วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 19:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 13:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: :b48: สวัสดีค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้เข้ารู้สึกคิดถึงกัลยานมิตร สุชาวดีใช้เวลาในการบำเพ็ญอย่างหนักสู้กับปัญหาที่หนักหนาสำหรับผู้หญิง จากปัญหาต่างๆถึงได้ใจที่ตั้งมั่น หวั่นไหวน้อยลงๆและความสงสัยในเรื่องต่างๆทั้งทางโลกทางธรรม(ส่วนน้อยๆ) ที่สุดแล้วคำตอบ มันอยู่ที่ใจเรานี้เองค่ะ :b48: :b48:

ตอนนี้ ร่างกายของดิฉันรู้สึกว่าต้องการอาหารน้อยลงค่ะ คือกินข้าวเช้าจะอิ่มไปทั้งวัน(ดิฉันกิน 2 คาบต่อวัน) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันย่อยช้า มีกลิ่นคล้ายอาหารที่เก่า ออกมาทางลำคอ และมีกลิ่นตามทวารต่างๆจนแทบไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เกรงใจค่ะ หาทางแก้ปัญหาเลยลองกินอาหารครั้งเดียว เช้า กลิ่นหายไปเลยค่ะ ร่างกายเบาสบาย กระปี้กระเป่า และไม่หิว

ตอนนี้มีคำถามเกิด ในใจอ่อนๆ กำลังตามหาคำตอบ คือ กิเลส ตั้งคำถามว่า เธอจะขาดอาหารมั้ย จะโทรมมั้ย จะเป็นโรคกระเพาะมั้ย ที่สุดคือกลัวไม่สวยค่ะ (ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสวย :b12: ) จะทำได้ไหมเธอคนธรรมดา s005 ขอคำชี้แนะ จากผู้รู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะไม่ทราบว่า งานประจำวันที่ จขกท. ทำ ใช้พลังงานเท่าไหร่ ตอบเป็นกลางๆให้สังเกตเอาเอง

พระภิกษุสามเณร ฉันอาหารวันละมื้อสองมือ ยังมีชีวิตอยู่่ได้ เพราะร่างกายมิได้ทำงานที่ใช้พลังงานหนักมากนัก

คนยากคนจน มีกินไม่ครบสามมื้อ อดมื้อกินมื้อ ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ร่างกายอาจโทรมหน่อย เพราะกินอาหารไม่ตรงเวลา ไม่มีจะกิน

จขกท. ก็สังเกตเอาเองด้วย ตรวจสุขภาพบ้าง หมอจะบอกว่า ร่างกายเราขาดสารอะไรบ้าง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 15:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 18:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สุชาวดี เขียน:
:b48: :b48: สวัสดีค่ะ นานแล้วที่ไม่ได้เข้ารู้สึกคิดถึงกัลยานมิตร สุชาวดีใช้เวลาในการบำเพ็ญอย่างหนักสู้กับปัญหาที่หนักหนาสำหรับผู้หญิง จากปัญหาต่างๆถึงได้ใจที่ตั้งมั่น หวั่นไหวน้อยลงๆและความสงสัยในเรื่องต่างๆทั้งทางโลกทางธรรม(ส่วนน้อยๆ) ที่สุดแล้วคำตอบ มันอยู่ที่ใจเรานี้เองค่ะ :b48: :b48:

ตอนนี้ ร่างกายของดิฉันรู้สึกว่าต้องการอาหารน้อยลงค่ะ คือกินข้าวเช้าจะอิ่มไปทั้งวัน(ดิฉันกิน 2 คาบต่อวัน) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันย่อยช้า มีกลิ่นคล้ายอาหารที่เก่า ออกมาทางลำคอ และมีกลิ่นตามทวารต่างๆจนแทบไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เกรงใจค่ะ หาทางแก้ปัญหาเลยลอง กินอาหารครั้งเดียว เช้า กลิ่นหายไปเลยค่ะร่างกายเบาสบาย กระปี้กระเป่า และไม่่หิว
ตอนนี้มีคำถามเกิด ในใจอ่อนๆ กำลังตามหาคำตอบ คือ กิเลส ตั้งคำถามว่า เธอจะขาดอาหารมั้ย จะโทรมมั้ย จะเป็นโรคกะเพาะมั้ย ที่สุดคือกลัวไม่สวยค่ะ (ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสวย :b12: ) จะทำได้ไหมเธอคนธรรมดา s005 ขอคำชี้แนะ จากผู้รู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ Kiss Kiss


ให้พิจารณาถึง..ความตาย..คับ

ตนตาย...คนรักตาย..

ถามใจ..ว่า..หากต้องตายในวันนี้...จะตายได้มั้ย.?...ทำไมถึงตายได้?...ถามย้อกย้อนใจมันไปเรื่อย..

หากใจยอมรับ..ว่า..ตายได้..จริง

ความห่วงว่าจะขาดสารอาหารมั้ย์?..จะโทรมมั้ย?..ก็หมดไปเอง

แต่..ใช่ว่าเราจะปล่อยปะละเลย..ไม่ดูแลตัวเองนะครับ..สังเกตุอาการร่างกายได้เป็นปกติ...ทำตามหน้าที่..มันจะไม่ห่วงรึกังวลมากไป...แค่..ทำตามหน้าที่ต่อร่างกาย..

จะกินมื้อเดียว..รึสองมื้อ...ก็ให้สังเกตอาการร่างกายให้ดี...หากมันอยู่ตัวแล้ว..ก็คงไม่มีปัณหา..

แต่ผมมีคำถาม..ว่า..อาการคอมีกลิ่น..ฯ..ไปหาหมอมาบ้างรึยังคับ?

กลิ่นออกทางคอ..นี้ไม่แปลกใจ...
แต่กลิ่นออกทางอื่นด้วยยนี้..งง..คับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2016, 18:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ คุณกบ ดิฉันไม่ได้ไปให้หมอตรวจเลยค่ะเพราะระบบท้องลำใส้ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆเลยค่ะ สบายๆ เพียงแต่ รู้สึกว่ามัน ย่อยช้า กินเช้า 4 โมงเย็น ค่อยรู้สึกย่อยหมด (ในเวลานั้นกลิ่นอาหารจะออกมา คล้ายๆกลิ่นอาเจียน) พอลดอาหาร เหลือ มื้อเดียว กลิ่นหายหมดเลย ทุกที่ และหลังกินอาหารเช้า กลิ่นก็ไม่มี(มันหายไปหมดจากที่ปกติก็เคยมีกลิ่น แล้วหายไปแบบที่ดิฉันพอใจมาก เลยคิดว่า กลิ่นต่างๆ น่าจะเกิดจากอาหารที่ตกค้างทั้งในกะเพาะและลำใส้) ดิฉันเลย กินวันละครั้ง ค่ะ ตามความคิด ดิฉันคิดว่าร่างกายต้องการเหลือแค่นี้ ตอนนี้กำลังหาทางสู้กับกิเลสและ หาความพอดี ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่ผิดปกติจะไม่ชอบพบหมอ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2016, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุชาวดี เขียน:
ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ



คุณสุชาวดี ปฏิบัติ (ภาวนา) แบบใดอยู่ครับ :b20:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2016, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ

๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔. อาหารที่กิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย
๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๒๖


เพื่อจำง่าย

อาพาธน้อย
ย่อยอาหาร
นานในสมาธิ
ดำริเพียร
เซียนในการเดินทาง

รูปภาพ

จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2016, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาพาธ ความเจ็บป่วย, โรค, (ในภาษาไทย ใช้แก่ภิกษุสามเณร แต่ในภาษาบาลี ใช้ได้ทั่วไป) อาพาธต่างๆมีมากมาย เรียกตามชื่ออวัยวะที่เป็นบ้าง เรียกตามอาการบ้าง บางทีแยกตามสมุฏฐานว่า ปิตฺตสมุฏฐานา อาพาธา, เสมฺหสมุฏฐานา อาพาธา , วาตสมุฏฐานา อาพาธา, สนฺติปาติกา อาพาธา, อุตุปริณามชา อาพาธา, วิสมปริหารชา อาพาธา , โอปกฺกมิกา อาพาธา, กมฺมวิปากชา อาพาธา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 13:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุค่ะคุณกรัชกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สุชาวดี เขียน:
ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ



คุณสุชาวดี ปฏิบัติ (ภาวนา) แบบใดอยู่ครับ :b20:





tongue การภาวนาของสุชาวดี แบบสะเปะสะปะค่ะ s002 คือลองผิดลองถูก ครูบาอาจารย์ไม่มี (เพราะด้วยภาระหน้าที่มากไม่มีโอกาสจะไปปฏิบัติแม้แต่วันเดียวดูแลพ่อ แม่ ป่วย พิการ)ใช้อ่านศึกษาในอินเตอร์เน็ต ชอบดูคำสอนของหลวงปู่ พระรุ่นก่อนๆ ทุกองค์
การปฏิบัติ จะชอบปฏิบัติมากกว่าศึกษาค่ะ คือ นั่ง นอน เดินจงกลม ว่างเมื่อใหร่ไม่ได้จะปฏิบัติแทบจะตลอดเวลา (เพราะมีปัญหาและความทุกข์ใจแบบเต็มๆไม่ว่างเว้น) เริ่มนั่งได้ไม่ถึงเดือน ดิฉันเจอความสุขมากๆค่ะ มันวิเศษมากๆไม่เคยสัมผัส พอเวลาไม่นั่งความสุขมันก็ยังเกิดตลอดแต่ ควบคุมไม่ได้ ความสุขจะมาเองไปเอง แต่ตั้งนั้นมาถึงตอนนี้ยังเสพความสุขตลอดมา ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง (พูดให้ใครฟังแทบไม่มีใครเชื่อ) และที่สำคัญดิฉันภาวนาให้เกิดความคิดที่พึ่งตัวเองไม่พึ่งสิ่งอื่น และ คุณพระรัตนตรัยเท่านั้น ทุกวันนี้ความสุขมันเกิดง่ายเพียงจับลมหายใจ ครั้งเดียวก็เกิด คือคล้ายๆกับควบคุมได้ ต้องการให้เกิดได้ตลอดค่ะ (และตอนนี้พิจารนาถือศีล แปดทุกวันพระค่ะ) เรื่องความรู้แบบปริยัติ สุชาวดีไม่มีเลยค่ะ s005 s005


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาคับ.. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีตัวอย่างให้คุณสุชาวดีดู (ตัดแต่สาระมา)


ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน

ความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า

"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"

จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือทำได้มากสุดก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้

http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุชาวดี เขียน:

การภาวนาของสุชาวดี แบบสะเปะสะปะค่ะ s002 คือลองผิดลองถูก ครูบาอาจารย์ไม่มี (เพราะด้วยภาระหน้าที่มากไม่มีโอกาสจะไปปฏิบัติแม้แต่วันเดียวดูแลพ่อ แม่ ป่วย พิการ)ใช้อ่านศึกษาในอินเตอร์เน็ต ชอบดูคำสอนของหลวงปู่ พระรุ่นก่อนๆ ทุกองค์

การปฏิบัติ จะชอบปฏิบัติมากกว่าศึกษาค่ะ คือ นั่ง นอน เดินจงกรม ว่างเมื่อใหร่ไม่ได้จะปฏิบัติแทบจะตลอดเวลา (เพราะมีปัญหาและความทุกข์ใจแบบเต็มๆไม่ว่างเว้น) เริ่มนั่งได้ไม่ถึงเดือน ดิฉันเจอความ สุขมากๆค่ะ มันวิเศษมากๆไม่เคยสัมผัส พอเวลาไม่นั่งความสุขมันก็ยังเกิดตลอด แต่ควบคุมไม่ได้ ความสุขจะมาเองไปเอง แต่ตั้งนั้นมาถึงตอนนี้ยังเสพความสุขตลอดมา ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง (พูดให้ใครฟังแทบไม่มีใครเชื่อ) และที่สำคัญดิฉันภาวนาให้เกิดความคิดที่พึ่งตัวเองไม่พึ่งสิ่งอื่น และ คุณพระรัตนตรัยเท่านั้น ทุกวันนี้ความสุขมันเกิดง่ายเพียงจับลมหายใจ ครั้งเดียวก็เกิด คือคล้ายๆกับควบคุมได้ ต้องการให้เกิดได้ตลอดค่ะ (และตอนนี้พิจารนาถือศีล แปดทุกวันพระค่ะ) เรื่องความรู้แบบปริยัติ สุชาวดีไม่มีเลยค่ะ



อ้างคำพูด:
ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง


ไม่แปลกครับ ดีกว่าทุกข์แล้วหลบเข้าบาร์เข้าคลับ

ฝึกหัดพัฒนาจิตต่อไปเถอะครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2016, 13:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขอบคุณในกำลังใจค่ะ คุณกรัชกาย ดิฉันรู้แล้วเส้นทางนี้สุขเหลือเกิน หยุดไม่ได้แค่ไม่ต้องทำไรมาก ฝึกตามลม และตามความคิดให้ทัน ตามรู้อารมณ์ ให้ทัน คือลอกเลียนแบบ ของพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ให้ได้ใกล้เคียงพวกท่านให้มากที่สุดตามกำลังใจเรา

เวลาทุกข์ใจ ดิฉันเรียนรู้ว่า ยิ่งไประบายกับคนอื่น ทำให้จิตยิ่งไหล ร้องให้จิตยิ่งตก ยิ่งเพิ่มทุกข์ ไม่มีประโยชน์ แต่ ในสมาธิจะสุขที่สุดค่ะ มันสว่างจิตใจขึ้นทันทีพอออกมา ทุกข์ใจกะหาย มีสติอยู่กับตัว ปัจจุบัน และส่วนใหญ่จะเกิดความรู้ในการแก้ปัญหาเลยค่ะ เวลาทุกข์จะไม่เอาทุกข์ให้คนอื่นค่ะเพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่รอบๆตัวเขาไม่ได้ปฏิบัติ เขามีจิตที่มีแต่ทุกข์และไม่มีสมาธิหาความสุข ดิฉันรู้สึกสงสารเขาไม่เอาความทุกข์ไปเพิ่มให้เขา เลยสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ทำให้เขาเป็นทุกข์ จิตที่ฝึกพึ่งตัวเองรู้สึกว่ามันจะเด็ดเดี่ยวขึ้นทุกวันๆ ปัญหาต่างๆก็ค่อยๆลดลงด้วย จิตก็ไม่สนใจมองเป็นปัญหาเหมือนก่อนๆและได้เผื่อแผ่ให้คนรอบข้างด้วยค่ะ ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาชีวิตเข้ามาปรึกษา ดิฉันใช้ชีวิตที่ผ่านมาที่เจอ เป็นบทเรียน เป็นสื่อ อธิบาย ให้เขา มีกำลังใจสู้กับกรรม กับปัญหา :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 138 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร