วันเวลาปัจจุบัน 12 พ.ค. 2024, 06:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เหตุที่มนุษย์มีสภาพแตกต่างกัน มูลปัณณาสก์มัชฌิมนิกาย แสดงไว้ว่า

ฆ่าสัตว์ ไม่มีความกรุณา...เป็นเหตุให้...อายุ สั้น

ไม่ฆ่าสัตว์ มีความกรุณา...เป็นเหตุให้...อายุ ยืน

เบียดเบียนสัตว์...เป็นเหตุให้...มีโรค มาก

ไม่เบียดเบียนสัตว์...เป็นเหตุให้...มีโรค น้อย

มักโกรธ มีความคับแค้นใจมาก...เป็นเหตุให้...ผิวพรรณ ชั่ว

ไม่โกรธ ไม่มีความคับแค้นใจ ...เป็นเหตุให้...ผิวพรรณ ผุดผ่อง

มีใจประกอบด้วยความริษยาผู้อื่น...เป็นเหตุให้...มีอานุภาพ น้อย

มีใจไม่ริษยาผู้อื่น...เป็นเหตุให้...มีอานุภาพ มาก

ไม่บริจาคทาน...เป็นเหตุให้...ยากจน อนาถา

บริจาคทาน...เป็นเหตุให้...มีโภคสมบัติมาก

กระด้าง ถือตัว...เป็นเหตุให้...เกิดในสุกล ต่ำ

ไม่กระด้าง ไม่ถือตัว...เป็นเหตุให้...เกิดในสกุล สูง

ไม่อยากรู้ ไม่ไต่ถามผู้มีปัญญา...เป็นเหตุให้...มีปัญญา น้อย

อยากรู้ หมั่นไต่ถามผู้มีปัญญา...เป็นเหตุให้...มีปัญญา มาก



สัตว์นรก ครั้นสิ้นกรรมแล้ว มาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมเกิดในสกุลต่ำ
เป็นคนยากจนอดอยาก เป็นอยู่โดยฝืดเคือง มีรูปร่างผิวพรรณไม่สมประกอบ



กิจโฉ มนุสสะปฏิลาโภ...การเกิดเป็นมนุษย์...นั้น แสนยาก

กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตัง...การดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ทั้งหลาย...นั้น แสนยาก

กิจฉัง สัทธัมมัสสะวะนัง...การได้ฟัง พระสัทธรรม...นั้น แสนยาก

กิจโฉ พุทธานะมุปปาโท...การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...นั้น แสนยาก



คัดลอกจาก... http://kanlayanatam.com/sara/sara15.htm

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะค่ะ
มีประโยชน์มากมาย :b20: :b20:

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ^^

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 23:49
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญสำหรับความรู้ด้วยคนค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วรรณเป็นเด็กบ้านนอก เติบโตท่ามกลางทุ่งนาป่ากว้างแม้ครอบครัวจะเคร่งครัดเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ แต่บางเรื่องกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เช่นการหาปู หาปลา กุ้ง มาเป็นอาหาร วรรณและเพื่อนๆ จึงมักออกไปหาปลา วางเบ็ดเป็นกิจวัตร แต่มีข้อแม้ว่ากิจกรรมนี้จะไม่ทำในวันพระ ส่วนวันที่เหลือก็ไม่มีใครว่าอะไร ความจริงแล้ววรรณไม่ชอบกินปลา เพราะมีมากจนไม่อยากกิน เธอชอบกินกุ้งและไข่เป็ดมากกว่า แม้ที่บ้านไม่ได้อดอยากจนต้องออกไปหาปลามากินเอง แต่ด้วยความสนุกคะนองตามกลุ่มเพื่อน ทำให้วรรณมักจะเป็นหัวหน้าก๊วนชวนเพื่อนไปตกปลาอย่างสนุกสนาน ตกได้ก็ให้เพื่อนที่ยกจนกว่าไปเป็นอาหาร ไม่ก็นำไปปิ้งให้แมวที่บ้านกิน ในวัยเด็ก ยามเย็นหลังเลิกเรียนและวันหยุดของวรรณหมดไปกับการตกปลาอย่างเพลิดเพลิน บางวันได้ปลามากมาย แต่ไม่เคยพอสำหรับเธอ เพราะยิ่งได้มาก ยิ่งสนุก ยิ่งได้ลุ้น โดยเฉพาะเวลารอคอยปลามากินเบ้ด หวใจของเธอจะเต้นระทึก เลือดสูบฉีด เมื่อทุ่นเบ็ดถูกปลาดึงรั้งซอกซอนไปตามกอหญ้า เธอก็ตวัดคันเบ็ดขึ้น มองเห็นเกล็ดปลาแวววับต้องแสงตะวันอยู่เหนือศรีษะ ยามนั้นช่างเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยากยิ่ง และที่แน่ๆวรรณหลงรักความรู้สึกนี้ แต่ปลามันคงไม่รู้สึกแบบเดียวกับวรรณ เพราะทุกครั้งที่ปลดปลาออกจากเบ็ด เธอจะเห็นตาของมันเหลือกถลนด้วยความเจ็บปวด เลือดแดงกลบปาก บางตัวปากฉีกตาหลุด และตายในเวลาไม่นาน แต่วรรณไม่เคยฉุกคิดเลยว่ากำลังเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นอย่างไม่สมเหตุสมผล วรรรณมีทางเลือกมากมายที่จะไม่ต้องทำร้ายปลาเหล่านั้น แต่ด้วยความสนุกประสาเด็ก วรรณไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าดได้ลุ้นและแข่งกับเพื่อนว่าใครจะตกปลาได้มากกว่ากัน หลังเรียนจบชั้นมัธยม วรรณไม่มีเวลาตกปลาอีกเพราะต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย เธอลืมเรื่องการตกปลาไปเสียสนิท แม้ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย เธอมักจะมีปัญหาเรื่องฟันอยู่เป็นประจำ แต่เธอก็ไม่เคยฉุกคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวอะไรกับการชอบตกปลาของตัวเอง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอพบว่ากระดูกฐานเหงือกบริเวณกรามด้านซ้ายบนของเธอขยายงอกใหญ่มากซึ่งหมายถึงเธอจะต้องประสบปัญหาใส่ฟันปลอมไม่ได้ยามแก่เฒ่า เพราะเมื่ออายุมาก การผ่าตัดกระดูกเป็นเรื่องอันตราย คุณหมอจึงแนะให้ผ่าตัดเหลากระดูกฐานเหงือกของกรามให้เล็กลง การผ่าตัดครั้งนี้คล้ายเกิดสงครามในช่องปาก เพราะหมอทั้งกลึง ทั้งถาก ทั้งตัดกรามด้วยเครื่องมือทางการแพทย์นานาชนิด เธอได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งปนกับกลิ่นใหม้ของกระดูก แม้จะฉีดยาชา แต่ความเจ็บปวดก็แทรกผ่านมาเป็นระยะๆ อีกทั้งประสาทการรับรู้ก็ยังทำงานตามปรกติ ยิ่งกว่านั้น ความทุกข์ทรมานจากการต้องอ้าปากค้างไว้ถึง 2 ชั่วโมงก็ไม่ใช่เรื่อที่น่ารื่นรมย์เลย แม้แต่นิดเดียว การผ่าตัดจบลงด้วยปากที่บวมเจ่อของเธอ หมอเย็บเหงือกไป 17 เข็ม หลังจากนั้นก็บล็อกกรามและเหงือกด้วยอุปกรณ์ที่หล่อขึ้นมาจากปูนปลาสเตอร์ที่สั่งทำไว้ล่วงหน้าแล้วเพื่อห้ามเลือด และที่หนักหนาไปกว่านั้นคือ การใส่ที่ห้ามเลือดแบบพิเศษของหมอนี้ ทำให้เธอเคี้ยวอาหารไม่ได้ถึง 1 สัปดาห์ และต้องรับประทานอาหารเหลวแทนด้วยความจำใจ หลังผ่าตัด 2-3 วัน เธอเจ็บปากมากเพราะแผลระบบพูดก็ไม่ได้ ต้องนอนนิ่งๆ หลับบ้างตื่นบ้างไปตามเรื่อง แต่แล้วแวดหนึ่ง ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเอง วรรณเห็นปลาจำนวนมากปากฉีก เลือดกลบปาก ลอยวนอยู่ในภวังค์ เธอนอนน้ำตาร่วง พลางขออโหสิกรรมปลาเหล่านั้น แล้วบอกพวกมันว่า เธอขอชดใช้กรรมด้วยความยินดี ด้วย ความเข้าใจ และเมื่อหายดีแล้วจะไปทำบุญให้ เมื่อตื่นจากภวังค์ วรรณนึกย้อนเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิต โดยปรกติเธอเป็นคนแงแรง แต่มักจะมีปัญหาในช่องปากและฟันอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่ค่อยเป็นกัน แต่ยังไม่ทันที่วรรณจะได้ตั้งตัว หลังการผ่าตัดไม่ทันข้ามปี ฟันกรามด้านบนขวาที่ทำครอบไว้เกิดกดทับฟันล่างจนทำให้ฟันล่างแตกหักจมอยู่ในเหงือก เกิดเป้นวิกฤติ ในช่องปากของเธออีกครั้ง คราวนี้คุณหมอแนะนำว่าต้องทำครอบฟันล่างเพื่อให้ฟันมีความแข็งแรง สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปรกติ แต่ติดตรงที่ฟันล่างหักจมมิดอยู่ในเหงือก มีทางเดียวที่จะทำได้คือต้องผ่าตัดอีก หมอบอกว่าตัดเหงือกนิดเดียว เพื่อให้ฟันโผล่ขึ้นมาสัก 2 มิลลิเมตรเท่านั้น เทียบกับความเจ็บปวดควาวที่แล้ว คราวนี้สบายกว่ามาก แต่วันที่หมอผ่าตัดจริง ปรากฏว่าหมอเห็นว่าฐานเหงือกของกรามด้านบนขวาก็มีกระดูกโปนงอกออกมาเหมือนกัน ไหนๆ ก็ฉีดยาชาแล้ว เลยตัดกระดูกแถมให้โดยไม่คิดเงินจึงกลายเป็นความหวังดีที่สร้างความเจ็บปวดทารุณให้เธอไม่แพ้ครั้งแรก วรรณได้แต่ทำใจปล่อยวางทุกอย่างไปตามกรรมและวีถีที่ควรเป็น เธอได้แต่นอนทำสมาธิตามลมหายใจตัวเองซึ่งช่วยให้ความทรมานทุเลาเบาบางลงได้ วันนั้นหมอเย็บแผลเสร็จก็บอกเธอว่า "คราวนี้แค่ 12 เข็ม" ก่อนกลับหมอยังหันมาบอกว่า "ฟันหน้าด้านบนกระดูกฐานเหงือกก็งอกเหมือนกัน ไว้มีเวลาว่างค่อยมาตัด ทิ้งไว้นานจะลำบาก พออายุมากหน้าจะผิดรูปนะครับ วรรณฟังคำพูดของหมดเงียบๆ ได้แต่คิดปลงกับกรรมที่ไม่จบสิ้นของตัวเองเพียงลำพัง " นี่คงถึงเวลาที่ปลาตามมาทวงคืนแล้วสินะ" ใครที่เคยชะล่าใจ คิดว่าการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อนไม่บาป เห็นทีจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้วกระมัง
ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูล จากหนังสือ ซีเคร็ต ฉบับที่ 31
ฝากข้อถามธรรมะได้ที่ e-mail:aor_sangphet@hotmail.com
:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย sangphet เมื่อ 28 ต.ค. 2009, 19:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องขำขำเพื่อความเบิกบาน ตอน เลิกแล้วจริงๆ
นางสวาทกลัวว่าสามีของตนจะจากไปก่อนเวลาอันควร เพราะสามีเป็นนักสูบบุรหรีตัวยง จึงอยากจะเตือนถึงโทษของการสูบบุหรี่ วันหนึ่งนางสวาทจึงรวบรวมซองบุหรี่ที่มีภาพโรคภัยที่เกิดจากการสูบบุหรี่มาให้สามีดี
นางสวาท " คุณพี่ เห็นหรือยังว่าสูบบุหรี่แล้วจะทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ถ้าสูบมากๆ อาจถึงตายได้เลยนะค่ะ"
สามี " โอ้..น่ากลัวจริงๆ ด้วยสิ ตั้งแต่นี้ต่อไปพี่จะเลิกอย่างเด็ดขาดเลยละจ๊ะ"
นางสวาท " พี่จะเลิกสูบบุหรี่แล้วจริงหรือค่ะ"
สามี " เปล่า... พี่ไม่เลิกสูบบุหรี่หรอกจ๊ะ แต่ที่จะเลิกเนี่ย คือเลิกดดูภาพพวกนี้ มันน่ากลัวจริง ๆ"

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือซีเคร็ต ฉบับที่ 31
:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย sangphet เมื่อ 28 ต.ค. 2009, 19:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




R2267-7.gif
R2267-7.gif [ 49.45 KiB | เปิดดู 5934 ครั้ง ]
Quote Tipitaka:
[๕๘๐] สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่
ปรากฏความเลวและความประณีต คือ
มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏมีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม
มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย มีศักดามาก มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ
เกิดในสกุลสูง ไร้ปัญญา มีปัญญา

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต ฯ

[๕๘๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรมาณพ
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทแห่งกรรม
มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้ ฯ

ดูกรมาณพ
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม
เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด
หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต


เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม
สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุสั้นนี้ คือ
เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด
หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุยืนนี้ คือ
ละปาณาติบาตแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้
มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่ ฯ


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมากนี้ คือ
เป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือ ก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคน้อยนี้ คือ
เป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดินหรือท่อนไม้ หรือศาตรา ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทรามนี้ คือ
เป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง
พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเป็นผู้น่าเลื่อมใสนี้ คือ
เป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง
ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้าย ความขึ้งเคียดให้ปรากฏ ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดาน้อยนี้ คือ
มีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย
ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดามากนี้ คือ
มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย
ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะน้อยนี้ คือ
ไม่ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีป
แก่สมณะหรือพราหมณ์ ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะมากนี้ คือ
ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย แก่สมณะหรือพราหมณ์ ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเกิดในสกุลต่ำนี้ คือ
เป็นคนกระด้าง เย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ
ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง
ไม่สักการะคนที่ควรสักการะ ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ
ไม่บูชาคนที่ควรบูชา ฯ

ดูกรมาณพปฏิปทาเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีสกุลสูงนี้ คือ
เป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ
ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะ
เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญาทรามนี้ คือ
ไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ
อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่า อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน ฯ

ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญามากนี้ คือ
เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ
อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล
เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน ฯ

:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

[๕๙๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้
สุภมาณพ โตเทยยบุตร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า แจ่มแจ้งแล้วพระเจ้าข้า

พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมิใช่น้อย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ
หรือเปิดของที่ปิด หรือบอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด
ด้วยหวังว่าผู้มีตาดีจักเห็นรูปได้ ฉะนั้น

ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
ขอพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฯ


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:


จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ จูฬกัมมวิภังคสูตร


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=14&item=579&items=19


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

รูปภาพ เจริญในธรรมค่ะ
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลของกรรมมันเป็นธรรมดา

ทุกสิ่งเกิด ๆ ดับ ๆ

ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2009, 15:09
โพสต์: 122

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




lotus299.jpg
lotus299.jpg [ 2.68 KiB | เปิดดู 5202 ครั้ง ]
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเกิดมาด้วยกรรม และดำเนินไปตามกรรมที่ตนทำไว้ มีกรรม
จำแนกให้ผิดแผกแตกต่างกัน


ในน้ำมี กุ้ง ปู เต่า ปลา และสัตว์น้อยใหญ่ที่เรารู้จัก และไม่รู้จักอีกมากมาย
บนบกมี มนุษย์ ช้าง ม้า วัว ควาย สุนัข แมว เป็นต้น
ในอากาศมี นก ผีเสื้อ และแมลงต่างๆ
นอกจากนั้นก็ยังมีเทพบุตร เทพธิดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เปรต อสุรกาย และสัตว์นรก
ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่สุด ที่ประเสริฐที่สุดเพราะมนุษย์มีโอกาส
ทำความดีได้ทุกชนิด ตั้งแต่ความดีเล็กน้อย ไปจนถึงความดีขั้นสูงสุด คือการบรรลุมรรค ผล นิพพาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "การได้อัตภาพเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก" แต่การดำเนินชีวิตให้ถูกทางเมื่อมาแล้วยังยากกว่า เพราะถ้าดำเนินชีวิตไม่ถูกทางแล้วชีวิตในอนาคตมีแต่จะตกต่ำลง ยากนักที่จะมีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ในเมื่อตายไป

การเกิดเป็นมนุษย์ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างนำเกิดฉันใด การดำเนินชีวิตให้ถูกต้องเมื่อเกิด
มาแล้ว ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างฉันนั้น

การเกิดเป็นมนุษย์ต้องอาศัย บุญ มีทานเป็นต้นนำเกิด

การดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง ก็ต้องอาศัยสมบัติ ๔ อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า จักกะ ๔ หรือ จักร ๔ เป็นสำคัญผู้ใดมี จักร ๔ อย่างนี้ ย่อมได้รับโภคทรัพย์ ยศ ชื่อเสียง ความสุขและความเจริญตลอดชีวิต

ขอบคุณที่มา :: เป็นมนุษย์นี้แสนยาก http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn03.html

:b42: กราบอนุโมทนาบุญ มีดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม มีความสุขความเจริญ และอยู่เย็นเป็นสุขนะค่ะ tongue tongue tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron