คุณเจ้าของกระทู้ขอรับ คุณต้องทำความเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่า

การปฏิบัติสมาธิ คือ การฝึกการควบคุมความคิด มิให้คิดฟุ้งซ่าน และไม่ให้เกิดความคิดใดใด ความรู้สึกที่ได้รับทางอายตนะทั้งหลายของตนเองนั้น คือ การคิดรูปแบบหนึ่ง การสวดมนต์ก็ดี การท่องพุทธโธก็ดี การกำหนดลมหายใจเข้าออกก็ดี ล้วนเป็นการคิด แต่จะคิดมากคิดน้อย คือใช้สมองมากหรือใช้สมองน้อย ซึ่งย่อมหมายถึงการทำงานของสมองมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการ คุณน่าจะคิดเองและเกิดความเข้าใจได้ด้วยตัวเอง

ข้าพเจ้าแนะนำเท่านี้ก่อน แล้วจะเขียนเป็นบทความหรือกระทู้ อธิบายอีกครั้งหนึ่ง

ขอเชิญฟังสนทนาเรื่องสมาธิเพื่อเพิ่มประสิทธิในการทำงาน โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย
http://audio.palungjit.com/f68/ธรรมเพื่อความหลุดพ้น-บรรลุฉับพลันครับ-3956.html
กรุณาcopyทั้งหมดไปค้นหา
ฟังลำดับที่ 05.สนทนา.mp3 (5.70 MB, 312 views) หรือจะฟังเรื่องก็ตามอัธยาศัย

ขอเชิญศึกษาธรรมปฏิบัติ และดาวน์โหลดธรรมะ
โดย หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต
วัดร่มโพธิธรรม บ้านหลัก 160 ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย

เว็บของวัด http://www.rombodhidharma.com/ หรือที่บอร์ดสนทนาทั่วไป
ขอให้มีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ

สาธุ อนุโมทามิกับท่าน จขกท. ค่ะ
ลองศึกษาดูค่ะ

ผู้รักษาศีลคือผู้รักตน
viewtopic.php?f=30&t=30504

การรักษาศีล
viewtopic.php?f=30&t=30505

ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา
viewtopic.php?f=30&t=30524

ศีลปริทัศน์
viewtopic.php?f=30&t=30507


ศีล เป็นอาภรณ์อันยอดเยี่ยม เ ป็นกลิ่นที่หอมหวนทวนลม ชวนให้วิญญูชนอยากสูดดม แม้เทพเทวาก็ปรารถนาจะเข้าใกล้

ศีล เป็นพื้นฐานของความดีเบื้องต้น เช่นเดียวกับความกตัญญู ที่เป็นพื้นฐานของความดีเบื้องสูง ถ้าขาดศีลเสียแล้วความดีต่างๆ ก็ย่อมจะปลูกฝังยาก หรือปลูกฝังไม่ขึ้นเอาเลยทีเดียว

ศีล นอกจากช่วยไม่ให้เกิดความผิดปกติทางกายและวาจาในปัจเจกชนแล้ว ยังช่วยให้สังคมทั้งส่วนย่อยและ ส่วนรวม ได้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขตามอัตภาพอีกด้วย

ศีล ช่วยให้ผู้ที่รักษาอยู่ในชาติก่อนๆ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ และยังช่วยให้ผู้รักษาศีลในชาตินี้แล้ว ตายไปในชาติหน้าก็ย่อมจะไปเกิดเป็นมนุษย์อีกด้วย

ศีล แม้ว่าจะรักษาเพียง ๕ ข้อ (ศีล๕) ก็เป็นหลักประกันได้อย่างแน่นอนว่า ในชาติหน้าจะไม่ไปเกิดในนรกแต่จะได้ไปเกิดใน โลกมนุษย์ หรือสวรรค์

ศีล นอกจากจะป็นบันไดให้เกิดสมาธิได้ง่ายแล้ว ยังเป็นพื้นฐานให้การเจริญวิปัสสนาได้ผลดีและรวดเร็วด้วย


ขอเสนอให้พิจารณาเป็นลำดับขั้นดังนี้

1. ให้ทาน
2. รักษาศีลให้บริสุทธิ์
3. สวดมนต์
4. เจริญวิปัสสนา

(แบ่งปัน) ทัศนะและประสบการณ์ค่ะ

ผู้ที่รักษาศีลบริสุทธิ์เป็นปกติแล้ว ขณะนั่งสวดมนต์เทวดาท่านก็มาร่วมอนุโมทนา
เมื่อจิตตั้งมั่นมีสมาธิดีแล้วจากการสวดมนต์ การเจริญวิปัสสนาก็ไม่ยาก ไม่ต้องกังวลนะคะ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ

...ขออนุญาตออกความเห็นสำหรับผู้เริ่มต้น...
...การคิดเริ่มต้นถือเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่แล้วค่ะ...
...เพราะสำคัญที่เจตนาของใจผู้ปฏิบัติเป็นใหญ่...
...จึงต้องฝึกและฝืนกระทำ...จะยากในระยะแรกเริ่มต้น...

...การปฏิบัติธรรมเป็นการปฏิบัติจิตใจให้ใฝ่ในทางกุศล...
...การทำสมาธิเป็นฝึกจิตให้หยุดการคิดฟุ้งซ่าน...
...การสวดมนต์ก็อุบายของการทำสมาธิอย่างหนึ่ง...
...ทำด้วยกาย วาจา ใจจดจ่อในคำสวดด้วยตัวผู้ปฏิบัติ...

...การสวดไม่สำคัญว่าจะแปลได้หรือไม่...ถ้าแปลได้จิตจะสำนึกรู้ได้เร็ว...
...เพราะบทสวดมนต์ต่างๆล้วนเป็นการสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า...
...สาธยายพุทธประวัติ อธิบายธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นต้น...
...เริ่มต้นง่ายๆ ทำทุกวันเป็นประจำให้เกิดความชิน...

...ตั้งใจอธิษฐานก่อนจะเป็นการดี...เป็นการตั้งสัจจะก่อนลงมือปฏิบัติ...
...ขณะที่กำลังตั้งใจนั้นศีล5ในกาย วาจา ใจท่านไม่ขาด คือบริสุทธิ์แล้วค่ะ...
...เริ่มสั้นๆก่อนได้ค่ะ เริ่มกราบ3ครั้ง สวดอะระหังสัมมาฯ(กราบ3ครั้ง)แล้วตั้งนะโม(3 จบ)...
...สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ แล้วแผ่เมตตาตนเองและสรรพสัตว์...

...นั่งสมาธิต่อวันละ 5 นาที ก่อนนั่งสมาธิกล่าวตั้งจิตสมาทานกรรมฐานว่า...
...ข้าพเจ้าขอสมาทานเอาซึ่งสัมมาทิฐิที่เป็นความเห็นถูกต้อง...
...ให้เห็นธรรมชาติล้วนๆไหลไป เกิด-ดับตามเหตุ ปัจจัย...
...ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วบ่วงมาร ขอให้พบธรรมะอันผ่องใส...
...ด้วยการเจริญสติกรรมฐานและบริกรรมพุทโธ...
...และขอให้ทันพระศรีอาริย์ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ...สาธุ...

...นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้า-ออกยาวๆ 3 ครั้ง...
...ครั้งที่1หายใจเข้าท่องพุท...หายใจออกท่องโธ...
...ครั้งที่2หายใจเข้าท่องธัม...หายใจออกท่องโม...
...ครั้งที่3หายใจเข้าท่องสัง...หายใจออกท่องโฆ...
...แล้วบริกรรมพุทเวลาหายใจเข้า...บริกรรมโธเวลาหายใจออกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ...

...โดยธรรมชาติของการฝึกจิตใหม่ๆก็คิดฟุ้งซ่าน...
...พยายามดึงความคิดที่ออกไปมาอยู่ที่พุทโธนะคะ...
...ทำทุกวัน...ทำไปเรื่อยๆ...ให้เพิ่มเวลาถ้านั่งได้นานขึ้น...
...เพราะเราเคยคิดมานานมากนับภพนับชาติไม่ได้...ที่จำไม่ได้ชาตินี้ก็มาก...

...จึงต้องฝืนความเคยชินที่ติดใจทำมาตั้งแต่จำความได้แล้ว...
...ถ้าง่ายทุกคนก็คงไม่ต้องมาฝึกจิตทำสมาธิกันให้เมื่อย...
...และถ้าทำได้ง่ายก็คงจะบรรลุธรรมกันไปหมดแล้วค่ะ...
...สำคัญต้องทำสม่ำเสมอ...แล้วจะเจอความอัศจรรย์ของจิตเองค่ะ...

...หลังนั่งสมาธิเสร็จหลับตาอุทิศบุญกุศลให้กับญาติและเจ้ากรรมนายเวรก่อน...
...ว่าข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลและคุณงามความดีทุกประการให้กับญาติทั้งหลาย...
...มีบิดามารดาเป็นต้น...ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข...
...และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมีความสุข...ท่านใดตกทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์...
...ท่านใดมีสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้น และขอให้ทุกท่านเป็นผู้ถึงซึ่งบุญนี้เทอญ...สาธุ...

ปฎิบัติสมาธิ ทำให้ได้สมถะ คือจิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน แต่ไม่ได้นิพพาน

เจริญสติปัฎฐาน 4 ทำให้สามารถใช้ปัญญาและสมาธิใช้ในการตัดกิเลสได้ เป็นหนทางที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่าเป็นหนทางไปสู่นิพพาน

ขอแนะนำเพียงเท่านี้

อนุโมทนาสาธุค่ะคุณvarinne

จะไปศึกษาเรื่องเจริญสติปัฎฐาน 4 อ่านต่อค่ะ

โมทนาด้วยคะ

เมื่อวันที่ 6-12 เม.ย.53 ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรีมาค่ะ ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานแนวสติปัฎฐาน 4 เพิ่งเริ่มปฏิบัติค่ะ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งเท่าไร แม่ชีท่านว่ามา 7 วัน ได้แนวทางวิธีปฏิบัติกลับไปทำต่อที่บ้าน แต่ใครจะเข้าถึงแก่นแท้ได้นั้น ก็ขึ้นกับขันติและความเพียรของตนเองที่จะก้าวเดินต่อไป ตัวเองตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ตนเองมีความเพียรที่จะปฏิบัติธรรมได้ทุกวัน