วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


คือผมอ่านมาจากมิลินทปัญหาอ่ะครับ แล้วสงสัยตอนที่พระนาคเสนอุปมา ขอให้ตอบคำถามแรกของผมก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะยกคำอุปมา มาให้ฟังต่อ

บุคคลผู้หนึ่งรู้ว่าบาปกรรมแล้วกระทำลงไป กับอีกคนหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมแล้วมากระทำบาปกรรมนี้ คนทั้งสองนี้คนไหนจะรับทุกขเวทนามากกว่ากัน ระหว่างคนที่รู้ว่าบาปกรรมนี้จะให้ไปอบาย รู้อยู่แล้วกระทำนี้ จะให้ผลวิบากมากหรือ? หรือว่าไม่รู้ว่าบาปกรรมนี้จะให้ไปอบาย และมาขวนขวายกระทำบาปนั้นได้เสวยผลวิบากมาก ตอบให้แจ้งก่อน(คำถามมีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
บุญ คือสิ่งที่ทำให้ใจสงบ ร่มเย็น เป็นสุข

บาป คือสิ่งที่ทำให้ใจเร่าร้อน เป็นทุกข์

คนที่ทั้งๆที่รู้ว่าบาปแต่ยังฝืนทำ ย่อมจะได้รับผลบาป คือความทุกข์เร่าร้อนใจมากกว่าคนที่ไม่รู้แล้วทำบาป
แต่ผลหรือวิบากของบาปนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาที่ทำบาปนั้น

อุปมาเหมือนคนที่ขับรถไปชนคนตายโดยมิได้ตั้งใจ กับอีกคนที่ตั้งใจจะขับรถไปชนคนให้ตาย

คน 2 คนนี้จะใช้ความพยายามทำกรรมมาก น้อยต่างกัน เวลาถูกจับได้ ศาลจะตัดสินความผิดและลงโทษในอัตราที่ต่างกัน

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรม แล้วกระทำบาปนั้น ย่อมได้รับทุกขเวทนาในอบายมากกว่า
ส่วนบุคคลที่รู้ว่าเป็นบาปกรรมแล้วกระทำบาปกรรมนั้น ย่อมได้เสวยทุกขเวทนาน้อยกว่า
อุปมา คือมีก้อนเหล็กแดงด้วยไฟก้อนหนึ่งตั้งอยู่บนถ่านเพลิง บุรุษผู้มีตาดี พอเห็นเหล็กแดงนั้นก็รู้ว่าร้อน แต่จำเป็นจะต้องจับ จะค่อยๆจับลงไป แต่อีกคนโง่ ไม่รู้ว่าก้อนเหล็กนั้นร้อน ก็เลยจับอย่างเต็มที่ครับ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


denchai เขียน:
คนที่ไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรม แล้วกระทำบาปนั้น ย่อมได้รับทุกขเวทนาในอบายมากกว่า
ส่วนบุคคลที่รู้ว่าเป็นบาปกรรมแล้วกระทำบาปกรรมนั้น ย่อมได้เสวยทุกขเวทนาน้อยกว่า
อุปมา คือมีก้อนเหล็กแดงด้วยไฟก้อนหนึ่งตั้งอยู่บนถ่านเพลิง บุรุษผู้มีตาดี พอเห็นเหล็กแดงนั้นก็รู้ว่าร้อน แต่จำเป็นจะต้องจับ จะค่อยๆจับลงไป แต่อีกคนโง่ ไม่รู้ว่าก้อนเหล็กนั้นร้อน ก็เลยจับอย่างเต็มที่ครับ :b1:



ใช่เลย!!! นี่แหละครับที่พระนาคเสนอุปมาไว้ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมคนทั้งๆที่รู้ว่าบาปแล้วทำ จึงได้รับผลของทุกขเวทนามากกว่า แต่ถ้าเอาเรื่องจับเหล็กร้อนมาเปรียบก็เถียงไม่ได้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
บุญ คือสิ่งที่ทำให้ใจสงบ ร่มเย็น เป็นสุข

บาป คือสิ่งที่ทำให้ใจเร่าร้อน เป็นทุกข์

คนที่ทั้งๆที่รู้ว่าบาปแต่ยังฝืนทำ ย่อมจะได้รับผลบาป คือความทุกข์เร่าร้อนใจมากกว่าคนที่ไม่รู้แล้วทำบาป
แต่ผลหรือวิบากของบาปนั้นขึ้นอยู่กับเจตนาที่ทำบาปนั้น

อุปมาเหมือนคนที่ขับรถไปชนคนตายโดยมิได้ตั้งใจ กับอีกคนที่ตั้งใจจะขับรถไปชนคนให้ตาย

คน 2 คนนี้จะใช้ความพยายามทำกรรมมาก น้อยต่างกัน เวลาถูกจับได้ ศาลจะตัดสินความผิดและลงโทษในอัตราที่ต่างกัน

:b12:


คือถ้าผมไม่ได้อ่านคำอุปมาของพระนาคเสน ผมก็คิดเช่นเดียวกับคุณนั่นแหละ(ลองอ่านดูครับคุณasoka)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าคิดนะ ความรู้สึก(เรื่องของท่านasoka) กับเหตุผล(เรื่องถ่านเหล็กแดง)แต่อะไรคือสัจจะที่แท้ :b10:อืมม.....

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 23:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอยกตัวอย่าง ปลาตะเพียรคนหนึ่งรู้จักปลาตะเพียรดี กับอีกคนหนึ่งไม่รู้จักปลาตะเพียรเขาเห็นแต่ภายนอกว่าน่ากินจึงกินปลานั้นที เมื่อเขากลืนกินก้างปลานั้นก็จะติดคอเจ็บปวดหรือถึงตายได้ ส่วนคนที่รู้จักเขาก็จะจัดการก้างปลาในเนื้อปลานั้นเสียก่อนจึงกิน จึงสรุปว่า ผู้รู้นั้นย่อมได้ประโยชน์และโทษน้อยกว่า

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นคนที่รู้ว่าบาปแล้วทำก็มีจิตอกุศล แต่คนไม่รู้แล้วทำก็มีโมหะ อวิชาอย่างไงก็ทุกข์ทั้งคู่ งั้นเพิ่มพูนวิชชาดีกว่าเนาะจะได้ไม่หลงทำผิดไม่ต้องทุกข์ :b12:
แต่ในทางกฏหมายไม่รู้ถือว่ากระทำโดยประมาทโทษเบากว่า แต่ใช้กับทุกเรื่องไม่ได้เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้แม้จะไม่รู้จริงๆก็เถอะ(แต่บางอย่างรู้ผิดๆนี่เท่ากับหรือแย่กว่าไม่รู้นะ)

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเด็นนี้ใช้ได้เฉพาะอย่าง หรือเรื่อง นั้นๆไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณี แต่ที่ดีที่สุด คือ รู้ไว้ก่อน แต่ที่รู้ก็มาจากไม่รู้ก่อนเสมอไป ทุกๆอย่างย่อมเป็นเหตุให้กันละกันเสมอไป อกุศลย่อมนำไปสู่กุศล บาปย่อมนำไปสู่บุญ ทุกข์นำไปสู่สุข ขอปัจจุบันหมั่นเรียนรู้และทำความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ ไม่ช้าไม่นานนิพพานต้องเป็นของเรา onion

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 01:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อุปมาพระนาคเสน ใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องทำบาป ในกรณีจำเป็นต้องทำ คนที่รู้ จะเลือกวิธีการที่รับผลน้อย
ที่สุด ส่วนคนไม่รู้ ก็จะทำแบบไม่รุ้ คือ ทำดดยไม่ระวังผล

หากอุปมานั้นใช้กับทุกกรณีแล้วไซร้ ก็จะขัดกับหลักของเจตนา เพราะทางศาสนาถือว่า เจตนาคือกรรม
เมื่อไม่รู้ ก็ไม่มีเจตนา เมื่อไม่มีเจตนา ก็ไม่ถือว่ามีการกระทำ
เช่น เดินเหยียบมดตาย หากไม่มีเจตนา ทางศาสนาก็ถือว่าไม่ผิด

(การฆ่าสัตว์ คนที่ไม่รุ้ในองค์ประกอบ(ขาดเจตนาอันใดอันหนึ่งถืว่าไม่ผิด กรณีเดินเหยียบมดตายโดยไม่รุ้

แสดงว่าไม่มี วธกจิต (จิตคิดจะฆ่า)

หรือผมจะเข้าใจหัวข้อกระสู้ผิด

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็วิตก วิจารณ์ เพื่อบริหารปัญญาครับ อย่าลืมว่ามิลินทปัญหา ก็เป็นเรื่องที่พระอรรถาจารย์ท่านแต่งเพิ่มเติมมาเพื่ออธิบายหรือเผยแพร่ธรรมในสมัยก่อน :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
คือผมอ่านมาจากมิลินทปัญหาอ่ะครับ แล้วสงสัยตอนที่พระนาคเสนอุปมา ขอให้ตอบคำถามแรกของผมก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะยกคำอุปมา มาให้ฟังต่อ

บุคคลผู้หนึ่งรู้ว่าบาปกรรมแล้วกระทำลงไป กับอีกคนหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมแล้วมากระทำบาปกรรมนี้ คนทั้งสองนี้คนไหนจะรับทุกขเวทนามากกว่ากัน ระหว่างคนที่รู้ว่าบาปกรรมนี้จะให้ไปอบาย รู้อยู่แล้วกระทำนี้ จะให้ผลวิบากมากหรือ? หรือว่าไม่รู้ว่าบาปกรรมนี้จะให้ไปอบาย และมาขวนขวายกระทำบาปนั้นได้เสวยผลวิบากมาก ตอบให้แจ้งก่อน(คำถามมีต่อ)



สองคนนี้มีเจตนาทำชั่วด้วยกันทั้งคู่แหละ
ต่างแค่ว่า คนหนึ่งรู้ว่าสิ่งที่ตนทำเป็นความชั่ว รู้ว่ามีผลเป็นทุกเวทนา รู้ว่ามีผลไปถึงอบาย
แต่อีกคนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำคือความชั่ว ไม่รู้ว่ามีผลเป็นทุกขเวทนา ไม่รู้ว่ามีผลไปถึงอบาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


คนสองคน คนหนึ่งรู้ว่าอีกสองนาทีข้างจะมีเสียงปืนดังขึ้นกับอีกยังไม่รู้ตัว แล้วสองคนนี้เมื่อเสียงปืนดังขึ้นมาใครจะตกใจมากกว่ากันละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงธรรม14 เขียน:
คนสองคน คนหนึ่งรู้ว่าอีกสองนาทีข้างจะมีเสียงปืนดังขึ้นกับอีกยังไม่รู้ตัว แล้วสองคนนี้เมื่อเสียงปืนดังขึ้นมาใครจะตกใจมากกว่ากันละ


แหมคุณ เหมือนจะฟังดูดีนะ แต่คำที่คุณยกมามันกลับตารปัตรห่างกันกับความหมายของคำถามโดยสิ้นเชิง

คำถามถามว่าอะไรครับ

เขาถามว่า
คนที่รู้ว่าบาป แต่ยังทำ กับคนที่ทำโดยไม่รู้ อันไหนโทษหนักกว่ากัน
แต่คุณกลับตอบเขาว่า
อีกคนรู้ว่าปืนจะดัง กับอีกคนไม่รู้ว่าปืนจะดัง ใครจะตกใจมากกว่า

แน่นอนว่าคนที่รู้มันก็ต้องทำใจไว้แล้ว จึงต้องตกใจน้อยกว่าคนที่ไม่รู้อยู้แล้ว
เพราะคนที่ไม่รู้มันไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้ทำใจไว้ล่วงหน้านี่ครับ

ความหมายของคุณที่ยกมาก็คือ

คนที่รู้ว่าบาปแต่ก็ทำบาป จะมีโทษน้อยกว่า คนที่ไม่รู้ว่าบาป
อุปมาว่า เด็กน้อยไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกที่ทำบาป มีโทษน้อยกว่าผู้ใหญ่ที่แก่ต่อโลก

ผมถึงว่าสมองคุณนี่มันกลับตารปัตร กลับไปนั่งสมาธิฝึกรวบรวมสติบ้างนะคุณ
ผมว่าสติคุณตอนนี้มันแตกกระจายแหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้วนะครับ

ฮากลิ้งเลยพวก กิ๊วๆ ฮาได้อีกนะข่ะ น่าอายนะข่ะ จะอวดภูมิทั้งที ฮามากนะข่ะ กิ๊วๆ wink :b13: :b32:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2011, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
บุคคลผู้หนึ่งรู้ว่าบาปกรรมแล้วกระทำลงไป กับอีกคนหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นบาปกรรมแล้วมากระทำบาปกรรมนี้ คนทั้งสองนี้คนไหนจะรับทุกขเวทนามากกว่ากัน


ทกขเวทนา คือ โทษ
วิบากก็ คือ โทษ

การทำบาป คือ ความผิด

คุณถามว่า คนแรก รู้ว่าบาป แต่ยังทำ
คนที่สอง ทำไปด้วยความไม่รู้ ว่าบาป

ถ้าเป็นการกระทำแบบเดียวกัน ชนิดเดียวกัน คือบาปเท่ากัน ถึงจะทำโดยรู้หรือไม่รู้ก็ผิดเท่ากัน
บาปเท่ากัน แต่จะได้รับโทษต่างกันโดยพิจารณาบทลงโทษหนักเบาตามเจตนา ถึงจะรู้หรือไม่
รู้ก็ได้รับโทษอยู่ดี แต่โทษที่ได้รับก็จะหนักเบาต่างกันตามเจตนา

คนที่รู้ว่าบาป แต่ก็ยังทำ ถือว่าเจตนา
คนที่ทำด้วยความไม่รู้ คือ ไม่ได้เจตนา

เวลาจะตัดสินโทษ ก็ต้องดูที่เจตนา

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร