไม่ต้องไปปรุง ไปต่อมัน อะค่ะ
ที่ผ่านมาเราว่ามีสุข สบาย เพราะ ว่าทุกข์ มันน้อยเราก็เลยว่าสุข

“ใดๆในโลกล้วนไม่เที่ยง อย่างยึดมั่นถือมั่น ถ้ายึดเป็นทุกข์ ปล่อยว่างวางทุกข์ ”
ขอบคุณ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


การพลัดพรากจากของรักเป็นทุกข์สมดังคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าแท้จริง..

บัดนี้จิตใจอันขาดสติแลปัญญาและเต็มอยู่ด้วยโมหะคือความหลงมืดบอดอยู่ได้พาตนให้หลงจมอยู่กับความทุกข์ด้วยความเขลาเหมือปุถุชนเป็นอันมากในโลกนี้ ..แม้จะรู้ว่่าไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้เลยหากเราไม่ปล่อยใจให้สร้างทุกข์เอง ก็ยังไม่อาจบรรเทาความเขลาหลงทุกข์ต่อไปอยู่นั่นแล้ว ข้อนี้เป็นกันมากในหมู่ชนผู้มีโมหะคลุมจนมืด..

อาการที่ทุกข์นั้น มาจากความที่รักตนเองมากนั่นเอง เพราะคิดว่าถ้ามีคนนั้นแล้วจึงสุข แต่ในโลกแห่งความจริงสิ่งทั้งปวงล้วนเป็นทุกข์คือตกอยู่ในอำนาจแห่งอนิจจลักขณะคือมีอยู่แล้วต้องเปลี่ยนแปลงจนหมดไปในที่สุด หากมีเขาในวันนี้สักวันไม่เราก็เขาต้องจากไป ทั้งจากเป็นและจากตาย นี่คือของแน่..

พึงพยายามมองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดาในโลกนี้ ที่พิสดารยิ่งกว่านี้ก็ยังมีอยู่เช่นคนรักจากไปหลังจากแต่งงานไปแล้วทิ้งลูกและหนี้สินให้ไว้เป็นมรดก ..ความพิสดารเช่นนี้ท่านต้องการให้เกิดแก่ตนหรือไม่ ? ท่านทุกข์เท่าคนที่ประสบเหตุเช่นว่านี้หรือยัง ถ้ายังก็ควรดีใจ แสดงความยินดีแก่ตนเสียว่า บุญเรายังมีมากคุ้มครองเราไม่ให้ฉิบหายเหมือนคนอื่นที่ว่านี้ ..และนี่อาจเป็นบุญอีกน่ะแหละที่มาจัดสรรค์ให้เราพ้นจากคนพาล เช่นนี้จงละเลิกความเสียใจทั้งมวลเสียแล้วเร่งหาเกราะคือกุศลทั้งหลายมาคุ้มครองตนเสีย มีการศึกษาพระธรรม รักษาศีล เจริญสติเป็นต้น ท่านจะทุกข์ได้ยากขึ้นหากมีธรรมะคุ้มครองตน..

เรานี่แหละเป็นผู้กำหนดตนเองให้สุขแลทุกข์ได้ ใครๆไม่อาจทำเราได้เลย

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


เราคงไม่มีธรรมะที่ลึกล้ำ ถึงขั้นวิจิตรพิศดาร มาพูดปลอบใจคุณ
ได้แต่จะบอกแค่ว่า เป็นกำลังใจให้
มันอาจเป็นเพียงบททดสอบนะ
ถ้าเราผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้
เราอาจจะทะลุถึงขั้นโสดาบันเลยก็ได้นะครับ


:b8: :b8: :b4: :b4:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2009, 16:34
โพสต์: 37

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าไว้ใจได้มากที่สุด...แต่กลับทำลายเราได้มากที่สุด
บางครั้งสิ่งที่คิดว่าทำลายเรามากที่สุด...กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราไว้ใจได้มากที่สุด...
บางครั้งคนเราก็ต้องการ...แค่ใครสักคนที่เข้าใจ..
บางครั้งคนเราก็ต้องการที่จะเข้าใจตัวเอง..
บางครั้งเราก็ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้
แต่บางครั้งเราก็สามารถ กำหนดทิศทางของเราเองได้
บางครั้งบทเรียนที่ต้องจดจำคือการเรียนรู้ของตัวเอง
บางครั้งบทเรียนที่ต้องย้ำเตือนคือการเรียนรู้ของผู้อื่น
บางครั้งคนเราก็ร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ
แต่บางคน..ทุกสาเหตุ...ก็ระบายด้วยน้ำตา
บางครั้งคนเราก็หัวเราะกลบความเศร้า...แอบยิ้มเมื่อใจฝืนทน
บางครั้งคนเราก็เหงาเมื่ออยู่ลำพัง
แต่มักจะบอกกับตัวเองว่า...ฉันไม่เหงา...ฉันไม่ต้องการใคร
เพราะบางครั้งเราก็คิดว่าเราเข้มแข็งพอทั้งที่ในใจของเราอ่อนแอมาก
:b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 13:55
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: สักวันคุณจะลืมได้เองแหละค่ะ ถึงแม้มันจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย หรือว่าบางครั้งจะหวนคิดถึงวันเก่าๆ บ้าง ก้อถือว่ามันเป็นประสบการณ์ และความทรงจำนะค่ะ อย่ายึดติดอะไรมากนะค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 04:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 03:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคะ สำหรับทุกๆกระทู้..เวลาเท่านั้นมั้งคะ..ที่จะช่วยให้ทุกๆอย่างดีขึ้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านเทียบเคียงกระทู้นี้ดูครับ เผื่อฉุกใจได้คิด

viewtopic.php?f=1&t=21047

ความทุกข์ของมนุษย์มีต้นกำเนิดเกิดจากแหล่งเดียวกัน คือ ทางด้านจิตใจที่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งภายนอกมากเกินไป เมื่อยึดมากก็ทุกข์มาก ยึดน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์ ไม่ยึดมิใช่หมายความว่า ไม่เกี่ยวข้องเลยนะครับ แต่เกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งอย่างรู้เท่ารู้ทันว่าสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแท้แน่นอน แม้แต่ตัวเราเอง จิตใจเราเองก็เปลี่ยนอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก จะกล่าวไปใยถึงผู้อื่นเล่า

ส่วนฝันร้ายก็เกิดจากจิตคิดเรื่องร้ายๆ ก็ฝันร้าย เพราะเสพสิ่งที่เป็นพิษ
หากต้องการฝันดี หลับเป็นสุขก็คิดในทางบวก คิดแต่สิ่งที่เป็นมงคล ก็ฝันดี เมื่อสติยังอ่อนดึงความคิดให้คิดดีไม่ได้ ก็หาเครื่องช่วย เช่นหนังสือธรรมะโดยผู้เขียนที่เราศรัทธา หรือ สวดมนต์เป็นต้น เริ่มแรกตั้ง นโม
ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ได้ก็พอ สวดเลยครับร้อยหนพันหน กุศลจิตก็จะมีกำลัง ต้านอกุศลจิตได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



กาลเวลาก็พอช่วยได้ เราเป็นปุถุชนเต็มขั้น ไม่ใช่พระขีณาสพนี่ครับ
สภาวะจิตเรายังไม่แข็งแรง ก็ต้องประสบสุขบ้างทุกข์บ้าง หัวเราะบ้างร้องไห้บ้างคละเคล้ากันไปเป็นธรรมดา
มีโรคทางใจจึงไม่ใช่เรื่องแปลก พิจารณาตามพูทธพจน์นี้ครับ


“ภิกษุทั้งหลาย โรคมีอยู่ ๒ ชนิดดังนี้ คือ โรคทางกาย ๑ โรคทางใจ ๑
สัตว์ที่ทั้งหลายที่ยืนยันได้ว่า ตนไม่มีโรคทางกายเลยตลอดเวลาทั้งปี ก็มีปรากฏอยู่
ผู้ที่ยืนยันได้ว่า ตนไม่มีโรคทางกายเลยตลอดเวลา ๒ ปี ก็มีปรากฏอยู่
๓ ปี...๔ ปี...๕ ปี...๑๐ ปี...๒๐ ปี...๓๐ ปี...๔๐ ปี...๕๐ ปี...๑๐๐ ปี ก็มีปรากฏอยู่
แต่สัตว์ที่ยืนยันได้ว่า ตนไม่มีโรคทางใจเลย แม้ชั่วเวลาเพียงครู่หนึ่งนั้น หาได้ยากในโลก ยกเว้น
พระขีณาสพ (ผู้สิ้นอาสวะแล้ว)ทั้งหลาย”
องฺ.จตุกฺก. 21/157/191)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2009, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากเวลาแล้ว ยังต้องตั้งสติพิจารณาธรรมตามไปด้วยนะครับ อย่าใช้เวลาเปลืองล่ะครับ เดี๋ยว...จะไม่มีเวลา เหมือนดั่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งสอนไว้ในปัจฉิมยามว่า.."จงอย่าดำรงตนอยู่บนความประมาท".. :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2009, 04:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 03:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าใช้เวลาเปลืองหมายความว่าไงคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 21:28
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณ cas เจ้าของกระทู้มากๆเลยค่ะ เพราะดิฉันก้อเป็นเหมือนคุณ เมื่อคืนนี้เอง ก่อนนอนก้อยัง

คิดถึง หลับก้อฝันถึง ตื่นมากลางดึกก้อยังคิด รุ้สึกทรมานมากๆ ปวดใจมาก เช้านี้ได้มาอ่านกระทู้ที่คุณตั้ง

ก้อได้กำลังใจจากทุกคนๆ หวังว่ากาลเวลาคงทำให้เราลืมความเจ็บปวดเหล่านี้ได้สักที :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2009, 23:10
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


ความรู้สึกของคุณ Cas ก็คล้ายๆของปลายฝนเช่นกันนะคะ
แต่เป็นความรู้สึกในช่วงแรกๆ ตอนนี้จริงๆ แทบไม่ได้ร้องไห้แล้วค่ะ
เป็นเพราะมีกัลยาณมิตรคอยเตือนให้เราดูจิตของเราเวลาเศร้า (แต่เราก็ดันดูเฉพาะตอนเศร้า ลืมดูเวลาโกรธและจิตตกเสียความมั่นใจ :b15: ตอนนี้ต้องพยามดูให้มากขึ้น)

จริงๆ ไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งบ่อน้ำตาลึกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเคยเศร้ากับความรักครั้งก่อนหน้านี้มากๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง เศร้านานเป็นปี หลังจากนั้นเมื่อคลายความเศร้าได้ และได้เริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นแค่คนที่สนใจ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง แต่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติจริงจัง ความเศร้าครั้งนี้จึงคลายเสียใจได้เร็วขึ้น(..มาอีกนิดหน่อย)

อย่างไรก็ขอเล่าแลกเปลี่ยนวิธีการก็แล้วกันนะคะ เผื่อจะช่วยกันคลายความเศร้าได้เร็วขึ้นบ้าง

- เวลารู้สึกเศร้าหรือเสียใจขึ้นมาให้เรา..แค่รู้..แต่ไม่ต้องไปห้ามหรือหยุด หรือปรุงแต่งความเศร้าเพิ่ม แต่ถ้าความรู้สึกมันหยุดไปเอง ก็ให้เรารู้ว่ามันหยุดไปแล้ว แล้วเราก็จะได้เห็นว่า เออนะ..มันก็ไม่ได้อยู่กับเรา 24 ชม.นี่นา

- เวลาเสียใจจนร้องไห้ ปลายฝนจะใช้วิธีคิดว่า นี่เป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเค้ายังไม่พอใจ ฉะนั้น..ร้องไปนะ..เสียใจไปนะ ร้องใช้คืนเค้าไปจนกว่าเค้า(เจ้ากรรมนายเวร)จะพอใจ แล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น พอเช้ามาก็สวดมนต์แผ่เมตตา กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรไป

- เวลาเสียใจและคิดว่าทำไมไม่ดีขึ้นซักที จะใช้วิธี คิดว่า วันนี้กับวันแรกที่เราเจอปัญหา แตกต่างกันอย่างไร ..วันนี้เราดีกว่าวันแรกใช่ไหม? เดือนนี้เราดีกว่าเดือนที่แล้วใช่ไหม? ถึงแม้จะยังไม่หายดี แต่เราก็ดีขึ้น เพราะฉะนั้น มันต้องถึงวันที่เราหายดีแน่นอน

3 ข้อนี้เป็นขอหลักๆ ที่ปลายฝนใช้ในช่วงแรกๆค่ะ ตอนนี้ก็ยังใช้ แต่รู้ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง (อย่างเมื่อวันที่มาโพสถามเรื่องของปลายฝนเอง..วันนั้น รู้ไม่ทันค่ะ จิตตกมากมาย) รู้สึกว่าทำให้เราคลายได้ไวขึ้น ทุกอย่างคงไม่ได้ทันใจเรา แต่เมื่อมองย้อนไปกับความรักครั้งก่อนๆ ครั้งนี้ถือว่าเราทำได้ดีขึ้นมากค่ะ

อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ปลายฝนก็จะหวังเช่นกันว่าจะมีวันที่..ฟ้าเปิด..สำหรับพวกเราทุกคน :b39: :b53:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร