วันเวลาปัจจุบัน 03 ก.ย. 2025, 04:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2009, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




346.jpg
346.jpg [ 24.95 KiB | เปิดดู 2799 ครั้ง ]
ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจรนานัตตญาณ


ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจรนานัตตญาณอย่างไร
พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายเป็นภายนอกอย่างไร ฯ

พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์เป็นภายนอก ฯ



พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปเป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....รูปเกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตรูป ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....รูปไม่มี (รูปเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดรูปโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่ารูปไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา รูปไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดรูป.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปเป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 28 ต.ค. 2009, 09:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดเสียงเป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....เสียงเกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตเสียง ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....เสียงไม่มี (เสียงเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดเสียงโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าเสียงไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เสียงไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดเสียง.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดเสียงเป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดกลิ่นเป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....กลิ่นเกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตกลิ่น ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....กลิ่นไม่มี (กลิ่นเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดกลิ่นโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่ากลิ่นไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา กลิ่นไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดกลิ่น.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดกลิ่นเป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกเยอะมั๊ยคะ พอดีเฝ้าดู ๆ อยู่ค่ะ
เห็นคุณเอามาลงเพิ่มเติมเรื่อย ๆ
ก็เลยกะว่า เมื่อคุณลงจนจบ ครบทั้ง 16 ฌาณ แล้วค่อย save ออกไปพิมพ์อ่านน่ะค่ะ

:b16: :b12: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




230672a8296a378f.gif
230672a8296a378f.gif [ 228.48 KiB | เปิดดู 2745 ครั้ง ]
:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b48: :b41: :b48: :b48: tongue


สวัสดีค่ะ คุณเอรากอน

รอเซฟเช่นเดียวกันค่ะ แต่ทะยอยเซฟไปได้เลยค่ะ เพราะกว่าจะครบ 73 ญาณ ไม่น้อยค่ะ

16 ญาณที่รู้จักกันนั้น เป็นญาณที่อาจารย์สายวิปัสสนาแต่งขึ้นมาค่ะ

แต่ถ้ากล่าวถึงญาณที่พระองค์ตรัสรู้ 73 ญาณค่ะ เป็นญาณพระสาวก 67 ญาณ
ส่วน 6 ญาณสุดท้าย เป็นญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ค่ะ


จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 31 ค่ะ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=31&item=0&items=1&preline=0&pagebreak=0


:b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48:

ส่วน 16 ญาณนั้น พระพรหมคุณาภรณ์ท่านได้อธิบายไว้ว่า
ญาณ 16 (บางทีเรียกว่า โสฬสญาณ ซึ่งก็แปลว่าญาณ 16 นั่นเอง)
ที่จัดลำดับเป็นชุดและเรียกชื่อเฉพาะอย่างนี้
มิใช่มาในพระบาลีเดิมโดยตรง พระอาจารย์ในสายวงการวิปัสสนาธุระได้สอนสืบกันมาโดยประมวลจากคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค และวิสุทธิมรรค ในกาลต่อมา


http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=345


.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:


แก้ไขล่าสุดโดย กระบี่ไร้เงา เมื่อ 29 ต.ค. 2009, 18:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2009, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดรสเป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....รสเกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตรส ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....รสไม่มี (รสเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดรสโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่ารสไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา รสไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดรส.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดรสเป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2009, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดโผฏฐัพพะเป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....โผฏฐัพพะเกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตโผฏฐัพพะ ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....โผฏฐัพพะไม่มี (โผฏฐัพพะเดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดโผฏฐัพพะโดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าโผฏฐัพพะไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา โผฏฐัพพะไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดโผฏฐัพพะ.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดโผฏฐัพพะเป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ




เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2009, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมารมณ์เป็นภายนอกอย่างไร

ย่อมกำหนดว่า .....ธรรมารมณ์เกิดเพราะ.....
.....อวิชชา
.....ตัณหา
.....กรรม
.....อาหาร


อาศัยมหาภูตธรรมารมณ์ ๔ เกิดแล้ว เข้ามาประชุมแล้ว.....
.....ธรรมารมณ์ไม่มี (ธรรมารมณ์เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน)
.....มีแล้วจักไม่มี (บัดนี้เป็นอย่างนี้ ต่อไปจักไม่เป็นเหมือนบัดนี้)


ย่อมกำหนดธรรมารมณ์โดยความเป็นของมีที่สุด กำหนดว่าธรรมารมณ์ไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา

ย่อมกำหนดธรรมารมณ์.....
.....กำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนดโดยความเป็นของเที่ยง
.....กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความเป็นสุข
.....กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอัตตา
.....ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี
.....ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด
.....ย่อมยังราคะให้ดับ ไม่ให้เกิด
.....ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ



เมื่อกำหนดโดยความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมละความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงได้
เมื่อกำหนดโดยความเป็นอนัตตา ย่อมละความสำคัญว่าเป็นตัวตนได้
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมละความยินดีได้
เมื่อคลายกำหนัด ย่อมละราคะได้
เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้

พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมารมณ์เป็นภายนอกอย่างนี้ ฯ

ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจรนานัตตญาณ ฯ

เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron