วันเวลาปัจจุบัน 13 พ.ย. 2024, 11:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียน อาจารย์ทุกท่าน รายงานผลการปฏิบัติค่ะ

เมื่อมีปัญหาในการนั่งสมาธิครั้งก่อนได้มีอาจารย์หลายท่านกรุณาให้คำแนะนำที่ดีมาก ๆ ไปปฏิบัติ อีกทั้งได้เห็นความเป็นกัลยาณมิตรจากทุก ๆ ท่านใน Web นี้ รู้สึกประทับใจมากค่ะ ได้เห็นเด็กสาว ด็กหนุ่มหลาย ๆ คนเข้ามาศึกษาและปฏิบัติ ธรรมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าดิฉันแต่งานมีครอบครัวก็อยากจะมีลูกสาวลูกชายน่ารัก ๆ เช่นนี้ อาทิ หนู Sasikarn ขออนุโมธนาสาธุค่ะ

รายงานผลการปฏิบัติครั้งนี้จริง ๆ แล้วผู้ปฎิบัติบันทึกไว้ทุก ๆ วันแต่คัดลอกมารายงานเฉพาะผลที่ผู้ปฎิบัติ เห็นว่าน่าสนใจและไม่ค่อยเข้าใจเท่านั่น อีกประการหนึ่งการปฏิบัติจากการอ่านและฟังเทศก็ เท่านั้น ผู้ปฎิบัติไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ในสภาวธรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีปรากฏในคำอธิบายใดในรายละเอียดที่ลึกขึ้นไปถึงภาคปฏิบัติ ดิฉันเข้าไปหาพระอาจารย์ที่วัดในหมู่บ้านเพราะท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่งท่านก็ไม่ได้นั่งสมาธิและไม่รู้จักพระรูปใดที่ปฏิบัติเรื่องสมาธิถ้าอาจารย์ท่านใดรู้จักพระในจังหวัดเชียงรายที่ดิฉันและคุณพ่อ คุณแม่ จะไปกราบนมัสการท่านได้ กรุณาให้คำแนะนำด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณด้วยนะค่ะ

รายงานผลการปฏิบัตินี้ ถ้าดิฉันปฏิบัติไม่ถูกไม่ควรอย่างไรความเข้าใจอย่างหนึ่งอย่างใดผิดพลาดก็ขอคำแนะนำด้วย เพราะภูมิรู้ของดิฉันที่จะไปอ่านธรรมที่ยากพอสมควรนี้ให้เข้าใจได้ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อ่านธรรมทุก ๆ วัน ตั้งแต่เข้าพรรษา เป็นต้นมาก็ร่วม 6 เดือนเท่านั้น ขอน้อมรับคำแนะนำทั้งหมดค่ะ ผลการปฏิบัติมีดังนี้

24 ก.ย.52
อ่านอริสัจ ๔ และเริ่มกาง สติปัฏฐาน ๔ มาอ่านเพื่อเจริญวิปัสสนา ตามคำแนะนำที่ได้รับมา เริ่มท่องอาการ 32 ผม ขน เล็บ ฟัน หน้า ฯลฯ เท่าที่จำได้บ้างนั่งสมาธิคิดและทบวน พิจารณาในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม ไปเรื่อย ๆ ในวันนี้ยังคงเจริญอานาปานสติเหมือนเดิมคือ พิจารณาลมเข้าออกสั้น – ยาว เราจักรู้ชัดองค์ประกอบทางจิตทั้งปวง เราจักระงับจิตสังขาร เราจักรู้แจ้งจิต เราจักทำให้จิตบันเทิง เราจักตั้งจิตมั่น เราจักปล่อยจิต เราจักพิจารณาความไม่เที่ยง เราจักพิจารณาวิราคะธรรม เราจักพิจารณานิโรธธรรม เราจักพิจารณาสลัดออกหายใจ เข้า-ออก

25 ก.ย. 52
วันนี้นั่งสมาธิ 1 ชั่วโมง วันนี้ลองเดินจงกลมเป็นวันแรก เวลา 20.00 โดย ใช้คำภาวนา พุทธ – โธ นั่งสมาธิตอนดึกอีก เวลา 24.00 น. คือการท่องจำและทำความเข้าในใน สติปัฏฐาน ๔ ต่อจากเมื่อวาน 50 นาที

26 ก.ย. 52
เดินจงกลมวันนี้เป็นวันที่ 2 เดินเวลา 21.00 -21.20 น หลังจากเดินเสร็จมานั่งปฏิบัติเย็นไปทั่วกาย ตอนดึก 24.00 น นั่งสมาธิโดยใช้วิปัสสนาท่อง อาการ 32 ปรากฏรูปทั้งตัวไม่มีหน้า มีแต่เนื้อและเส้นเอ็นทั้งตัว ตกใจเลยออกจากสมาธิเลยทันที

27 ก.ย. 52
นั่งสมาธิ เวลา 24.00 มีอาการปกติ ตัวยืดสูง สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ลำคอและหัวไม่ยืดตาม มันก็ดันตรงลำคอ ภาวนาสูงหนอๆ ๆ ๆ มันก็ยืดเรื่อยๆ รู้สึกไม่ไหวจึงภาวนา ยืดพอหนอๆ ๆ ๆ ความยืดจึงหดลงมา นั่งสมาธิประมาณ 50 นาที วันนี้

28 ก.ย. 52
เวลา 24.00 น นั่งสมาธินั่งได้ประมาณ 30 นาที วันนี้ มีแสง สว่างจ้า เกิดขึ้น เป็นแสงทั้งจอขนาดออกมาจากสมาธิ ยังสว่างอยู่ไม่ดับ วัดขอบฐานของแสงสว่างตอนแรกคิดว่าแสงเกิดจากเหนือคิ้วขึ้นไป แต่มิใช่ เกิดจากของตาล่างและหน้าผากทั้งหน้าผาก ง่วงนอนมากเพราะทำงานทั้งวันแล้วจึงพยายามหลับให้ได้นอนหลับยากมาก เพราะพอหลับตาแสงสว่างก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งวิตกว่าถ้ามันไม่ดับจะหลับอย่างไร แต่ที่สุดด้วยความง่วงจึงพยายามหลับไป สุดท้ายก็หลับได้และแสงก็ดับไป โล่งอกและรู้เท่าทันแสงแล้ว มันเกิดได้เป็นของธรรมดา

6 ต.ค. 52
ท่อง เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ เป็นภาษาบาลีแต่ ปรากฏภาพเล็บหัวแม่เท้า พยายามแยกแยะมันให้เป็นธาตุ ๔ ให้เสื่อมสลายไปก็ไม่ได้ ก็เลยพยายามมองดูมันให้เป็นพระไตรลักษณ์มันก็ปรากฏหัวแม่เท้าโชว์ให้เห็นอย่างเดียว นั่นแหละค่ะ เลยนั่งประมาณ 30 นาทีแค่นั้น

11 ต.ค. 52
ท่องอาการ 32 ตามปกติ ปรากฏภาพปากและฟันไม่สวยเลยมีเขี้ยวเหย เก ฟันสีดำ พิจารณาให้เป็นธาตุ ๔ และพระไตรลักษณ์ ภาพค่อย ๆ เสื่อม เลื่อนหายไป นั่ง 40 นาที ก็พอแค่วันนี้

16 ต.ค. 52
เวลา 16.00 ท่องอาการ 32 และคิดพิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม วันนี้เวทนาเกิดขึ้นกับร่างกายในขณะนั่งประมาณ 30 นาที เป็นเหน็บชาอย่างมาก ก็ไม่ใส่ใจในอาการเวทนา คิดว่า ต่างอย่างต่างจริง ผลคือ เหน็บชานั้นก็รู้สึกเพียงเหน็บชา ไม่เจ็บไม่ปวด มันก็อยู่ของมันแต่เราไม่ปวดแล้วแสดงว่า เวทนากับใจไม่เกี่ยวข้องกัน และจิตใจวันนี้แปลกตั้งแต่ไหว้พระนั่งสมาธิก็แผ่เมตตาเลยตั้งแต่แรก จิตวันนี้อ่อนโยนมาก มีแต่เมตตา ความรู้สึกเมตตาจนประหลาดใจ วันนี้จิตเราทำไมเมตาอย่างมากมายขนาดนี้ เมตตาอย่างอ่อนโยน อ่อนหวานในจิต จิตที่มีเมตาอย่างท่วมท้น ทำให้กายนุ่มนวลและจิตอ่อนโยน อย่างลึกซึ้ง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าเสียงคนพูดใกล้ๆ บริเวณในร้าน จิตก็ไม่โมโห แต่ได้ยินเสียงเป็นไกล ทั้งที่คนพูดอยู่ใกล้ ๆ ในร้าน ความรู้สึกคือ เมตตาเสียงนั้นด้วย เมตตาอย่างเดียวในการนั่งสมาธิ เกือบ 1 ชั่วโมง ในวันนี้ ไม่มีอะไรอื่นเลย มีแต่จิตที่โน้มเป็นเมตาจิตเท่านั้น วันนี้เลยลืมนึกถึงพระไตรลักษณ์ไป มัวงงกับเมตตาจิตทั้งชั่วโมงโดยคิดว่าแป๊บเดียว

20 ต.ค. 52
24.00น วันนี้ พิจารณา กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม เท่าที่จำได้ ที่เข้าใจได้ ปรากฏกล้ามเนื้อกระตุกทั้งร่าง งง วันนี้ร่างกายปรากฏ สภาวธรรมแปลก พยายาม กระตุกหนอ ก็แล้ว ยังกระตุกอยู่ เลยเลิกนั่ง วันนี้พรุ่งนี้ค่อยนั่งใหม่ เกิดประมาณ 20 นาที ร่างกายล้าแล้วเลยเลิกนั่ง

25 ต.ค. 52
24.00น วันนี้ขณะนั่ง เกิดปวดร่างกาย ดูแล้วช่วงนี้ร่างกายประท้วงเลย ไหว้พระนั่งสมาธิ 10 นาที และแผ่เมตตาเสร็จ นอนเลย ทั้งนี้เพราะร่างกายทำงานมาทั้งวันแล้วไม่ค่อยมีแรงต่อสู้กับเวทนาเท่าไหร่นัก

20 พ.ย. 52
วันนี้กล่าวคำไหว้พระเป็นภาษาบาลีได้บ้างแล้ว เป็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของผู้ปฏิบัติหน่อย ๆ วันนี้ภาพปรากฏแปลก ๆ ทั้งๆที่ท่อง เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ ภาพที่ปรากฏปนกันยุ่งไปหมด ภาพแรกเห็นผู้หญิงลอยมาหา ช่วงหนึ่งรูปปั้นโบราณมาก ไม่ใช่สมัยสุโขทัยและอยุธยาของเราแต่อย่างใด บางช่วงเห็นตัวหนังสือโบราณมาก ๆ ลอยมาๆ ภาวนาว่าเห็นหนอ จนพิจารณาให้เป็นพระไตรลักษณ์ไป คงเป็นเพราะสติวันนี้ไม่ตั้งมั่น จึงไม่ปรากฏภาพร่างกายเราแต่อย่างใด แต่ภาพไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดได้ จึงกำหนด เห็นหนอๆ ๆ ถ้ามันจะเกิดขึ้นเอง เราก็พยายามใช้ธรรมคือพระไตรลักษณ์มาพิจารณามันไปเท่าที่มันปรากฏเท่านั้น ผิด ถูก อย่างไร ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

23 พ.ย. 52
คืนนี้เวลา 23.54 น นั่งสมาธิ วันนี้ขณะนั่งสมาธิพยายามไม่คิดอะไรเลยปล่อยจิตให้ว่าง ไม่คิดเรื่อง อาการ 32 อะไรเลย ปรากฏว่ามันว่างจริงๆ เพราะไม่รู้สึกตัวเลย มารู้สึกตัวเพราะกายมันโน้มโงกลงมาคล้าย ๆ สัปหงก ก็เลยรู้สึกตัว ตอนแรกคิดว่าแป๊บเดียวแต่ปาไปตั้ง 45 นาที ที่เราไม่รู้สึกตัวเลยเหมือนหลับหรือเปล่านะ แปลกจริง เข้าใจว่าครู่เดียว แต่กลับไม่ใช่ครู่เดียว พอถอนสมาธิล้มตัวลงนอนจะหลับตาปุ๊บ กลับมีภาพค้างเป็นภาพสรีระร่างกายลอยอยู่เต็มตาต้องพิจารณา เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปจนกระทั่งหลับไป

25 พ.ย. 52
04.00 น ลุกขึ้นมานั่งสมาธิโดยภาวนา กรรมฐาน ๕ ปรากฏภาพขนคิ้วและดวงตา พยายามภาวนาให้ ขนคิ้วหลุด ตาหลุด ความเสื่อมของอวัยวะทั้งสองนี้ก็ปรากฏขนคิ้วหลุด ตาโบ๋ขึ้นมาได้นิด ๆ รู้สึกง่วงอยู่ จึงนอนต่อ เวลา 8.35 น มีเวลาว่างประมาณ 10 นาที ก่อนทำภารกิจอื่นๆ ก็เลยนั่งภาวนาและนึกถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าก็ปรากฏได้ในทันที พยายามแยกแยะ แต่คุณพ่อมาเรียกให้ทำงาน เลยออกจากสมาธิ

26 พ.ย. 52
เวลา 23.00 น. ก่อนปิดร้านเข้าไปนั่งสมาธิในห้องพักในร้าน ปรากฏว่าจิตหมุนไป เข้าสู่สมาธิทันที หมุนเข้าไปสู่สมาธิเป็นวูบ ๆ 2 วูบ ลึกเข้าไปๆ จนต้องเบรกตัวเอง เพราะว่ารู้สึกจะวูบเข้าไปลึกเรื่อย ๆ เพราะต้องปิดร้าน เวลา 24.00 น. จึงออกจากสมาธิเลย คิดว่าจะพักซักแป๊บ ปรากฏว่าพอนอนหลับตา เป็นภาพปรากฏรูปดวงตา โดยปรากฏรูปหน้าด้วย ภาพตาเห็นชัดมาก ก็นึกให้มันเสื่อมไปๆ จนโบ๋ นึกให้มันเป็นกระโหลดหัวที่ตาโบ๋ มันก็ปรากฏดังนั้น เพื่อเห็นพระไตรลักษณ์ก็เลยพอแค่นั้น ออกมาเขากำลังปิดร้านพอดี เวลา 24.00 น. สรุปแล้ว นั่ง+นอน สมาธิ 1 ชั่วโมงเต็มวันนี้รู้สึกแค่ครู่เดียวเท่านั้น

30 พ.ย. 52
นั่งสมาธิเวลา 24.05 น. วันนี้ไม่ค่อยง่วงแต่ปวดร้าวไปทั้งสองแขน คิดว่าสักแต่เวทนา แล้ว ปวดหนอ ๆ แล้วปวดพอทนได้ แต่ความขี้เกียจมันนำหน้า แม้จะปรากฏภาพสิ่งมีชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง ลอยเข้ามาพร้อมกับแสงสีขาววงกลมใหญ่กว่า เป็นพื้นหลัง แสงสีขาวนี้สว่างจ้า กว้างกว่าภาพลอยมาเป็นพื้นหลังภาพทุก ๆ ภาพ วันนี้ภาพแปลกขึ้นมีแสงตามมาด้วยและแสงชัดเจนมาก นั่งประมาณ 20 กว่านาที ก็เลยพอ

1 ธ.ค. 52
วันนี้ใส่บาตรข้าวสาร อาหารแห้ง ในคืนเพ็ญพุธ เสร็จ เวลา 24.10 น. กลับถึงห้องนั่งสมาธิเลย วันนี้เข้าสมาธิง่ายมาก ภาวนากรรมฐาน ๕ พยายามนึก ภาพเล็บหัวแม่เท้าที่เคยปรากฏ ก็ปรากฏขึ้นมาแว๊บ ๆ เท่านั้น แต่พอนึกถึง ตา ฟัน และขนคิ้ว ที่เคยปรากฏก็ปรากฏขึ้นมาได้นาน ๆ แต่มักจะมีภาพอื่นๆ วนเข้ามาเรื่อยๆ ภาพอะไรต่อมิอะไรลอยมาพร้อมกับแสงสีขาว เป็นพื้นหลัง คล้ายไฟนีออนหลังภาพทำให้ ภาพชัดเจนขึ้นๆ พยายามภาวนากรรมฐาน ๕ เพื่อให้ภาพร่างกายปรากฏ แต่ไม่ได้กลับเป็นภาพอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ไม่สนใจเท่าไหร่ พิจารณาให้มันเป็นพระไตรลักษณ์ และภาวนา เห็นหนอ ๆ ๆ ๆ วันนี้นั่งสมาธิ 40 นาที

2 ธ.ค. 52
เวลา 24.00 น. กลังถึงบ้านนั่งสมาธิ วันนี้เข้าสมาธิง่ายมากไม่ง่วงนอน ไม่ปรากฏเวทนาอะไร นั่งสักครู่ ภาพต่าง ๆ ไหลเข้ามา อย่างต่อเนื่องบนพื้นแสงสว่างข้างหลังภาพ มีภาพรูปจมูกและโครงหน้าโบ๋ คล้ายผีปรากฏขึ้น ตอนแรกตกใจ ก็ภาวนาว่าตกใจหนอๆ รู้ตัวว่ายังกลัวอยู่หนอ พยายามคิดว่ามันคือสมมุติ ไม่ว่าอะไรจะเกิด อะไรจริง ไม่จริงก็คือสมมุติ เป็นพระไตรลักษณ์ เลยพิจารณา จมูกให้เล็กลง ใหญ่ขึ้น ตาโบ๋ก็ได้ตามนั้น โครงหน้าที่คล้าย ผี ในตอนแรกจริง ๆ ก็คือภาพอวัยวะของร่างกายมาปรากฏให้เราพิจารณาเหมือนทุกครั้งนั่นเอง นั่งไปได้ประมาณ 30 นาที ยังไม่ง่วง ไม่มีเวทนา แต่อยากพักผ่อนเลยพอ

9 ธ.ค. 52
หลายวันมาแล้ว นั่งสมาธิเพียง 10-15 นาที ทุกๆ วัน ในเวลาหลัง 24.00 น. เท่านั้น พอวันนี้กลางวันมีเวลาว่าง จึงเข้าไปนั่งสมาธิที่ห้องพักที่ร้านในตอนบ่าย สมาธิหมุนติ้ว ๆ ๆ หมุนเข้าไปทันที แผ่เมตตา และท่องกรรมฐาน ๕ ปรากฏภาพ ขนคิ้ว ดวงตา ฟัน จมูก ติ้ว ๆ เรื่อย ๆ สมาธิก็หมุนๆ เข้าไปอีก พอดีมีพนักงานเรียก วันนี้นั่งสมาธิไป 1 ชั่วโมง นานพอสมควรแต่รู้สึกครู่เดียวเท่านั้น

11 ธ.ค. 52
ตอนบ่าย เวลา 16.00 ว่างเลยเดินจงกลม 20 นาที แลนั่งสมาธิต่อเลย สมาธิก็เข้าไปอย่างง่ายดาย ลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนต้องยั้งไว้ถอนออกมา แผ่เมตตา ขณะแผ่เมตตาก็ปรากฏภาพดวงตาสีสวยใสมากๆ ก็ภาวนาให้ดับ ก็เสื่อมไป เปลี่ยนรูปเป็นภาพลวงตาที่ไม่สวย เหี่ยวย่น และสบายไป ก็พิจารณาเป็นธาตุ ๔ และพระไตรลักษณ์ เวลามีไม่มากก็เลยนั่งสมาธิ ประมาณ 20 กว่านาที เท่านั้น

ผลการปฏิบัติ ถ้าในรายละเอียดต้องไม่ได้รับการอบรมที่สถานปฏิบัติธรรมอย่างเร่งด่วน ก็ขอสถานที่ที่ไป ขอคำแนะนำที่ใช้เวลาครั้งละ 3-4 ชั่วโมง ได้ไหมค่ะ เพราะภารกิจของผู้ปฎิบัติมีมากค่ะ ไว้รอโอกาสว่างจริงๆ จะไปอบรมหลายๆ วันได้จะหาโอกาสไปค่ะ

ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านมาล่วงหน้าด้วยนะคะเพราะรู้ว่าทุกท่านมี เมตตาจิต อย่างเต็มเปี่ยม ทั้ง web นี้

ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ศรีวรรณ ไคร้งาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 01:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




18.jpg
18.jpg [ 48.87 KiB | เปิดดู 22686 ครั้ง ]
เรายังมองไม่เห็นความสวัสดี
จักมีแก่สัตว์ทั้งหลาย
นอกจากปัญญาและความเพียร
นอกจากความสำรวมอินทรีย์
และความสละวางทุกสิ่งทุกอย่าง



เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเองก็เป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกันครับ กำลังอบรมตัวเองอยุ่เช่นเดียวกันครับ

...การปฎิบัติธรรมของคุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม เจริญก้าวหน้าได้ดีครับ
ผมขอแนะนิดนึงนะครับ

- อยากให้เพิ่มเวลาให้มากกว่านี้ สัก 1ชมต่อครั้ง ขึ้นไปครับ หรือสัก วันล่ะ 4 ชม หรือถ้าเพลียๆเหนื่อยๆมากๆ ก็นอนปฎิบัติก็ได้ครับ
- แล้วก็ ฝึกฝน อบรมให้จิตมีกำลังขึ้นมาบ้าง โดยใช้หลักสมถะวิธี จะเป็นการเพิ่มพลังให้จิตเข็มแข็ง
- การปฎิบัติไปแนวทางที่ถูกต้องแล้วครับ เป็นการยกเอากรรมฐาน ๕ หรือ อาการ ๓๒ มาน้อมพินิจพิจารณา ให้เข้าสู่หลัก พระไตรลักษณ์
-แล้วขณะที่จิตกำลังเข้าสู่ความสงบก็ปล่อยให้เข้าไปสู่ความสงบ อย่าไปขัดขวาง

ขอให้พากเพียรมากๆ ให้ใช้หลัก ภาวิตา พหุลีกตา มากๆเข้าไว้ครับ
ส่วนการไปหาพระอาจารย์สอนกรรมฐานนนั้น ถ้ามีเวลาก็ไปขอคำแนะนำกับท่านก็ดีครับ หรือ ถ้าไม่มีเวลา ก็หาหนังสือที่มี แนวทางการปฎิบัติจากประการณ์การปฎิบัติของท่านพระอาจารย์นั้นๆ มาอ่าน หรือ หาฟังจาก พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน หลายๆท่านที่ยังมีชีวิตในปัจจุบันอยู่ก็ได้ครับ รีบหน่อยก็ดีครับ เดี๋ยวท่านจะจากไปซะก่อน

ขอให้เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


แก้ไขล่าสุดโดย ภาวิตา-พหุลีกตา เมื่อ 19 ธ.ค. 2009, 10:46, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ

ที่เล่ามามีแต่ อาการวูบๆวาบๆของสมาธิโลกียะเอง เศร้า

จะให้เคล็ดนิดนะงับ

1. เจริญสติในชีวิตประจำวัน

มือหยิบมือวาง ในสติปัฏฐาน 4 มีมากมายเอาสักบรรพก็ได้

2. หัดรู้ หัดดู สอนจิต ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ไปดูสัมมาทิฏฐิสูตร รู้เหตุแห่งกุศล และ อกุศล

( ก็คือวิชาและอวิชชาเป็นมูลเหตุ )

3. หัดเจริญสมาธิที่เป็นโลกุตร ไม่ใช่เอาแต่วูบๆ วาบๆ สมาธิโลกียะ

ไปดู สมาธิสูตร จะได้รู้จักสมาธิของพระพุทธเจ้า

แนะให้นิดก็ได้งิ

1. ไปเจริญอานาปาณสติเอาความสงบ

2. ต่อมาเมื่อจิตเรียนความสงบแล้ว ต่อมาสงบไม่สงบ ให้รู้ อย่างเดียว เอาสมาธิที่ไม่เอา หัดวาง

3. ก้าวเดินปัญญาหัดวิจัยขันธ์ 5 โดยสามัญญลักษณาการ

4. หัดดูอุบายจากครูบาอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนา เช่น หลวงตาพระมหาบัว ทางวิทยุ 103.25 และ เว็บ หลวงตา

5. วิจัยตัว รูป รูปสัญญา เวทนากาย เวทนาจิต สัญญา ปปัจธรรมในสัญญา สังขาร วิญญาณ ความรู้ของจิต นามว่าง

6. ปปัจธรรม หัดไปดูเรื่อยๆ ถอยดูตัวเองเรื่อยๆ จะได้พ้นเร็ว ๆ

ที่เหลือ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นี่เรียก ว่า สร้างเหตุดี ผลก็ถูกต้องเอง

ไปเอาอะไรก็ไม่รู้วูบๆ วาบๆ ไร้สาระ หาแบบนี้ ได้ 20 ปี ขึ้นไปแน่ ๆ

แล้วคำบริกรรมอะไรก็ตามทิ้งไปเลย สมมุติทั้งนั้น เอาปัญญาเข้าพิจารณาเลย

ทิ้งสมมุติ เอาปรมัตถ ตัวรู้ ลมเป็นอารมณ์ไปเลย

ไปตามบริกรรม สมถะไกลๆ ตายสถานเดียว แล้วแบบนี้ระวังจะได้ วิปัสสนูกิเลส ไปครอบครองนะงับ

ผมลองมาหมดและ

แบบนี้เร็วดี ถ้าอยากคุยกัน ต้องไปที่สนทนาธรรมทั่วไป นะงับ

เอาไว้เจอกัน

คนปฎิบัติได้แบบไหน ก็สอนแบบนั้น

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
1. ไปเจริญอานาปาณสติเอาความสงบ

2. ต่อมาเมื่อจิตเรียนความสงบแล้ว ต่อมาสงบไม่สงบ ให้รู้ อย่างเดียว เอาสมาธิที่ไม่เอา หัดวาง

3. ก้าวเดินปัญญาหัดวิจัยขันธ์ 5 โดยสามัญญลักษณาการ

4. หัดดูอุบายจากครูบาอาจารย์ ฝ่ายวิปัสสนา เช่น หลวงตาพระมหาบัว ทางวิทยุ 103.25 และ เว็บ หลวงตา

5. วิจัยตัว รูป รูปสัญญา เวทนากาย เวทนาจิต สัญญา ปปัจธรรมในสัญญา สังขาร วิญญาณ ความรู้ของจิต นามว่าง

6. ปปัจธรรม หัดไปดูเรื่อยๆ ถอยดูตัวเองเรื่อยๆ จะได้พ้นเร็ว ๆ



หรือ จะใช้แนวทาง อารักขกรรมฐาน๔ ก็ได้ครับ ของคุณศรีวรรณ์ คล้ายๆจะปฎิบัติไปแนวทางนี้
...ถ้าไม่มีเวลาไปหาครูอาจารย์วิปัสสนากรรมฐาน หรือ ถ้าสนใจแนวการทางการปฎิบัติที่ผมฟังอยู่ ก็ลองหาในห้อง ธรรมทาน ดูก็ได้ครับ หรือ ส่งที่อยู่มาที่ผมก็ได้ครับ ผมยินดีจัดส่งไปให้ครับ(PMมานะครับ)

ขอเจริญในธรรมครับ

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณ ท่านมหาราชันย์คะ ภาพนี้เปิดดูได้ใช่ไหมค่ะ
ครั้งก่อนไม่ทราบว่า ดูได้ด้วยจึงไม่ได้ดู และขอขอบพระคุณ
คุณภาวิตา -พหุลีกตา และคุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ ค่ะ
เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์กับผู้ปฎิบัติมากๆ ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ
ศรีวรรณ ไคร้งาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลืมสวัสดีไปค่ะ tongue ขอสวัสดีท่าน มหาราชันย์
สวัสดีคุณภาวิตา -พหุลีกตา และ สวัสดีคุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ ค่ะ
แล้วจะพยายามไปคุยที่ห้องสนทนาธรรมค่ะ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม


ปฏิบัติดี ย่อมได้ผลดี
ปฏิบัติถูกทาง ย่อมได้ผลถูกต้อง
ปฏิบัติเป็นโลกียะ ย่อมได้ผลเป็นโลกียะ
ปฏิบัติเป็นโลกุตตระ ย่อมได้ผลโลกุตตระ

ปฏิบัติผิด หรือไม่ปฏิบัติเลย ย่อมได้ผลเป็นอบายภูมิ


เมื่อปฏิบัติธรรม มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นกุศลธรรมเกิดขึ้น แล้วเกิดความกลัว
บัณฑิตทั้งหลายย่อมกำจัดความกลัวนั้นไปเสีย
แต่คนเขลาย่อมกำจัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นกุศลธรรมที่เกิดขึ้นเหล่านั้นทิ้งไปเสีย


บุคคลเมื่อรู้ทางสองแพร่งนี้แล้ว
ย่อมกำจัดความกลัว แล้วรักษาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นกุศลธรรมที่เกิดขึ้นเหล่านั้น



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้ บันทึกได้แจ่มมากๆ cool cool cool

ก็... อืมม... ลองนั่งเฉยๆ ดูนะ แล้วดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้ามีภาพอะไรขึ้นมา ก็ให้มองเฉยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรกับมัน ดูว่าจะเป็นยังไงบ้าง...
ถ้านั่งเฉยๆ ลองมองไปที่จุดๆ หนึ่งข้างหน้า อาจจะช่วยไม่ให้เข้าภวังค์ได้

คือ... บางทีนะ บางที สิ่งที่ยังทำอยู่เนี่ย อาจทำให้ย่ำต๊อกอยู่กับที่ คือการพิจารณาบางอย่างน่ะ มันเป็นเบื้องต้น ถ้าเรามีสมาธิดี ก็ควรจะพัฒนาต่อ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณmurano ขอขอบพระคุณทั้งครั้งนี้และครั้งที่ผ่านมาด้วยค่ะ น้อมรับคำแนะนำจากอาจารย์ทุกท่านไปปฎิบัติค่ะ แต่อาจารย์ทุกๆ ท่านคะ เอาสอนแบบ ก.ไก่ ข.ไข่ ให้ผู้ปฎิบัติใหม่ได้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้ด้วยนะคะ จะได้ไหมคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ศรีวรรณ ไคร้งาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
แต่อาจารย์ทุกๆ ท่านคะ เอาสอนแบบ ก.ไก่ ข.ไข่ ให้ผู้ปฎิบัติใหม่ได้เข้าใจง่ายขึ้นกว่านี้ด้วยนะคะ จะได้ไหมคะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ศรีวรรณ ไคร้งาม


สวัสดียามเย็นครับคุณ"ศรีวรรณ์ ไคร้งาม"


1.มีสัทธามั่นคงในพระพุทธเจ้า
2.มีสัทธามั่นคงในพระธรรม
3.มีสัทธามั่นคงในพระสงฆ์
4.มีศีล 5 บริสุทธิ์ เป็นศีลของพระอริยะเจ้าที่ก่อให้เกิดสมาธิ คือมีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์
5.ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้ครับ

กิเลสเครื่องกังวลใดมีอยู่ในกาลก่อน
เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น
ให้เหือดแห้งหายไป
กิเลสเครื่องกังวลใด
จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง
ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ในท่ามกลาง
ก็จักเป็นมุนีผู้สงบระงับแล้วเที่ยวไป....ดังนี้



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีตอนเย็นเช่นกันค่ะ ท่านอาจารย์มหาราชันย์
ขอบคุณในเมตตาจิตที่มีให้ค่ะ
ขอรบกวนถามอาจารย์มหาราชันย์ค่ะ
จิตที่เข้าสู่ความสงบ เป็นอย่างไรค่ะ
ขอคำอธิบายด้วยค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 17:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.มีสัทธามั่นคงในพระพุทธเจ้า
2.มีสัทธามั่นคงในพระธรรม
3.มีสัทธามั่นคงในพระสงฆ์
4.มีศีล 5 บริสุทธิ์ เป็นศีลของพระอริยะเจ้าที่ก่อให้เกิดสมาธิ คือมีวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกคตารมณ์
5.ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้ครับ

กิเลสเครื่องกังวลใดมีอยู่ในกาลก่อน
เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลนั้น
ให้เหือดแห้งหายไป
กิเลสเครื่องกังวลใด
จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง
ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ในท่ามกลาง
ก็จักเป็นมุนีผู้สงบระงับแล้วเที่ยวไป....ดังนี้
ที่อาจารย์ท่านมหาราชันย์สอนมานี้ ข้อ 1.4 ดิฉันเอง ทั้งมีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อย่างเต็มเปี่ยมเพราะเมื่อมาปฎิบัติธรรมเราจะรู้เห็นสัจจธรรมของพระองค์ว่าเป็นจริงที่สุด
สำหรับศีลก็ตั้งใจปฎิบัติอยู่ตลอดเวลาค่ะตามที่เคยเล่าไว้ยังคงปฎิบัติอยู่ค่ะ สำหรับข้อ 5
ยังไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร สรุปว่าจะพยายามใช้ความเพียรดูนะคะอาจารย์
ขอบพระคุณมากค่ะ
ศรีวรรณ ไคร้งาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
สวัสดีตอนเย็นเช่นกันค่ะ ท่านอาจารย์มหาราชันย์
ขอบคุณในเมตตาจิตที่มีให้ค่ะ
ขอรบกวนถามอาจารย์มหาราชันย์ค่ะ
จิตที่เข้าสู่ความสงบ เป็นอย่างไรค่ะ
ขอคำอธิบายด้วยค่ะ


สวัสดียามดึกครับคุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม

ต้องดูว่าอะไรสงบครับ
1.อกุศลธรรม สงบด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตา
2.กามสัญญาและนิวรณ์ 5 สงบด้วยการบรรลุปฐมฌาน
3.วิตก วิจาร สงบด้วยการบรรลุทุติยฌาน
4.ปีติ สงบด้วยตติยฌาน
5.สุขทุกข์ สงบด้วยจตุตถฌาน
6.รูปสัญญา ปฏิฆะสัญญา นานัตตสัญญา สงบด้วยอากาสานัญญจายตนะฌาน
7.อากาสานัญญจายตนะสัญญา สงบด้วยวิญญานัญจายตนฌาน
8.วิญญานัญจายตนสัญญา สงบด้วยอากิญจัญญายตนฌาน
9.อากิญจัญญายตนสัญญา สงบด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
10.เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา สงบด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ

11.สังโยชน์ 3 เบื้องต้นสงบด้วยโสดาปัตติมัคค
12.สังโยชน์ 5 เบื้อต้นอย่างหยาบ สงบด้วยสกทาคามีมัคค
13.สังโยชน์ 5 เบื้องต้นอย่างละเอียด สงบด้วยอนาคามีมัคค
14.สังโยชน์ 5 เบื้องปลายทั้งหมด สงบด้วยอรหัตตมัคค


ดังนั้นความสงบมีได้หลายระดับ คุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม ต้องการความสงบแบบไหนก่อนละครับจะได้แนะนำให้ได้ครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีตอนเที่ยงค่ะ ท่านอาจารย์มหาราชันย์
ขอบพระคุณอย่างยิ่งในคำตอบค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าตัวเองจะมีความต้องการความสงบในระดับไหนนะค่ะ ที่ถามเพราะเห็นมีอาจารย์หลายท่านแนะนำให้นั่งสมาธิเอาความสงบตัวเองไม่รู้ว่าความสงบ เลยงงเรื่องความสงบน่ะค่ะ ที่อาจารย์อธิบายมาคิดว่าเข้าใจแล้วค่ะ ทำให้กระจ่างขี้นมาแล้วค่ะ ขอขอบพระคุณมากค่ะ เมื่อวานไม่ได้เข้ามาดูคำตอบของอาจารย์เพราะเป็นไข้ทานยาก็เลยทำให้ง่วงตลอดน่ะค่ะ และไม่ได้นั่งสมาธิเลยค่ะ วันนี้เลยรีบมาอ่านเลยค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะและขอคำแนะนำแนวทางการปฎิบัติเพิ่มเติมจากการปฎิบัติวันก่อนโน้นด้วยค่ะ
วันก่อนโน้นเดินจงกลม 20 นาทีในตอนบ่าย เวลา 24.00 น. ก็นั่งสมาธิโดยการตั้งใจนั่งโดยการกำหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก อย่างเดียวและดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามีภาพอะไรขึ้นมาให้มองเฉยๆ ตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ murano และถ้ามีภาพที่น่ากลัวก็ให้อย่าตกใจกลัวตามคำแนะนำของท่านอาจารย์มหาราชันย์น่ะค่ะ ผลปรากฎว่า
(มีต่อค่ะ)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร