วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 21:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 285 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 01:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b43: :b43: :b43:

อภินันทนาการ....อีกสักดอกก็แล้วกันนะคะ
จะได้สดชื่นก่อนนอนค่ะ


ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณน้ำ :b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b43: :b43: :b43:

โอ...โย....โหยว...

ช่วยด้วย !!!! ข้าพเจ้ากำลังลอยติดเพดานแล้วครับพี่น้อง
แหม!!!คุณน้ำก็....เล่นชมกันซึ่งๆ หน้ากันอย่างนี้เลยเหรอคะ :b3:

ก็โรสเห็นว่าช่วงนี้ดูคุณน้ำจะ "อ่อนไหว" หรือ
"เหน็ดเหนื่อย"
กับอะไรเป็นพิเศษ รึเปล่าคะ
(ถ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ขออภัยด้วยนะคะ) :b8:

ก็เลยลองหาอะไรมาฝาก
เผื่อว่าจะทำให้กัลยาณมิตรของเรา "ชื่นบาน" ขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
:b12:

ส่วนเจ้ากลอนข้างล่างเนี่ยะ
จริงๆ แล้วมันก็คนละเรื่อง คนละอารมณ์กันเลยนะคะ
แต่เผอิญว่าคนอ่านคิด(เอาเอง)ว่ามันน่าจะเกี่ยวกันอยู่ในบางบท
ก็เลยเอามารวมกันหน้าตาเฉย....ซะอย่างนั้น นะเรา!!! :b9: :b32:

ถ้าทำให้คุณน้ำรู้สึกดีขึ้น....โรสก็ปลื้มแล้วค่ะ :b4: :b17:

:b43: :b43: :b43:

:b47: เศร้า เหงา รัดทด หดหู่
:b47: หม่นหมอง ร้องไห้ เบิกบาน หัวเราะ
:b47: เกิดแล้วดับ หมุนเวียนเปลี่ยนไป..ไม่หยุดยั้ง
:b47: เพียงเฝ้าดู...ให้รู้อยู่เท่านั้น
:b47: เพื่อประจักษ์ว่าจะควบคุม หรือข่มกลั้น...มันได้ไหม ?!?


:b43: :b43: :b43:[/quote]


สวัสดีค่ะ คุณโรส :b8:

คุณโรส.. รอบนี้เอาไปเลยค่ะ I LOVE YOU :b15:

รักคุณจริงๆ .. โดนหมดเลยค่ะรอบนี้ .. ทุกๆคำพูด .. ทุกๆการกระทำ ...

น้ำกำลังมีอาการแบบนั้นจริงๆ แต่ไปคิดจัดการอะไรไม่ได้ ...

เพราะถ้าไปคิดจัดการ ..แบบว่ามีเราเข้าไปเกี่ยวข้องเมื่อไหร่ .. เรานี่แหละค่ะเสร็จเลย ..

เรื่องของสภาวะ .. สิ่งที่เกิดขึ้น .. ต้องเฝ้าดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ...

ห้ามแทรกแซงสภาวะอย่างเด็ดขาด ..


เศร้า เหงา รัดทด หดหู่
หม่นหมอง ร้องไห้ เบิกบาน หัวเราะ
เกิดแล้วดับ หมุนเวียนเปลี่ยนไป..ไม่หยุดยั้ง
เพียงเฝ้าดู...ให้รู้อยู่เท่านั้น
เพื่อประจักษ์ว่าจะควบคุม หรือข่มกลั้น...มันได้ไหม ?!?

เนี่ย .. ใช่เลยค่ะ .. ถูกต้องที่สุดเลย .. :b2:

ไม่ใช่เพิ่งจะเป็นค่ะ .. ด่านอื่นๆที่ผ่านมานั้นว่าโหดแล้ว ...

น้ำน่ะทรหดอดทนมากๆกับด่านนี้ .. สุดๆเลยค่ะ .. โหดโคดๆ ..

เล่นกับความรู้สึก .. ถอยก็ไม่ได้ ... ขยับตัวไม่ได้เลย ...

แต่น้ำมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า .. อดทนไว้ .. แล้วมันจะจบลงสักวันหนึ่ง ..

วันนี้เราอาจจะดูเหมือนเป็นผู้แพ้ .. แต่แพ้เพียงภายนอก ...

แต่ภายใน .. เราคือผู้ชนะ .. ชนะใจตนเอง .. ที่มีความอดทน ..

ไม่หนี .. ไม่สู้ .. ไม่ถอย .. ไม่แทรกแซงสภาวะใดๆทั้งสิ้น ..

เฝ้าดูไปด้วย .. พร้อมๆกับเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ .. ไม่คิดหยุดพัก ..

สภาวะของน้ำช่วงนี้แปรปรวนที่สุดเลยค่ะ .. จับเอาไว้แทบจะไม่อยู่ ..

เล่นเอาล้มลุกคลุกคลานตลอดเลย .. แต่ก็ลุกขึ้นใหม่ค่ะ .. เดินหน้าต่อไป .. ไม่มีถอย ..

น้ำนี่โชคดีมากๆ .. เจอแต่กัลยาณมิตรที่ ... พูดไม่ออก .. ตื้นตันใจค่ะ .. :b15:

น้ำเป็นคนที่พูดอะไรๆที่หวานแหววไม่เป็นเหมือนคนอื่นๆเขา ..

ขาดคุณสมบัติของสุภาพสะกรี .. :b32:

กำลังสะบักสะบอม .. ได้ยาชูกำลังจาก คุณโรส ..

ค่อยยังชั่วค่ะ .. ขอบคุณมากๆค่ะ ... :b8:

สูตรสำเร็จสำหรับน้ำ .. อดทน ... เฝ้าดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ..

รู้ลงไป .. แล้วอยู่กับมัน .. ไม่ไปชอบหรือชัง .. ไม่คิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆทั้งสิ้น ..

ไม่มีเราเข้าไปเกี่ยวข้องในสภาวะนั้นๆ .. ไม่แทรกแซงสภาวะ ..

การแทรกแซงสภาวะนั่นหมายถึง ชีวิตเราที่จะต้องถูกเปลี่ยนแปลงไป ..

แล้วจะทำให้เราเหนื่อยกว่าเดิม ... ฉะนั้นจงอดทน ..

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


มัทนา ณ หิมะวัน เขียน:
รูปภาพ

:b43: :b43: :b43:

อภินันทนาการ....อีกสักดอกก็แล้วกันนะคะ
จะได้สดชื่นก่อนนอนค่ะ


ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณน้ำ :b8: :b4:



ได้แต่บอกว่า .. รักมากมาย .. :b15:

ขอบคุณมากๆค่ะ :b8: .. ราตรีนี้ยังยาวนานค่ะ ...

สำหรับน้ำ ... ไม่มีทั้งคำว่า กลางวันและกลางคืนแล้วแหละค่ะ ..

เพราะมันคือ เวลาธรรมดาๆสำหรับน้ำไปเสียแล้ว ...

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2009, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




Ragdoll-Breed.jpg
Ragdoll-Breed.jpg [ 16.48 KiB | เปิดดู 5228 ครั้ง ]
คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ...

บางคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท้อใจ หดหู่ใจ เสียใจ เศร้าใจ ..

คนบางคนต้องการคำปลอบประโลมใจ ต้องการกำลังใจจากผู้อื่น ..

แต่ก็มีคนบางคนที่ไม่ได้ชอบการปลอบประโลมใจ เพราะทำให้เขารู้สึกว่ากำลังอ่อนแอ ..

เพียงคำพูดเล็กๆน้อยๆของกัลยาณมิตร ก็ช่วยให้สดชื่นได้ชั่วขณะหนึ่ง ...

แต่สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เขาต้องช่วยตัวเอง เขาต้องลุกด้วยตัวเอง ..

ดีใจที่ได้เจอแต่กัลยาณมิตร ณ ที่ลานธรรมแห่งนี้ :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




A43217900.jpg
A43217900.jpg [ 29.86 KiB | เปิดดู 5211 ครั้ง ]
:b41: ท่ามความเงียบเชียบและเหน็บหนาว :b41:
:b41: บินมาราวดาวดวงแห่งห้วงฟ้า :b41:
:b41: สถิตย์แนบท้องทุ่งในป่ากว้าง :b41:
:b41: ดุจมายา"ปีกฝัน"ดั่งวันวาน. :b41:

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




ResizeImg.php.jpeg
ResizeImg.php.jpeg [ 29.28 KiB | เปิดดู 5196 ครั้ง ]
:b8: เอารูปนี้มาฝาก คุณwalaipornให้เข้ากับชื่อ
กระทู้ ชื่นชมและชื่นชอบค่ะ อนุโมทนาสาธุ :b27:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




181430IMG_3630.jpg
181430IMG_3630.jpg [ 100.89 KiB | เปิดดู 5153 ครั้ง ]
อันช้านนี้ ... เหมือนบัวบาน .. บานชูช่อ ... :b16:

ไม่ยอมงอ ... แต่ยอมหัก ... หักอกุศล ... :b9:

ใครจะว่า ... ช้านอย่างรัยยย ... ใจอดทน .... :b7:

หมั่นฝึกฝน ... ฝึกตน ... ทนนะเอย ... นะเอย ... :b32:


ครายจะว่า ... ช้านมานบ้า ... บ้าจริงเหวยยย ... :b15:

ช้านเพียงเอ่ย ... อย่ามาคิด .... จิตอกุศล ... :b5:

เคยคิดไหม ... ทำมัยย ... ช้านจึงทนน ...:b6:

ช้านฉงน ... จิตไฉน .... ไม่ปราณี ... :b26:

ช้านไม่เคย .... คิดถอย .. หรือคอยหนี ... :b1:

อยากจะตี ... อยากจะทุบ ... ทุบช่ายไหม ... :b9:

ช้านก็มีมือ ... นะเออ ..... อย่าเผลอไป ... :b4:

เผลอเมื่อไหร่ ... เสร็จช้านานแน่ .. นะเอย ... นะเอยยยยยยย ... :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




45210713yj6.gif
45210713yj6.gif [ 7.49 KiB | เปิดดู 5141 ครั้ง ]
พร่ำอะไรอีกล่ะดอกบัว :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อ ฉันนี้ หมายถึง บัวไม่สมประกอบ

แต่ฉันชอบ จึงเลือกมา เป็นชื่อฉัน

เพราะหวังไว้ ว่าในทุกก้าว แห่งคืนวัน

ใจของฉัน อย่าก้าวพลาด ประมาทเมาตัว


:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2009, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




fa211bigky0.jpg
fa211bigky0.jpg [ 30.96 KiB | เปิดดู 5121 ครั้ง ]
ดอกไม้กับการปฏิบัติธรรม

มีอุบาสิกาท่านหนึ่ง ทุกๆวันจะนำดอกไม้จากที่บ้าน ไปเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันหน้าพระประธานที่วัด วันหนึ่งขณะที่นำดอกไม้ไปที่วัด ได้พบกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง พระอาจารย์ได้ทักทายขึ้นว่า

“โยมนำดอกไม้มาบูชาพระทุกวัน ตามตำราเขาว่า ชาติหน้าเกิดมาต้องมีรูปโฉมที่งดงามแน่นอน”

“ดิฉันทำอย่างนั้นเพราะ ทุกๆวันที่ดิฉันนำดอกไม้มาที่วัด รู้สึกเหมือนกับจิตวิญญาณถูกชำระด้วยน้ำที่ใสสะอาด แต่เมื่อได้กลับไปที่บ้าน จิตกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ไม่สงบ เกิดมาเป็นผู้หญิงแม่บ้าน ทำอย่างไรถึงจะอยู่ในโลกที่วุ่นวายสับสน และก็ยังสามารถรักษาจิตให้สะอาดและสงบได้เจ้าคะ?”

พระอาจารย์ตอบว่า “การรักษาจิตให้สะอาดและสงบ ก็ใช้หลักการเดียวกับการรักษาดอกไม้ให้สดสวยเช่นกัน โยมอยู่กับดอกไม้บ่อยๆ ย่อมจะต้องรู้จักวิธีการรักษาดอกไม้ “

อุบาสิกานั้นตอบว่า “วิธีที่จะรักษาดอกไม้ให้สดเสมอ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปลี่ยนน้ำทุกวัน และก่อนที่จะนำ ดอกไม้ไปใส่ต้องตัดปลายกิ่งที่เน่าออกเสียก่อน เพราะส่วนที่เน่าไม่สามารถดูดน้ำไปเลี้ยงดอกได้ ดอกไม้จะเ**่ยวแห้งได้ง่าย”

พระอาจารย์พูดต่อว่า “นั่นแหละถูกแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็เหมือนน้ำ ตัวเราก็เหมือนดอกไม้ ต้องตัดกิเลสและสิ่ง เศร้าหมองออกถึงจะสามารถดูดซับสิ่งดีๆจากธรรมชาติได้”

อุบาสิกานั้นกล่าวขอบคุณ และหวังว่าจะมีโอกาสมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดบ้าง เพื่อที่จะได้ฟังเสียงระฆังยามทำวัตรเช้า ได้สวดมนต์ และได้ใช้ชีวิตอย่างสงบในวัด

พระอาจารย์กล่าวต่อว่า “กายของเจ้าเปรียบได้ดั่งวัด ชีพจรดั่งเสียงระฆัง สองหูคือพุทธะ ลมหายใจเป็นบทสวดมนต์ ทุกแห่งหนล้วนสุขสงบ ยังมีความจำเป็นใดต้องมาปฏิบัติธรรมในวัดอีก”

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




987682.jpg
987682.jpg [ 36.37 KiB | เปิดดู 5085 ครั้ง ]
คิดถึงคน ... อยู่ไกล ... ใคร่ขอถาม ... :b20:

เป็นนิยาม ... ยามคิดถึง ... คนึงหา ... :b16:

เป็นอย่างไร ... สบายไหม ... ไร้ข่าวมา ... :b10:

จิตเจิดจ้า ... ความคิดดับ ... ดับสิ้นลง ... :b5:

เพียงแค่รู้ ... รู้ลง ... ตรงดวงจิต ... :b13:

ให้พินิจ ... พิจรณา ... ไม่ไหลหลง ... :b1:

จิตดวงนี้ ... ไม่ลวงหลอก ... บอกตามตรง ... :b4:

เพียงรู้ลง ... รู้ตรงๆ ... ลงปัจุบัน ... นะเอย .. นะเอยยยย :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 01:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0d01d01-21.jpg
0d01d01-21.jpg [ 66.7 KiB | เปิดดู 5080 ครั้ง ]
บุญเหลือ ที่ผ่านอะไรในโลกหล้า

บุญเหลือ ที่ผ่านธารน้ำตา ความร้าวฉาน

บุญเหลือ ที่ผ่านเรื่องราว ของวันวาน

บุญเหลือ ที่ผ่านกาล เคยเจ็บปวด

บุญเหลือ ที่ผ่านพบ เจอ"น้ำใจ"

บุญเหลือ ที่มีธรรม ประจักษ์ใจ

บุญเหลือ ที่ผ่านมา แล้วผ่านไป

บุญเหลือ ที่กอบเก็บ ธรรมะไว้..สอนใจตน

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 19 มิ.ย. 2009, 09:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 03:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอมอบ กุหลาบขาว กับ ผีเสื้อเพชรสายรุ้ง
เป็นอภินันทนาการแด่เจ้าของกระทู้และทุกท่านที่ร่วมเสวนา...
(เนื่องในโอกาสที่อยากมอบให้...ไม่มีอะไรมากกว่านี้)
พร้อมบทกลอนสอนใจเรื่อง ความฝันของเจ้าผีเสื้อตัวน้อย
(ที่ไปเจอะเจอในเว็บนึง จึงขออนุญาตคัดลอกมาให้ได้อ่านกัน ค่ะ) :b4: :b17:

:b17: :b8: :b12:


รูปภาพ


ความฝันของเจ้าผีเสื้อตัวน้อย
(พร้อมบทกลอนสอนใจจ้า)


ผีเสื้อน้อยตัวหนึ่งมีความใฝ่ฝัน
ที่อยากจะเป็นผีเสื้อสายรุ้งที่มีแสงในตัวเองสว่างไสว

ดังนั้นจึงได้เดินทางล่องใต้
เพราะได้ยินมาว่า ทางใต้มีผีเสื้อสายรุ้งอยู่
ในระหว่างเดินทางนั้นก็ได้พบกับผีเสื้อเฒ่าตัวหนึ่ง

ผีเสื้อเฒ่าจึงถามว่า

"เจ้าจะบินไปไหน?"

ผีเสื้อน้อยตอบว่า

"อยากจะไปศึกษาวิชาผีเสื้อสายรุ้ง"

ผีเสื้อเฒ่าหัวเราะและบอกว่า

"ผีเสื้อสายรุ้งนั้นมีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว"

จากนั้น ก็บินขึ้นไปบนฟ้า
แล้วกางปีกให้แสงผ่านปีกมองเห็นสวยงาม
ผีเสื้อตัวน้อยจึงได้เข้าใจ
ความเป็นผีเสื้อสายรุ้งที่มีอยู่แล้วในผีเสื้อทุกตัว

ความดีงามมีอยู่แล้วในตัวมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้
ไปหานอกตัวทำไม

ดังคำสอนของ ท่านพุทธทาส ว่าไว้ดังนี้

:b43: "จงรู้จักตัวเองคำนี้หมาย
ว่าค้นพบแก้วได้ ในตัวท่าน
หานอกตัว ทำไม ให้ป่วยการ
ในดอกบัวมีมณี ที่เอกอุตม์
เพื่อมนุษย์ ค้นหา มาให้ได้
การตรัสรู้หรือรู้สิ่งใดใด
ล้วนมาจาก ความรู้ ตัวสูเอง"
:b43:

:b41: :b8: :b8: :b8: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2009, 01:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




picture%5C182255119423.jpg
picture%5C182255119423.jpg [ 47.2 KiB | เปิดดู 5012 ครั้ง ]
ถ้าปราศจากความรักและความอยากเสียแล้ว เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

สุขในชั้นกลางคัดลอกจากหนังสือคำพระสอน : วาทะธรรมท่านพุทธทาส หน้า ๘๓-๙๐



เมื่อเขยิบสูงขึ้นมาถึงชั้นนี้ ตัวความสุขได้แก่ ความคายออก เสียได้ซึ่งการยึดถือเอา
ด้วยความกำหนัดรัก อันมีอยู่ในสิ่งที่ยั่วยวนในโลกนี้, ตลอดถึงสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความรัก
ตามธรรมดาบรรดาสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความใคร่ จะเป็นพวกรูปธรรม คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
หรือที่เป็นพวกนามธรรม เช่น ยศศักดิ์ สรรเสริญ ก็ดี ที่เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดรักนั้น
เป็นเหมือนเหยื่ออันหุ้มเบ็ดไว้; ความสุขอันเกิดจากสิ่งนี้จึงเป็นสุขปลอดไม่จีรังยั่งยืน,
เป็นเพียงความเพลิน หรือสุขที่เป็นไปกับด้วยเหยื่อพระพุทธองค์จึงไม่ทรงยกขึ้นเป็นความสุข
เพราะทรงหมายเฉพาะสุขที่แท้จริง คือ ไม่มีเหยื่อล่อ ซึ่งอย่างต่ำที่สุดได้แก่ ความไม่เบียดเบียนกัน
และข้อนี้ก็เป็นเครื่องแสดงให้เราหยั่งทราบน้ำใจของท่านผู้เป็นพระอริยเจ้าได้อย่างดีว่า
ท่านเพ่งมองความสุขกันโดยเหลี่ยมไหน

สิ่งที่น่ารัก น่าฟูใจ ทั้งหลาย ที่เรียกกันว่า กามคุณ เป็นเหตุให้เกิดความสุข
แต่ต้องอาศัยความกำหนัด ความรัก ความยั่วยวน ความพอใจ เข้าช่วย
จึงจะเป็นความสุขไปได้ เมื่อมีความสมหวังแล้วก็เคยชิน เบื่อ และแส่หาใหม่สืบไป
จึงเป็นของเผาลนอยู่เสมอ, และชั่วขณะเหมือนของยืมผู้อื่นเขามา

และเมื่อกำลังเมามัวหลงรักอยู่ ก็ต้องอุทิศหัวใจตนให้เป็นเหมือนเขียงรองสับเนื้อ
ยอมรับทุกๆ ประการ เพื่อบำรุงบำเรอของรักจนกว่าจะเบื่อหน่าย, และพร้อมกันนั้น
ยังเป็นทางเกิดขึ้นแห่งความหึงหวง อิจฉา ริษยา ซึ่งเป็นเครื่องเผาลนอีกเป็นอย่างมาก

และยิ่งในเมื่อยังไม่ได้ ยังกำลังปรารถนาจ้องมองอยู่แล้วดูเหมือนว่าภายในใจจริงนั้น
มิได้มีมนุษยธรรมอาศัยอยู่เลย เพราะบรรจุเต็มไปด้วยไฟฟ้า คือ
ทะยานอยากและการคำนึงหาอุบายที่จะให้ได้สมอยากเท่านั้น

แต่ว่าความรู้สึกทั้งสามอย่างนี้ มักไม่มีใครมองในแง่ร้าย; กลับมองไปในแง่ดี คือ
เห็นเป็นความสามารถบ้าง, ความอุตสาหะบ้าง, และอะไรต่ออะไรอีก
ตามที่นิยมกันในหมู่ชนผู้มีความรู้สึกอยู่ในระดับเดียวกัน, ไม่ว่า แก่ หนุ่ม นักศึกษา
หรือมิใช่นักศึกษาก็เป็นได้เสมอกันและกล่าวกันว่าเป็นความสุขทั้งที่มันเผาลนอยู่นั่นเอง
ส่วนพระพุทธองค์ทรงหมายอาการตรงกันข้าม คือ ความไม่เผาลนเพราะกามคุณว่าเป็นความสุข

การมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่กำหนัดรักในสิ่งที่น่ารัก เป็นความเยือกเย็น เป็นชีวิตที่มีญาณทัศนะ คือ
ความรู้จักกามคุณอย่างชัดเจนจริง เป็นผู้นำ มิใช่ตัณหาเป็นผู้นำ การรู้จักกามคุณ คือ
รู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร มันเคลือบหุ้มอยู่ด้วยอะไร จึงชนะใจคนเป็นจำนวนมากได้
มันจะไม่มีพิษสงเมื่อเรารู้จักมันให้ซาบซึ้งอย่างไร, หรือกล่าวสรุปอย่างสั้นๆ ว่า ...
ความจริงมันคืออะไรกันแน่ เมื่อรู้จักมันดีแล้ว จะทำให้ไม่อยากจน ลืมตัว หรืออย่างต่ำที่สุด
ก็ไม่กลืนลงไปทั้งเบ็ด ด้วยอาการฮุบเอาอย่างไร้ความรู้สึก เพราะฉะนั้นจึงเป็นความสุขที่บริสุทธิ์
สะอาด จืด และเย็นอย่างยิ่ง เป็นอิสระอย่างยิ่ง

ความกำหนัดรัก เป็นบ่อเกิดของความโศก ความกลัว ความระแวง ความอาลัย ความสะดุ้ง
ความหึง ฯลฯ; เพราะฉะนั้นในนาทีแห่งความรัก ก็คือ นาทีแห่งความชั่วร้ายที่ออกนามมาแล้ว
ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ในทำนองอันตรงกันข้าม นาทีแห่งความจืดสนิทจากความรัก
ก็คือ นาทีแห่งความโปร่งโล่ง เยือกเย็นของใจนั่นเอง

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า การชนะความรักเป็นความสุข ผู้แพ้ความรักต้องทำงานให้ความรักทั้งหมด
เพราะในขณะนั้นตนของตนเองไม่มี ผู้ที่พยายามในความรักจนสำเร็จสมหมายก็คือ
ผู้ที่แพ้ความรักตลอดเวลา จนหมด ไม่มีอะไรจะแพ้อีกสำหรับความรักเรื่องนั้น

ชีวิต หรือคนเรา ก็คือ ลูกบอล หรือลูกกอล์ฟ ซึ่งมีความอยาก, ความโง่, อุปาทาน
เป็นผู้ตีให้กลิ้งไปกลิ้งมาในสนาม กล่าวคือ วัฏสงสาร จะเป็นสุขหรือสนุกอะไร
ในการเป็นลูกบอล; แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่รู้สึกเกลียด
เพราะเรายังไม่รู้จักว่ามันกำลังเป็นไปอย่างไรกันนั่นเอง เรายังคิดปัญหาชีวิตของเราไม่ได้เลยว่า
คนเราคืออะไร? เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องกระดอนไปกระดอนมา โลดๆ เต้นๆ
ไปตามที่เรานึกอยากสนุกเหมือนรับประทานแกงที่ทั้งอร่อยและเผ็ดยิ่งกว่าเผ็ด,
จนกว่าเราจะรู้จักดีว่า กามคุณ หรือสิ่งที่ยั่วยวนความอยากนั้นคืออะไรกันแน่

เราลืมตาขึ้นมาในโลกนี้และพบ “กามคุณ” ในฐานเป็นสิ่งที่เรารู้จักมันแต่เพียงว่าเป็น “สิ่งที่น่ารักจริงๆ” เท่านั้น เราไม่เห็นและไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นมาอย่างไร เพื่ออะไร มีอะไรแฝงอยู่ข้างใน,
เป็นต้น จึงติดเบ็ด หมดอิสรภาพ ไม่มีส่วนเหลือแม้แต่นิดเดียว

พระองค์จึงตรัสว่า “ความอยาก ดึงจูงไปได้รอบๆ ซึ่งคนเรา” หมายความว่า
เราแพ้โดยประการทั้งปวง ต่อเมื่อชนะสิ่งที่น่ารัก เป็นอิสระ มีตนเป็นของตน (มิใช่ตนของความอยาก) เมื่อนั้นจึงจะเยือกเย็น ไม่เผาลน, ไม่ชอกช้ำ เหมือนเขียงสับเนื้อ, และนั่นคือ ความสุข,
ความสุขที่พระพุทธองค์ทรงหมายถึงในขั้นนี้ของวีรบุรุษที่ชนะคนทั้งโลก
แต่อาจมาแพ้ผู้หญิงคนเดียว ก็เพราะตนของตนไม่มี, มีแต่ตนของความอยาก
เพราะฉะนั้นตนของความอยากจึงไม่ใช่ตนอันแท้จริง, ตนของความไม่อยากต่างหากเป็นตนอันแท้จริง เหตุนั้นในหมู่ชนผู้ยังมีตัวตน คือ ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ยังถือลัทธิมีตัวตน
จะต้องยึดถือเอาตัวตนให้ถูกต้อง จึงจะได้ตัวตนที่เยือกเย็น เป็นที่พึ่งแก่ตนได้

ข้อที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งของตน” ก็หมายถึงตัวตนอันแท้จริงนี้,
เพราะตัวตนที่เป็นของความอยากย่อมมอบทุกข์ให้ตนโดยส่วนเดียวร่ำไป
การคายออกเสียซึ่งความกำหนัดรักที่เราเคยมีไว้สำหรับรักและอยาก จึงเป็นทางแห่งความสุข,
และการคายออกเสียได้ ก็คือ ความสุขอันเยือกเย็น อย่างแน่แท้

เราจะเป็นผู้ชนะความอยากได้ ก็ด้วยการปฏิบัติธรรมตามหลักแห่งพระพุทธโอวาท
ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งจากเรื่องนี้ ซึ่งรวมความสั้นๆ ได้ว่า ความมีสติระลึกได้ทันท่วงที
ก่อนแต่จะพบกันเข้า หรือกำลังพบกันอยู่กับอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความอยากนั้นๆ ,
เพื่อเป็นผู้ไม่หลงใหลมืดมน จนจิตบังคับจิตและกายไว้ไม่ได้ ซึ่งเราเรียกกันว่า บังคับตนไว้ไม่ได้
ถึงกับยอมมอบตนให้ไปเป็นสิทธิ์แก่อารมณ์นั้น

เมื่ออยู่ในที่เฉพาะหน้าอารมณ์ เราทำบทเรียนแห่งการข่มจิตวางเฉย กำหนดจิตไว้
โดยประการที่ความรู้จักผิดชอบชั่วดียังคงมีอยู่ในจิต หรือถึงกับความเยือกเย็นยังคงมีอยู่ในจิต

ในที่ลับหลังอารมณ์ เราจะปลูกมโนคติเป็นอารมณ์ต่างๆ แล้วพิจารณามันไปโดยละเอียด
ในสายแห่งความจริง จนเห็นทะลุเข้าไปถึงความที่มันเป็น “ดอกไม้แห่งผู้ล้างผลาญ”
คุณความดีหรือธรรมชาติฝ่ายสูง” ซึ่งเป็นเหยื่อล่อดึงเราไป
เป็นการพล่าเวลาอันมีค่าของเราให้สิ้นเปลืองไปด้วย ความมัวเมาเป็นชาติๆ จนเป็นผู้ชนะอารมณ์
หรืออย่างที่กล่าวเป็นบุคคลอธิษฐานว่า “ทำพญามารเจ้าของดอกไม้ ให้หมดอุบายที่จะล่อลวง
จนต้องนั่งกอดเข่า” ดังนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ก้าวล่วงเสียซึ่งอารมณ์ และนั่นคือ
ความสุขที่แท้จริงขั้นหนึ่ง แต่จะเป็นที่แจ่มแจ้งและที่ปรารถนาของคนทั่วไปได้
หรือไม่นั้น ได้แสดงเหตุผลไว้ข้างต้นแล้ว

ดังกล่าวมาแล้วนี้ คงชวนให้เกิดปัญหาว่า ถ้าปราศจากความรักและความอยากเสียแล้ว
เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? คำตอบคือ ก่อนนี้ ชีวิตเราถูกความอยากขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นนายก
หรือผู้บัญชาการ เราทำทุกอย่างด้วยความอยากบังคับ, หรือมิฉะนั้น ก็คลุกเคล้าไปด้วยความอยาก
แต่เดี๋ยวนี้เราจะให้ความรู้สึกชนิดที่ดีงาม เช่น ความรู้จักหน้าที่ของชีวิต ความรู้จักหนี้ธรรมชาติ
ความกตัญญูกตเวที ความเมตตากรุณา ความเคารพตนเอง และประชาชนเหล่านี้ เป็นต้น
เป็นผู้นั่งบัลลังก์แห่งชีวิตประจำวันของเรา : ในขณะที่ทำงานอาชีพหรือหนาที่ก็ดี
ในเวลาบริโภคผลของงาน หรือเวลาพักผ่อนหย่อนใจเล่นสนุกก็ดี,
โดยเราปราบปรามตัวความทะเยอทะยานอยาก เหวี่ยงลงมาเสียจากบัลลังก์ตำแหน่งผู้บงการในใจเรา

เราจะเห็นได้ง่ายในระหว่างคนสองคน คนหนึ่งกินอาหารด้วยความอยาก หมายถึง
อยากในรส หรือรสตัณหา ไม่ใช่ความหิวตามธรรมชาติ, ต้องมีพิธีประดักประเดิด
ใส่นั่นเติมนี่, ทำอย่างนั้นอย่างนี้ มีมารยาสาไถยในการกิน, คนครัวหรือบุตรภรรยาถูกด่าว่า แดกดัน

อีกคนหนึ่ง กินอาหารเพียงด้วยความรู้สึกถึงหน้าที่บริหารกายตามธรรมชาติ แม้อาหารจะเลวทราม
จืดชืดเพียงไร ก็บริโภคได้อย่างเยือกเย็น หากเป็นสิ่งที่เนื่องมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนครัว
คนใช้ อย่างมากก็จะเพียงแต่ถูกเรียกมารับคำสั่งสอน ชี้แจง ด้วยวาจาอันอ่อนหวานไม่มีการสาดเท
หรือแดกดันดุด่าอย่างอื่นใด นี่ก็เป็นเครื่องแสดงว่า
แตกต่างกันเพียงไรในระหว่างการกินด้วยความอยาก และการกินด้วยความรู้สึกที่ดีงาม ดังกล่าวแล้ว

ในการเล่น หรือแม้การงานอันเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นหัวหน้า ก็อย่างเดียวกัน
ซึ่งเราจะต้องระวังในการเคลื่อนไหวทุกๆ อิริยาบถ
อยู่ในความควบคุมของความรู้สึกที่ดีงามต่างๆ ชนิดเหล่านั้นเสมอ
อย่าให้ความอยากอย่างนั้นอย่างนี้ โผล่ขึ้นนั่งเหนือหัวใจเป็นอันขาด การงานนั้นจะดำเนินไปด้วยดี
หลีกเลี่ยงอุปสรรคและความผิดพลาดได้คล่องแคล่ว;
เนื่องจากความรู้สึกที่ดีงามเหล่านั้นย่อมเรียกร้องมาซึ่งคุณสมบัติอย่างอื่นๆ เช่น
ความมีสติสัมปชัญญะ, ความหยั่งถึงเหตุผล เป็นต้น อย่างเพียบพร้อมเสมอ

ผู้กระทำก็เยือกเย็นทั้งก่อนทำ กำลังทำ และทำเสร็จแล้ว; ใช่ว่าความอยากจะจูงให้ทำเร็วหรือ
บังคับบัญชาผู้อื่นได้ดีก็หาไม่, เพราะนั่นเป็นความฉลาดซึ่งเกิดออกมาจากความรู้สึกอันดีงามดังกล่าว; ส่วนความอยากมีแต่ความแผดเผา เท่านั้น

เหล่านั้นคือ นิมิตของความสุขอันเกิดจากความมีชีวิตอยู่ด้วยความปราศจากความอยากและราคะ




สรุป : ถ้าท่านปราศจากความรักและความอยากเสียแล้ว .... ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?

"ความรัก" ทำให้นาทีแห่งความรัก คือ นาทีแห่งความชั่วร้ายที่ได้ออกมา.
กล่าวคือ ผู้แพ้ความรัก แพ้ตลอดเวลา แพ้จนหมด
ไม่มีอะไร แพ้อีก สำหรับความรักในครั้งนี้ ....ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดจากความโง่ของตัวเอง..
เป็นเหมือนเหยื่ออันหุ้มเบ็ดไว้; ความสุขอันเกิดจากสิ่งนี้จึงเป็นสุขปลอม ไม่จีรังยั่งยืน,
เป็นเพียงความเพลิน หรือสุขที่เป็นไปกับด้วยเหยื่อ....
" สุขที่แท้จริง คือ ไม่มีเหยื่อล่อ (ความไม่เบียดเบียนกัน)"

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




9112008-112951-91748_big.jpg
9112008-112951-91748_big.jpg [ 28.96 KiB | เปิดดู 4978 ครั้ง ]
ดอกไม้ธรรม

ดอกถวิลหาบานสะพรั่งกลางกิ่งใจ
ดอกโศกไยบานรอพ้อดอกขวัญ
ดอกเสน่หาลาเลือนน้ำผึ้งจันทร์
ดอกคิดถึงทุกวันมาบานรอ

ดอกนับวันนับคืนเคยชื่นฉ่ำ
ดอกระกำบานไสวเพราะใครหนอ
ดอกพิสวาทพลาดถลำให้ใจท้อ
ดอกรักรอราโรยโปรยลาลาน

ดอกน้ำใจราวหยาดฝนเคยปรนพร่าง
ดอกอ้างว้างดายเดียวแทนรักหวาน
ดอกลานิรันดร์ขวัญหายบานตระการ
ดอกเศร้าบานแทนดอกรักเคยภักดี

ดอกเสียใจบานเต็มช่อรอปลิดขวัญ
ดอกสวรรค์ไกลเกินเอื้อมตราบชีพนี้
ดอกหักใจลาพรากไปไม่ไยดี
ดอกฤดีพลีพร้อมยอมว่างไร้...

ดอกไม้ธรรมหอมแทนที่มาพลีผุด
พราวพิสุทธิ์ดั่งน้ำค้างพร่างรินใส่
แทนดอกโศกดอกรักเศร้าในบึงใจ
ดอกรัตนตรัยผลิแย้มมาแต้มเต็ม....มาเติมเต็ม....!!!!!!


อ่านแล้วถูกใจค่ะ เลยนำมาฝากทุกคน :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 285 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร