วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 22:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 03:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ในมหาสติปัฎฐานสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอน ให้พิจารณาเพียง 3

คือ

1 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายในอยู่เนืองๆ

2 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายนอกอยู่เนืองๆ

3 ให้พิจาณา เห็นธรรม ในธรรม ภายใน และภายนอก อยู่เนืองๆ

แต่แท้จริงแล้ว โดยปรมัตถธรรม ไม่ได้มีแค่ 3


แต่มีถึง 4


คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


คุุณโลกสวย ช่วยชี้แจงขยายความให้ชัดเจนด้วยครับ

อย่าไปทำเหมือนปรืศนาธรรม คนอ่านจะเขาไม่รู้ก็อาจคิดไปว่าสติปัฏฐาน ๓
แยกออกจากสติปัฏฐาน ๔ ตรงไหน ยังไง ท่านแสดงไว้ที่ไหน อย่างไร
บอกให้ชัดเจน ถ้าไม่ขยายมันดูเหมือนกำลังจะบิดเบือนคำสอน ผู้ใหม่
เขาอาจเข้าใจผิด ยกคำนี้ไปอ้างอิง....รักนะ...จุ๊บๆๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2018, 06:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
คุุณโลกสวย ช่วยชี้แจงขยายความให้ชัดเจนด้วยครับ

อย่าไปทำเหมือนปรืศนาธรรม คนอ่านจะเขาไม่รู้ก็อาจคิดไปว่าสติปัฏฐาน ๓
แยกออกจากสติปัฏฐาน ๔ ตรงไหน ยังไง ท่านแสดงไว้ที่ไหน อย่างไร
บอกให้ชัดเจน ถ้าไม่ขยายมันดูเหมือนกำลังจะบิดเบือนคำสอน ผู้ใหม่
เขาอาจเข้าใจผิด ยกคำนี้ไปอ้างอิง....รักนะ...จุ๊บๆๆ



ไหนคุณลุงหมาน ลองขยายความดูสิคะ

หนูเห็นลุงโพสต์กระทู้ปรมัติถ์ธรรม พระอภิธรรมเยอะหลายกระทู้
คงจะพอขยายความได้

จู่ๆ ถ้าหนูเฉลยคำตอบเลยแล้ว คนมาใหม่ คนมาเก่าที่อยู่นานปีแล้ว จะได้อะไรคะ
นอกจากคำตอบ ที่ตัวเองก็ได้แต่ท่องจำไว้


คนที่ไม่ได้ศึกษาปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติ
แม้นถึงว่าปฎิบัติสติปัฎฐานมา แต่ไม่มีปริยัติ ที่สอดคล้องต้องกันกะการปฎิบัติ
ก็ปฎิบัติเพี้ยนค่ะ

และก็ไม่ใช่การปฎิบัติ สติปัฎฐานหรอกค่ะ เพราะไม่อาจสอดคล้องกับปริยัติ ตามพุทธวิชชา
ที่ต้องมีทั้งปริยัติ ปฎิบัติ และจนถึงปฎิเวธ

ถ้าใครจะหาว่าบิดเบือน ก็คงไปห้ามเค้าไม่ได้หรอกค่ะ แต่นั่นเค้าเหล่านั้น ก็ตัดหนทางตนเองเสียแล้ว
เพราะไม่ได้ไปค้นไปศึกษา อย่างแท้จริง ว่าเหตุใด หนูถึงกล่าวอย่างนั้น

แต่ถ้าคนที่มีการศึกษาพระปริยัติ ที่ดีมากๆๆ มีการปฎิบัติ ที่ดีมากๆๆ แตกฉานจริงๆๆ แล้วไซร้

คนเหล่านั้น ย่อมรู้เองว่า แน่นอน
สิ่งที่หนูกล่าว
ไม่มีอะไรขัดต่อพระไตรปิฎก ไม่มีอะไรขัดต่อปริยัติ พุทธพจน์ ค่ะ

ลองขยาย ยกความกันดูนะคะ

แล้วค่อยมาเฉลยค่ะ
อาจช้าหน่อย เพราะติดทำเทสิสรายงานค่ะ





แก้ไขล่าสุดโดย โลกสวย เมื่อ 24 พ.ค. 2018, 00:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2018, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ


คิดอยู่นานว่า จะถาม/ตอบต่อดีไหม ถ้าตอบไปอีกไม่เกิน 2 ประโยค นู๋เมจะโบกมือบ๊ายบายลาบอร์ดโดยไม่เข้ามาอีกเลย นี่คือสิ่งที่กรัชกายกลัว กลัวไม่มีคนคอยโต้เถียงด้วย คิกๆๆ มันเหงาอ่ะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2018, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ


คิดอยู่นานว่า จะถาม/ตอบต่อดีไหม ถ้าตอบไปอีกไม่เกิน 2 ประโยค นู๋เมจะโบกมือบ๊ายบายลาบอร์ดโดยไม่เข้ามาอีกเลย นี่คือสิ่งที่กรัชกายกลัว กลัวไม่มีคนคอยโต้เถียงด้วย คิกๆๆ มันเหงาอ่ะ :b32:



แบบนี้นี่เหรอคะ คำตอบแสดงความแตกฉานในธรรม ของคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด

กระทู้ ธรรมนุปัสสนาที่หายไป

คุณกรัชกายแสดงได้แต่การเฉไฉ หลีกเลี่ยงการตอบ
อาย กลัวเสียหน้าเหรอค่ะ คุณกรัชกาย ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด

ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ว่าหนูจะไม่โบกมือบายบอร์ด ไม่เข้ามาอีก
เพราะยังไงหนูก็ต้องโบกมือลาแน่นอน ไม่วันนี้ ก็วันต่อไป

คุณอยู่มานานในบอร์ดนี้ กัลยาณมิตรของคุณในบอร์ด ตามพระธรรม พระไตรปิฎก ที่มีใครบ้างคะในบอร์ดนี้

ลองบอกกล่าวให้ชื่นใจหน่อยสิคะ
ว่า ใครในบอร์ดนี้ มีคุณสมบัติ แห่งความเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงตามพระธรรมบ้าง

หนูจะได้อยู่บอร์ดนี้ได้นานๆ ถ้าได้พบกัลยาณมิตรตามที่พระพุทธองค์ให้ความหมายไว้ค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2018, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเฉลยให้ก็ได้ค่ะ

เพราะลุงหมาน ผู้ดูแลลาน และคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด รวมทั้งคุณกบผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด
เข้ามาแล้วไม่ตอบ

เพราะท่านเหล่านั้น มีความแตกฉานมากจนต้องอมกันไว้ จนกลัวพระธรรมอันแตกฉานจะล้นออกมา

และหลังจากที่หนูเฉลยแล้ว ก็คงทำให้ความแตกฉานจะต่อยอดพุ่งพรวดพราด ออกมาจากปากผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ได้ จะได้ไม่อึดอัด เพราะอมไว้ค่ะ

เฉลยนะคะ

ปรมัตถ์ธรรม ในธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ไม่ได้มีแค่ 3 แต่แท้แล้ว มี 4

ข้อ4คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ

คำว่า เห็นธรรม ในธรรม ที่ไม่ใช่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก

คำว่าเห็นธรรมคำแรก หมายถึง พิจารณาเห็นการไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป
คำว่า ในธรรม คือ นิพพาน
คำว่า มิใช่ภายใน หมายถึง นิพพานไม่ใช่ในขันธ์ภายในตน
มิใช่ภายนอก หมายถึง นิพพาน นิพพานไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน
คำว่าอยู่เนืองๆ ก็คือ บ่อยๆ มากๆ เยอะๆ แยะๆ ถี่ๆ ค่ะ

สรุปง่ายๆนะคะ ก็คือ

ผู้ที่แตกฉานทั้งปริยัติ และปฎิบัติ ก็จะสามารถทราบได้ และบอกได้

ปรมัตถ์ธรรมแท้จริงนั้น สูงสุด เหนือพระวจนะ
พระพุทธองค์จึงทรงเคารพพระธรรม

ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน

และนี่คือ นิโรจสัจจ ในอริยสัจจที่ 3 ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้

ก็คือ การพิจารณาเห็น การไม่เกิดขึ้น การไม่ตั้งอยู่ การไม่ดับไป ของนิพพาน อันเป็นขันธวิมุติ ไม่ใชขันธ์ภายในตน ไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน

การพิจารณาธรรมนุปัสสนานิพพานนั้น มีได้ทั้งโดยอนุมาน และโดยประจักษ์

และจิตที่รู้นิพพานเป็นอารมณ์ได้ มีสี่ประเภท
คือ1 โครตภูจิต 2มรรคจิต 3ผลจิต และ4 ปัจจเวกขณะ

และปุถุชน ที่สามารถรู้นิพพาน เป็นอารมณ์ได้จริงๆ คือ โคตรภูบุคล เป็นอาหุเนยยบุคคล 1 ใน 9 ประเภท
และองค์ธรรมของโครตภูบุคคลนั้น ตามพระอภิธรรม คือปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ
ส่วนพระอริยะบุคคล ที่รู้นิพพานเป็นครั้งแรกเป็นอารมณ์ได้คือพระโสดาบัน
และองค์ธรรมของพระโสดาบันนั้น คือปัญญาเจตสิกที่ในโสดาบันปัตติมรรคจิต 5 และเจตสิก 36 มีนิพพานเป็นอารมณ์


หนูก็เฉลยแล้ว
ก็ขอกล่าวอำลาซะวันนี้ ตอนบ่ายโมงนี้เลยนะคะ

หนูขอแนะนำว่า พวกคุณๆทั้งหลาย ยังประมาทอยู่มากค่ะ ไม่เคาพพระธรรม และไม่อาจกล่าวแสดงความเคารพหนูที่แสดงธรรมให้ได้ ทั้งๆที่หนูที่มีวัยวุฒิน้อยกว่า พวกคุณมาก

ความประมาทเหล่านี้ จะนำหายนะมาสู่พวกคุณเองได้ค่ะ


บ๊ายบายค่ะ

นู๋เม





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2018, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูความหมายคำว่า นิพพาน ก่อน

นิพพาน การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


นิรฺวาณมฺ ความดับ เป็นคำสันสกฤต เทียบกับภาษาบาลี ก็ได้แก่ศัพท์ว่า นิพพาน นั่นเอง ปัจจุบันนิยมใช้เพียงว่า นิรวาณ กับ นิรวาณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2018, 07:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
จะเฉลยให้ก็ได้ค่ะ

เพราะลุงหมาน ผู้ดูแลลาน และคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด รวมทั้งคุณกบผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด
เข้ามาแล้วไม่ตอบ

เพราะท่านเหล่านั้น มีความแตกฉานมากจนต้องอมกันไว้ จนกลัวพระธรรมอันแตกฉานจะล้นออกมา

และหลังจากที่หนูเฉลยแล้ว ก็คงทำให้ความแตกฉานจะต่อยอดพุ่งพรวดพราด ออกมาจากปากผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ได้ จะได้ไม่อึดอัด เพราะอมไว้ค่ะ

เฉลยนะคะ

ปรมัตถ์ธรรม ในธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ไม่ได้มีแค่ 3 แต่แท้แล้ว มี 4

ข้อ4คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ

คำว่า เห็นธรรม ในธรรม ที่ไม่ใช่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก

คำว่าเห็นธรรมคำแรก หมายถึง พิจารณาเห็นการไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป
คำว่า ในธรรม คือ นิพพาน
คำว่า มิใช่ภายใน หมายถึง นิพพานไม่ใช่ในขันธ์ภายในตน
มิใช่ภายนอก หมายถึง นิพพาน นิพพานไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน
คำว่าอยู่เนืองๆ ก็คือ บ่อยๆ มากๆ เยอะๆ แยะๆ ถี่ๆ ค่ะ

สรุปง่ายๆนะคะ ก็คือ

ผู้ที่แตกฉานทั้งปริยัติ และปฎิบัติ ก็จะสามารถทราบได้ และบอกได้

ปรมัตถ์ธรรมแท้จริงนั้น สูงสุด เหนือพระวจนะ
พระพุทธองค์จึงทรงเคารพพระธรรม

ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน

และนี่คือ นิโรจสัจจ ในอริยสัจจที่ 3 ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้

ก็คือ การพิจารณาเห็น การไม่เกิดขึ้น การไม่ตั้งอยู่ การไม่ดับไป ของนิพพาน อันเป็นขันธวิมุติ ไม่ใชขันธ์ภายในตน ไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน

การพิจารณาธรรมนุปัสสนานิพพานนั้น มีได้ทั้งโดยอนุมาน และโดยประจักษ์

และจิตที่รู้นิพพานเป็นอารมณ์ได้ มีสี่ประเภท
คือ1 โครตภูจิต 2มรรคจิต 3ผลจิต และ4 ปัจจเวกขณะ

และปุถุชน ที่สามารถรู้นิพพาน เป็นอารมณ์ได้จริงๆ คือ โคตรภูบุคล เป็นอาหุเนยยบุคคล 1 ใน 9 ประเภท
และองค์ธรรมของโครตภูบุคคลนั้น ตามพระอภิธรรม คือปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ
ส่วนพระอริยะบุคคล ที่รู้นิพพานเป็นครั้งแรกเป็นอารมณ์ได้คือพระโสดาบัน
และองค์ธรรมของพระโสดาบันนั้น คือปัญญาเจตสิกที่ในโสดาบันปัตติมรรคจิต 5 และเจตสิก 36 มีนิพพานเป็นอารมณ์


หนูก็เฉลยแล้ว
ก็ขอกล่าวอำลาซะวันนี้ ตอนบ่ายโมงนี้เลยนะคะ

หนูขอแนะนำว่า พวกคุณๆทั้งหลาย ยังประมาทอยู่มากค่ะ ไม่เคาพพระธรรม และไม่อาจกล่าวแสดงความเคารพหนูที่แสดงธรรมให้ได้ ทั้งๆที่หนูที่มีวัยวุฒิน้อยกว่า พวกคุณมาก

ความประมาทเหล่านี้ จะนำหายนะมาสู่พวกคุณเองได้ค่ะ


บ๊ายบายค่ะ

นู๋เม






บอกลาอีกแระ :b7:

คืออ่านที่นู๋เมเล่านั่นๆนี่ๆแล้วว่า ต้องเท่านั้นต้องเท่านี้ ตัวอย่าง เช่น (ปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ) เป็นต้นแล้ว เหมือนคนหัดเล่นหมากรุก นึกออกไหมครับ เขาว่า ม้าต้องเดินยังงี้ๆนะ นี่ตาม้า เรือต้องเดินยังงี้ๆนะ นี่ตาเรือ โคนเดินยังงี้ๆนะ นี่ตาโคน ตาเม็ดเดินยังงี้นะ ถ้าหงายแล้วเดินยังงี้ได้ ทางใครทางมันตาใครตามันเดินผิดตาผิดช่องไม่ได้ ฉันใด นู๋เมก็เหมือนกิน นั่น 4 ดวง นี่ 35 ดวง .... มันสัมปยุต มันวิปปยุต อะไรก็ว่าไปตามแบบ แล้วก็ว่านี่แหละ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

แต่ธรรมะหรือชีวิต หรือจิต เจตสิก รูป นี่เริ่มต้นต้องรู้ต้องแก้ปัญหาธรรมะหรือจิต เจตสิก รูป นี่ให้ได้ ตัวอย่าง เช่น

อ้างคำพูด:
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
จะเฉลยให้ก็ได้ค่ะ

เพราะลุงหมาน ผู้ดูแลลาน และคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด รวมทั้งคุณกบผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด
เข้ามาแล้วไม่ตอบ

เพราะท่านเหล่านั้น มีความแตกฉานมากจนต้องอมกันไว้ จนกลัวพระธรรมอันแตกฉานจะล้นออกมา

และหลังจากที่หนูเฉลยแล้ว ก็คงทำให้ความแตกฉานจะต่อยอดพุ่งพรวดพราด ออกมาจากปากผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ได้ จะได้ไม่อึดอัด เพราะอมไว้ค่ะ

เฉลยนะคะ

ปรมัตถ์ธรรม ในธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ไม่ได้มีแค่ 3 แต่แท้แล้ว มี 4

ข้อ4คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ

คำว่า เห็นธรรม ในธรรม ที่ไม่ใช่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก

คำว่าเห็นธรรมคำแรก หมายถึง พิจารณาเห็นการไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป
คำว่า ในธรรม คือ นิพพาน
คำว่า มิใช่ภายใน หมายถึง นิพพานไม่ใช่ในขันธ์ภายในตน
มิใช่ภายนอก หมายถึง นิพพาน นิพพานไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน
คำว่าอยู่เนืองๆ ก็คือ บ่อยๆ มากๆ เยอะๆ แยะๆ ถี่ๆ ค่ะ

สรุปง่ายๆนะคะ ก็คือ

ผู้ที่แตกฉานทั้งปริยัติ และปฎิบัติ ก็จะสามารถทราบได้ และบอกได้

ปรมัตถ์ธรรมแท้จริงนั้น สูงสุด เหนือพระวจนะ
พระพุทธองค์จึงทรงเคารพพระธรรม

ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน

และนี่คือ นิโรจสัจจ ในอริยสัจจที่ 3 ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้

ก็คือ การพิจารณาเห็น การไม่เกิดขึ้น การไม่ตั้งอยู่ การไม่ดับไป ของนิพพาน อันเป็นขันธวิมุติ ไม่ใชขันธ์ภายในตน ไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน

การพิจารณาธรรมนุปัสสนานิพพานนั้น มีได้ทั้งโดยอนุมาน และโดยประจักษ์

และจิตที่รู้นิพพานเป็นอารมณ์ได้ มีสี่ประเภท
คือ1 โครตภูจิต 2มรรคจิต 3ผลจิต และ4 ปัจจเวกขณะ

และปุถุชน ที่สามารถรู้นิพพาน เป็นอารมณ์ได้จริงๆ คือ โคตรภูบุคล เป็นอาหุเนยยบุคคล 1 ใน 9 ประเภท
และองค์ธรรมของโครตภูบุคคลนั้น ตามพระอภิธรรม คือปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ
ส่วนพระอริยะบุคคล ที่รู้นิพพานเป็นครั้งแรกเป็นอารมณ์ได้คือพระโสดาบัน
และองค์ธรรมของพระโสดาบันนั้น คือปัญญาเจตสิกที่ในโสดาบันปัตติมรรคจิต 5 และเจตสิก 36 มีนิพพานเป็นอารมณ์


หนูก็เฉลยแล้ว
ก็ขอกล่าวอำลาซะวันนี้ ตอนบ่ายโมงนี้เลยนะคะ

หนูขอแนะนำว่า พวกคุณๆทั้งหลาย ยังประมาทอยู่มากค่ะ ไม่เคาพพระธรรม และไม่อาจกล่าวแสดงความเคารพหนูที่แสดงธรรมให้ได้ ทั้งๆที่หนูที่มีวัยวุฒิน้อยกว่า พวกคุณมาก

ความประมาทเหล่านี้ จะนำหายนะมาสู่พวกคุณเองได้ค่ะ


บ๊ายบายค่ะ

นู๋เม







อ้างคำพูด:
ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน



ที่ขีดเส้นใต้นู๋เมว่าใช่คนมั้ย :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2018, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ


คิดอยู่นานว่า จะถาม/ตอบต่อดีไหม ถ้าตอบไปอีกไม่เกิน 2 ประโยค นู๋เมจะโบกมือบ๊ายบายลาบอร์ดโดยไม่เข้ามาอีกเลย นี่คือสิ่งที่กรัชกายกลัว กลัวไม่มีคนคอยโต้เถียงด้วย คิกๆๆ มันเหงาอ่ะ :b32:



แบบนี้นี่เหรอคะ คำตอบแสดงความแตกฉานในธรรม ของคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด

กระทู้ ธรรมนุปัสสนาที่หายไป

คุณกรัชกายแสดงได้แต่การเฉไฉ หลีกเลี่ยงการตอบ
อาย กลัวเสียหน้าเหรอค่ะ คุณกรัชกาย ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด

ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ว่าหนูจะไม่โบกมือบายบอร์ด ไม่เข้ามาอีก
เพราะยังไงหนูก็ต้องโบกมือลาแน่นอน ไม่วันนี้ ก็วันต่อไป

คุณอยู่มานานในบอร์ดนี้ กัลยาณมิตรของคุณในบอร์ด ตามพระธรรม พระไตรปิฎก ที่มีใครบ้างคะในบอร์ดนี้

ลองบอกกล่าวให้ชื่นใจหน่อยสิคะ
ว่า ใครในบอร์ดนี้ มีคุณสมบัติ แห่งความเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงตามพระธรรมบ้าง

หนูจะได้อยู่บอร์ดนี้ได้นานๆ ถ้าได้พบกัลยาณมิตรตามที่พระพุทธองค์ให้ความหมายไว้ค่ะ




อ้างคำพูด:
ลองบอกกล่าวให้ชื่นใจหน่อยสิคะ
ว่า ใครในบอร์ดนี้ มีคุณสมบัติ แห่งความเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงตามพระธรรมบ้าง

หนูจะได้อยู่บอร์ดนี้ได้นานๆ ถ้าได้พบกัลยาณมิตรตามที่พระพุทธองค์ให้ความหมายไว้ค่ะ


กัลยาณมิตร มิตรผู้มีคุณอันบัณฑิตพึงนับ เพื่อนที่ดี (ดูเพื่อน)

เพื่อน ผู้ร่วมธุระร่วมกิจร่วมการหรือร่วมอยู่ในสภาพอย่างเดียวกัน, ผู้ชอบพอรักใคร่คบหากัน, ในทางธรรม เนื้อแท้ของความเป็นเพื่อน อยู่ที่ความมีใจหวังดีปรารถนาดีต่อกัน กล่าวคือ เมตตาหรือไมตรี
เพื่อนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ท่านเรียกว่า มิตร
การคบเพื่อนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งที่จะนำชีวิตไปสู่ความเสื่อมความพินาศ หรือสู่ความเจริญงอกงาม พึงหลีกเลี่ยงมิตรเทียม และเลือกคบหาคนที่เป็นมิตรแท้ (ดู มิตตปฏิรูป, มิตรแท้)

บุคคลที่ช่วยชี้แนะแนวทาง ชักจูงตลอดจนแนะนำสั่งสอน ชักนำผู้อื่นให้ดำเนินชีวิตดีงาม ให้ประสบผลดีและความสุข ให้เจริญก้าวหน้า ให้พัฒนาในธรรม แม้จะเป็นบุคคลเสมอกัน หรือเป็นมารดาบิดาครูอาจารย์ ตลอดจนพระสงฆ์ จนถึงพระพุทธเจ้า ก็นับว่าเป็นเพื่อน แต่เป็นเพื่อนใจดี หรือเพื่อนมีธรรม เรียกว่า กัลยาณมิตร แปลว่า "มิตรดีงาม" กัลยาณมิตรมีคุณสมบัติที่เรียกว่า กัลยาณมิตรธรรม หรือธรรมของกัลยาณมิตร ๗ ประการ

๑. ปิโโย - น่ารัก ด้วยมีเมตตา เป็นที่สบายจิตสนิทใจ ชวนให้อยากเข้าไปหา

๒. ครุ - น่าเคารพ ด้วยความประพฤติหนักแน่นเป็นที่พึ่งอาศัยได้ ให้รู้สึกอบอุ่นใจ

๓. ภาวนีโย - น่าเจริญใจ ด้วยความเป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุง ควรเอาอย่าง ให้ระลึกและเอ่ยอ้างด้วยซาบซึ้งภูมิใจ

๔. วัตตา - รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงแนะนำ เป็นที่ปรึกษาที่ดี

๕. วจนกฺขโม - อดทนต่อถ้อยคำ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถาม ตลอดจนคำเสนอแนะวิพากษ์วิจารณ์

๖. คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา - แถลงเรื่องล้ำลึกได้ สามารถอธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจและสอนให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซื้งยิ่งขึ้นไป

๗. โน จฏฺฺฐาเน นิโยชเย - ไม่ชักนำในอฐาน คือ ไม่ชักจูงไปในทางเสื่อมเสียหรือเรื่องเหลวไหลไม่สมควร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 133 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร