วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 07:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 14:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 21:52
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เงินที่หามาได้ด้วยความสุจริต
ให้ทานด้วยเงินที่หามาโดยบริสุทธิ์
ผู้ให้เจตนาให้ด้วยความบริสุทธิ์ศรัทธานำ
ผู้รับศีลบริสุทธิ์ย่อมได้กุศลทั้งผู้รับและผู้ให้ค่ะ
หาได้สุจริตไม่คดโกงขโมยมาไม่ล่วงศีล5ผิดที่ไหน
พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกอยู่เฉยๆแต่ให้ขยันเลี้ยงชีพสุจริต
แม้พระภิกษุยังทรงให้อยู่เสนาสนะป่าและบิณฑบาตรใช่หรือไม่
แล้วทุกวันนี้ที่สร้างวัดหรูหราโอ่อ่าฟู่ฟ่าพระภิกษุทำแบบชาวโลกดีไหม
:b16:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระภิกษุบางรูปทำแบบนี้เจ้าค่ะ
ใส่บาตรแล้วขอเงินค่ารถเดินทางอีก
รถโดยสารเก็บค่าโดยสารกับพระภิกษุไหม
Onion_R


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้านสวนสุขใจ เขียน:
ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน

ในศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่สวดอ้อนวอนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันจะไปขัดกับคำสอนที่ว่า
เรื่องเหตุเรื่องผล บุคคลทำกรรมอันใดไว้ผู้นั้นจะได้รับผลของกรรมอันนั้น
คาถาเงินล้านไม่มีในพระไตรปิฎก ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ของเกจิขึ้นมาในภายหลัง ถ้าสวดคาถาเงินล้านแล้วว่าปรากฏผลจริง
ในโลกนี้คงไม่มีคนจน เมื่อก่อนผมก็สวดวันละหลายๆจบ ก็ไม่เห็นมีหลายๆ ล้านเลยจนเหมือนเดิม
สู้เอาเวลาไปกระทำความดีทำมากินจะดีกว่า รักษาศีลฟังธรรมความสุขก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องสงสัย

เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่เพราะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระองค์สอน เราปรารถนาทรัพย์กันทุกคน
แต่ทุกต้องประกอบอาชีพคือสัมมาชีพเท่านั้นจึงจะเป็นอาชีพที่ได้ทรัพย์มาอย่างยั่งยืน

เรื่องนิพพานไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพียงแต่เราเจริญมรรคยังไม่ถูกต้องเท่านั้นเอง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บ้านสวนสุขใจ เขียน:
ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน


บ้านสวนสุขใจ....คนที่ 1 ละ...แยก..มิจฉาทิฎฐิหรือไม่..ด้วยคาถาเงินล้าน
รวม Bigtoo กับ ศิริพงศ์..ด้วยใช่มั้ย :b32: :b32:

ลุงหมาน เขียน:
ในศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่สวดอ้อนวอนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันจะไปขัดกับคำสอนที่ว่า
เรื่องเหตุเรื่องผล บุคคลทำกรรมอันใดไว้ผู้นั้นจะได้รับผลของกรรมอันนั้น
คาถาเงินล้านไม่มีในพระไตรปิฎก ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ของเกจิขึ้นมาในภายหลัง ถ้าสวดคาถาเงินล้านแล้วว่าปรากฏผลจริง
ในโลกนี้คงไม่มีคนจน เมื่อก่อนผมก็สวดวันละหลายๆจบ ก็ไม่เห็นมีหลายๆ ล้านเลยจนเหมือนเดิม
สู้เอาเวลาไปกระทำความดีทำมากินจะดีกว่า รักษาศีลฟังธรรมความสุขก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องสงสัย

เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่เพราะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระองค์สอน เราปรารถนาทรัพย์กันทุกคน
แต่ทุกต้องประกอบอาชีพคือสัมมาชีพเท่านั้นจึงจะเป็นอาชีพที่ได้ทรัพย์มาอย่างยั่งยืน

เรื่องนิพพานไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพียงแต่เราเจริญมรรคยังไม่ถูกต้องเท่านั้นเอง


ลุงหมาน..คนที่ 2 ..แยกมิจฉาทิฎฐิหรือไม่..ด้วยคาถาเงินล้าน

เอ้ารอดูคนอื่น ๆ ต่อไป..
:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ...

คนกำลังเนื้อหอมนี่น๊าาาา ไม่รู้จะช่วยยังไงเลย

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2015, 21:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 21:52
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คาถาเงินล้าน เท่าที่ผมได้รับรู้มาคือ เป็นคาถาที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระสุธรรมยานเถระ) ได้จากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และได้เมตตาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สวดท่อง หลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก และเชื่อว่าท่านเป็นอริยบุคคล ประเด็นที่น่าสนใจคือ ถ้าคาถาเงินล้านเป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำไมหลวงพ่อจึงให้ลูกศิษย์ท่อง...
ส่วนประเด็นที่ว่าสวดแล้วไม่เห็นได้เงินล้านกับเขา ผมเชื่อในเรื่องราวในพระไตรปิฎก (แม้ว่าจะไม่เห็นตามความเป็นจริง) คือ เป็นอานิสงค์ที่เกิดกับคนที่ประกอบกุศลกรรมมากในชาติก่อน ๆ ผลบุญจึงส่งมาในชาตินี้...
ขอบคุณครับสำหรับทุกความคิดเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื้อหา คาถาเป็นอย่างไรครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่จริง บทสวดต่าง ๆ ที่บูรพาจารย์แต่งขึ้น จุดมุ่งหมายก็คือ ให้จิตอยู่กับบทสวด ไม่ว่าผู้สวดหรือผู้ฟัง เพื่อให้จิตสงบเป็นสมาธิ เช่น บทสวดพระปริตร บทสวดชินะบัญชร บทสวดคาถาต่าง ๆ ฯลฯ ..

อย่างคาถาเงินล้าน ก็เป็นอุบายของหลวงพ่อท่าน ไม่ใช่ว่าสวดแล้ว เงินจะหล่นตุ๊บตั๊บลงมา ท่านบอกว่า เหมาะแก่คนค้าขาย ทำสวนทำไร่ ค้าขายจะได้คล่องตัว ไม่มีอุปสรรค สวดไปจิตก็เป็นสมาธิไปด้วย

เงินจะไหลมาเทมาหรือไม่ก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าใจสงบเป็นสมาธิแล้ว ส่วนมากก็ทิ้งสวน ทิ้งนาทิ้งเงินทอง เพื่อเอาความสงบแห่งจิตเป็นสำคัญ ทั้งนั้น ..

อย่างพุทธภาษิตที่ว่า "รสพระธรรม ชำนะรสทั้งปวง"

:b1: :b38:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 12:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2015, 21:52
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่านวิริยะมากเลยครับที่ช่วยอธิบายเพิ่มเติม เชื่อว่าสมาชิกอีกหลายท่านที่ยังคงมีความสงสัยอยู่ได้เข้าใจกระจ่างขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ

แต่ถ้าสวดเพื่ออ้อนวอนขอในสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยไม่ลงมือทำก็เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

มิจฉาทิฎฐิคือความเห็น เช่น ตายแล้วสูญ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก หรือ ทำอะไรไปก็จบสิ้น ไม่ต้องไปรับผลของกรรมอะไรแบบนี้ เรียกมิจฉาทิฎฐิ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องมีหนังสือสวดมนต์เล่มนึง หน้าปกเป็นรูปหลวงพ่อโต..หลังปกหลวงปู่ทวด..ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าได้มาไง..น่าจะมีคนใจบุญมาบริจาคให้แม่ :b32: :b32: และก็ตกทอดเป็นของคุนน้อง :b12:

ในหนังสือก็มีคาถาเงินล้าน...ซึ่งคนที่มีสติปัญญาอันชาญฉลาดอย่างคุนน้อง พอเห็นบทสวดนี้ แว๊บแรกก..พิจารณาอยู่นานโดยญาณสมาธิ..อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง..ก็เป็นแค่กุศโลบายที่สำหรับให้ปุถุชนได้ฝึกสมาธิในการบริกรรม คาถาเงินล้าน..และต้องสวดเช้าเย็นด้วยนะ วันละ 3-5-7-9 แล้วแต่ความขยันของใครของมัน..และไม่ใช่แค่ท่องคาถานะเจ้าค่ะ จะต้องใส่บาตรทุกวันด้วย..จะทำให้เกิดความมั่นคงทางใจดีมาก..ส่วนมิจฉาทิฏฐิ คือคนที่มโนไปเองว่า..ท่องคาถาเงินล้านแล้วเงินทองจะไหลมาเทมา...ท่านกำชับนักหนาให้ใส่บาตรทุกวัน..และท่องบทสวดทุกค่ำเช้า..ซึ่งก็จัดอยู่ในสัมมาปฏิบัตินี่ค่ะ..แล้วถ้าเราไม่รู้จักการให้ทาน มีแต่จะรวยๆๆท่องคาถาเพราะกิเลสตันหา..เงินล้านมันก็ไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าให้นะเจ้าค่ะ
หวังว่าคงจะเข้าใจนะ..

ปล.คุนน้องจุดธูปเรียก สาวกเสาอโศก ให้มาเผยแพร่ธรรมทานในเวปนี้ แต่ยังไม่เห็นโผล่มาสักกะคน แปลกใจ ประกาศว่าตนคือพุทธแท้..แต่ยักไม่กล้ามาประกาศธรรมของพระศาสดาใน เวปธรรมมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 04:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2015, 02:51
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ดาวส่องแสง เขียน:
rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อานนท์เอย ! พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ธรรมวินัยอันใดที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ขอให้ธรรมวินัยอันนั้น
จงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป เธอทั้งหลายจงมีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งเถิด
อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย"
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ ก็หมายความว่าไม่ต้องไปบัญญัติไปเพิมเติมหรือตัดออกใดๆอีก

ถ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถือว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังพอจะสยบให้คนหลงได้อยู่ในศาสนาอื่น

ในพุทธกาลพระสารีบุตรก็ได้กระทำมาแล้วดูเหมือนว่าเป็นการช่วงชิงศิษย์
ออกมาจากอาจารย์ สญชัยเวลัฏฐบุตร

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2015, 14:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2015, 02:51
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ดาวส่องแสง เขียน:
rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อานนท์เอย ! พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ธรรมวินัยอันใดที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ขอให้ธรรมวินัยอันนั้น
จงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป เธอทั้งหลายจงมีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งเถิด
อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย"
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ ก็หมายความว่าไม่ต้องไปบัญญัติไปเพิมเติมหรือตัดออกใดๆอีก

ถ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถือว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังพอจะสยบให้คนหลงได้อยู่ในศาสนาอื่น

ในพุทธกาลพระสารีบุตรก็ได้กระทำมาแล้วดูเหมือนว่าเป็นการช่วงชิงศิษย์
ออกมาจากอาจารย์ สญชัยเวลัฏฐบุตร


อ้าวลุงหมาน จากคำตอบลุงหมานนี้ แปลได้ว่า คาถาเงินล้านไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้างั้นรึ
มิน่ายังหลงโข่งอยู่กับใบลาน รู้จักไหม ตาเถรใบลานเปล่า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 54 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 76 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร