เพิ่งมารู้ตัวว่า เพราะกิเลส เต็มๆ เลย
เพราะตอนนั้นเหงามาก
ตาอยากเห็นรูป
หูอยากได้ยินเสียง
จมูกอยากได้ดมกลิ่น
ลิ้นอยากได้ลิ้มรส
กายอยากได้กระทบสัมผัส
ใจแม้ไม่อยากคิดนึกแต่ก็อยู่ในความคิดตลอดเวลา

ตัณหา เต็มๆ ครับ

:

ท่านกบคงเป็นคนรักเด็กๆนะคะ
เขาว่ากันว่าบ้านไหนไม่มีเด็กบ้านนั้นไม่มีชีวิต
(ยายมัทเห็นด้วยจริงเพราะตอนนี้บ้านยายมัทเต็มไปด้วยชีวิตชีวามากๆ )

จริงๆแล้วถ้าเราตัดสินใจแต่งงานมีชีวิตคู่กัน
ชีวิตครอบครัวจะสมบูรณ์ได้ก็ต้องมีลูกไว้สืบสกุล
(ตามสูตรชาวโลกอ่ะค่ะ)

แต่ยายมัทก็เห็นด้วยอีกว่าลูก คือ "ราหุล" จริงดังท่านว่า
เป็นการสร้างบ่วงให้ผูกกันไปอีกหลายภพชาติ
ขนาดยายมัทไม่มีลูก
มีแต่หลานก็ยังรักผูกพันกับเขามาก
เห็นน้องๆ ขวนขวายทำมาหากินตัวเป็นเกลียวเพื่อลูกตัวเองแล้ว...
ขอบอกว่าเหนื่อยแทนจริงๆ

อีกอย่างสำหรับยายมัท

ภาระความเป็นแม่มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ตัวเองจะทำได้...
คงไม่สามารถชาตินี้
(แต่ชาติไหนก็คงไม่เอาแล้วล่ะ)

แต่การมีชีวิตคู่แล้วไม่มีลูกก็อิสระดี
อยู่เป็นเพื่อนกัน เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน
เกื้อกูลดูแลกันทั้งยามทุกข์และสุข
ทั้งในทางโลกและทางธรรมก็เป็นสิ่งที่ดีทีเดียว

แก่ๆตัวไป ก็เข้ากุฏิหลังวัดคนละหลัง
อุบาสกหลัง..อุบาสิกาหลัง
ดีจะตายไปน่ะท่านกบว่ามั้ย



ป.ล ท่านกบ คราวหน้าอย่าใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "กระผม"
กับยายมัทเลยขอร้องล่ะ
คือฟังดูเหมือนยายมัทชรากว่าท่านเป็นศตวรรษเลยล่ะนั่น !!!

ถ้าโสด หมายถึงยังไม่แต่ง
ก็ยังโสดอยู่น่ะจ๊ะ...

ป่านนี้แล้ว...แต่งหรือไม่คงไม่แตกต่าง
คบกันไปเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน...
ดูแลกันเท่าที่ปัจจัยเงื่อนไขแวดล้อมอำนวย...ก็เกินพอแล้ว

อยู่เป็นโสดก็ดีนะคะคุณน้องขา อิฉันเคยแต่งแล้วเลิกแล้วเจ้าค่ะ คนอื่นอาจจะสุขแต่อิฉันว่ามันทุกข์เจ้าค่ะ ทุกวันนี้อยู่แบบโสดๆกลับสบายกว่ากันแยะ นานาจิตตังเจ้าค่ะ โชคดีนะคะคนโสด

อยู่ตรงกลางคือ...กำลังจะแต่ง

พี่สาวเหลือน้อย...

แต่งงานไปแล้วไม่ happy แล้วก่อนที่จะแต่งงาน รักกันไหมคะ? ก่อนแต่ง happy บ้างไหมคะ? ก่อนแต่งงานเคยคิดไหมคะ ว่าแต่งแล้วมันต้องเป็นแบบนี้ หรือว่า มั่นใจว่าไม่เลิกแน่นอน ก็เลยแต่งงาน?

(ไม่น่าถามเลย...ถ้าไม่รักจะแต่งงานกันทำไม แต่อยากได้คำยืนยันน่ะค่ะ ว่าคนที่เคยรักกันและภายหลังเลิกรักได้..มันมีอยู่จริง นี่มันคือเรื่องจริง..สงสัยมากๆ ว่ามันเป็นยังงั้นได้ไง)

สวัสดีค่ะคุณน้อง(น้อม)
ตอนแต่งมันก็รักกันอยู่หรอกค่ะ ฝันไว้สวยหรูว่าจะอยู่จนแก่เฒ่า ดังโบราณท่านว่าไว้ "น้ำต้มผักก็ว่าหวาน" นิยายน้ำเน่ายังไงยังงั้นแหละคุณน้องขา ไอ้ที่เลิกรักกันมันก็หลายปัจจัยแหละค่ะ แต่ละครอบครัวมันก็ต่างเหตุกันไป ที่สำคัญเราต้องอยู่กับปัจจุบันอยู่กับตัวเราและความเป็นจริงอย่าไปท้อแท้กับชีวิต โสดหรือแต่งงานโอกาสที่จะสัมผัสความสุขหรือความทุกข์ก็มีเหมือนกันแหละค่ะ อยากสุขเยอะก็หมั่นทำความดีไว้เยอะๆ อย่าไปซีเรียสค่ะชีวิตแต่งงานก็เหมือนแทงหวยถูกกินเรียบก็อย่าไปโทษใครเราเป็นคนแทงเอง อย่ายอมแพ้ สู้ๆๆๆ

ขอบคุณพี่สาวเหลือน้อยค่ะ..

อ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่มีใครทราบหรอกว่า วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ชีวิตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ น้อมคิดว่า "คนสวย" คงไม่ผิดหวังหรอก เรื่องความรัก เพราะผู้ชายคนไหนก็รักคนสวย แล้วคนสวยจะผิดหวังในความรักได้อย่างไร ก็คนสวยน่าชมน่ามอง ขนาดนั้นคงไม่มีใครเบื่อ..

พอโตขึ้น ก็เห็นคนสวยมากมายที่ไม่สมหวังในความรักคือ คือทั้งที่ หน้าตาสวย การงานมั่นคง มีโซ่ทองคล้องใจคือลูกๆนิสัยก็ดี ก็ยังมีเลิกลากันไป จากกันด้วยดีก็มี โกรธแค้นชิงชังกลายเป็นศัตรูกันก็มี...งงจริงๆ

พอโตขึ้นอีกนิดก็คิดว่า คนปฏิบัติธรรมนี่แหละ ที่ไม่น่าผิดหวังในความรักมากที่สุด..ปรากฏว่า น้อมเจอหลายคู่บุญที่ต่อมาก็ต้องจากกันไป คือเลิกกันไป แต่งงานใหม่บ้าง ตายจากกันบ้าง แถมบางคนไม่ได้แต่งงานแค่ครั้งสองครั้ง แต่สามถึงสี่ครั้ง ทั้งที่เป็นคนบุญ และไม่ได้เจ้าชู้เลย

ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าคิดมาก ว่าเราจะหาความแน่นอนของชีวิตได้อย่างไร (หรือมันไม่มีกันแน่)สรุปแล้วบางครั้งเราเหมือนจะเลือกได้แต่ก็เลือกไม่ได้ใช่ไหม เพราะมันมีบางสิ่งบางอย่างที่บงการชีวิตเราอยู่ใช่ไหม คือถูกชักใยอยู่ใช่ไหม คือเรื่องของกฏแห่งกรรมด้วยใช่ไหม และปัจจัยอื่นๆอีก

วันหนึ่งอาจเป็นชาตินี้หรือขาติไหน ที่น้อมอาาจจะแต่งงานกับใครสักคน หากน้อมรักเขา แต่ตัวเราเองจะมีวิธีทำอย่างไร ให้มีความสุข สงบใจมากที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่แต่งงานหรือเป็นโสด

อยากหาคำตอบ

ขอให้ทุกคู่รัก มีความสุข
ขอให้คนโสดทุกคน มีความสุขค่ะ

แต่งแล้วก็ต้องใช้ชีวตร่วมกัน สุขหรือผิดหวังก็ร่วมกันไม่ทิ้งกัน ถึงตัดสินใจชีวตคู่กันครับ

สวัสดีค่ะน้อง น้อมเศียร ฯ

ปัญหาที่น้องถาม มันก็ตอบอยากอยู่นะคะ ชีวิตก่อนแต่งงานกับแต่งงานกันแล้วมันต่างกันนะคะ
ความคิดของพี่ ผู้หญิงจะมีภาระงานมากขึ้น ผู้ชายจะสบายขึ้น

ก่อนแต่ง
1. ดูแลเสื้อผ้าของเราเอง เช่น ซัก รีด เก็บ
2. อาหารการกินเราคนเดียว+ครอบครัวสบายมาก
3. อยากไปเที่ยวไหนสะดวกโยธิน
4. พูดอะไรก็ตามใจเธอซิ เธอชอบฉันก็ชอบ
5. ไม่เที่ยวไหนฉันออกตังเอง ค่าน้ำมัน ค่ากับข้าว ของฝากญาตอีกสบายมาก
6. พอมีลูกผู้หญิงเลี้ยง 70 สามี 30 มั๊ง
7. ไปไหนไปด้วยกัน เธอไม่ไปฉันไม่ไป

หลังแต่ง
1. ดูแลเสื้อผ้าสามี ซัก รีด เก็บ
2. เอ ! วันนี้สามีอยากทานอะไร ชอบอะไร จัดหารอไว้
3. อยากไปเที่ยวสามีไม่ให้ไป ไปทำไมอีกเปลือง
4. พูดอะไรไม่เข้าท่า อย่าพูดมาก น่าเบื่อ
5. ไปด้วยกันนั่งเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ เธอค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ของฝากซื้อได้ออกตังเองซิ
6. พอมีลูกสมปรารถนา พอย่างเข้าวัยสบาย ออกนอกบ้าน แล้วก็มีปัญหาแบบอย่างว่าไงคะ
7. นาน ๆ เข้าไปไหนไปคนเดียว เธอดูแลลูกดีแล้วลูกจะอยู่กับใคร (ข้ออ้าง)
8. ปิดมือถือเพราะว่าเวลาอยู่กับเพื่อน เธอโทรตามเพื่อนมันชอบล้อ (ข้ออ้าง)
10. ซุกโทรศัพท์ เป๋าตัง

ยังมีอีกนะคะ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมคนที่แต่งงานแล้วพอเลิกกันถึงบอกว่าอยู่คนเดียวดีที่สุด
สบายสุด ๆ แต่คนที่ยังไม่แต่งงาน ยังไม่ผ่านประสบการณ์ชีวิตคู่ก็คงตอบอยากนะค่ะ
ก็ขอให้ทุกคนที่แต่งงานแล้วและกำลังจะแต่งงาน ทั้งโสด พบความสุขตลอดไปก็แล้วกันค่ะ
สำหรับพี่นิตาที่ใครๆ ก็อิจฉาชีวิตครอบครัวมาตลอด 20 กว่าปี ตอนนี้ขอบอกว่า นรกมีจริง
ถ้าเกิดใหม่ต้องขอเป็นผู้ชายแล้ว

ก่อนแต่งก็เป็นอีกอย่างหลังแต่งก็เป็นอีกอย่างตอนแต่งก็คิดว่าจะอยู่ด้วยกันจน
อีกฝ่ายตายจากกันไป...แต่ก็เจอมรสุมเยอะมากจนบางทีตั้งตัวรับแทบไม่ทัน
ปัญหาการเงินการงานมือที่3-4ความคิดไม่ตรงกัน....ถ้าประคองไปรอดก็คือรอด
ถ้าไม่ไหวยกธงขาวก็ต่างคนต่างไป..อนาคตไม่สามารถตอบได้อยู่แค่วันนี้เราทำหน้า
ที่เราให้ดีจะได้ไม่เสียใจที่หลังว่าเราน่าจะดูแลครอบให้ดีกว่านี้ถ้าทำดี
แล้วก็ถือว่ามันเป็นกรรมที่ต้องใช้ละกัน....(ทำใจไว้ก่อน)