วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2024, 18:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2015, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

นักปฏิบัติควรสังวร ระวัง อนันตริยกรรม !!!

ถอดความจากเทปพระธรรมเทศนาหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
:b8: :b8: :b8:



ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านจะกรรมอะไรที่ท่านอดทนไม่ได้ ทำไปเถอะ
ขออย่างเดียว อย่าไปเผลอทำ "อนันตริยกรรม" ก็แล้วกัน

"อนันตริยกรรม" นั้น ถ้าทำลงไปแล้ว
เสื่อมจากมรรคผล นิพพาน ตั้งอยู่ในฐาน "ปาราชิก"
คือ ผู้พ่ายแพ้ในพระพุทธศาสนา อย่าทำมันบาปหนัก


๑. ฆ่าบิดา
๒. ฆ่ามารดา
๓. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตขึ้น
๔. ฆ่าพระอรหันต์
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน


ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง ขัดผลประโยชน์กัน
แตกสามัคคีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เดี๋ยวจะกลายเป็น "อนันตริยกรรม" ไม่รู้ตัว


เช่นอย่าง หลวงพ่อวัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะ
ขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน

ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ ทั้งพระทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก ยกพวกขึ้นมารบกัน
ถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป นั่นเป็น "สังฆเภท"

ในเมื่อ "สังฆเภท" แล้วก็เป็น "อนันตริยกรรม"
ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน บาปนัก บาปหนา

เพราะฉะนั้นการกระทำกรรม ให้ระวัง "อนันตริยกรรม" ให้มากๆ


และอีกอย่างหนึ่งถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติอย่างแท้จริง
ท่านอย่าไปถือพวก ถือพรรค ถือคณะ
ว่าหมู่เขา หมู่เรา อาจารย์เขา อาจารย์เรา
ขอให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่ง
ถือพระศาสดาคือพระพุทธเจ้าองค์เดียวเป็นครู
พระสาวกที่เผยแผ่ศาสนาอยู่ในปัจจุบันนี้
ถอดแบบจากพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าทั้งนั้น


เพราะฉะนั้นการที่ถือพรรค ถือพวก ถือลัทธิแห่งการปฏิบัตินั้น
ย่อมยังส่อแสดงว่าเป็นผู้ยังมีกิเลส ยังมีอุปาทานในการยึดมั่นถือมั่น
ถ้าตราบใดที่เรายังยึดถือมั่นในพรรค ในพวก ในเรา ในเขา
ของเรา ของเขาอยู่ เราก็ยังไม่หมดอุปาทาน

บางทีคณะนี้..โจมตีคณะโน้น คณะโน้น..โจมตีคณะนี้
ในทำนองนี้ ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์กันจริงๆ นั้น
ขอได้โปรดทำจิตให้เป็นกลาง ให้ปล่อยวางลงไป
ว่าผู้ประพฤติผิด เข้าใจผิด เป็นบุคคลผู้ที่น่าสงสาร
ผู้ปฏิบัติถูก ทำถูกต้องและได้ผลดี เป็นบุคคลผู้ที่น่าอนุโมทนา


ผู้ที่ทำผิด ไม่ใช่ผู้ที่นักปฏิบัติธรรม
จะต้องไปกล่าวจ้วงจาบด้วยคำพูดหยาบคาย
แม้ว่าเขาจะทำผิด ก็เป็นเรื่องของเขา
แต่เราไปกล่าวจ้วงจาบ ด้วยวาจาที่หยาบคาย
เป็นการสร้างบาปกรรมขึ้นใส่ตัวเอง

อย่าไปสำคัญว่าคนทำผิด ด่าไม่เป็นไร ไม่บาป
คนทำผิด เราด่า ก็บาป คนทำผิด เราตำหนิ ก็บาป

แต่ถ้าเราติเพื่อก่อนั้นได้บุญ
แต่ตำหนิเพื่อจะให้เสียหาย เสียชื่อเสียเสียงนั้นบาป
มันบาปอยู่ที่ตรงไหน เพราะเรากล่าวคำหยาบ
ผรุสวาจาย เวรมณี..มันเป็นอกุศลกรรมบถ เป็นวจีทุจริต
ในเมื่อวจีของเรายังหยาบ ยังทุจริตอยู่ มันก็ผิดศีลข้อมุสาวาท
เพราะคำหยาบเป็นฉายาแห่งมุสาวาท
เพราะฉะนั้นนักปฏิบัติพึงสังวร ระวังเรื่องนี้ไว้ให้ดี
พยายามทำความรู้แจ้งเห็นจริง
ให้มันปรากฏขึ้นภายในจิตของตัวเอง


ถ้าเรายังสำคัญว่าเรานี่ดีกว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น
นั่นแสดงว่าเรายังโง่กว่าเขา
ถ้าเรามีความสำคัญว่า เราเนี่ยโง่กว่าเขา ไม่เก่งเท่าเขา
เราก็ยังโง่อยู่อีกนั่นแหล่ะ
แต่ถ้าเราสำคัญว่าเรามีความรู้สึกเป็นกลางๆ
มีความเป็นธรรมอย่างแท้จริง นั่น..เราเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้าง

เพราะฉะนั้นขอให้สังวร ระวัง
ในเรื่องการกล่าวตำหนิ ติเตียน ซึ่งกันและกัน
หรือการถือพรรค ถือพวก ถือหมู่ ถือคณะ

พระพุทธเจ้าสอนว่า..สัพเพ ธัมมา อนัตตา
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน
แต่เรายังจะมาถืออหังการ มมังการ
มีตัว มีตน มีเรา มีเขา มีพรรค มีพวก
มันก็ผิดต่อหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


:b8: :b8: :b8:

:b44: ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อพุธ ฐานิโย”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=50583

:b44: รวมคำสอน “หลวงพ่อพุธ ฐานิโย”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=40915

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2015, 18:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามหน่อย

๑. ฆ่าบิดา > ทุบตีบิดา ไม่ถึงตาย > ด่าทอบิดา
๒. ฆ่ามารดา > ทุบตีมารดา ไม่ถึงตาย > ด่าทอมารดา
๓. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตขึ้น > ด่าทอพระพุทธเจ้า
๔. ฆ่าพระอรหันต์ > ทุบตีอรหันต์ ไม่ถึงตาย
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน > ฆราวาสทำให้สงฆ์แตกแยก

ส่วนที่งอกออกมา แบบนี้เข้าหลักอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ และตายไปต้องลงนรกสถานเดียว ไหมครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2015, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา เหมือนเบากว่าครับ ไม่ถึงกับฆ่า แต่เป็นการลงไม้ลงมือ ด่าทอ ถามว่าจะบรรลุธรรม รู้แจ้งอริยสัจไหม ก็ต้องบอกว่า คุณความเป็นพระโสดาบันบุคคล ศีลต้องบริสุทธิ์นะครับ มีปกติศีล มีนิจศีลแล้ว ดังนั้นการบรรลุธรรมได้ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผลในเบื้องต้นนั้น ศีลของความเป็นอริยบุคคลสมบูรณ์แล้วนะครับ แปลว่า จะลงไม้ลงมือ หรือว่า ด่าทออะไรขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้แล้ว! อะไรควรไม่ควรรู้แล้วโดยฐานะและไม่ใช่ฐานะ ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิแล้ว เห็นถูกแล้วฯลฯ

ไม่ต้องถึงอนันตริยกรรม ถ้าล่วงในส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามา ศีลท่านก็เปรียบเหมือนผ้า เหมือนอาภรณ์คือเมื่อไม่งาม ก็อาจจะด่าง ขาดพร้อย ทะลุ เป็นรอย ไม่ถึงกับขาดจนใส่ไม่ได้ แต่ก็ไม่งามแล้ว ดังนั้นไม่ต้องถามถึงเรื่องบรรลุหรือไม่บรรลุกันเลยทีเดียว ถ้าศีลไม่ผ่านก็ลืมเรื่องบรรลุกันได้เลย กรรมที่เป็นอกุศล ล่วงอกุศลกรรมบถ กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ ที่เป็นอกุศล ทำแล้วก็ปิดสวรรค์ให้ตัวเองเสียก็เท่านั้นและ เปิดนรกเอาไว้ ถ้าถึงอนันตริยกรรม ก็ให้ผลเป็นกรรมหนักก่อนกรรมอื่นๆ ทันที เหมือนเที่ยวบินที่ตนเองจองระดับ First Class ไปอบาย ให้ตัวเองไว้เรียบร้อย หากทำอนันตริยกรรมไว้ :b8:

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 06:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


I am เขียน:
นักปฏิบัติ ควรสังวร ระวัง อนันตริยกรรม !!!

..............
ระวังนะ เวลาพระวัดใดวัดหนึ่ง ขัดผลประโยชน์กัน
แตกสามัคคีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ญาติโยมอย่าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เดี๋ยวจะกลายเป็น "อนันตริยกรรม" ไม่รู้ตัว


เช่นอย่าง หลวงพ่อวัดใต้ หลวงพ่อวัดเหนือ ต่างก็มีหน้าที่กันเยอะแยะ
ขัดผลประโยชน์กันแล้วก็ไปทะเลาะถีบเถียงกัน

ต่างคนก็ต่างมีลูกศิษย์ ทั้งพระทั้งโยมแตกกันเป็นพรรคเป็นพวก ยกพวกขึ้นมารบกัน ถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป นั่นเป็น "สังฆเภท"

ในเมื่อ "สังฆเภท" แล้วก็เป็น "อนันตริยกรรม"
ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน บาปนัก บาปหนา

เพราะฉะนั้นการกระทำกรรม ให้ระวัง "อนันตริยกรรม" ให้มากๆ


เข้ากับเหตุการณ์...เลยนะครับ...
:b32: :b32:

สงฆ์...สังฆะ..นี้....หมายถึงเฉพาะนักบวช..ใช่มั้ยครับ...ไม่รวมถึงอุบาสก อุบาสิกา...หรืออริยุบุคคลในคราบฆราวาส....แม่นบ่?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


deecup เขียน:
ขอถามหน่อย

๑. ฆ่าบิดา > ทุบตีบิดา ไม่ถึงตาย > ด่าทอบิดา
๒. ฆ่ามารดา > ทุบตีมารดา ไม่ถึงตาย > ด่าทอมารดา
๓. ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตขึ้น > ด่าทอพระพุทธเจ้า
๔. ฆ่าพระอรหันต์ > ทุบตีอรหันต์ ไม่ถึงตาย
๕. ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน > ฆราวาสทำให้สงฆ์แตกแยก

ส่วนที่งอกออกมา แบบนี้เข้าหลักอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ และตายไปต้องลงนรกสถานเดียว ไหมครับ

:b8:

ครั้งเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ก็ทำบาปกรรมกับพระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก ผู้ไม่ทำร้ายตอบ
ถึงไม่ได้ทำให้ถึงชีวิต ยังตกนรก เป็นพันเป็นหมื่นปี

ครั้งพุทธกาล พระเทวทัต ยักษ์นันทยักษ์ นางจิญจมาณวิกา พระเจ้าสุปปพุทธะ
ก็ทำบาปกับพระพุทธเจ้า พระอริยสาวก ต้องตกนรกอเวจี

พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสารีบุตร ล้วนเป็นพระอรหันต์
สำหรับบิดามารดา ท่านก็เปรียบว่า เป็นพระอรหันต์ของบุตรธิดา

เพราะฉะนั้น เมื่อทำกรรมไม่ดีกับบิดามารดา
ก็เหมือนกับทำกรรมไม่ดีกับพระอรหันต์
แม้ไม่ถึงชีวิตก็ย่อมตกนรก เป็นพันเป็นหมื่นปี เช่นกัน

http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=7

:b8:

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2015, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2006, 14:49
โพสต์: 1342


 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:
เข้ากับเหตุการณ์...เลยนะครับ...
:b32: :b32:

สงฆ์...สังฆะ..นี้....หมายถึงเฉพาะนักบวช..ใช่มั้ยครับ...ไม่รวมถึงอุบาสก อุบาสิกา...หรืออริยุบุคคลในคราบฆราวาส....แม่นบ่?

I am เขียน:
ถ้าพระสงฆ์แตกสามัคคีกันเป็นกลุ่มตั้งแต่ฝ่ายละ ๔ รูปขึ้นไป นั่นเป็น "สังฆเภท"

หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ ไม่รวม เณร อุบาสก อุบาสิกา

.....................................................
.. ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2015, 12:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2775


 ข้อมูลส่วนตัว


น้อมกราบองค์หลวงพ่อเจ้าค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2016, 15:34 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2884


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2016, 12:13 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร