วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 45  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




ja21.jpg
ja21.jpg [ 26.67 KiB | เปิดดู 5090 ครั้ง ]
แกงคั่วเขียวหวานไก่

เครื่องปรุง

ฟักเขียวหั่นชิ้นพอคำ 500 กรัม
หมี่กึงสำเร็จหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
มะพร้าวขูด 400 กรัม
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ


เครื่องแกง

พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
พริกขี้หนูสด 20 เม็ด
ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
ตะไคร้หั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กะปิเจ 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา


โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

วิธีทำ

1. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย
2. ใส่หัวกะทิลงในกระทะ เคี่ยวให้แตกมันเล็กน้อย ใส่เครื่องแกง ผัดให้หอม
3. ใส่หมี่กึง ผัดให้เข้ากัน ตักใส่หม้อ ใส่หางกะทิ พอเดือดใส่ฟัก ต้มจนฟักสุก
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว ชิมรส ใส่ใบมะกรูด พอเดือดยกลง เสิร์ฟ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




2556071999_87c850e277_o.jpg
2556071999_87c850e277_o.jpg [ 40.96 KiB | เปิดดู 5085 ครั้ง ]
น้ำพริกกระปิเจ

ส่วนผสม :

กระปิเจ 2 ช้อนโต๊ะ

งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด

พริกชี้ฟ้าเขียว 1 เม็ด

พริกขี้หน 2 ช้อนชา

ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย

น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย

น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ




วิธีการทำ :

ตัดพริกชี้ฟ้าเป็นท่อน ๆ เม็ดหนึ่งตัด 3-4 ท่อน กระปิงาคั่ว ใส่ครกโขลกให้ละเอียด แล้วใส่พริกชี้ฟ้า ลงโขลกพอแตกใส่พริกขี้หนูบุบพอแตกแล้วจึงใส่ซีอิ้วขาว น้ำมะนาวและน้ำตาลคนจนเข้ากันดี น้ำพริกจิ้มอย่างใสนี้นิยมรับประทานกับผักสุก เช่น ผักต้มกะทิ ผักชุบแป้งทอด

หมายเหตุ

น้ำตาลที่ใช้ควรเป็นน้ำตาลปีบค่ะ ...

น้ำตาลทรายจะออกหวานแหลมรสชาติจะสู้น้ำตาลปีบไม่ได้ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 01:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




7979642.jpg
7979642.jpg [ 20.3 KiB | เปิดดู 5048 ครั้ง ]
ทอดมันสามสหาย

ส่วนผสม :

เครื่องปรุง

1.ถัวฝักยาว 10 ฝัก

2.แครอท 2 หัว

3.ข้าวโพดใหญ่ 5 ฝัก

4.แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป 500 กรัม

5.น้ำมันพืช 1000 กรัม

6.น้ำพริกเครื่องแกงเผ็ด 50 กรัม





น้ำจิ้ม

1.น้ำตาลทราย 300 กรัม

2.น้ำส้มสายชู 100 กรัม

3.เกลือป่น 50 กรัม

4.พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด




วิธีการทำ :

นำถั่วฝักยาวมาหั่นหนาประมาณ1 ซม. แครอทหั่นเป็นลูกเตำ ข้าวโพดฝานเป็นเม็ดใหญ่ นำมารวมกัน ผสมแป้ง,เกลือป่นเล็กน้อย แล้วจึงนำไปทอดไฟกลางจนกรอบได้ที่ สีออกสีทองๆ ใกระชอนตักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน



วิธีทำน้ำจิ้ม

น้ำส้มสายชู พริกชี้ฟ้าแดง เกลือป่นเล็กน้อย รวมกันใส่ในเครื่องป่นให้พริกละเอียดแล้วจึงนำไปเทรวมกับน้ำตาลทราย ใส่หม้อเคี่ยวไฟอ่อนๆ ให้มีลักษณะ ข้นๆ รสหวาน เปรี้ยวเค็มตาม



.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 01:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




2316884.jpg
2316884.jpg [ 16.42 KiB | เปิดดู 5044 ครั้ง ]
เต้าหู้ห่อไส้

ส่วนผสม :

ฟองเต้าหู้ 1 แผ่นใหญ่

แครอทหั่นหยาบ 2 หัว

เห็ดหอมปรุงรส 5 ดอก

โปรตีนเกษตรแช่น้ำให้นุ่ม 1/2 ถ้วย

พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืชสำหรับทอด 1-2 ถ้วย




วิธีการทำ :

1. สับแครอท เห็ดหอม โปรตีนเกษตร เข้าด้วยกัน

2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่สับไว้ ผัดให้ทั่ว

3. ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ทุกอย่างสุกปิดไฟ ตักใส่จาน พักไว้

4. พรมน้ำบนฟองเต้าหู้พอนิ่ม ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ม้วนห่อให้สนิท ผูกด้วยฟองเต้าหู้ที่ตัดเป็นเส้น นำไปนึ่ง ประมาณ 15 นาที

5. ใส่น้ำมันสำหรับทอดในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลางใส่เต้าหู้ที่นึ่งแล้วลงทอดพอเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันเสิร์ฟกับน้ำจิ้มบ๊วย



.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




324-20061017231310.jpg
324-20061017231310.jpg [ 86.33 KiB | เปิดดู 5043 ครั้ง ]
ขนมสอดไส้

ส่วนผสม

มะพร้าวขูด 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ 3/4 กิโลกรัม
มะพร้าวขูดขาว 1/2 กิโลกรัม
แป้งข้าวเหนียวดำ 1 1/2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 2 ช้อนชา
ใบตอง


วิธีทำไส้

1. ผสมมะพร้าวขูด และน้ำตาลปีบ กวนในกระทะทองให้เหนียวเป็นสีน้ำตาล พักไว้ให้เย็น
2. ปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ

วิธีทำแป้งหุ้มไส้

1. แป้งข้าวเหนียวดำผสมน้ำเล็กน้อย นวดให้เข้ากันพอปั้นได้ ปั้นเป็นก้อนเท่ากับไส้
2. แผ่แป้งให้บางๆ หุ้มไส้ที่เตรียมไว้ให้มิด

วิธีทำหน้ากะทิ

คั้นกะทิ ผสมกับแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น คนให้เข้ากันแล้วยกขึ้นตั้งไฟ กวนจนสุก

วิธีทำ

1. นำไส้ที่หุ้มแป้งไว้แล้ว วางบนใบตองที่เตรียมไว้
2. ตักหน้ากะทิหยอดลงตรงไส้ แล้วห่อเรียงลงลังถึง นึ่งประมาณ 15-20 นาที

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบว่าลืมเคล็ดลับในการทำอาหารให้ผักดูสีสันสวยงาม ..

และผักกรอบๆ ... กลัวลืมกันค่ะ .. มาขอทบทวนกันหน่อยค่ะ

เทคนิคในการปรุงอาหารให้น่ารับประทาน

1.กรณีผัดผักบางชนิด เช่น คะน้า ถั่วฝักยาว หน่อไม้ฝรั่ง ..

ถ้าต้องการให้ผักเหล่านี้ผัดออกมาแล้วดูสีสันสวยงาม เวลาเคี้ยวๆกรอบๆ

เวลาจะทำอาหาร เช่น ผัดกระเพราใส่คะน้า ใส่เห็ดหอม

วิธีทำ

1.นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย กระทะร้อนแล้วใส่คะน้า โรยเกลือป่นเล็กน้อย

ผัดเคล้าให้เข้ากับน้ำมัน พอคะน้าเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเข้ม ให้ตักวางใส่จานพักไว้

ถั่วฝักยาว หน่อไม้ฝรั่งก็เช่นเดียวกัน ทำแบบเดียวกับคะน้า เกลือจะช่วยทำให้ผักกรอบ สีสวยงาม

2. คั่วงาขาว ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่พริก เห็ดหอม ( ทำเตรียมไว้แล้ว คือ แช่น้ำ

แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้น ) ผัดให้เข้ากัน

เติมน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาวเล็กน้อย เพราะเกลือที่ใส่ไปในผัดผัก จะออกเค็มประแล่มๆอยู่แล้ว

ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แล้วจึงใส่ใบกระเพรา เปิดไฟแรง รีบผัด อย่าผัดนาน ไม่งั้น

ใบกระเพราจะออกสีคล้ำ ไม่น่ารับประทานค่ะ

3. ตักผัดกระเพราเห็ดหอมที่เสร็จแล้ว นำมาราดลงบนผัดผักที่เตรียมไว้แต่แรก

เท่านี้เราก็จะได้ผัดผักที่สีสันสวยงาม พร้อมๆกับความกรอบในขณะที่เคี้ยว


หมายเหตุ

ผัดอื่นๆก็เหมือนกันค่ะ .. เราทำในกรณีที่ไม่รีบนะคะ ทำแบบสบายๆค่ะ

ถ้ารีบล่ะก็ ผัดรวมๆไปเลย แล้วทานทันที ไม่งั้นผักจะไม่กรอบถ้าทิ้งไว้นานเกินไป

มีเคล็ดลับผักสนครัวสามารถนำมาทำเป็นยาได้ นำมาให้อ่านกันค่ะ

http://www.edu.nrru.ac.th/kissana/I.html

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




9798088.jpg
9798088.jpg [ 14.14 KiB | เปิดดู 4991 ครั้ง ]
ผักบุ้งขี้เมา

ส่วนผสม :

ผักบุ้งจีน 100 กรัม

พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา

ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ




วิธีการทำ :

1.ล้างผักบุ้งจีน เด็ดใบออกเอาเฉพาะก้าน ซอยก้านผักบุ้งเฉียง ยาว 3 นิ้ว ให้ได้ 2 ถ้วย ใส่เต้าเจี้ยวไว้บนผักบุ้ง
2.ล้างพริกขี้หนู โขลกละเอียด

3.ผสมซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำ ใส่ถ้วยไว้

4.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่พริกขี้หนูโขลก ผัดให้หอม ใส่ผักบุ้ง น้ำซีอิ๊วขาวผสม ผัดเร็วๆ เสร็จแล้วเสิร์ฟได้เลย



.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




photogallery-full-20090113232641.jpg
photogallery-full-20090113232641.jpg [ 26.83 KiB | เปิดดู 4987 ครั้ง ]
บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน

เครื่องปรุง

แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือก 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม

วิธีทำ

1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือ
จนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด

2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย
ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง

3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้
ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง
ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ
จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไป
ในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง)
ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว

5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป
และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน

6. ตักใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ตั้งแต่มีภาพประกอบรายการอาหาร ดีมากๆเลยครับคุณน้ำ :b1:
คือไม่ต้องมานั่งจินตนาการเหมือนเมื่อก่อนว่า
ถ้าทำออกมาแล้วหน้าตามันจะเป็นยังไงน้อ... :b10:

สาธุครับคุณน้ำ ที่ขยันเอาเมนูใหม่ๆ มาลงทุกวันเลย
:b8: :b8: :b8:

ปล. ท่าน admin เมตตา ปักหมุดกระทู้ไว้ข้างบนให้แล้วครับ :b17: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีมากๆเลยค่ะ.....ดีจริงๆอย่างที่คุณอมิตาพุทธพูดเลยค่ะ
แต่มันเป็นการทรมานคนที่อยู่ไกลๆน่ะค่ะ
เวลาอยากจะทานหาซื้อก็ไม่มีค่ะ ต้องทำเองค่ะ :b2:
วันนี้ทำขนมใส่ใส้แล้วค่ะ....ทานซ๊ะ!สะใจไปเลยค่ะ....แต่ก็เหนื่อยน่าดูน่ะค่ะ :b9: :b9:

คุณอมิตาพุทธล่ะค่ะ.....ไปซื้อสบายไปเลยน่ะค่ะอิจฉาจริงๆเลยค่ะ
ปล. ท่าน admin เมตตา ปักหมุดกระทู้อาหารเจอาหารเจทั้ง2กะทู้ไว้ข้างบนด้วยน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยงานนี้จะอวบอั๋นขั้นสุดท้ายกันยกครัวแน่ๆเลยค่ะ :b32:

ขนมไส้ใส้ เป็นอะไรที่ชอบทานมากๆ .. แม่ทำอร่อยมากๆค่ะ

ขนมบัวลอย ก็เป็นอะไรที่ชอบมั่กๆ .. ทั้งพ่อและแม่ทำร่อยมากๆค่ะ

ส่วนตัวน้ำนี่ ทำขนมหวานได้โหลยโท่ยมากๆ :b32:

ถนัดทาน ไม่ถนัดทำค่ะ เพราะขนมหวานงานปราณีตกว่าของคาว

ของคาวนี่จับโยนๆผัดๆ เสร็จแล้ว แค่แว๊บเดียว ...

แต่ของหวานนี่งานปราณีตมากๆ .. คนที่ออกจะเรียบร้อยแบบน้ำเลยไม่ค่อยจะถนัดค่ะ :b9:

คุณเต้คงจะเป็นคนที่ค่อนข้างจะปราณีตน่ะค่ะ ถึงทำขนมใส่ไส้ได้ :b12:

กระหรี่ป๊าบนี่จัดว่าเป็นกึ่งของหวานและของคาว .. เป็นอะไรที่น้ำทำได้ถนัด

ตอนหัดทำใหม่ๆ ขริบขอบแป้งยากมั่กๆ จนไปเรียนทำเบเกอร์รี่ ถึงได้ทำเป็น

ยากมั่กๆเลยค่ะ เวลาจับจีบแล้วพับลงให้ดูสวยงาม ..

ไส้ไก่เจ .. เป็นไส้ที่น้ำโปรดปรานมากที่สุด อร่อยด้วยค่ะขอการันตีด้วยตัวเอง :b32:

แป้งกระหรี่ป๊าบ .. จะกรอบนอกนุ่มใน เวลากัดแต่ละคำอื้อฮื้อ!!!! .. อย่าให้เซดเลยค่ะ :b22:

ไส้สัปปะรดกวน .. น้องที่บ้านการันตีค่ะ ว่าทำได้อร่อยมากๆ .. :b4:

แต่ไม่ค่อยชอบทำค่ะ เมือยแขนมากๆกว่าจะกวนสัปปะรดได้ที่ :b5:

สนใจไม๊คะ? ... :b17:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำค่ะคุณน้ำยังไม่มีโพสการทำไก่เจเลยค่ะ
ตอนเราอยู่เมืองไทยเราเป็นคนที่ชอบทำขนมมากๆเลยค่ะ
ชอบทำขนมอะไรที่สวยๆ
ขนมใส่ใส้นี่ของชอบเลยค่ะ....ถ้าเห็นต้องซื้อทานเลยค่ะ
พอมาอยู่ที่นี่ ไม่เห็นก็ลืมแล้วน่ะค่ะ....พอคุณน้ำลงสูตร
อ่านแล้วเหมือนง่าย.....แต่ตอนทำนี่งานเยอะจริงๆเลยค่ะ
พอทำเสร็จ....แป็บเดียวหมดแล้วค่ะ
:b1: :b1:
ขอบคุณคุณน้ำน่ะค่ะ...ที่โพสอาหาร+ขนมอร่อยๆให้ทาน
ไม่เป็นไรค่ะเรื่องความอ้วน....เราออกกำลังกายทั้งตอนเช้าและตอนเย็นค่ะ
การทำอาหารเจนี่ง่ายน่ะค่ะ
ไม่ยุ่งยากเหมือนการทำอาหารเนื้อ! :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




dsc00332gp8.jpg
dsc00332gp8.jpg [ 89.46 KiB | เปิดดู 4897 ครั้ง ]
ยำหมูยอเจ

ส่วนผสม :

หมูยอเจ 2 ถ้วย

ตะไคร้ 1 ต้น

คื่นฉ่าย 2 ต้น

ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย

พริกขึ้หนู 5 เม็ด

ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

มะนาว 2 ผล




วิธีการทำ :

นำหมูยอเจที่นึ่งสุกแล้ว มาหั่นเป็นชิ้นบางๆ ตะไคร้หั่นละเอียด คื่นฉ่ายสับหยาบๆ ใบสะระแหน่เด็ดเอาเฉพาะใบ พริกขี้หนูหั่นละเอียด คลุกเคล้าหมูยอกับส่วนผสมอื่น ๆทั้งหมด แล้วเครื่องปรุงทุกอย่าง คนให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบใจ รับประทานกับผักสดต่าง ๆ



สูตรของน้ำเองค่ะ

ส่วนผสม


หมูยอเจ 2 ถ้วย

พริกขึ้หนู 5 เม็ด

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำตาลปีบ

มะเขือเทศลูกใหญ่ นำมาหั่นเป็นชิ้น ผ่าตามยาว ไม่ผ่าตามขวางค่ะ

แครอทหั่นฝอย

กระหล่ำปลีหั่นฝอยนิดหน่อย

มะนาว 2 ผล

ซีอิ๊วขาวสูตร 1

ผักชีเล็กหรือผักชีใหญ่


การเตรียมน้ำยำ

โดยการนำพริกขี้หนูมาโขลก ใส่เกลือ ใส่น้ำตาลปีบ ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว

ชิมรสตามชอบ ไม่ควรใช้น้ำตาลทราย เพราะรสชาติออกหวานแหลม แถมละลายยาก

วิธีทำ

1.นำหมูยอเจที่นึ่งสุกแล้ว มาหั่นเป็นชิ้นอย่าให้บางมาก นำไปนึ่งให้สุกหรือว่าจะตั้งน้ำให้เดือดจัด

แล้วใส่หมูยอเจลงไปต้มให้สุกแล้วตักขึ้น ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ

2.นำหมูยอใส่ชามหรือกะมังสำหรับยำ ใส่น้ำยำลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน

3.ใส่ผักอันดับสุดท้าย ไม่งั้นผักจะช้ำ และทำให้เสียอรรถรสไป ทำแบบนี้จะได้หมูยอรสจัดจ้าน

ผักกรอบๆ แล้วตบแต่งด้วยผักชีโรยหน้า แต่ถ้าใช้ผักชีใหญ่ ให้นำผักชีใหญ่ลงไปเคล้าส่วนหนึ่ง

อีกส่วนหนึ่งนำไว้โรยหน้า ..


ตัวน้ำเองจะคั่วถั่วลิสงแยกไว้ต่างหาก พอตักยำใส่จานก็จะนำถั่วที่คั่วไว้ราดลงไปอีกที

อร่อยมั่กๆขอบอกค่ะ :b4:

ภาพประกอบอาจจะขาดสีสันไปหน่อยนะคะ ท่าทางร้านนี้ สงสัยแม่ครัวกำลังปวดท้อง :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำค่ะคุณน้ำยังไม่มีโพสการทำไก่เจเลยค่ะ
ตอนเราอยู่เมืองไทยเราเป็นคนที่ชอบทำขนมมากๆเลยค่ะ
ชอบทำขนมอะไรที่สวยๆ
ขนมใส่ใส้นี่ของชอบเลยค่ะ....ถ้าเห็นต้องซื้อทานเลยค่ะ
พอมาอยู่ที่นี่ ไม่เห็นก็ลืมแล้วน่ะค่ะ....พอคุณน้ำลงสูตร
อ่านแล้วเหมือนง่าย.....แต่ตอนทำนี่งานเยอะจริงๆเลยค่ะ
พอทำเสร็จ....แป็บเดียวหมดแล้วค่ะ
:b1: :b1:
ขอบคุณคุณน้ำน่ะค่ะ...ที่โพสอาหาร+ขนมอร่อยๆให้ทาน
ไม่เป็นไรค่ะเรื่องความอ้วน....เราออกกำลังกายทั้งตอนเช้าและตอนเย็นค่ะ
การทำอาหารเจนี่ง่ายน่ะค่ะ
ไม่ยุ่งยากเหมือนการทำอาหารเนื้อ! :b8: :b8:




อิอิ .. กะลังโม้แหลกค่ะ :b32:

ถนัดมากๆเลย ... ขอให้บอกค่ะคุณเต้ เดี๋ยวน้ำหาให้ค่ะ :b12:

เสียดายคุณเต้อยู่ไกล .. ไม่งั้นจะตามไปชิมฝีมือถึงบ้านค่ะ

แล้วน้ำก็จะทำอาหารคาวเลี้ยงตอบแทน .. :b17:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




photogallery-full-20090113061306.jpg
photogallery-full-20090113061306.jpg [ 24.78 KiB | เปิดดู 4887 ครั้ง ]
DSC02689.jpg
DSC02689.jpg [ 55.45 KiB | เปิดดู 4886 ครั้ง ]
สาคูแคนตาลูป

เครื่องปรุง

สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
แคนตาลูป 1 ลูก
กะทิ 1 ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ½ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา


วิธีทำ

1. นำแคนตาลูปมาผ่าครึ่ง ควักไส้ออกแล้วตักเป็นลูกกลมๆ พักไว้

2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำตาลทรายใส่หม้อใส่น้ำลงไปประมาณ ½ ถ้วย

คนให้น้ำตาลละลายเป็นน้ำเชื่อม ตั้งไฟจนน้ำเชื่อมเดือดสักพักก็ยกลง เทใส่ถ้วย พักไว้

3. นำกะทิใส่หม้อแล้วนำมาตั้งเตาที่ไฟปานกลางต่อ รอจนกะทิเดือดก็ใส่เกลือลงไป

ตั้งไฟจนกะทิเดือดสักพักก็ยกลง เทใส่ถ้วย พักไว้

4. นำสาคูใส่กระชอนไปล้างผ่านน้ำ (ไม่ต้องคนนะคะ) และสะเด็ดน้ำพักไว้ จากนั้น

เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำลงไปประมาณ 3 ถ้วย รอจนน้ำเดือดก็ใส่สาคูลงไป หมั่นคนเรื่อยๆ

5. เมื่อสาคูเริ่มสุกก็ลดไฟลงเหลือไฟอ่อน (สังเกตว่ารอบนอกสาคูจะใสขึ้นและสาคูเริ่มหนืด)

คนไปเรื่อยๆ สักพักจนสาคูสุกใสก็ปิดเตาและยกลงได้

6. นำสาคูที่ได้มาใส่กระชอน นำไปล้างน้ำเอาเมือกแป้งออกแล้วจึงนำมาใส่ถ้วยไว้

จากนั้น เอาน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้เทใส่ลงไป คนให้น้ำเชื่อมและสาคูเข้ากัน ชิมรสหวานตามชอบ

7. ตักสาคูใส่ถ้วย นำแคนตาลูปที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ตักกะทิราดลงไป คนให้เข้ากัน

8. ราดหน้าด้วยกะทิอีกครั้ง จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ



ที่บ้านจะเรียกสาคูเปียกค่ะ แล้วเราก็ใส่แคนตาลูปลงไป หรือจะเปลี่ยนเป็นเนื้อมะพร้าวอ่อนก็ได้ค่ะ

จะใส่ลูกเดือยก็ได้ แต่ลูกเดือยควรแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืนก่อนนะคะ ไม่งั้นต้มสุกยากค่ะ

หรือจะใส่แปะก๊วยก็สุดยอด น้ำชอบทานแปะก๊วยค่ะ ใส่น้ำขิง แล้วมีเต้าหู้อ่อน

ส่วนผสม

เต้าหู้อ่อน หั่นชิ้นพอคำ แปะก๊วย ( ทำแบบสำเร็จแล้ว คือ

นำเม็ดแปะก๊วยที่มีแต่เนื้อไปเคี่ยวกับน้ำเชื่อม ขิงแก่หั่นเป็นชิ้นไม่บางและไม่หนามากเกินไป


วิธีทำ


นำขิงต้มกับน้ำให้เดือดจัด ใส่น้ำตาลทรายแดง ชิมรสหวานตามชอบ ใส่แปะก๊วยที่เตรียมไว้

ใส่เต้าหู้อ่อน

เวลาทาน ถ้าชอบความหอมของน้ำตาล ให้ใส่น้ำตาลโอวถึ้งแทนน้ำตาลทราย ..

น้ำตาลโอวถึ้งจะไม่หวานมาก แล้วนำขิงจะเป็นสีออกเข้มๆเหมือนสีชา น่าทานมากๆ

รูปที่ออกมาจะคล้ายๆรูปที่โชว์ให้ดู เพียงแต่เจ้านี้เขาใส่ข้าวโพดแทนแปะก๊วย


จากสาคูแคนตาลูป ไหงมากลายเป็นเต้าฮวยร้อนๆได้ไงก็ไม่รู้นะคะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 45  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร