วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 18:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 285 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18, 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 02:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่รู้..ว่าล้มเหลว..ในความล้มเหลว

ผู้นั้น..กำลังตั้งท่า..ก้าวไปข้างหน้า..อีกครั้ง..อย่างมั่นคง

นี้สังเกตุ..จากที่ประสพด้วยตัวเองมา..

คือ..ทุกครั้งที่รู้สึกว่า..ตัวเองล้มเหลวในข้อธรรมใด ๆ แล้ว

กลับจะรู้สึกว่า..ธรรมะอีกอย่างจะปรากฎขึ้นที่ใจ..ทุกครั้งเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

น้องชายเสีย



ถึงคุณจะบอกว่า...เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ยังไง เราก็ขอแสดงความเสียใจด้วย...

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1229665295.jpg
1229665295.jpg [ 64.81 KiB | เปิดดู 5093 ครั้ง ]

อันสังสารน่ากลัวแท้.. ช่างแน่ชัด...
จงขจัดความทุกข์โศก วิโยกเข็ญ...
นำความสุข.. สงบเลิศ ประเสริฐเย็น..
พระธรรมเป็น แกนหลัก ประจักษ์จริง !!


... ชีวิตที่... ซ้ำวน.. ต้องทนเกิด...
เพราะจิตเพลิด เพลินไป.. ในสังสาร...
จิตก่อเกิด ร่างกาย.. หลายภพกาล ...
วนสังสาร.. ต่อภพ ไม่จบลง...
จะมัวหลง.. อยู่ทำไม ให้เสียชาติ...
ร่วมประกาศ... พุทธศาสนา .. อานิสงฆ์..
หยุดตัวหลง... ตรงเข้าหา.. พุทธองค์...
จิตตั้งตรง... องค์พระมั่น... อย่าหวั่นคลอน...


http://www.ijigg.com/songs/V2AAEDCCPD





นำมาจาก http://is.msu.ac.th/e-learning/tumma/asupa/



.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเรามีความเพียรและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง ?
เพียรเป็นเรื่องใช้กับงาน กับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือการสร้างบารมี หากแต่ความเพียรเอามาใช้ในเรื่องจบกิจพรหมจรรย์ หรือนิพพานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หากเปรียบความเพียรในบุคคลที่นั่งเรือพายเรือ คำว่าเรือนี้คือทางออกจาทุกข์นั้นหมายถึงทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่บุคคลและสรรพสัตว์อาศัยเป็นผ่านกองทุกข์น้อยใหญ่และสร้างบารมีทั้งหลาย การที่พาย หรือแหวกว่าย นี้คือความเพียรที่พูดถึง ซึ่งต่างก็หาไม่ว่าฝั่งคือนิพพาน โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง

ขอเชิญฟังธรรมะโดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย
http://www.rombodhidharma.com/Pg-04-Dharma.htm
ในลำดับ190) นิพพานอยู่แล้ว

ขอให้มีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


yodchaw เขียน:
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเรามีความเพียรและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง ?
เพียรเป็นเรื่องใช้กับงาน กับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือการสร้างบารมี หากแต่ความเพียรเอามาใช้ในเรื่องจบกิจพรหมจรรย์ หรือนิพพานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หากเปรียบความเพียรในบุคคลที่นั่งเรือพายเรือ คำว่าเรือนี้คือทางออกจาทุกข์นั้นหมายถึงทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่บุคคลและสรรพสัตว์อาศัยเป็นผ่านกองทุกข์น้อยใหญ่และสร้างบารมีทั้งหลาย การที่พาย หรือแหวกว่าย นี้คือความเพียรที่พูดถึง ซึ่งต่างก็หาไม่ว่าฝั่งคือนิพพาน โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง







การเริ่มต้นของแต่ละคนแตกต่างกันไป ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ ปัญญา
สุดแต่ว่า ใครสร้างเหตุมาด้านไหนมากกว่ากัน


ขอถามว่า วิริยะ หมายถึง ความเพียร ใช่หรือไม่?

ไหนว่าปล่อยวาง หากปล่อยวางได้ ต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ใช่ยึดแน่นในบัญญัติ
ว่าไปเรื่อยเปื่อยเลยนะนั่น ดูจิตตัวเองทันไหม กิเลสน่ะ



yodchaw เขียน:

โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




ผู้ใดที่เขาจบกิจ เขาย่อมรู้ว่าเขาจบกิจแล้ว ไม่ต้องมีใครมารับรองหรอกว่า " จบกิจแล้วนะ "

คำสรรเสริญ เยินยอคือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 19:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

การเริ่มต้นของแต่ละคนแตกต่างกันไป ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ ปัญญา
สุดแต่ว่า ใครสร้างเหตุมาด้านไหนมากกว่ากัน


ขอถามว่า วิริยะ หมายถึง ความเพียร ใช่หรือไม่?

ไหนว่าปล่อยวาง หากปล่อยวางได้ ต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ใช่ยึดแน่นในบัญญัติ
ว่าไปเรื่อยเปื่อยเลยนะนั่น ดูจิตตัวเองทันไหม กิเลสน่ะ



yodchaw เขียน:

โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




ผู้ใดที่เขาจบกิจ เขาย่อมรู้ว่าเขาจบกิจแล้ว ไม่ต้องมีใครมารับรองหรอกว่า " จบกิจแล้วนะ "

คำสรรเสริญ เยินยอคือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


:b35: :b8: :b8: :b8: สาธุคุณจบกิจแล้ว บรรลุเองด้วย ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์แล้วสิ่งที่กล่าวมาน้อมรับฟังด้วยใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


yodchaw เขียน:
walaiporn เขียน:

การเริ่มต้นของแต่ละคนแตกต่างกันไป ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ ปัญญา
สุดแต่ว่า ใครสร้างเหตุมาด้านไหนมากกว่ากัน


ขอถามว่า วิริยะ หมายถึง ความเพียร ใช่หรือไม่?

ไหนว่าปล่อยวาง หากปล่อยวางได้ ต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ใช่ยึดแน่นในบัญญัติ
ว่าไปเรื่อยเปื่อยเลยนะนั่น ดูจิตตัวเองทันไหม กิเลสน่ะ



yodchaw เขียน:

โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




ผู้ใดที่เขาจบกิจ เขาย่อมรู้ว่าเขาจบกิจแล้ว ไม่ต้องมีใครมารับรองหรอกว่า " จบกิจแล้วนะ "

คำสรรเสริญ เยินยอคือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


:b35: :b8: :b8: :b8: สาธุคุณจบกิจแล้ว บรรลุเองด้วย ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์แล้วสิ่งที่กล่าวมาน้อมรับฟังด้วยใจ






ว่าไปเรื่อยเปื่อยเลยนะนั่น ..... อ่านข้อความหลายๆรอบนะคะ Onion_L
ไปหาอ่านเพิ่มนะคะในสมัยพุทธกาลน่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็สาธุท่านที่ถึงพร้อม จบพร้อมด้วยการอ่านตำรา จบจริงก็สาธุ ไม่ได้เป็นน้ำที่ล้นแก้วนะกับการรับฟังธรรมยินดีรับฟัง สิ่งที่กล่าวไว้ก็ให้เฉลียวใจด้วย ไปได้บอกไม่ได้สอนแต่เตือนไว้สิ่งที่คิดว่าใช่ๆ ต้องถึง ต้องสำเร็จด้วยสิ่งที่คุณกล่าวมันไม่ใช่เสียทุกเรื่อง สิ่งนี้ไม่มีใครมาพูดอย่างนี้ วันนี้อาจไม่เข้าใจ แม้คุณจะบอกว่าไม่มีวันเสียหรอกวันไหนก็ตาม ที่ว่ามาและเป็นแบบนี้ก็ทิฐิมานะ คุณคักๆละจะบอกให้ บอกคนอื่นเห็นกิเลส แต่ตัวเองไม่เห็นทิฐิมานะตัว แล้วใครจะเตือนตัวเองได้ละ จะไม่พูดอีกแล้วขอจบกันด้วยดี ไม่ตอบผมหรอกนะครับ สิ่งคุณกล่าวก็เกินพอแล้ว ขอบคุณที่แนะนำ :b8: :b12: :b8: :b12: :b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


yodchaw เขียน:
ก็สาธุท่านที่ถึงพร้อม จบพร้อมด้วยการอ่านตำรา จบจริงก็สาธุ ไม่ได้เป็นน้ำที่ล้นแก้วนะกับการรับฟังธรรมยินดีรับฟัง สิ่งที่กล่าวไว้ก็ให้เฉลียวใจด้วย ไปได้บอกไม่ได้สอนแต่เตือนไว้สิ่งที่คิดว่าใช่ๆ ต้องถึง ต้องสำเร็จด้วยสิ่งที่คุณกล่าวมันไม่ใช่เสียทุกเรื่อง สิ่งนี้ไม่มีใครมาพูดอย่างนี้ วันนี้อาจไม่เข้าใจ แม้คุณจะบอกว่าไม่มีวันเสียหรอกวันไหนก็ตาม ที่ว่ามาและเป็นแบบนี้ก็ทิฐิมานะ คุณคักๆละจะบอกให้ บอกคนอื่นเห็นกิเลส แต่ตัวเองไม่เห็นทิฐิมานะตัว แล้วใครจะเตือนตัวเองได้ละ จะไม่พูดอีกแล้วขอจบกันด้วยดี ไม่ตอบผมหรอกนะครับ สิ่งคุณกล่าวก็เกินพอแล้ว ขอบคุณที่แนะนำ :b8: :b12: :b8: :b12: :b8: :b12:




พูดตรงๆนะคะ ไม่ได้คิดจะแนะอะไรเลย ชอบปรุงไปเรื่อยเปื่อย
ที่ถามกลับไม่ตอบ กลับมาพูดอะไรที่ไม่เข้าท่า
การสนทนาแบบที่คุณสนทนามาเนี่ย เขาเรียกว่าไปแบบข้างๆคูๆ
แล้วเราก็ไม่ชอบจะสนทนากับคนที่ชอบพูดแบบข้างๆคูๆด้วย

เราถึงบอกไง คุณชอบไปแบบข้างๆคูๆ ตั้งแต่คำที่เราบอกว่า " ไม่ต้องมีคนมารับรองหรอก "
ผู้ที่เขารู้ เขาย่อมรู้ด้วยตัวเขาเอง ส่วนที่รู้นั้นจะรู้จริงหรือรู้ปลอม
ก็สุดแต่เหตุที่คนๆนั้นได้กระทำมา ผลเลยเป็นเช่นนั้น

เวลาคุย ควรคุยแบบเหตุและผล ไม่ใช่ ไปทางโน้นที ทางนี้ที
เอาเป็นว่า เรื่องที่คุณพูดมา หรือเราพูดไป ก็ล้วนแต่ปรุงแต่งไปตามกิเลสของตนเอง


เพราะยังมีกิเลส จึงเจอแต่กิเลส แม้ว่าจะไปที่ไหนๆก็ต้องเจอกิเลส
เพราะกิเลสมันเกิดมาคู่กับเราไม่รู้กี่ภพกี่ชาติมาแล้ว นี่แหละ การฝึกกิเลสชั้นเลิศ :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 22:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1229665295.jpg
1229665295.jpg [ 19 KiB | เปิดดู 5167 ครั้ง ]

ฮัดเช้ยฮัดเช้ยฮัดเช้ย
อยากรู้จังเลย ว่าใครเอ่ยถึงฉัน
ถึงได้จามอยู่ได้ตลอดวัน จนไม่มีเวลาทำงาน
ใครบ่นถึงฉัน ถึงจามฮัดเช้ยฮัดเช้ย

คนบ่น คงไม่ใกล้ไม่ไกล
อยู่ซอกตรอกไหน ทำไมไม่เปิดเผย
อยากเห็น คนที่เฝ้าบ่นหา
อยากเห็นหน้าตาของเขานั้นจังเลย
จะสูงต่ำดำขาวแค่ไหน จะขี้เหร่รูปหล่อปานใด
ถ้าถูกอกถูกใจ .... จะมอบใจให้เลย ....

ฮัดเช้ยฮัดเช้ยฮัดเช้ย
อยากรู้จังเลย ว่าใครเอ่ยถึงฉัน
ถึงได้จามอยู่ได้ตลอดวัน จนไม่มีเวลาทำงาน
ใครบ่นถึงฉัน ถึงจามฮัดเช้ยฮัดเช้ย

ถ้าจะให้ จับยามสามตา
ขอทายใจว่า ... คงเป็นคุณน้ารูปหล่อ

หรือไม่ก็คุณพี่เสื้อแดง
ที่ยืนยิ้มแฉ่ง อยู่ข้างๆสามล้อ

หรือจะเป็น คุณพี่เสื้อเขียว
พี่มาคนเดียว หรือมีคนคอยรอ

แล้วคุณพี่ ที่ใส่เสื้อลาย
รู้นะคิดอะไร ทำไมไม่มาติดต่อ

อยากจะไป ให้ไกลกว่านั้น
กะว่าเป็นทหาร หน้าตาแสนหล่อ

หรือว่าเป็น ผู้ใหญ่กำนัน
ครูประชาบาล หรือว่า อบต

หรือว่าเป็น อาเสี่ยอาตี๋
เถ้าแก่โรงสี หรือเถ้าแก่โรงปอ

ถ้ารถเมล์ ลิเกตำรวจ
ต้องมีเงินมาอวดเป็นหอบเป็นห่อ
จะเป็นใคร ฉันก็ไม่แคร์ ขอให้รักแท้ เท่านั้นก็พอ
รีบไปขอ กับพ่อได้เลย อย่ามัวนิ่งเฉย ฉันนั้นกำลังรอ

ฮัดเช้ยฮัดเช้ยฮัดเช้ย
อยากรู้จังเลย ว่าใครเอ่ยถึงฉัน
ถึงได้จามอยู่ได้ตลอดวัน จนไม่มีเวลาทำงาน
ใครบ่นถึงฉัน ถึงจามฮัดเช้ยฮัดเช้ย...


http://radio.sanook.com/music/player/%E ... %A2/54425/





ยิ่งเจริญสติ อารมณ์ยิ่งรู้สึกชื่นบาน
มีอะไรๆให้ได้เรียนรู้ตลอดเวลา

การที่มีสติ สัมปชัญญะ รู้เท่าทันกิเลสที่เกิดขึ้น อาจจะช้าไปนิด ถือว่า เป็นสิ่งที่ดี
ได้เริ่มนับหนึ่งใหม่ ดีกว่าปฏิเสธความจริง ไม่ยอมรับรู้อะไรเลย

วันนี้อาจจะนับหนึ่ง นับๆๆๆๆๆ แล้วก็นับ นับว่ายังดีกว่าที่จะไม่ได้นับ
ตอนนี้อาจจะนับบ่อย หรือ ไม่บ่อย ก็อยู่ที่ว่า สติ สัมปชัญญะเรานั้น รู้ทันไหม
ถ้าไม่ทัน โอ๊ะโอ่ววว ....... นับหนึ่งใหม่นะ :b32:

ตราบใดที่ยังมีกิเลส ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็คือยังมีกิเลส
หากไม่เรียนรู้กิเลส ย่อมไม่รู้จักกิเลส เมื่อไม่รู้จักกิเลส ปัญญาย่อมเกิดได้ยาก

เมื่อรู้จักกิเลส ยอมรับในสิ่งที่มี ในสิ่งที่เป็น นั่นคือ มาถูกทาง
เพราะกำลังได้เริ่มต้นนับหนึ่ง ....

อย่าปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็น อย่าเล่นละคร
การเล่นละคร ทำให้ไม่ยอมรับตามความเป็นจริงที่เป็นอยู่
เมื่อไม่ยอมรับ ยากที่จะเห็นกิเลสที่แท้จริงได้
จะเห็นได้แค่เงาของกิเลส แล้วไตรลักษณ์ก็จะได้แค่ลูบคลำเงา ....... :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1055737qcl50sdeg9.gif
1055737qcl50sdeg9.gif [ 26.85 KiB | เปิดดู 5172 ครั้ง ]

ฉันยังจำเสมอที่เธอเคยบอกกับฉัน คิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบาย
นึกถึงคำๆนั้นทุกวันที่ห่างกันไป เหมือนมันเป็นโยงใยที่ส่งถึงกัน

ไม่ว่าเราจะโชคดี หรือบางทีที่ร้องไห้ ต่างคนสนใจจะฟัง
เพราะว่าในชีวิตเรื่องจริงมันต่างจากฝัน ฝันไม่เคยมีวันที่เจ็บช้ำใจ
มีผู้คนอยู่รอบกาย เหมือนไม่มีไม่เห็นใคร แต่ใจๆฉันยังมีเธอ

คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน
วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
ยังนอนดึกอยู่ใช่ไหม เธอผอมไปหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน
วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

เธอยังขาดอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า


http://solno07.exteen.com/20080826/entry-1




บางครั้ง เวลาฟังเพลง ชอบนึกถึงคนที่เราคุ้นเคย เพื่อนๆที่เคยคุ้นเคย
มีพี่คนหนึ่ง พี่คนนี้สนิทกันมากๆ แต่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
มีหลายๆครั้งที่เวลาเรานั่งฟังเพลงเงียบๆ หรือนั่งคนเดียวเงียบๆ
ชอบคิดถึงคำพูดของพี่เขานะ

เมื่อเวลาเธอมีความสุข จงอย่าได้คิดถึงพี่ แต่ถ้าเจอความทุกข์ก็จงอย่าคิดถึงพี่
แต่จงคิดถึงพี่เป็นคนสุดท้าย เมื่อเธอไม่รู้ว่า จะหันไปหาใครได้แล้ว
เพราะพี่คนนี้ยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ คอยเฝ้ามองเธอเสมอ


พี่จะรู้บ้างมั๊ยหนอ กว่าจะเข้าใจในคำพูดที่พี่พูดน่ะ
เมื่อไม่มีพี่แล้วถึงได้เข้าใจ

เดี๋ยวนี้น้องคนนี้สามารถยืนได้ด้วยตัวเองได้แล้ว
โดยไม่ต้องไปคิดพึ่งพิงใครๆ โดยไม่ต้องไปไขว่คว้าใดๆนอกตัว
เข้าใจคำพูดที่พี่พูดมาทั้งหมดเลยว่า

" วันใดเมื่อเข้าใจ วันนั้นเราไม่ต้องไปหาความสุขนอกตัว
ความสุขทั้งหมดมันอยู่ในตัวเรานี่แหละ "

ตอนนี้เข้าใจชัดเจนเลยค่ะ :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1236578045.jpg
1236578045.jpg [ 80.5 KiB | เปิดดู 5214 ครั้ง ]
ตบมือหนึ่งครั้งเสียงมันอาจจะดัง
... จะดังก็ดังไม่นาน ...

หากตบมือด้วยกัน หลายมือช่วยประสาน
... คงกังวานไปไกล ...

จากหนึ่งถึงร้อยถึงแสนถึงล้านตบมือ
มันจะมีเสียงดังเพียงใด
... คงจะดังไปถึงใกล้ๆดวงดาว ...

... แค่หนึ่งอมยิ้ม ...
บางคนอาจจะมอง มองแค่เพียงหนึ่งยิ้ม

แต่หากเราอมยิ้ม
... และยิ้มต่อๆกันไป ...

ยิ้มจากใจของเรา
จากหนึ่งถึงร้อยถึงแสนถึงล้านส่งยิ้ม
โลกทั้งใบก็คงจะเบาคงบรรเทาภัยพาลให้ผ่านพ้นไป

มามอบยิ้มกันและกัน
... เพราะหัวใจเราอยู่ในนั้น ...

มามอบความมั่นใจต่อกันให้มันมั่นคงเนิ่นนาน
มาอมอบยิ้มทุกครั้งเมื่อมีคำทักทายถึงกัน
มาสร้างยิ้มพิมพ์ใจให้พิมพ์บนใจผู้คน

ทุกวันจึงบอกตัวเองตลอด
ขอทำในสิ่งที่ทำแล้วใจมีความสุข
และยังทำให้คนอื่นสุขใจในสิ่งที่เราทำแจกอมยิ้มให้คนที่เจอ

แจกความสุขที่มาจากหัวใจ
แจกไปเท่าไร ก็กลับคืนมาเหมือนเดิม
(แจกอมยิ้มให้คนที่เจอ แจกความสุขที่มาจากหัวใจ
แจกไปเท่าไร ยิ่งกลับคืนมามากกว่าเดิม)

http://www.youtube.com/watch?v=Vtbl8NIG-WE





ความสุขสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ทุกที่
เพียงแต่ว่าเรานั้นรู้จักที่จะให้สิ่งดีๆแก่ผู้อื่นกันมั่งหรือเปล่าเท่านั้นเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 14 เม.ย. 2010, 16:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




996968ftw0etufde.gif
996968ftw0etufde.gif [ 252.66 KiB | เปิดดู 4988 ครั้ง ]
.... หวานเจ้าเอย หวานใด เท่าหวานรัก
ผูกใจภักดิ์รักแน่นแต่หนไหน
รักเจ้าเอยอย่าเพิ่งลอยไปไกล
รู้บ้างไหมใครรอทุกค่ำคืน ...

...รักเจ้าเอยแสนซนซ่อนกลนัก
เจ้ามาผลักหัวใจสั่นวันสดชื่น
เจ้าแกล้งวิ่งมาชนล้มทั้งยืน
เจ้าหยิบยื่นรอยยิ้มพิมพ์หัวใจ ...

... รักเจ้าเอยเคยรู้บ้างไหมหนอ
มีคนรอค้นหาเจ้าอยู่ไหน
ร้องเรียกหารักแท้อยู่หนใด
ฤ จงใจหลบหน้าหาไม่เจอ ...

...รักเจ้าเอยรักจ๋าอย่าใจร้าย
ดูซิใครเฝ้าหาพาพร่ำเพ้อ
รักเจ้าเอย รักจ๋า มาให้เจอ
ขอรักเธอ รักเดียว รักจริงใจ ....

http://www.tissue52.cc.cc/store_user_menu.php?no=47446




มาฟังเพลงหวานๆกันมั่งดีกว่านะ

ดูรูปหมีน้อยนั่งแกว่งชิงช้าไปมา ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลายสายตา



ความคิด

ความคิดของคนเรา สามารถปรุงแต่งไปตลอดเวลา

ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มากระทบ

หากแม้สติ สัมปชัญญะ รู้เท่าทันต่อการกระทบ

ก็จะกลายเป็น สักแต่ว่า รู้

รู้อะไร รู้แค่ว่า มีการกระทบเกิดขึ้นเท่านั้นเอง

ผลของการเจริญสติที่ทำอย่างต่อเนื่องนี่ดีจริงๆนะ



ละเหตุได้ เป็นสุขในที่ทั้งปวง


อันนี้เป็นความสุขทางโลกๆอยู่นะ ยังไม่ถึงโลกุตระ

ถ้าเป็นความสุขทางโลกุตระต้องเป็นแบบนี้


ความหมดกิเลสทั้งปวงเป็นทางดับทุกข์ทั้งหลาย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 02:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
yodchaw เขียน:

โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




อ้างคำพูด:
walaiporn เขียน:
ผู้ใดที่เขาจบกิจ เขาย่อมรู้ว่าเขาจบกิจแล้ว ไม่ต้องมีใครมารับรองหรอกว่า " จบกิจแล้วนะ "

อ้างอิงคำพูด:

ตรงที่...หากจะถึงท่านก็บอกให้..

ผมเข้าใจว่าคุณyodchaw..จะหมายถึง..เมื่อใกล้ถึงที่สุด..ครูบาอาจารย์ท่านสอน..ให้ปล่อย..ให้วาง

ไม่น่าจะไปหมายว่า..จะมีใครมารับรองว่าจบกิจแล้ว..

หรอดนะครับ..หากผิดก็ขออภัย..ครับคุณน้ำ


อ้างคำพูด:
yodchaw เขียน:
สาธุคุณจบกิจแล้ว บรรลุเองด้วย ถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์แล้วสิ่งที่กล่าวมาน้อมรับฟังด้วยใจ



คล้ายจะไปเสียดสี..ผู้อื่นเขานะครับคุณ yodchaw..

เพราะใจที่อยาก..จะไปเสียดสี..เขาเนี้ยนะ..ใจมันจะหนัก..ยุ่งเหยิง..ไม่เบาสบาย..

ไม่ใช่ลักษณะใจของบัณฑิต..นะครับ

คิดว่า..หากคุณ yodchaw..ได้พิจารณาแล้วจะเข้าใจได้ไม่ยาก..สาธุครับ


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 20:16, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
yodchaw เขียน:

โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้วแต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆหากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




อ้างคำพูด:
walaiporn เขียน:
ผู้ใดที่เขาจบกิจ เขาย่อมรู้ว่าเขาจบกิจแล้ว ไม่ต้องมีใครมารับรองหรอกว่า " จบกิจแล้วนะ "

อ้างอิงคำพูด:

ตรงที่...หากจะถึงท่านก็บอกให้..

ผมเข้าใจว่าคุณyodchaw..จะหมายถึง..เมื่อใกล้ถึงที่สุด..ครูบาอาจารย์ท่านสอน..ให้ปล่อย..ให้วาง

ไม่น่าจะไปหมายว่า..จะมีใครมารับรองว่าจบกิจแล้ว..

หรอดนะครับ..หากผิดก็ขออภัย..ครับคุณน้ำ





ไม่ต้องขออภัยหรอกค่ะ ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน :b12:
เวลาคุณกบอ่าน ต้องอ่านตั้งแต่แรกเริ่มค่ะ ข้อความที่เขาเจาะจงนำมาโพส
คือ เรื่องความเพียร อ่านดูนะคะ




yodchaw เขียน:
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเรามีความเพียรและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง ?
เพียรเป็นเรื่องใช้กับงาน กับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือการสร้างบารมี หากแต่ความเพียรเอามาใช้ในเรื่องจบกิจพรหมจรรย์ หรือนิพพานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย




น้ำก็เลยตอบเขา และถามกลับไปว่า


อ้างคำพูด:
การเริ่มต้นของแต่ละคนแตกต่างกันไป ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ ปัญญา
สุดแต่ว่า ใครสร้างเหตุมาด้านไหนมากกว่ากัน

ขอถามว่า วิริยะ หมายถึง ความเพียร ใช่หรือไม่?

ไหนว่าปล่อยวาง หากปล่อยวางได้ ต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา ไม่ใช่ยึดแน่นในบัญญัติ
ว่าไปเรื่อยเปื่อยเลยนะนั่น ดูจิตตัวเองทันไหม กิเลสน่ะ





เพราะเขาอ้างมาว่า เพียรเป็นเรื่องใช้กับงาน กับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือการสร้างบารมี
หากแต่ความเพียรเอามาใช้ในเรื่องจบกิจพรหมจรรย์ หรือนิพพานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ถึงได้ถามกลับไปว่า ความเพียร ใช่วิริยะหรือไม่

เหตุที่พูดแบบนั้น เพราะ ลักษณะการโพสของเขาเท่าที่อ่านๆมา
เขาจะโพสในทำนองว่า ปล่อยวางได้แล้ว

เพราะถ้าปล่อยวางได้จริงๆ จะสนทนาด้วยความเป็นกลาง
ไม่ใช่ไปยึดติดกับบัญญัติหรือกับรูปแบบที่ตัวเองทำได้
และไม่ไปยึดติดกับครูบาฯ ถึงได้ถามเขากลับไปว่า เห็นกิเลสตัวเองไหม



yodchaw เขียน:

หากเปรียบความเพียรในบุคคลที่นั่งเรือพายเรือ คำว่าเรือนี้คือทางออกจาทุกข์นั้นหมายถึงทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่บุคคลและสรรพสัตว์อาศัยเป็นผ่านกองทุกข์น้อยใหญ่และสร้างบารมีทั้งหลาย การที่พาย หรือแหวกว่าย นี้คือความเพียรที่พูดถึง ซึ่งต่างก็หาไม่ว่าฝั่งคือนิพพาน โดยเนื้อหาความเป็นจริงคือถึงฝั่งอยู่เองแล้ว นิพพานที่รองรับสังสารวัฏและสรรพสัตว์นี้มีอยู่แล้ว

แต่ด้วยความเพียรนี้ละจะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆ


หากจะถึงท่านก็บอกให้ หยุดเสีย ปลงเสียเถิด วางเสียเถิดเมื่อนะละจะแจ่มชัดเอง

เหตุที่ไม่รู้จักจบคือมุ่งไป หรือเพียรนี้เอง




กบนอกกะลา เขียน:
ตรงที่...หากจะถึงท่านก็บอกให้..

ผมเข้าใจว่าคุณyodchaw..จะหมายถึง..เมื่อใกล้ถึงที่สุด..ครูบาอาจารย์ท่านสอน..ให้ปล่อย..ให้วาง

ไม่น่าจะไปหมายว่า..จะมีใครมารับรองว่าจบกิจแล้ว..

หรอดนะครับ..หากผิดก็ขออภัย..ครับคุณน้ำ




คุณกบอ่านประโยคนี้ซ้ำอีกทีนะคะ น้ำแยกประโยคออกมาแล้ว



คำว่า ความเพียร จะทำให้มันเลยฝั่ง มุ่งหาไปเรื่อยๆ

อันนี้ที่เขานำมาพูดไม่ถูกนะคะ
น้ำถึงตอบกับเขาไปว่า หากผู้ที่จบกิจแล้ว เขาย่อมรู้ตัวดี ไม่ต้องให้ใครมารับรอง


แล้วตรงที่คุณกบบอกว่า



ผมเข้าใจว่าคุณyodchaw..จะหมายถึง..เมื่อใกล้ถึงที่สุด..ครูบาอาจารย์ท่านสอน..ให้ปล่อย..ให้วาง

ไม่น่าจะไปหมายว่า..จะมีใครมารับรองว่าจบกิจแล้ว..


เมื่อใกล้ถึงที่สุด..

เมื่อใกล้ถึงจริงๆ ผู้ปฏิบัติเขาจะรู้เองค่ะ

ผู้สอบอารมณ์มีหน้าที่เพียงคอยปรับอินทรีย์ให้ผู้ปฏิบัติ
ตรงไหนควรแนะนำ ก็ต้องแนะนำ แต่ต้องระวังคำพูดที่อาจจะกลายเป็นการส่งเสริม
ทำให้ผู้ปฏิบัติมีกิเลสเพิ่มไปโดยไม่ได้เจตนา เช่น คำชมต่างๆที่เคยเขียนไว้ในกระทู้สติ

ส่วนการปล่อยวาง ผู้ปฏิบัติต้องเห็นสภาวะด้วยตัวเขาเองจริงๆ ถึงจะปล่อยวางลงไปได้
ต่อให้ผู้สอบอารมร์บอกว่า ปล่อยวางไปเถิด หากเขาไม่เห็นสภาวะไตรลักษณ์ด้วยตัวเอง
ปล่อยวางยากค่ะ สุดท้ายก็กลับมาเหมือนเดิม



เรื่องความคิดเห็น เราไม่จำเป็นต้องเห็นเหมือนกันหรอกค่ะ ต่างคนต่างรู้ เขาไม่พูดมา เราห็ไม่รู้ของเขา
เราไม่พูดออกไป เขาก็ไม่รู้ของเรา ส่วนจะแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่นั้น ก็แล้วแต่เหตุที่ทำกันมาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 22:52, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 285 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18, 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร