วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:25
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอปรึกษาหน่อยค่ะ ทำไมดิฉันจังรุ้สึกโกรธเขาแบบนี้นะคะ เรื่องคือ เป็นเพื่อนกับผุ้ชายคนนึง เขามีแฟนและเลิกกับแฟน (แฟนตอนนี้ 33 เขา 24 เขาเรียนอยู่ปริญญาตรีค่ะ ผุ้หญิงทำงานแล้วเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ รพ.แถวปทุมวัน) เขารักผู้หญิงมากเพราะตอนแรกผู้หญิงเข้ามาในชีวิตมาเอาใจทุ่มเทให้ทุกอย่าง เธอเรียนการท่องเที่ยวเพื่อที่จะไปทำงานที่บ้านผุ้ชาย ฝันอนาคตร่วมกัน แล้วผู้หญิงก็มีสังคม มีการศึกษา และมีคนใหม่ พฤติกรรมก้เปลี่ยนไป ทำตัวดูดี พูดไทยคำอังกฤษคำ และเลิกกับผู้ชายไป ผู้ชายทำใจไม่ได้เครียดมากจนมีอาการซึมเศร้าและส่งผลให้มีอาการทางจิตหนักไปเลย ผพื้นฐานเขาเป็นคนจิตใจอ่อนไหว หัวอ่อน ใจดีค่ะ มีแนวโน้มง่ายต่อการเป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า ประกอบกับมาเรียนที่ กทม พ่อแม่อยู่ใต้))ดิฉันและเพื่อน ๆ คอยปลอบใจ และพาไปรักษาจนเขาดีขึ้น (แต่หมอบอกว่าอาจต้องกินยาตลอดชีวิต) คือในช่วงแรก ๆ ดิฉันคิดว่าเขาคงอยากคุยอยากได้กำลังใจจากแฟนน่ะค่ะ เลยโทรไปขอร้องให้ผู้หญิงคนนี้มาคุยกะเขาหน่อย ผู้หญิงปฏิเสธบอกว่าไม่มีใคร และรำคาญผู้ชายที่ไปตามที่มหาลัยแถวบางเขน อยากต้งใจเรียน เลยเลิก (เมื่อก่อนผู้หญิงเป็นฝ่ายตามที่มหาลัยของผู้ชาย เช่น พาเพื่อนผู้ชายไปเลี้ยง ไปจับของขวัยกับเพื่อน ๆของผู้ชายที่มหาลัย ไปหาที่ห้องผู้ชาย เลิกเวรเที่ยงคืนก็ให้ผู้ชายไปรับ พาไปทัวร์ ไปงานเลี้ยงที่โรงพยาบาล คบกันไม่นาผุ้หญิงก็ขอไปนอนห้องผู้ชายโดยอ้างว่าที่หอจัดงานปีใหม่เสียงดังนอนไม่ได้ หรือเปลือยเต้นในห้อง เอาชนิดปรนเปรอทุกย่างในแบบที่เราคาดไม่ถึงค่ะ เพราะภายนอกเธอดูเป้นคนเรียบร้อย ทุกคนรัก พุดเก่ง) คือสรุปผู้หญิงเข้าหาตามติดก่อนนะ ซึ่งน่าสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ เธอรำคราญเรื่องแค่นี้) โทรไปอีกห่างกันไม่กี่เดือน เธอบอกมีแฟนแล้ว จะแต่งงาน ดังนั้นอย่ามายุ่งอีก ไม่อยากมีปัญหา แฟนเธอขี้หึงมาก ดิฉันไปสืบจากเพื่อน ๆ ผู้ชายและจากปากผู้ชายที่เผลอพูดออกมา กับที่เธอพุดกลับไปกลับมาเรื่องอาการของเขา ดิฉันก็รู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้ค่ะ อยากว่าผุ้หญิงคนนี้มาก ๆ เลย แต่ก็จะเป็นบาป ทำไมเขาใจร้ายจัง และคนเราคบกันเพื่อผลประโยชน์ เพื่อที่จะรอวันไปสักวันใช่ไหมคะ ทำไมความจริงมันโหดร้ายจังคะ (ไปปฏิบัติธรรมล้วก็พยายามไม่โกรธให้อภัยเขานะคะ แต่ทำไม่ได้) เขาและเพื่อน ๆ เขาไม่เข้าใจผู้ชาย พากันเกลียดผุ้ชายมาก และบอกว่าเขาทำถุกแล้ว เราไม่มีสิทธิ์มาว่าเขาค่ะ ชีวิตจริงทำไมเป็นแบบนี้คะ ดิฉันสงสารเขามาก รักเขาด้วย เพื่อน ๆ ก็สงสารเขา มันคือกรรมหรือคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามว่า เรามีสิทธิ์โกรธเขาไหม ?

โกรธพอมีสิทธิ์ครับ เพราะยังอยู่ในใจตนเอง โกรธเองทุกข์เองเดือดร้อนใจ ตราบเท่าที่ยังไม่กระทบต่อผู้อื่น

แต่โกรธแล้วระงับไม่อยู่ ล้นออกมาทางกาย ทางวาจา แล้วตบตีด่าทอเขาอย่างนี้ไม่มีสิทธิ์เพราะผิดกฏหมายและอาจถูกเขาเอาคืนกล่าวผรุสวาทคืนได้

ถามว่า เป็นกรรมไหม ?

กรรมมีสามอย่าง คือ กายกรรม (การกระทำทางกาย) วจีกรรม (การกระทำทางวาจา) และมโนกรรม (การกระทำทางใจ)

ในกรรมสามอย่างนั้น แบ่งออกเป็นอย่างละสองๆ ได้แก่ กายสุจริต กายทุจริต,วจีสุจริต วจีทุจริต, มโนสุจริต มโนทุจริต

หลักพระพุทธศาสนาท่านว่า มโนกรรมสำคัญที่สุด เพราะเป็นต้นกำเนิดของกายกรรม วจีกรรม ที่เป็นสุจริต หรือทุจริตนั้น

ปล่อย ผญ.คนนั้นไปตามทางของเขาเถอะครับ ไม่ต้องโทรไปขอร้องอ้อนวอนอะไรเขาอีกแล้ว
ส่วนตัว จขกท.เอง หากสงสาร ผช.คนนี้มากๆอย่างว่า ก็คอยปลอบใจให้กำลังใจให้เท่าที่เราจะทำได้ครับ

อ้อ...แล้วที่ว่า "ทำไมความจริงมันโหดร้ายจังคะ" จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง
ถ้ากุศลจิตเกิดต่อเนื่องยาวนานก็ยังบุคคลนั้นให้ถึงความเป็นอริยบุคคลก็ได้ แต่ถ้าอกุศลจิตเกิดต่อเนื่องยาวนาน ก็ถึงกับทำผู้นั้นให้เป็นมหาโจรหรือสติฝั่นเฝือนได้เช่นกันครับ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20: อนุโมทนาคำตอบของคุณกรัชกายด้วยคะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ดูก่อนท่านทั้งหลาย.................................

การโกรธ การไม่โกรธ การเกลียด การไม่เกลียด การชอบ ไม่ชอบ ยินดี ไม่ยินดี อารมณ์ทั้งหมดนี้ ล้วนมีอยู่ในตัวเราเองทั้งสิ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจแห่งมาร ที่ยากจะพึงหลุดพ้น
ท่านเอ๋ย...........กรรมที่ท่านได้รับ ที่ได้สัมผัส ที่ได้พบเจอ กระทำกันมากี่ภพไม่มีใครรู้ได้ ได้แต่การกระทำกรรมต่อกันตลอดมา ท่านพึงอโหสิกรรมต่อเขาเทอญฯ อย่าพึงได้กระทำกรรมต่อกันอีกเลย กรรมทั้งหลายนี้จะได้ไม่มีต่อกันในภพนี้และต่อๆไป

ขอให้ท่านเจริญในธรรมเทอญฯ......................

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 02:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การจะโกรธคนนั้นห้ามไม่ได้ครับ แต่ เราเลือกที่จะให้อภัยกับคนทุกคนได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 09:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:25
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ จะพยายามปล่อยเขาไปไม่โกรธผู้หญิงคนนี้ค่ะ แต่พอผู้ชายคิดฆ่าตัวตายทีไรพวกเราก็สงสารเขาและคิดโกรธผุ้หญิงคนนี้มากเลยว่า ทำอะไรแล้วไม่คิดจะขอโทษหรือมาดู มาถามข่าวเขาเลย กลับพูดว่ามันนานแล้ว อยากจบ จะเอายังไง อยากจบ ๆไป นานแล้ว แล้วที่ผู้หญิงคนนี้ทำกลับไม่มีอะไรเิกิดขึ้นเลย เธอจบสาธารณสุข 10 ที่เกษตร กำลังจะแต่งงานชีวิตมีความสุขกับผู้ชายแก่ขับรถโตโยต้ามีเงินให้เธอใช้ จะไปอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน แล้วผุ้ชายล่ะ วันดีคืนดีก็ลุกมาจะฆ่าตัวตาย แต่ผู้หญิงกลับยิ้ม ถ่ายรุปไปเที่ยว และเที่ยวบอกใครต่อใครว่าผู้ชายเป็นคนไม่ด้ทำให้เธอเครียดไม่มีสมาธิเรียน....เฮ้อ โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ถือซะว่าเป็นกรรมผู้ชายละกันนะคะ ส่วนผุ้หญิงก็คือเธอตัดสินใจแล้ว เราก็ไปว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


realistic เขียน:
ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ จะพยายามปล่อยเขาไปไม่โกรธผู้หญิงคนนี้ค่ะ แต่พอผู้ชายคิดฆ่าตัวตายทีไรพวกเราก็สงสารเขาและคิดโกรธผุ้หญิงคนนี้มากเลยว่า ทำอะไรแล้วไม่คิดจะขอโทษหรือมาดู มาถามข่าวเขาเลย กลับพูดว่ามันนานแล้ว อยากจบ จะเอายังไง อยากจบ ๆไป นานแล้ว แล้วที่ผู้หญิงคนนี้ทำกลับไม่มีอะไรเิกิดขึ้นเลย เธอจบสาธารณสุข 10 ที่เกษตร กำลังจะแต่งงานชีวิตมีความสุขกับผู้ชายแก่ขับรถโตโยต้ามีเงินให้เธอใช้ จะไปอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน แล้วผุ้ชายล่ะ วันดีคืนดีก็ลุกมาจะฆ่าตัวตาย แต่ผู้หญิงกลับยิ้ม ถ่ายรุปไปเที่ยว และเที่ยวบอกใครต่อใครว่าผู้ชายเป็นคนไม่ด้ทำให้เธอเครียดไม่มีสมาธิเรียน....เฮ้อ โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ถือซะว่าเป็นกรรมผู้ชายละกันนะคะ ส่วนผุ้หญิงก็คือเธอตัดสินใจแล้ว เราก็ไปว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี


สวัสดีค่ะ คุณrealistic

มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเจอกับปัญหาด้วยกันทุกคน....เพราะการเกิดเป็นทุกข์...ทุกข์จากการต้องดิ้นรน
ดำรงชีวิตเพื่อการ "อยู่รอด" จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยต่าง ๆ เพื่อการตอบสนอง
ต่อสัญชาตญาณและการอยู่รอด...ดังนั้นปัญหานานาประการจึงเป็นของคู่โลก

ปัญหามีไว้แก้ไข และต้องใช้ "สติปัญญา" ปัญหาจึงจะลดลงและหมดไปได้
ขอแนะนำว่า แทนที่คุณจะไปเพ่งโทษบุคคลอื่น ซึ่งคุณแก้ไขอะไรเขาไม่ได้...รังแต่จะทำให้
คุณและเพื่อนชายคุณทุกข์ ใจ ...ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใดกับตัวคุณและเพื่อนชายคุณเลย....เสียเวลาเปล่า
ดังนั้นเอาเวลาไปแก้ไขที่ตัวคุณและเพื่อนชายคุณดีกว่าไหม...พยายามให้เพื่อนชายคุณนำเอาธรรมะ
เข้ามาเหนี่ยวนำใจ...ไม่ให้เกิดอวิชชา เสริมสร้าง "สติ" และพัฒนาปัญญา...
....คนที่คิด "ฆ่าตัวตาย" ด้วยเรื่องเพียงแค่นี้ "สติอ่อนมาก" โลกนี้ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คุณพบเห็นมาก
และเกิดเป็นลูกผู้ชายด้วย เป็นที่พี่งให้ตัวเองยังไม่ได้ แล้ววันข้างหน้าต้องสร้างชีวิตครอบครัวต้องเป็นหัวหน้า
ครอบครัวต้องดูแลคนในครอบครัว...จะทำได้อย่างไร...ใครจะเกล้ามาฝากชีวิตกับคุณ....
....คนที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรมนั้น
ต้องรู้จักพัฒนาตนเอง พัฒนาจิตวิญญาณ...ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ ย่อมเป็นผู้แพ้ตลอดไป...
...ถ้าคิดว่าสิ่งที่พูดรุนแรงและใจร้ายเกินไป ก็ต้องกล่าวคำว่า "ขออภัย"
...เป็นเพียงความคิดเห็นของเราเท่านั้น...

ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 13:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:25
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะก็ช่วยได้บ้างค่ะ แต่หลัก ๆ เขาต้องทานยาค่ะ โรคซึมเศร้าและจิตเภทผู้ป่วยก็ต้องทุกข๋ทรมานกับความฟุ้งซ่านที่สารเคมีหลั่งออกมาแต่เจ้าคตัวควบคุมไม่ได้ค่ะ ต้องเข้าใจเขา บางรายหลุดจากโลกความเป็นจจริงไปทำร้ายตัวเองก็เยอะ มันหลอนด้วยอาการทางสมองอะค่ะ คนพวกนี้ถ้าเครียดมาก ๆจะเป็นโรคนี้ค่ะ ถ้าเขาอ่อนแอด้วยใจของเขาเองก็ไม่ว่าหรอกค่ะ จะสมน้ำหน้าค่ะ แต่นีร่เขาป่วยคต่ะคุณ ประเด็นที่ตั้งจะบอกว่าดิฉันมีสิทธิ์โกรธผู้หญิงไหม หรือไม่มี ผู้หญิงทำถูกแล้ว ชีวิตคนเราต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าจริงหรือเปล่า นี่คือประเด็นค่ะ ไม่แน่ใจก็ลองหาอาการของโรคนี้ทางเน็ตนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:25
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


หมอบอกว่าถึงคุณเลี้ยงลูกให้อารมณ์ดีแต่ถ้ามีเรื่องเครียดสะเทือนใจก็เป็นโรคนี้ได้ค่ะ ผู้หยิงคนนี้เปลี่ยนเบอร์เขาทำให้เขาเป็นของเธอคนเดียวไม่ไห้ติดต่อคุยกะใครเลยและพาไปไหน ๆ ติดกันตลอด มันผูกพัน ผู้หญิงพาไปอวดที่ตึก ภปร. 15 ว่ามีแฟนเด็กจนเธอพอใจแล้วเธอก็ทิ้งเขาไป แต่คิดอีกมุม คนเราต้องเลือกสิ่งที่ดีให้กับตนเอง ดังนั้นผู้หญองทำถูกแล้วใช่าไหม หนูไม่ควรไปโทษเขาใช่ไหมคะ นี่คือสิ่งที่อยากถาม อาจดูอีคิวต่ำนะคะ แต่แบบสงสัยและไม่เข้าใจโลก อย่างที่บอกว่า กรรม คนที่โดนคือคนมีกรรมเก่า แล้วคนที่กระทำก็ถือว่ามาเอาคืนกรรมงั้นหรือ บางทียังแคลงใจในเรื่องกรรมอยู่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.พ. 2010, 22:29
โพสต์: 77

อายุ: 43

 ข้อมูลส่วนตัว


พึงละความโกรธ


โดย อ. วศิน อินทสระ

พระพุทธภาษิต
โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ
สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ
อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา


คำแปล
บุคคลพึงละความโกรธ สละความถือตัว
ล่วงสังโยชน์ทั้งปวงเสีย ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกถึง
บุคคลเช่นนั้น
ผู้ไม่ข้องในนามรูป ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล


อธิบายความ
๑. พึงละความโกรธ
ความโกรธเป็นอย่างไร รู้จักกันดีอยู่แล้ว ที่ทรงสอนให้ละความโกรธ ก็เพราะความโกรธมีโทษมาก
มีโทษตั้งแต่ตัวผู้โกรธเองและผู้ถูกโกรธ
ที่มีโทษแก่ตัวเองนั้น เช่น
เมื่อความโกรธเกิดขึ้น ทำให้น้ำย่อยอาหารไม่ออกมาตามปกติ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มือสั่น ปากสั่น

ขาดการควบคุมตน บางคนควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ผลที่ออกมาคือ
การด่า การทุบตี หรือประหารผู้อื่น เมื่อกระทำลงไปเช่นนั้นแล้ว
พอหายโกรธก็เสียใจ แต่ทำคืนไม่ได้เสียแล้ว อาจต้องถูกจองจำทำโทษเป็นเวลานานปี
เสียชื่อเสียงเกียรติยศ เสียอนาคตอันควรจะรุ่งโรจน์

ความโกรธทำให้สติปัญญามืดมน ความโกรธเหมือนเมฆหมอกมาบังแสงสว่างคือดวงปัญญา
สมดังที่พระศาสดาตรัสไว้ว่า

"อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ เมื่อใดความโกรธครอบงำบุคคลแล้ว เมื่อนั้นเขาย่อมมืดมน"

ดังนี้ เมื่อมืดมนก็เหมือนคนเดินในที่มืดไม่รู้ทางควรเว้นหรือควรเดิน ตกหลุมบ่อ และถูกขวากหนามได้ง่ายเป็นอันตรายแก่ตนเอง นี่คือส่วนที่เป็นโทษแก่ตนเอง

ส่วนที่เป็นโทษแก่ผู้อื่นนั้น คือ
เมื่อผู้โกรธไปด่าว่าเขาอย่างเจ็บแสบ หรือไปประหารเขา
ย่อมทำให้เขาโกรธเคือง ก่อความทุกข์ให้แก่เขา หากเขาต้องตายไปเพราะการประหารนั้น ลูกเมียของเขาก็เดือดร้อนประมาณมิได้ เรียกว่าก่อทุกข์ให้คนจำนวนมาก

มารดาบิดาของเขาก็พลอยเดือดร้อนด้วย ยิ่งรายที่ต้องเลี้ยงพ่อแม่ลูกเมียเพียงตัวคนเดียวแล้ว
พ่อแม่ลูกเมียของเขาจะได้ใครเลี้ยง
ลองคิดดูเถิดว่าคนเหล่านั้นจะลำบากสักปานใด

แม้มารดาบิดาของผู้โกรธเอง ก็ย่อมจะถึงทุกข์โทมนัสหาน้อยไม่ เมื่อรู้ว่าลูกของตน
ต้องได้รับโทษทัณฑ์ ต้องติดคุกตะราง ไปลำบากยากแค้น

ความโกรธเป็นของไม่ดี ก่อทุกข์ให้แก่ตนเองและผู้อื่นมากมายฉะนี้
ท่านจึงสอนให้ละเสีย ทรงแสดงอานิสงส์ว่า

ผู้ละความโกรธได้แล้วย่อมนอนเป็นสุขและไม่ต้องเศร้าโศก

ส่วนวิธีละความโกรธนั้น ท่านแสดงไว้มากในคัมภีร์วิสุทธิมรรค จะขอยกมากล่าวพอได้ใจ ความดังนี้

วิธีละความโกรธตามนัยวิสุทธิมรรค

(๑) ท่านสอนให้พิจารณาให้เห็นโทษของความโกรธและเห็นคุณของขันติและเมตตาก่อน เพราะบุคคลจะไม่สามารถละสิ่งที่ตนยังไม่เห็นโทษได้

(๒) ให้แผ่เมตตาไปในตนและคนอื่นว่า ขอให้ตนมีความสุขและสรรพสัตว์ทั่วโลกจงมีความสุข
ที่แผ่เมตตาให้ตนนั้น เพื่อให้ตนเป็นพยานว่า ตนรักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นสัตว์อื่นก็ฉันนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น

(๓) เพื่อบรรเทาความแค้นเคือง พึงแผ่เมตตาไปยังบุคคลผู้เป็นศัตรูคู่เวรบ่อยๆ จนใจของผู้แผ่อ่อนโยนลง

(๔) ถ้ายังไม่หาย พึงระลึกถึงพระพุทธโอวาทในกกจูปมสูตรบ่อยๆ ข้อความแห่งกกจูปโมวาทนั้นว่า

"ภิกษุทั้งหลาย หากโจรใจเหี้ยมพึงเอาเลื่อยมาเลื่อยเธอให้ขาดเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ ถ้าผู้ใดยังคิดประทุษร้ายโจรนั้นอยู่ ผู้นั้นยังหาชื่อว่าทำตามโอวาทเราไม่
"อนึ่ง ผู้ใดโกรธตอบ ผู้นั้นเลวกว่าผู้โกรธก่อน ผู้ไม่โกรธตอบ ชื่อว่าเป็นผู้ชนะสงครามที่ชนะได้โดยยาก ผู้ที่รู้ว่าคนอื่นโกรธตัวแล้ว แต่ส่วนตนเป็นผู้มีสติสงบเสงี่ยมอยู่ ชื่อว่าประพฤติตนเป็นประโยชน์แก่คนทั้งสองฝ่าย คือทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น"

(๕) ทรงเปรียบคนขี้โกรธเหมือนฟืนเผาผี ที่ไฟติดทั้งสองข้าง ตรงกลางเปื้อนคูถ
จะจับข้างทั้งสองก็ร้อน จะจับตรงกลางก็เหม็น

(๖) ถ้ายังไม่หายโกรธ ก็พึงระลึกถึงความดีของเขาบ้าง คือโดยปกติคนๆหนึ่งย่อมมีอะไรดีอยู่บ้าง
แม้ไม่มากสักอย่างหนึ่ง พึงระลึกถึงส่วนดีอันนั้นของเขาแล้วบรรเทาความโกรธเสีย

(๗) ถ้ายังไม่หายโกรธก็พึงโอวาทตนบ่อยๆ
(ถ้าเป็นพระ) ก็พึงโอวาทว่า สู้อุตส่าห์ละโลกียสุขทั้งปวงซึ่งเป็นสิ่งที่ละได้โดยยากมาแล้ว ไฉนจึงยอมตนให้ตกอยู่ในอำนาจของความโกรธเล่า ฯลฯ คนเป็นเวรกันทำทุกข์ให้ท่านที่กาย เหตุไฉนจึงลงโทษตนเองที่ใจเล่า
ความโกรธทำให้ใจของท่านเป็นทุกข์มิใช่หรือ?
(ในข้อ ๗ นี้มีความละเอียดน่าสนใจมาก ยกมาเล็กน้อยพอเป็นตัวอย่าง)

(๘) ถ้ายังไม่หายโกรธ ท่านสอนให้พิจารณาถึง กัมมัสสกตา คือความที่สัตว์ทั้งปวงมีกรรมเป็นของของตน ใครทำกรรมเช่นใดไว้ ย่อมได้รับผลแห่งกรรมเช่นนั้นเอง คือจักปรากฎด้วยกรรมของตนเอง เราเป็นผู้โกรธก็จักต้องได้รับผลแห่งความโกรธนี้เอง ฯลฯ

(๙) ถ้ายังไม่หายโกรธ ก็พึงอนุสรณ์ถึงพระจริยาของพระศาสดาที่เคยทรงลำบากมา เคยทรงทุกข์ทรมานเพราะการกระทำของผู้อื่นมากมายหลายชาติหลายประการ แต่หาได้ทรงผูกโกรธหรือผูกเวรต่อผู้ใดไม่ เช่น
สมัยที่ทรงเป็นช้างรักษาศีล ทรงยอมให้พรานตัดงาถึง ๓ ครั้ง แต่หาได้มีใจประทุษร้ายในพรานนั้นไม่
ในข้อนี้ ท่านประมวลมาซึ่งจริยาของพระศาสดามากหลายในอดีต
เช่น
- สีลวชาดก เรื่องขันติวาทีดาบส
- จูฬธรรมปาลชาดก
- ฉัททันตชาดก
- เรื่องมหากบี่ (ลิงใหญ่)
- เรื่องภูริทัตตชาดก
- เรื่องจัมเปยยกนาคราช
- เรื่องสังขปาลนาคราช เป็นต้น

(๑๐) ถ้ายังไม่หายโกรธ ท่านสอนให้พิจารณาถึงความยาวของสังสารวัฏ ในสังสารวัฏอันยาวนานนี้ คนที่ไม่เคยเป็นมารดา บิดาบุตรธิดา พี่ชาย พี่หญิง
น้องชาย น้องหญิงและญาติสายโลหิตมิตรสหายเป็นไม่มี

เขาเป็นศัตรูคู่เวรกับเราในชาตินี้ แต่ชาติก่อนๆ เขาอาจเคยเป็นมารดาบิดาเป็นต้น ผู้มีอุปการะช่วยเหลือเกื้อกูลเรา บางทีอาจเคยยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเราก็ได้

(๑๑) ถ้ายังไม่หายโกรธ ก็พึงระลึกถึงอานิสงส์ของเมตตาที่พระทศพลทรงแสดงไว้ ๑๑ ประการ
มีหลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เป็นต้น

(๑๒) ถ้ายังไม่หายโกรธอีก ท่านสอนให้แยกธาตุ คือ พิจารณาว่าสิ่งทั้งปวงเป็นเพียงธาตุ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเราเขา
มันเพียงสักแต่ว่าธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จะโกรธอะไรเล่า

(๑๓) ถ้ายังไม่หายโกรธ ท่านสอนให้เผื่อแผ่แบ่งปัน คือ ให้ของแก่ผู้ที่เราโกรธ หรือรับของที่เขาให้ หากทำได้ดังนี้ ความโกรธเกลียด
ย่อมระงับไปอย่างแน่นอน

ท่านแสดงอานุภาพของทานไว้ว่า

"ทานเป็นเครื่องฝึกคนที่ยังไม่ได้รับการฝึก ยังประโยชน์ทุกอย่างให้สำเร็จ ทายกย่อมบันเทิงด้วยการให้ ฝ่ายปฏิคาหกย่อมนอบน้อมถนอมน้ำใจด้วยปิยวาจา"

ท่านจะเห็นว่า วิธีการของพระพุทธศาสนาในเรื่องนี้ทันสมัยเพียงใด
ข้าพเจ้าได้เคยอ่านตำราจิตวิทยาเกี่ยวกับผลร้ายของความโกรธและอุบายเอาชนะความโกรธมาหลายบทหลายสำนวน เห็นว่ามิได้เกินคำแนะนำที่ทางพระพุทธศาสนาได้ให้ไว้นี้เลย

.....................................................
บุคคลขาดสติย่อมนำชีวิตไปสู่ความทุกข์ความล้มเหลวฉันใด ในทางตรงกันข้าม บุคคลผู้มีสติสมบูรณ์ มีสติชอบ (สัมมาสติ) ย่อมนำชีวิตไปสู่ความสุขความรุ่งเรืองฉันนั้น และความแตกต่างระหว่างปุถุชนกับพระอรหันต์ก็อยู่ตรงนี้ คือ ปุถุชนมีสติไม่สมบูรณ์ ส่วนพระอรหันต์มีสติสมบูรณ์ ปุถุชนจึงต้องหัวเราะบ้าง ร้องให้บ้าง ดีใจบ้าง เสียใจบ้าง เพราะเผลอสติ ส่วนพระอรหันต์ท่านไม่มีไม่เป็นอย่างนั้น.....กฤษฏ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรม จขกท. ผู้มีน้ำใจ :b12: ศึกษาที่นี่ดูสิครับ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=7.0

ค่อยๆไล่ดูจากตอนที่หนึ่งไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 15:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 17:25
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ จะอ่าน และตอนนี้ลดความโกรธแค้นลงไปบ้างแล้วค่ะ เพราะไม่อยากบาปทางใจไม่อยากโทรไปว่าเขาแล้ว ตอนแรกกะจะโทรไปว่าไปด่าให้เขารู้ตัวบ้าง แต่ตอนนี้ ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าค่ะ เข้ามาแล้วเย็นขึ้นค่ะ ขอบคุณทุกคำตอบนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...เราจะมีสิทธิโกรธเขาไหม?...
...เพราะจิตยึดติดความเป็นเรามานานแสนนาน...
...เห็นแล้วก็คิดและจำแล้วว่าเป็นคน สัตว์ สิ่งของ...
...เห็นแล้วสวย...หล่อ...ชอบ...ไม่ชอบทันที...ก็สะสมเป็นกิเลส...
...เพราะพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงคือความจริง...
...ไม่ใช่ความจำ...กว่าจะรู้ว่าไม่ใช่เรา...ก็คิด-จำไปในทุกภพภูมิที่ผ่านไปแล้ว...
...และกลายเป็นอดีตของกาลครั้งหนึ่งที่ได้เคยเกิดมาเป็นสมมุติของคนๆนี้ไปแล้วด้วย...
:b8:
...โกรธแล้วไม่หยุดความคิดโกรธนั้น...ในทุกวินาทีที่ผ่านไปก็สะสมความคิดโกรธที่เกิด-ดับนับไม่ถ้วน...
...สะสมเป็นกรรมที่จิตดวงนั้น...จะต้องได้ไปรับผลของความคิดโกรธนั้นเอาเอง...จิตดวงอื่นไม่ได้ทำให้...
...แต่ถ้าจิต2ดวงคือคน2คนทะเลาะกัน...ก็เข้าใจเถิดว่าจิตทั้ง2นั้นสะสมความหลงผิดว่ามีคนมารองรับโกรธ...
...ก็จิตแต่ละดวงทำอยู่2อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี...ที่สะสมกลายเป็นกรรมดีและกรรมไม่ดีของจิดแต่ละดวงนั้นเอง...
:b13:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2010, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลิงค์ข้างบนของฟรีครับ จึงสามวันดีสี่วันไข้ :b9: เข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง หากช่วงไหนเข้าไม่ได้ ก็ที่นี่นะครับ ต้นฉบับเดียวกัน แต่นี่อาจดูรุงรังด้วยอ้างอิงไปหน่อย

viewtopic.php?f=4&t=32602&p=211361#p211361

หากต้องการรู้เข้าใจ กรรม โดยเฉพาะมโนกรรมก็พึงปฏิบัติไปด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 59 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร