เรียนถามท่านผู้รู้..ทุกท่าน จากการที่ได้นั่งสมาธิมาระยะหนึ่ง ดังที่เคยได้ตั้งกระทู้ไว้ จนกระทั่งปฏิบัติได้เรื่อยมา สัปดาห์ก่อนข้าพเจ้าได้ใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพสถานที่ในการทำงาน(โรงพยาบาล) ซึ่งได้ถ่ายรูปไว้ตอนเช้ามืดราวตีห้า เป็นรูปทางเดิน มีเสาไฟส่องสว่าง แต่กลับมีภาพคล้ายคนมายืนอยู่ 1 คน อีกสองคนยืนเรียงกันหันหน้ามาทางข้าพเจ้า ... นอกจากนี้รูปก่อนหน้านี้กลับมีแสงสีเขียว ขยายภาพดู..มีลักษณะคล้ายเงารูปร่างคน ทั้งที่ตั้งใจถ่ายเพียงหลอดไฟดวงเดียว ยืนยันว่าระหว่างที่ถ่ายนั้น ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น ประกอบกับเป็นสถานที่ทำงานที่คุ้นเคย ..บอกตามตรงว่าขณะถ่ายก้มมองดูรูป..ขนลุกไปทั้งตัว..ปกติไม่ได้เชื่อเรื่องวิญญานแต่ไม่เคยหลบหลู่ ที่เห็นในภาพจากกล้อง จึงบอกว่า แค่มาถ่ายรูปเอง..

ถามใครหลายคนบอกว่าเป็นเพราะเรานั่งสมาธิหรือเปล่า เขาจึงมาปรากฏตัวให้เห็น หรือควรทำอย่างไรดีคะ ต้องเลิกนั่งสมาธิไหม หรือว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ตั้งใจว่าจะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ หรือใครเคยเจอบ้างคะ โปรดให้ความกระจ่างด้วย..

เอาไปให้ร้าน (ช่าง) ถ่ายรูปช่วยดูให้หรือยังครับ

อาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้

ถ้าจริง ยิ่งเป็นเรื่องดี ว่า เขามาเพราะเรามีบุญ เขาจึงมา
ไม่ต้องเลิกนั่งให้ทำต่อไป และแผ่กุศลไปให้เสมอทั่วๆ อย่างที่ทำมา
และไม่ต้องสนใจ เรื่องนี้อีกมากนักครับ

ช่างมันเถอะ

เล่ามาก มากเรื่อง จะฟุ้ง ทำใหสมาธิ เสียไปนิดหน่อยได้ครับ

รูปที่ว่า.. เป็นคนถ่ายด้วยตนเอง จึงยืนยันได้ว่าไม่มีใครแน่..ที่ถาม..เพราะกลัวจริงๆค่ะ ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ กลัวเพราะไม่รู้..นั่นคือปัญหา จึงขอรบกวนทุกท่านช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

อันนี้ต้องตอบตรงๆ เรื่องเหล่านี้เป็นเครื่องกั้นจิตทั้งนั้น เรามีศีลจริงหรือเปล่า ไม่ใช่เราถือนะเพราะถือศีลน่ะมันหนัก ต้องมีศีลโดยไม่ต้องถือ เช่นไม่ฆ่าสัตว์เพราะมีจิตไม่อยากฆ่า ไม่ใช่ยังอยากฆ่าอยู่แต่กลัวบาป อย่างนี้ยังต่างกัน เขาให้เดินทางสายตรงไปเก็บว่านยาที่จะกินแล้วพ้นทุกข์ พอไปเจอผลไม้ก็แวะไปเก็บ ไปเจออะไรก็สงสัยแวะดูไปหมด ว่านยาพ้นทุกข์เป็นอันเลิกหวังได้ พระพุทธองค์ยังไม่สอนเรื่องผี เราจะไปสนใจทำไม ไปพิสูจน์ทำไม เรื่องผีสาง นางไม้ เทวดา นิมิตร นรกสวรรค์ มันไม่ใช่ทางตอบตามหลักศาสนา แล้วถ้าคุณมีศีลผีมันไม่กล้าหลอกคุณแน่ เพราะหลอกคนมีศีลน่ะมันสร้างบาปเพิ่ม เป็นผีมันก็แย่อยู่แล้ว หากินเองยังไม่ได้ ต้องรอเราใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้มันถึงจะได้กิน ไม่ต้องไปสนใจมัน ภาวนาเสร็จออกจากสมาธิก็แผ่เมตตาให้มัน อะไรมันจะมาทนทานต่อเมตตาธรรมได้ ถ้ายังกลัวอีกก็หาพระมาคล้องคอสักองค์ เป็นโสธรก็ได้ อะไรก็ได้ที่พิธีดีๆ 25 พุทธศตวรรษ์ บางขุนพรหม09ก็ได้(อันนี้ไม่ได้สอนให้งมงาย)ก็คนมันจะกลัว จิตยังไม่แข็งก็หาตัวช่วย ส่วนพวกที่ไม่กลัวก็ชงโอวัลตินสักแก้ว ชวนผีมากินก่อน กินโอวัลตินได้จริงมีแรงแล้วค่อยมาหลอกกัน เรากินทั้งข้าว ทั้งกับผลไม้แถมแบรนด์อีกขวด ผีไม่น่าสู้เราได้(อันนี้คาถาสำหรับคนไม่กลัว) คนปฏิบัตฺธรรมส่วนมากเป็นอย่างนี้รักษาศีลเสียก่อนเรียกศีลปริยัตร พอปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไม้ต้องไปสนใจอรรถตัวหนังสือ ดูแค่โลภ โกรธหลง มันเบาบางลงไหม ถ้ามันหมดโลภ โกรธ หลง ตอนนี้ไม่อยากทำชั่วแล้วศีลก็ไม่ต้องรักษา ยังไงมันก็ไม่ทำอะไรผิดศีล ตอนนี้คมหน่อย ตอนแรกกิเลสยังหนาเราจึงต้องรักษาศีลเพราะไม่มีศีลปฎิบัติอย่างไรมันก็ไม่ก้าวหน้า เมื่อก้าวหน้ากิเลสเบาบางเป็นคนมีบุญแล้ว มีราคาทางศาสนา ศีลนั่นแหละกลับมารักษาเรา คนทุศีล อะไรที่อยู่ต่ำกว่าพบภูมิมนุษย์ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว ถึงมันจะมีฤทธิ์เดช มันก็ไม่อยากซ้ำเติมตัวเอง สร้างบาปเพิ่ม ด้วยการทำร้ายคนมีศีล คนมีศีลนี่เท่านั้นเป็นการเริ่มต้นไปสู่การเดินทางไปสู่ความเป็นอริยะบุคล/ด้วยความหวังดี/เจโตวิมุติ

เมื่อช่วงจตุคามฮิตติดตลาดพระ ใครไม่พูดถึงจตุคามรามเทพงี้เชยแหลก ... จะเล่าให้ฟัง มีคนรู้จักกันถ่ายรูปกันอยู่ 4-5 คน มีคนหนึ่งแขวนจตุคามอยู่ด้วย ปรากฏว่าเมื่อล้างรูปออกแล้วเนี่ย มีจตุคาม (ลอย) ติดไปด้วยหลายองค์ เป็นไงล่ะทีนี้ ก็แตกตื่นอัศจรรย์ใจกันยกใหญ่ดิ โอ้จตุคามรามเทพช่างศักดิ์แท้ ลอยให้เห็นกันจะจะ หนึ่งคนในกลุ่มที่ถ่ายรูปกันนั้น เอารูปไปให้ช่างภาพผู้ชำนาญการดู... แล้วเป็นไง ช่างบอกว่าในอากาศมีฝุ่นละออง กล้องดิจิตอลซึ่งมีความละเอียดมากๆก็จะติดเอาสิ่งนั้นให้วาดภาพเป็นต่างๆ ด้วย ฯลฯ ว่าแล้ว ช่างภาพก็เอาหมอนมาตบๆ แล้วถ่ายรูป ปรากฏว่า เห็นเป็นรูปจตุคามลอยเต็มไปหมด

บ้านเราจะเรื่องถ่ายรูปแล้วติดผีสางนางไม้บ่อย เมื่อคลื่นซึนามิถล่มภาคใต้คนตายเป็นแสน ก็มีข่าวว่าคนถ่ายรูปติดผีด้วย เป็นข่าวแล้วก็เงียบไป ก็คงทำนองเดียวกัน จึงได้บอก จขกท.ว่า ลองเอารูปไปให้ช่างภาพดูดิ

ต่อไปเรื่องการทำสมาธิ ขอบอกว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับภูตผีปีศาจ อย่างที่เราวาดภาพให้มัน (จะว่าผีก็เป็นผีในจิตในใจของคนๆนั้นเอง)

ดูอารมณ์กรรมฐานที่นี่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

ทั้งหมดเป็นมายาของจิต ไม่ใช่ผีสางภายนอกที่ไหนหรอก

ดังนั้น จขกท. พึงทำสมาธิต่ไป

แต่เพื่อให้หายสงสัยก็นำรูปนั้นให้ช่างผู้ชำนาญเฉพาะทางอธิบายให้เราฟัง

ถึงคุณจะทำไม่ทำสมาธิ เพื่อนร่วมสังสารวัฏเรา
ก็มีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ใช่มีแต่ออกมากลางคืนเหมือนในหนังผี

แต่มีอยู่บางกลุ่มที่ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน รอเวลา
ท่านก็มองหาบุญกุศลจาก มนุษย์นี่แหละเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง
เที่ยววิ่งขอคนนั้นคนนี้ ด้วยความน่าเวทนา

พอท่านเห็นผู้มีจิตสว่างๆ หน่อยรับได้ถึงกำลังบุญ
ก็ตรงรี่เข้ามา เพื่อมาขอบุญขอกุศล หวังว่าจะได้บ้าง
บางท่านมีกำลังหน่อย ก็รวมรวมพลังสร้างเป็นนิมิตรูปครั้งสุดท้ายที่เห็น
จึงเป็นร่างหยาบๆ ขาวๆ ให้เราได้เห็นกัน ครบบ้างไม่ครบบ้าง

บางคนตายอนาถ ก็จับภาพสุดท้ายที่มีเลือดโชก ให้เราเห็น
บางท่านไม่มีกำลังพอ ก็เปล่งเสียงขอ

เห็นแล้วก็ให้บุญให้กุศลท่านบ้าง สงสารท่าน
นึกถึงตัวเราหรือ ญาตเรา ถ้าพลาดไปอยู่อย่างนั้น กุศลจะได้ตอบแทนบ้าง

จริงๆ ก็น่าสงสารท่านเหล่านี้ พอเห็นใจมีจิตสว่างๆหน่อยๆ
ท่านก็จะปรี่เข้าไป เพื่อว่าจะรู้จะเห็นท่าน แล้วได้บุญได้กุศลกลับมาบ้าง

ถ้าเขาจะปรากฏ ตัว...ทำไมต้องเป็นการถ่าย..คือต้องปรากฏให้เห็นในรูปภาพ
ทำไมก่อนถ่าย...ไม่เดินมาพูด มาถามเรา..หรือ ปรากฏให้เห็นเลย...จริงๆ
หรือว่ากลัวไม่มีหลักฐาน...ไปบอกใครเขาไมเชื่อ...จึงปรากฏในรูปถ่าย
ซึ่งข่าวแบบนี้..มีให้ได้ยินบ่อยๆ..และก็น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก..ถ้าเป็นผีจริงๆ
ไม่ได้ลบหลู่...แต่ก็สงสัย...พฤติกรรมของผี..
ท่าน..กรัชกาย..ได้เสนอแนะแนวทางพิสูจน์...ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี..มีเหตุผล
ศาสนาพุทธเรา..ต้องพิสูจน์ได้..เหมือนกันกับ..วิทยาศาสตร์
ใช้วิจารณญาน...พิจารณา..และสติ..ไตร่ตรอง..เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ครับ
และก็ต้องไม่งมงาย...
ถึงเราๆท่านๆ จะปฏิบัติธรรม มามาก...แต่เรื่องอย่างนี้ ถ้าเจอขึ้นมากับตัว
ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ... :b32:

ขอเจริญในธรรม

อ่านความคิดเห็นของหลายๆท่านได้ความรู้มากมายเลยคับ

ผมก็เริ่มปฏิบัติ แต่จิตไม่ค่อยสงบนะ