รูป นาม
รูป28(มีเพียงรูปเดียวเท่านั้นที่ตามองเห็น นอกนั้นมองไม่เห็น) นาม4(มองด้วยตาไม่เห็นเลย แม้แต่อย่างเดียว)

สรุป วิทยาศาสตร์ เข้าถึงขันธ์5 ได้แค่ไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์

เชิญมะรุมมะตุ้มครับ

จะมาคอยติดตามอ่าน.....

สาธุกับแผนภูมิเรื่องของรูป 28 ที่ลุงหมานนำมาโพสต์......ดีกว่าคำอธิบายเป็นตัวหนังสืออย่างมากมายเลยครับ

พิจารณาแล้ว...วิทยาศาสตรก็ไปเกียวข้องไม่ใช่น้อยนะครับ...แต่การอธิบายอาจไม่ตรงกับทางบาลีเท่านั้นเอง

ดูจาก แผนผัง ที่ลุงหมานยกมา
เห็นมีแต่ สี ที่อยู่ใน วิสยรูป เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ ตามองเห็นได้

นอกนั้นมองไม่เห็นเลย


เชิญมะรุมมะตุ้มครับ

เข้าบอกทางก่อนที่จะหลงไปไกล อยากให้เปลี่ยนความเห็นเสียใหม่
จะได้ไม่นำให้คนอื่นเขาหลงทางไปด้วย

รูปในที่นี้ไม่ได้หมายถึงรูปที่มองเห็นด้วยตา
แต่รูปหมายถึง......กายหรือร่างกายของเรา

แค่นี้ก่อน แล้วจะมาพูดอธิบาย เรื่องรูป๒๘ให้ฟัง

คุนน้องไม่เข้าใจตรงแผนผัง ภาวรูป๒ ลงมาจนถึงล่างสุดคืออยากทราบว่ามีความสัมพันธ์กับขันธ์ห้ายังไง รบกวนผู้รู้มาอธิบายให้เข้าใจด้วยค่ะ

อ้าวไม่มีผู้รู้คนไหนจะมาอธิบายสภาวะธรรมในแผนผังว่าเชื่อมโยงกับขันธ์ห้ายังไงหรอค่ะ คุนน้องเป็นวัยรุ่นใจร้อนนะค่ะ สงสัยต้องรอพี่โฮฮับอิหรอบเดิม หลังจากนั้นก็จะมีเสียงตะโกนตามมา เหมือนลูกนกลูกกา
555นักธรรมมะประเทศไทย

หากใช้ตาบอกลักษณะรูป ความเห็นผมคือ เห็นแค่ 50 เปอร์เซ็น นั่นคือ ธาตุดิน และธาตุน้ำ เพราะอาศัยแสง แต่ไม่สามารถมองเห็น ธาตุลม และ ธาตุไฟ แต่หากกำหนดรู้ที่จักษุ ย่อมรู้นาม

วิทยาศาสตร์ เข้าถึงขันธ์5 คือรูปได้ทั้ง4ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เห็นความเป็นอนิจจัง และ ความเป็นอนัตตา ด้วยเครื่องมือ

คงอธิบายให้เข้าใจได้ยาก
ถ้าไม่มีความรู้ทางด้านพระอภิธรรมมาบ้าง เห็นแผนผังรูป ๒๘ แล้วงง
๑. ถิตถีภาวรูป คือ ภาวรูปของผู้หญิง
๒. ปุริสภาวรูป คือ ภาวรูปของผู้ชาย
สรุปที่เกี่ยวข้องกับขันธ์ ๕ ในแผนผังทั้งหมดนั้นได้แก่ รูปขันธ์ทั้งหมด
หมายถึงว่า เป็นรูปขันธ์อย่างเดียว ไม่มีนามขันธ์ปะปนอยู่เลย

เรื่องรูป๒๘ เป็นส่วนหนึ่งในพระอภิธรรม เป็นการอธิบายความเป็นปรมัตถ์
อันมี จิต เจตสิก รูป นิพพาน

รูป๒๘ก็คือส่วนของรูปปรมัตถ์ ท่านจะบอกให้รู้ว่ารูปปรมัตถ์ที่เกิดภายในใจเรา
มีอะไรบ้าง และมีอะไรเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรูปปรมัตถ์นั้น

ความสำคัญที่ต้องศึกษาเรื่องนี้ ไม่ใช้ให้เราจำแต่ท่านให้รู้เพื่อละมันเสีย
เพราะมันเป็นขันธ์หนึ่งในขันธ์ห้า เราเรียกว่า....รูปขันธ์
รูปขันธ์นับตั้งแต่อุปทายรูปทั้งหมด

อธิบายให้ฟังคร่าวๆ รูปหรือร่างกายของเรานั้น แท้จริงเป็นเพียงธาตุสี่(นับเฉพาะรูปไม่่รวมนาม)
นั้นคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ รวมเรียกว่ามหาภูติรูปสี่

ความจริงมันเป็นเพียงแค่นี้ แต่ที่มันขยายออกไปเป็นอุปาทายรูปอีก นั้นเป็นเพราะ
จิตของเราเข้าไปปรุงแต่งธาตุทั้งสี่(มหาภูติรูป)ให้เป็นไปตามอุปาทายรูป

อย่างปสาทรูปที่รับอายตนะภายนอก มันก็เป็นธาตุสี่ ที่มันรับอายตนะภายนอกได้ก็เป็น
เพราะจิตของเราไปรับเอามันเข้ามาแล้วก็ปรุงแต่งเป็น เสียง แสง กลิ่น รส สัมผัส

เรื่องภาวรูปสองก็เช่นกัน ร่างกายที่เป็นหญิงหรือชาย มันก็ล้วนแล้วแต่เป็น
ธาตุสี่(มหาภูติรูป) มีดิน น้ำ ลม ไฟเหมือนกัน

พระพุทธองค์ทรงสอนให้ทำ กายานุปัสสนาฯ เพื่อละอุปาทายรูปทั้งหมด
ทำความเข้าใจว่า อุปาทายรูปก็คือรูปที่จิตไปปรุงแต่งธาตุสี่ แท้จริงแล้ว
รูปหรือร่างกายของเราเป็นเพียงธาตุสี่เท่านั้น

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า รูปในที่นี้คือกายของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากตา
เดี๋ยวจะสับสน (เอาคร่าวๆน่ะ )

โปรดดูตารางของ ลุงหมาน ประกอบ นะครับ

รูปที่ตามองเห็นได้ มีแค่ 1 อีก 27 รูป เป็นรูปที่ตามองไม่เห็น

รูปที่กระทบได้ ( มีแค่ 7)

รูป ๗ รูปที่ว่า คือ
๑. รูป วรรณะหรือสี ......................... ดูในโคจรรูป ........ กระทบ ตา ได้
๒. สัทท เสียง ................................ ดูในโคจรรูป ......... กระทบ หู ได้
๓. คันธ กลิ่น .....................................ดูในโคจรรูป ......... กระทบ จมูก ได้
๔.รส .............................................ดูในโคจรรูป ...........กระทบ ลิ้น ได้
๕.ปฐวี อ่อนหรือแข็ง ........................คือ ปฐวีธาตุ (ดิน) .......กระทบ กาย ได้
๖.เตโช เย็นหรือร้อน .........................คือ เตโชธาตุ (ไฟ) .......กระทบ กาย ได้
๗. วาโย ตึงหรือไหว ...........................คือ วาโยธาตุ (ลม) ....... กระทบ กาย ได้

ขันธ์ 5 จึงเป็นเรื่องที่ วิทยาศาสตร์ ไม่มีเครื่องมือ วัดค่าออกมาได้ ซะส่วนใหญ่

สนใจ บทเรียน รูปปรมัตถ์
V
http://www.puthakun.org/puthakun/index. ... 6-21-04-25

สิ่งที่มองเห็นทางจักขุทั้งหมด เรียกว่า รูป (รวมทั้งตนเองด้วยก็เรียกว่ารูป หรือร่างกาย) เคยได้ยินไหม รูปธรรม นามธรรม หรือเรียกสั้นๆว่า รูป - นาม

ไม่ใช่ครับ ตามแผนผังที่ลุงโพส กับคำพูดที่ลุงพูดไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยครับ

ลุงยังไม่เข้าใจการเกิดกระบวนการขันธ์ห้า คำพูดของลุงมันเลยเป็น
ลักษณะการจินตนาการคำพูดขึ้นมาเอง มันไม่ใช่ลักษณะของขันธ์ห้า

การเกิดขันธ์ห้านั้นจะต้องเกิดไปจนครบกระบวนการของมัน ไม่ใช่เกิดแต่รูปขันธ์อย่างเดียว
เพราะมันเป็นเหตุปัจจัยแก่กัน ฉะนั้นขันธ์ห้าเกิดขึ้นจากรูปและนามมาเป็นปัจจัยร่วมกัน
ถ้าจะกล่าวว่ารูปขันธ์ นั้นก็คือการที่จิตไปปรุงแต่งรูปจนเกิดเป็นรูปขันธ์ขึ้น และจิตตัวที่ไปรู้รูป
ก็ปรุงแต่งไปพร้อมกันเรียกว่า วิญญาณขันธ์

ฉะนั้นจะกล่าวว่า รูปขันธ์ล้วนๆไม่ได้เพราะมันมีนามขันธ์เป็นปัจจัยร่วมอยู่ด้วย

แล้วที่พูดถึงสภาวรูปอีกเหมือนกัน มันไม่ใช่รูปร่างกายภายนอกของเราหรือของคนอื่น
แต่มันเป็น...ความรู้สึกหรือใจที่คิดว่า ตัวเองเป็นเพศอะไรไม่ใช่รูปร่าง

ยกตัวอย่าง พวกกระเทยที่เป็นผู้ชาย ....สภาวรูปของเขาคือผู้หญิง(อิตถีรูป)

ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีท่องจำเอาจากความคิดคนอื่น ผลก็คือเอาคำศัพท์คนนั้นที่คนนี้ที
มาผสมกันวุ่นวาย จนคำพูดของตนกลายเป็นหัวมังกุท้ายมังกร

ถ้ากล่าวถึงรูปปรมัตถ์ สิ่งที่มากระทบจักขุปสาทรูป เขาไม่เรียกว่ารูป
เขาเรียกว่า...อายตนะภายนอก