วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 21:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 17:45
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราไหว้พระสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็นทุกวันประมาณ 2 ปีมานี้ บทสวดมนต์ไหว้พระได้หมด ทุกครั้งตอนไหว้พระสวดมนต์ปากก็ว่าไปแต่ใจไปอยู่ที่อื่นไม่มีสมาธิเลย อยากขอคำแนะนำว่ามีวิธีใดบ้างที่จะมีสมาธิตอนไหว้พระ แล้วอย่างนี้จะเป็นบุญเป็นกุศลหรือไม่ (คำถามที่ถามเป็นคำถามตามความเข้าใจและความรู้สึกของเราเอง อาจใช้คำที่ถามไม่ถูกต้องขอโทษด้วย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Nara เขียน:
เราไหว้พระสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็นทุกวันประมาณ 2 ปีมานี้ บทสวดมนต์ไหว้พระได้หมด ทุกครั้งตอนไหว้พระสวดมนต์ปากก็ว่าไปแต่ใจไปอยู่ที่อื่นไม่มีสมาธิเลย อยากขอคำแนะนำว่ามีวิธีใดบ้างที่จะมีสมาธิตอนไหว้พระ แล้วอย่างนี้จะเป็นบุญเป็นกุศลหรือไม่



จะเป็นบุญเป็นกุศลหรือไม่ ก็พึงรู้จักคำว่า บุญว่ากุศลเสียก่อน กุศลแปลว่า ฉลาด เป็นต้น

บุญ แปลว่า เครื่องชำระจิตให้หมดจดผ่องแผ้ว, ความสุข ฯลฯ

คำว่า กุศล เป็นภาษาทางวิชาการ คำว่า บุญ ท่านใช้พูดสอนชาวบ้าน แต่สรุปง่ายๆไว้ทีหนึ่งว่า

คำว่า บุญกับกุศลใช้แทนกันได้

ถามว่า เป็นบุญเป็นกุศลไหม ?

ตอบว่า เป็นหน่อยหนึ่ง

เป็นตอนไหน ?

ตอนที่คิดว่าจะสวดมนต์เช้า-เย็น

แต่ครั้นสวดๆไปแล้ว จิตใจไม่อยู่กับบทสวดเตลิดไปไหนต่อไหนก็ไม่มีรู้ ปากก็ว่าไป อย่างนี้ไม่เป็น

วิธีฝึกก็คือเมื่อนึกได้ว่า ใจออกไปแล้ว ไม่อยู่กับบทสวดแล้ว ก็ดึงกลับมาให้อยู่กับบทสวดนั้นใหม่

แว้บไปอีก รู้ตัวนึกได้ ดึงกลับมาให้อยู่กับบทสวดอีกแบบนี้แหละ ฯลฯ

พึงอดทนฝึก ไม่ง่ายนักครับเรื่องนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางแปลนให้ จขกท. ได้เทียบเคียง ดังนี้

ก่อนหน้าไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆ จังๆเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่ง

ที่...

ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ ท่านก็ไม่ตอบอะไร ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม

เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร….

ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรก คือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด

ท่านว่า ให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้น ผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลม

หายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน


กรณีตัวอย่างนี้ ยึดลมหายใจเป็นเหมือนกัลยาณมิตร

จขกท.ก็ยึดบทสวดให้เป็นหมือนกัลยาณมิตร

ตัวอย่างนี้ รับรู้ลมหายใจเข้าออกๆ ตลอดสายได้เป็นเวลานานๆ นั่นบ่งถึงจิตเป็นสมาธิ

ส่วนจขกท. ก็ควบคุมจิตใจให้คลอเคลียอยู่กับการท่องมนต์อยู่บทสวดได้นานๆ นั่นก็แปลว่าจิตเป็นสมาธิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกนิดหนึ่ง

แล้วที่ว่า เป็นสมาธิ มิใช่หมายความว่า สติ ปัญญา เป็นต้น ไม่มี สติก็มี ปัญญาก็มี เจตนาก็มี สัญญาเป็น

ต้นก็มี แต่ไม่ได้พูดถึง

จุดบกพร่องของนักธรรม คือ หยิบยกเอาข้อธรรมตัวใดตัวหนึ่งโดดๆขึ้นสนทนากัน โดยมิได้กล่าวถึงธรรมที่

สัมพันธ์เนื่องไปด้วยกัน ความคิดจึงตัน

ความจริงในขณะนั้นสัมปยุตธรรมที่เกิดประกอบอยู่ด้วยกันมีตามสมควร มิใช่มีเพียงสมาธิเท่านั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 14:54
โพสต์: 126

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่ท่านสวดมนต์เป็นการที่ท่านนึกถึงอะไรที่ท่านทำการสวดมนต์ การทำให้มีสติในการสวดมนต์คือเอาสติมาจับที่ริมฝีปากเฝ้าจับดูอักขระที่กล่าวออกไปแต่ละคำ มันจะเกิดการมองเห็น ความเป็นไตรลักณ์
ถ้าว่าในทางสมาธิการสวดมนต์เป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง คือ พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ เมื่อใจไม่มีสมาธิ ก็ให้รู้ว่านิวรณ์กำลังเกิดขึ้นแก่เรา จงหาแนวทางที่จะข่มนิวรณ์ด้วยเล่ห์กลต่างๆ เช่น ตอนนี้เรากำลังสวดมนต์อยู่ นิวรณ์เอ๋ยจงอยู่ตรงนี้ก่อนนะเป็นต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 17:45
โพสต์: 11

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบขอบคุณท่านผู้รู้ที่กรุณาตอบคำถามและเราพอเข้าใจจากคำตอบบ้างเหมือนกันแต่เข้าใจไม่หมดสำหรับเรานั้นเพิ่งศึกษาธรรมะไม่มีพื้นฐานเรื่องนี้มาก่อน จึงจะขอศึกษาและจะพยายามทำความเข้าใจให้ได้ ในกรณีนี้เราก็จะถามต่อตามประสาคนไม่รู้หรือแบบโง่ๆก็ได้ว่า การที่เรามีความตั้งอกตั้งใจที่จะไหว้พระสวดมนต์ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เคยขาดเลย จึงอยากว่า (1) ไหว้พระสวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาดแต่จิตใจไม่ค่อยมีสมาธิดังกระทู้ดังกล่าว และ (2) ไหว้พระสวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาดแต่หากจิตใจมีสมาธิตามที่ท่านผู้รู้ได้เมตตาให้คำตอบมานั้น จึงจะขอถามตามประสาคนไมรู้ว่าการไหว้พระทั้งสองกรณีนั้นมีผลต่างกันหรือไม่อย่างไร ไม่รู้จริงๆจึงถาม ขอกราบขอบคุณมากๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Nara เขียน:
เราไหว้พระสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็นทุกวันประมาณ 2 ปีมานี้ บทสวดมนต์ไหว้พระได้หมด ทุกครั้งตอนไหว้พระสวดมนต์ปากก็ว่าไปแต่ใจไปอยู่ที่อื่นไม่มีสมาธิเลย อยากขอคำแนะนำว่ามีวิธีใดบ้างที่จะมีสมาธิตอนไหว้พระ แล้วอย่างนี้จะเป็นบุญเป็นกุศลหรือไม่ (คำถามที่ถามเป็นคำถามตามความเข้าใจและความรู้สึกของเราเอง อาจใช้คำที่ถามไม่ถูกต้องขอโทษด้วย)


ท่องสองคำก็พอ ..... พุทธ-โธ

ทีนี้ ท่องพุทธโธแล้ว ถ้าท่องเร็ว คุณจะเจอปัญหาเดิมอีก
ถ้าท่องช้าไป ก็จะเผลอไปคิดบ่อยๆอีก

ให้เอาคำว่าพุทธ ไปผูกกับลมหายใจเข้า
เอาคำว่าโธ ไปผูกกับลมหายใจออก

เวลานึกคำว่าพุทธ ก็ให้พูดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด... ไปจนสุดลมเข้า
พอเริ่มหายใจออกค่อย โธธธธธ........ ให้โธไปจนสุดทางหายใจออก
แล้วก็วนเวียนอย่างนี้

ถ้ายังไม่ดีขึ้น ลองหัดเดินจงกรม ให้ร่างกายมันขยับด้วย
แล้วเอาใจไว้ที่กาย คอยรู้กายให้ทั่วพร้อมเต็ม
ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะเราต้องการผูกใจเอาไว้ไม่ให้มันคิด
คือเอาใจไปคอยรู้กายเสีย โอกาศที่ใจจะคิดก้จะน้อยลง

คนชอบคิดมาก มันจะสงบยากอย่างนี้แหละครับ
แต่ขอให้มีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องของจิต เป็นเรื่องที่จะทำการบังคับมันนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะแค่เพียงเผลอแว็บเดียว มันก็จะหลุดออกไปไหนไม่รู้ บางทีไปไกลเกิน อดีต-อนาคต..สาวไปสาวมา วกไปวนมา กับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในสัญญาชีวิตเรา และเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่เราๆท่านๆ ก็กระทำการฝึกกันอยู่ แม้ บรรพชิตหรือฆารวาสก็ร่ำเรียนหาแนวทางบังคับมันอยู่
วิธีง่ายๆ ตั้งสติอยู่ว่ากำลังอยู่ในอิริยาบถใด..ยืน เดิน นั่ง นอน..ตามองที่ตัวหนังสือบาลี..ริมฝีปากขยับอ่านตาม..ตั้งสติกำหนด..อ่านหนอ..สวดมนต์หนอ..สวดมนต์หนอ..ถ้ามันหลุดออกไป..เราจับจิตตรงนี้ได้ก็รีบกำหนดใหม่..สวดมนต์หนอ ๆ..แล้วเริ่มสวดตามหนังสือต่อไป..พยายามเอาสติมาจับที่ปลายจมูก หรือริมฝีปากบน..มันจะขยับ..ลมหายใจเข้า-ออก จะกระทบที่ปลายจมูกนี่แหละ..
ฝึกไปเรื่อยๆ ครับอย่ารีบร้อน..ถ้ามีศรัทธาความเพียร..เดี๋ยวก็ได้เอง..เป็นสมาธิเอง..อันนี้สำคัญมากและการที่ปฏิบัติอย่างมีสมาธิ มีสติไปในตัว ย่อม จะได้ผลกว่า มีอานิสงส์กว่า การปฏิบัติอย่างข้างๆคูๆแน่นอนครับ
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
(1) ไหว้พระสวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาดแต่จิตใจไม่ค่อยมีสมาธิดังกระทู้ดังกล่าว

และ (2) ไหว้พระสวดมนต์ทุกวันไม่เคยขาดแต่หากจิตใจมีสมาธิตามที่ท่านผู้รู้ได้เมตตาให้คำตอบมานั้น

จึงจะขอถามตามประสาคนไมรู้ว่าการไหว้พระทั้งสองกรณีนั้นมีผลต่างกันหรือไม่อย่างไร ไม่รู้จริงๆจึงถาม


ไหว้พระสวดมนต์ไม่เคยขาดทั้งสองข้อ คะแนนเต็มสิบ ให้ข้อละ 10 คะแนนเท่ากัน

ถามถึงผล ตอบแยกข้อ (1) ให้ 9 คะแนน

ข้อ (2) ให้ 10 คะแนน เพราะจิตมีพลังเพิ่มขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 14:54
โพสต์: 126

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การไหว้พระสวดมนต์เป็นการฝึกพุทธานุสติและธรรมานุสติในรูปแบบหนึ่ง ถ้าไม่มีสมาธิ จิตมีการฟุ้งออกไปให้ท่านระลึกคุณของพระพุทธเจ้า ที่ทรงอนุเคราะห์นำทางให้สัตว์โลกมองเห็นแสงสว่างด้วยความยากลำบากเท่าใด นิวรณ์ที่เป็นอกุศลก็จะไม่เข้ามาหาที่จะมาคือความระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าและคำสั่งสอนที่เป็นพระธรรมที่เป็นแต่กุศลธรรมเท่านั้น
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวดมนต์ไหว้พระถือเป็นการทำสมาธิอย่างนึงยังไงก็ได้บุญค่ะ แต่จะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการถือศีลควบคู่กันไปด้วย

คนที่ท่องจนคล่องแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเผลอไปกับความคิดได้ การจะจดจ่อกับการสวดมนต์ได้ต้องนึกถึงแต่บทสวดค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 139 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร