วันเวลาปัจจุบัน 22 มิ.ย. 2025, 20:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 08:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 12:44
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอรายงานตัวนะคะ....เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ :b16: ...เราขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ...ค่อยๆอ่านไปเดี๋ยวจะงงนะ :b29: ..คือว่าตัวดิฉันเองแต่งงานเมื่อปี 46 แล้วก็หย่าเมื่อปี 50 ตลอดเวลาอดีตสามีไม่เคยซื่อสัตย์กับดิฉัยเลยค่ะ....นอกใจตลอดสุดท้ายทนไม่ได้เลยขอเลิก...เพราะว่าไปได้เพื่อนดิฉันซึ่งจริงๆแล้ว...จะว่าเพื่อนก็คงไม่ได้หรอกค่ะเป็นรุ่นน้องมากกว่า....ตอนที่เราคลอดลูกคนที่ 2 สามีก็มากับเด็กคนนี้มาเยี่ยมเราที่ รพ. สุดท้ายไปได้กันตอนใหนไม่รู้ค่ะ....น้องสามีบอกว่าพากันมามีอะไรกันห้องนอนเรา...ตอนที่เราไม่อยู่สุดท้ายทนไม่ได้เลยเลิก...พอเลิกสามีก็เอาเด็กคนนี้เข้ามาอยู่เลย...เราก็อยู่กัน 3 คนแม่ลูก...เวลาผ่านไป 5 ปี...ตลอดเวลา...อดีตสามีมาบ้างไม่มาบ้างซึ่งเราก็ไม่เคยห้ามเค้าที่จะมาเจอลูก....แล้วก็มามีเหตุการณ์ที่เราเองก็ งง อยู่ทุกวันนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา...อดีตสามี..มีพฤติกรรมแปลกๆเหมือนจะกลับมาคืนดี...ตอนแรกก็ งง ก็ถามเลยเอาให้แน่ใจสรุปว่าใช่...แต่ไม่ลิกกับทางนู้นเด็ดขาด...แค่อยากมีเราอีกคน...คืออยากมีทั้งสองคนค่ะ..เราก็เลยถามน้องสามีปรากฏาว่าที่เค้ากลับมาหาเราอีก...เพราะว่าเด็กคนนั้เปลี่ยนงานใหม่ทำให้เวลาไม่ตรงกันเค้าเหงาเลยกลับมาหาเท่านั้น....ไม่มีอะไร...แต่เชื่อใหมค่ะว่าเราโง่มากอ่ะ..ควายสุดๆ :b19: ยอมกลับไปมีอะไรกับเค้าอีก...ทุเรศตัวเองสิ้นดีเลย...กลับไปคบกับอดีตสามีไม่กี่เดือนหมดเงินไปให้เค้าไม่รู้เท่าไร....แต่ตลอดเวลาเราคุยกับน้องสาวสามีตลอด...น้องยังว่าพี่ไปให้เค้าทำไม..พี่รู้ใหมว่าเมียเค้าไม่เคยออกอะไรเลย....อยู่กับสามีเรานี่เหมือนเทวดามากสุขสบายที่สุด...ในขณะที่เค้าตอนอยู่กับเรา...เราเป็นหนี้เป็นสินมากมายเป็นมาให้เค้าเป็นมาเพื่อครอบครัวตัวเค้าไม่ออก...ไม่จ่ายอะไรเลย...เรารับผิดชอบหมดเลย...พอเลิกกันเราก็หาเงินปลดภาระหนี้สินตอนที่อยู่กับเค้าจนหมด...แต่ตอนนี้เค้าเองที่กลับมาหนี้เป็นแสน...ตั้งแต่อยู่กับเด็กคนนี้...มีลูกด้วยกัน 2 คน คนที่ 2 เพิ่งออกเดือนนี้เอง...แต่ดูเค้ามีความสุขมากเลยค่ะ...เค้าไปกันไปเที่ยวทุกวันหยุด...พ่อ..แม่..ลูก..ในขณะที่ตอนอยู่กับเรา..เราขอให้เค้าพาลูกเที่ยวบ้าง...นอกจากจะไม่พาไปแล้วยังบอกกับเราว่าไม่มีเวลาอยากพาไปก็ไปกันเองแล้วกัน...คิดแล้วร้องให้เลยค่ะ...น้องสามีบอกกับดิฉันว่าพี่เลิกกับมันได้แล้ว(อดีตสามี)มันเห็นแก่ตัวจะตายพี่ก็ยอมให้มันหลอกอยู่ได้...มันเอาของพี่ไปปรนเปรอเด็กคนนั้นพี่รู้หรือเปล่า...พี่เลิกแหอะ..ขนาดหนูเป็นน้องมันหนูยังไม่อยากให้พี่เสียเปรียบมันเลย....นี่คือคำพูดของน้องสาวอดีตนะค่ะ... :b2: :b2: ไม่รู้เป็นกรรมอะไรนะค่ะ..ตอนนี้ก็อยู่เฉยๆแล้วไม่ยุ่งไม่โทรหา...ปล่อยให้เค้าอยู่กันแบบครอบครัวพ่อ..แม่..ลูก..โดยที่ไม่มีเราไปกั้นกลางแล้วค่ะ...อยู่กันเอง 3 คนแม่ลูกแล้วตอนนี้จะไม่ให้เค้าเข้ามามีอิทธิพลอีกจะไม่ใจอ่อนอีกใครมีคำแนะนำดีๆช่วยหน่อยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2012, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ยามคนเราทุกข์ แล้วหันไปมองคนอื่น ที่ดูมีความสุข
ก็เท่ากับได้แบกทุกข์ เพราะเปรียบเทียบความสุขที่มาก
ที่น้อยของตนเองกับคนอื่นๆ ความจริงแล้ว วิธีที่จะ

มีความสุขง่ายๆ เร็วที่สุดก็คือ พอใจในสิ่งที่ตัวเองได้รับ
พอใจในสิ่งที่ตนเองมี ชีวิตให้ความสุข เพราะอยากสอนว่า
ความทุกข์นั้นซ่อนอยู่ในความสุขนั่นแหละ

ชีวิตให้ความทุกข์ เพราะจะสอนให้รู้ว่า มีความสุขซ่อน
อยู่ในความทุกข์เช่นเดียวกัน...

ก็ถ้าวันนี้มองย้อนกลับไป ตัดเรื่องได้เรื่องเสีย เรื่องเป็นเรื่องมี
หยุดเปรียบเทียบ หยุดรับฟัง หยุดใส่ใจ เรื่องจริงก็ดี เรื่องไม่จริงก็ดี
ให้กลับมา หยุดนิ่งๆ อยู่กับใจเราเอง ตัวเราเอง แล้วมองย้อน
กลับไปแบบไร้อคติ ถ้ากิเลสในใจ มันไม่หลอกไม่อยากได้ไม่อยาก
มีความสุข เหมือนในวันเก่าๆ แล้วละก็ เราจะอ้าง จะบอกใครต่อใครไหม
ว่าเรา ไม่ฉลาด ทานหญ้าเป็นอาหาร ด้วยเหตุผลเรื่องบนเตียงของผู้ชาย...

เขาหรือเราใครกันแน่ ที่มีกิเลสตรงนี้ คอยกระซิบ คอยปรารถนา คอยบงการ
อยู่ภายในจิตใจของเรา เมื่อมันพลักดัน เราจึง กระทำกรรม ทางกาย
ทางวาจา ทางใจของเรา ด้วยกิเลสตัณหานั้นๆ จนเป็นที่มาของ
การได้รับผลวิบากต้องเจ็บปวด อีกสามสี่เท่า

หากวันนั้น พอใจแล้ว หยุดแล้ว สุขก็สอนแล้ว ทุกข์ก็มาสอนแล้ว
ให้เรารู้ว่าอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน ถ้ากรรมที่ใจอ่อน ใจเรา ไม่หลงผิดไป
เรื่องเงินทอง เรื่องภาระ ความน้อยใจเสียใจ สงสารตัวเองและลูกๆ
คงไม่มีทางเกิดขึ้น ให้ผลกับเราแน่นอน...

ยุติมันเสียเดียวนี้ ยอมรับความจริง ยอมรับและให้อภัยใครๆ ไม่ใช่ใครที่
เดินไปติดกับดักอันนั้นเข้า นอกจากตัวของเราเอง

จะสุขก็เพราะผลการกระทำของเรา จะทุกข์ก็เพราะผลของการกระทำของเรา
ถ้าเลือกได้ ถ้าต้องการความสุข หนึ่งให้อภัย คือให้ความไม่ผูกโกรธ
ไม่อิจฉาริษยา หยุดเปรียบเทียบไปเอง ทำตัวเองวุ่นวาย ทำตัวเองให้
น่าสงสาร ทำลูกๆ พลอยน่าสงสารไปด้วย หยุดมันลงเดี๋ยวนี้

สอง พอใจกับสิ่งที่มีที่เป็นที่เหลืออยู่ จะรักจริงไม่หลอกลวงก็ตาย
ไม่รักจริง มักหลอกลวงที่สุดก็ตาย ต่างคนต่างไป อยู่กันได้ทุกวันนี้
เพราะอาหาร เพราะศรัทธาความหวัง อย่าให้มืดบอดนัก หันมาศรัทธา
หันมาให้ความรัก ความหวังตนเอง เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดข้อที่สอง

ผ่านมาสองข้อ ไม่มีข้อไหนเลย ให้คิดนึกถึงว่า ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร
เมื่อไหร่กับใคร เพราะนั่นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับ ตัวเราเอง
มีแต่ให้อภัย ยอมรับ พอใจ ให้ความรักกับลูกกับตัวเราเอง เมื่อปมในใจ
คือความน้อยใจเสียใจ ความอิจฉาริษยาขาดสะบั่นลง ความโกรธ
ความขัดเคืองใจ ทุเลาเบาบางลง สภาพจิตใจ กลับมาเป็นปกติ
เลิกอ้าง เลิกโทษ เลิกเพ่งตำหนิ อะไรให้วุ่นวาย จนลืมดูแลจิตใจ
ของเราเอง ว่าได้เสีย ความสุขไปเพราะตัวเราเอง หรือเพราะคนอื่น
ด้วยไปกี่มากน้อย ให้รีบ กอบกู้สถานการณ์สภาวะ ความสุขของตัวเราอง
กลับมาให้ได้ เมื่อตั้งสติ ตั้งหลักได้ ใจเรามีกำลัง มีสติดีพอ

ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่อง การบริหารจัดการ รายรับรายจ่ายให้พอเหมาะพอดี
กันเก็บให้ไม่ฟืดเคือง ไม่ฟุ่มเฟือย เวลาจับจ่ายใช้สอย หรือเวลาจะ
ให้ เงินทองตอบแทน อดีตแฟน และพ่อของลูกๆ ของเรา ก็ให้สมเหตุ
สมผลไม่ ใช้จ่ายเกินกำลัง จนรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพียงเท่านี้

ก็ปิดช่องทางของ รายจ่ายส่วนเกิน ที่ต้องเสียเกินไป เพราะติดกิเลส
ติดกรรมเพียงบางส่วน บางประการ

่หลักจาก ได้สุขภาวะ คืนกลับมา วางใจลงปลงเป็น เพราะรู้แล้วใครที่อนุญาต
ให้ตัวเองทุกข์ ดังนั้น ก็ควรอนุญาตยอมให้ตนเองมีความสุข ด้วยการ
ให้อภัยไม่โกรธ ไม่โทษใครต่อใครอีกต่อไป

เมื่อจะฟัง ก็ฟังแ่ต่เลือกธรรมะ ฟังแต่ความจริง ฟังแต่สิ่งที่มีประโยชน์
ทำให้ใจสงบ และมีความสุข เมื่อจะทำ ก็ทำแต่สิ่งดีๆ ที่รักตัวเอง รักลูกๆ
รักคนที่สมควรรัก จะคิด ก็คิดแต่สิ่งดีๆ ไม่อยากได้อยากมีอยากเป็น
ไม่เฝ้าหวังในสิ่งที่ เป็นสาธารณะสมบัติที่มีอายุ ไม่เกินร้อยปี

สะสมบุญ ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา กระทำได้อย่างนี้ไม่นานก็จะ
พ้นจากกิเลส กรรม วิบากที่เป็น กงกำกงเกวียนนี้ จะให้ยุติก็ด้วยอาศัย
บุญอาศัยความสุข สติ ปัญญา ขอเจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2012, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 12:44
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


เราขอขอบคุณ..คุณพุทธฏีกามากเลยนะค่ะ...ที่จริงเราเองก็เป็นอย่างที่คุณว่านั้นแหละ...ถ้าวันนั้นใจแข็งซะอย่าง....วันนี้ไม่ต้องมาอมทุกข์แบบนี้เลย...ทุกวันนี้ก็นึกว่าเค้าทั้งคู่คือเจ้ากรรมนายเวร... :b8: เคยทำกับเค้าไว้ในชาติก่อน...ชาตินี้เค้าก็มาทวงคืน...ขนาดเลิกกันไปตั้ง 5 ปี...อยู่ดีๆย้อนกลับมาให้เราต้องเสียใจ...เสียน้ำตา..ซะอย่างงั้น :b2: :b2: ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าถ้าเค้ากลับมาในครั้งนี้เพื่อที่จะทวงสิ่งที่เราเคยทำกับเค้าแล้วก็ผู้หญิงคนนั้นคืน....เราขอชดใช้..อยากได้อะไรเอาไปให้หมด...ขอจบกันแค่ชาตินี้...ชดใช้ให้หมดกันในชาตินี้...เราไม่ขอให้เค้าตามทวงเราไปจนถึงชาติหน้า...มันเจ็บจนบอกไม่ถูกเลย...เจ็บสุดๆ....ถ้าชาติหน้ามีจริง...เราขอเจอคนที่จะอยู่กับเรา...รักเรา..ซื่อสัตย์กับเรา...แลก็ไม่ทอดทิ้งเรา...ไม่ทอดทิ้งลูก..ไม่มักมากแบบเค้า (อดีตสามี)...ขอบคุณนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2012, 11:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 12:44
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


มีคนเคยบอกว่าอะไรหรือสิ่งใหนก็ตามถ้ามันเป็นของเราต่อให้อยู่ไกลแค่ใหนสักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นของเรา....แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้อยู่ในมือเรายังไงก็หลุดมือไปอยู่ดี... :b19: เค้าบอกว่าคนที่จะใช่และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนั้นต้องเข้ามาพบเจอกันในเวลาที่ถูกที่ควร :b1:เรียกว่าคู่บุญ :b12: แต่ถ้ามาพบเจอกันในขณะที่คนๆนั้นมีคู่อยู่แล้ว...แต่งงานแล้ว...มีลูกแล้ว...แบบนั้เรียกว่าคู่บาป....บาปจริงหรือ..ดิฉันเห็นเค้าสองคนมีความสุขกันดี..หัวเราะต่อกระซิก :b16: ชีวิตนี้คงคิดแล้วว่าฉัน(ผู้หญิงคนนั้น)ได้คนๆนี้(อดีตสามี)มานี่เลือกไม่ผิดจริง...ถึงแม้วิธีการที่ได้เค้ามามันจะผิดก็ตาม cry ก็เลยสงสัยตัวเองที่เค้ากลับมาเพราะกรรมยังไม่หมดต่อกันหรือฉันเป็นคู่เวรคู่กรรมกับเค้ากันแน่ :b14: โดยมีผู้หญิงคนนั้นพ่วงติดมาด้วย...เคยถ้าเค้าว่าคิดจะจบกับฉันไม๊..คำตอบคือไม่...กับทางโน้นก็ไม่เหมือนกัน...รู้สึกแย่มากๆค่ะ...วานเกจิอาจารย์ช่วยตอบด้วยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2012, 11:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ "จริงใจนะ" แท้จริงแล้ว คุณเป็นคนคิดได้ต่างหากล่ะ
ไม่โง่อะไรเลย ที่คุณยอมให้เขาก็เพราะเขาเป็นพ่อของลูก
การแนะนำของน้องสาวสามีก็เหมือนสิ่งที่คุณบอกตัวเองอยู่แล้ว

ยิ่งคุณให้เขามากเท่าไหร่ เขายิ่งไม่จากไปไหน
เพราะผู้ชายไม่เคยพอ

หยุดตัวเองน่ะดีแล้ว
ถ้าเขามา ทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันจบไปแล้ว
เขาก็จะรามือจากไปเอง

จากที่อ่านกระทู้ของคุณ ก็ถือได้ว่าคุณเข้มแข็งมาก
และสามารถเป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันได้อยู่แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 06:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้หญิงที่แย่งสามีของคนอื่นมาเป็นของตัวเองนั้น ก็เท่ากับได้สร้างบาปให้กับภรรยาผู้เคยเป็นเจ้าของแล้ว ถึงวันนี้ คุณจริงใจนะจะบอกว่า เห็นเขาทั้งสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน ดูจะมีความสุขดี แต่เชื่อเถิดค่ะว่า คนเราลงได้สร้างเวรสร้างกรรมทำบาปต่อผู้อื่นแล้ว สักวันหนึ่ง กรรมนั้นจะตามสนองค่ะ แต่จะมาในรูปแบบใด หนักหนาแค่ไหน อันนี้ไม่มีใครรู้ค่ะ อาจไม่ใช่เดือนนี้ ปีนี้ แต่มันมาถึงแน่นอน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เขาทั้งสองเผชิญกับมัน เขาก็จะรู้ในใจเองว่า บัดนั้นกรรมตามสนองเขาแล้วจริงๆ

คุณจริงใจนะก็มีสติรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ อดีตเป็นอดีตไปแล้วค่ะ เขาคืออดีตของคุณ ถ้าในวันนี้ อดีตสามีคุณยังไม่เลิกกับหญิงคนนั้น การที่คุณเอาตัวเองเข้าไปผูกพันธ์กับเขาอยู่ ก็เสมือนคุณเป็นกิ๊ก เป็นชู้ (แล้วแต่จะเรียก)เขาเข้าแล้ว เอาตัวเองออกมาให้พ้นๆจากวัฎจักรแห่งคาวโลกีย์นั้นให้ได้ก็ดีแล้วค่ะ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้หญิงเราต้องลดศักดิ์ศรีตัวเองลงไป เพียงเพื่อเรื่องกามกิเลส มันไม่ใช่วิถีแห่งคนกล้าที่ควรทำค่ะ คนเราควรกล้าในสิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่เป็นบาปค่ะ

เห็นด้วยกับคำว่า "คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน" ค่ะ ถ้าใช่ยังไงๆมันก็ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เขามาแย่งไป สักวันมันก็ต้องกลับมาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


จริงใจนะ เขียน:
มีคนเคยบอกว่าอะไรหรือสิ่งใหนก็ตามถ้ามันเป็นของเราต่อให้อยู่ไกลแค่ใหนสักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นของเรา....แต่ถ้าไม่ใช่ต่อให้อยู่ในมือเรายังไงก็หลุดมือไปอยู่ดี... :b19:


ใช่

จริงใจนะ เขียน:
เค้าบอกว่าคนที่จะใช่และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนั้นต้องเข้ามาพบเจอกันในเวลาที่ถูกที่ควร :b1:เรียกว่าคู่บุญ :b12: แต่ถ้ามาพบเจอกันในขณะที่คนๆนั้นมีคู่อยู่แล้ว...แต่งงานแล้ว...มีลูกแล้ว...แบบนั้เรียกว่าคู่บาป....บาปจริงหรือ..ดิฉันเห็นเค้าสองคนมีความสุขกันดี..หัวเราะต่อกระซิก :b16: ชีวิตนี้คงคิดแล้วว่าฉัน(ผู้หญิงคนนั้น)ได้คนๆนี้(อดีตสามี)มานี่เลือกไม่ผิดจริง...ถึงแม้วิธีการที่ได้เค้ามามันจะผิดก็ตาม cry

ผิดตรรกะครับ และอีกอย่าง ใจไม่สงบ ไม่สูงพอ อย่าคิด!
เรื่องของกรรม(เหตุ) วิบาก(ผล) คิดไปก็จะฟุ้งซ่านและมี
โอกาสเข้าใกล้ โรคจิตเภท ชนิดใดชนิดหนึ่งสูง^^

ไม่ได้ว่าเองนะครับ มีตรัสไว้ อจินไตย ๔ เรื่องกรรมวิบาก
ไม่ควรคิด ถ้าจิตยังไม่คู่ควร ไม่สะอาด สว่าง สงบพอ สังเกตุ
ดูจากที่เราอ่านเราคิด มีแต่จะหาทางทำให้ E I สองคนนี้
เขาจะได้รับวิบากกรรมอะไร เขาทำไมมีความสุข ทำไมเราทุกข์
ทำไมๆ ? จำได้ว่าเคยบอกให้แล้ว ว่า

พุทธฏีกา เขียน:
ผ่านมาสองข้อ ไม่มีข้อไหนเลย ให้คิดนึกถึงว่า ใครทำอะไรที่ไหน
อย่างไรเมื่อไหร่กับใคร เพราะนั่นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับ ตัวเราเอง

มีแต่ให้อภัย ยอมรับ พอใจ ให้ความรักกับลูกกับตัวเราเอง เมื่อปมในใจ
คือความน้อยใจเสียใจ ความอิจฉาริษยาขาดสะบั่นลง ความโกรธ
ความขัดเคืองใจ ทุเลาเบาบางลง สภาพจิตใจ กลับมาเป็นปกติ
เลิกอ้าง เลิกโทษ เลิกเพ่งตำหนิ อะไรให้วุ่นวาย จนลืมดูแลจิตใจ
ของเราเอง ว่าได้เสีย ความสุขไปเพราะตัวเราเอง หรือเพราะคนอื่น
ด้วยไปกี่มากน้อย ให้รีบ กอบกู้สถานการณ์สภาวะ ความสุขของตัวเราอง
กลับมาให้ได้ เมื่อตั้งสติ ตั้งหลักได้ ใจเรามีกำลัง มีสติดีพอ
ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่อง การบริหารจัดการ รายรับรายจ่ายให้พอเหมาะพอดี

เหตุที่คุณโยมยังกำอุจจาระในมือแน่น แล้วก็หยิบมาดมเอง
บ่อยๆ นั่นก็เพราะความไม่พยาบาทผูกโกรธ ให้อภัย ไม่อิจฉา
ริษยา ยังไม่เบาบางลงไปจากใจเป็นประการแรก ต่อมายังไม่เท่าทัน
ระวังความคิด ความสงสัย ขาดสติจนเป็นสาเหตุนำไปสู่ความ ทำตัวเอง
ให้ยากลำบาก ด้วยการคิดเรื่อง กรรมผลของกรรม...^^

กงกำกงเกวียน มันวนเวียนซ้ำซากนะครับ เคยได้ยินไหม
ผู้ดีกลายเป็นผู้้ร้าย ผู้ร้ายกลายเป็นผู้ดี คนถูกอาจเคยเป็นคนผิด
คนผิดอาจเคยเป็นคนถูก พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เหมือนสุข
เหมือนทุกข์อะไรแบบนี้

ก็บอกแล้ว ความรัก คนรัก ทั้งชายและหญิง ถ้าไม่ซื่อสัตย์
ต่อกันและกัน หากขาดศีล ศรัทธา ความเสียสละ ปัญญาเหล่านี้ลง
ความรัก ก็เหมือนแค่สายลม บางๆ ที่พอมาให้รู้ร้อนรู้หนาวแล้ว
ก็พัดพาผ่านไป คนรัก ก็เป็นของสาธารณะ รอเวลาที่ใครต่อใคร
มาทวงไป โดยที่เราไม่ใช่เจ้าข้าวเจ้าของอย่างแท้จริง!


เป็นหนี้ เป็นของสาธารณะ เป็นของยืมมา เป็นของที่จะแตกสลาย
ผุพังไปเป็นธรรมดา ทำไมต้อง เอาความสุข เอาบุญ ที่มีน้อยไม่พอ
ใช้สอยไป สู่สุข ไปสู่สวรรค์ของเรา ไปแลกกับ ความทุกข์ใหญ่
เหมือนเห็นแก่ น้ำผึ้งหยดเล็กๆ แต่ต้องโดนเข็มของผึ้งทั้งรังที่มี
ริษร้ายกาจ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวงาม เห็นความทุกข์แท้ๆ เป็น
ความสุข(กระซิบกระซาบ)ในหมู่คนทั้งหลายในโลก...^^

จะแนะนำ เรื่องบุญและบาปอีกครั้ง บุญและบาป เป็นผลสำเร็จแล้ว
ของกรรมที่ได้กระทำ เช่น ทำกุศลกรรม ก็จะได้รับ วิบากที่เป็นกุศล
หรือก็คือ บุญ นั่นเองหากกระทำ อกุศลกรรม ก็จะได้รับ วิบากที่เป็น
อกุศลหรือเรียกว่า บาป นั่นเอง

บุญ เป็นชื่อของความสุข บาป เป็นชื่อของความ ทุกข์ความเศร้าหมอง

ใจสุขใจใส ใจสว่างก็เป็น บุญ ได้บุญตอนเช้า ก็ไม่ถึงตอนบ่าย ถึงค่ำก็มี
ได้บุญตอนบ่าย ไม่ได้ตอนเช้า ไม่ได้ตอนค่ำ็ก็มี ได้บุญตอนค่ำ ไม่ได้บุญ
ตอนเช้า ตอนบ่ายก็มี ฯลฯ บางคน กรรมหนัก กำแน่น ไม่ได้บุญเลย
ในทั้ง ๓ กาล น่าอนาจใจ น่าเวทนาจริงๆ...

ใจสุขใจสว่างใจสงบ จึงขึ้นอยู่กับ กุศลกรรม คือ คิดดี พูดดี ทำดี
ใจทุกข์ใจมืดใจร้อน จึงขึ้นอยู่กับ อกุศลกรรม คือ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว

ระหว่างคนต่อคน มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งบุญและบาป การเหมาเอา
เข้าใจเอาเองว่า พฤติกรรม การกระทำ ความรู้สึก (กระซิบกระซาบ)
ทราบซึ้งและเป็นสุข ของคนสองคนนั้น โดยได้สร้างความทุกข์ให้แก่เรา
แย่งของเรา ทำลายชีวิตเรา ลูกเรา ทำความอาภัพอับอายให้เกิดขึ้น
แก่เราอย่างทรมานและเจ็บปวด น่าจะเรียกว่า บาป ของทั้งคู่ แล้วทำไม?

ทำไมจึงดูเขามีความสุข ? ก็ได้บอกแล้วนะครับ ใจไม่สว่าง ไม่สงบ
ไม่สุขพอ ไม่เคยอบรมจิตใจให้ตั่งมั่นพอ ที่จะรู้เห็นตามความเป็นจริง...

คุณโยมก็จะสับสน จิตคุณโยมทุกข์ ฟุ้งซ่านเดือดร้อน เหมือนการมอง
ภาพวิว ทิวทัศน์ต่างๆ ที่สวยงาม ด้วยแว่นตาสีแดงๆ หรือเลอะเปื้อน
ไปด้วยโคลนสกปรก สิ่งที่คุณโยมเห็น มันจึงเป็นทุกข์สำหรับคุณโยม

ตามทันไหมครับ เมื่อเชื่อมโยงกับคำอธิบายข้างต้น บุญและบาปคือผล
คนที่ทุกข์ จิตใจได้รับความทุกข์ นั่นแหละ บาป ปรากฏแก่ คนๆ นั้นแล้ว
เหมือนแว่นที่มีเลนส์สีแดง สกปรกไปด้วยโคลน มองยังไงๆ หรือจะมี
เงินล้นฟ้า ก็ไม่อาจเปลี่ยน ภาพทิวทัศน์ที่สวยงามตรงหน้า ให้กลายเป็น
ความสกปรกเลอะเทอะตาม ความบิดเบือน ของการมองเห็นของเรา
คนเดียวได้เลย
มันเป็นความทุกข์มากมายจริงๆ แว่นที่สกปรก ก็เหมือน
กับอกุศล เป็นความคิดที่ไม่ดี รู้สึกไม่ดี ที่ยังละวางไม่ได้ ไม่ยอมรับ
ความจริง ที่เหมือนจะยอมรับความจริงว่า

จริงใจนะ เขียน:
ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าถ้าเค้ากลับมาในครั้งนี้เพื่อที่จะทวงสิ่งที่เราเคยทำกับเค้าแล้วก็ผู้หญิงคนนั้นคืน....เราขอชดใช้..อยากได้อะไรเอาไปให้หมด...ขอจบกันแค่ชาตินี้...ชดใช้ให้หมดกันในชาตินี้...


กงกำกงเกวียน แค่กรรมในชาตินี้ ในเมื่อวานนี้ ในวันนี้ ในปัจจุบันนี้!
ยังไ่ม่รู้ไม่เห็น ยังจัดการบริหารอารมณ์ของตนเอง ยังไม่ได้
ป่วยกล่าวไปถึง กรรมในอดีตที่ร้ายแรง เจ็บปวด ทรมานยาวนาน
ในอบาย ในนรก สำหรับกรรมวิบาก การผิดลูกผัวตัวเมียในโลก..

จงเข้มแข็ง มีสติ คุณโยมไม่ได้ทุกข์คนเดียว คุณโยมไม่ใช่เจ้าของ
รางวัลโนเบล สาขา สามีนอกใจใช่ไหมครับ?

อย่างนั้นก็เลิกฟูมฟาย เลิกเสียสติ สลัดทุกข์ เหมือนสลัดอุจจาระ
ปัสสาวะ ที่เหม็นที่มาสัมผัสแตะต้อง เสื้อผ้า หน้าผม ให้ไวที่สุด
ถ้าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ เรายิ่งอยากได้อยากมีมากเท่าไหร่ มันเหมือน
การที่เรา เอาเงินทองที่หามาด้วยความยากลำบาก เหน็ดเหนื่อย
เอาไปเก็บไว้ในที่ลับที่สุด แต่แล้ว อนิจจา...

พระท่านว่า ความเกิด เป็นทุกข์ ความแ่ก่ ความเจ็บ ความตาย
ความพลัดพรากก็เป็นทุกข์ เหมือนไฟที่กำลังเผาไหม้ โลกทั้งโลก
แต่ละคน จะมีความสุข สนุกสนานเท่าไหร่ก็ตาม ที่สุดแล้วก็ต้อง
ประสบทุกข์เช่นนี้แบบเดียวกันทั้งนั้น ดังนั้น สมบัติข้าวของ เงินทอง
สามีภรรยา บุตร ที่เราเฝ้ารักเฝ้าหวง ก็เหมือนเงินที่เราเก็บซ่อน
สะสม หวงแหนเอาไว้ ในที่ลับ แต่ที่สุดก็จะหนีไฟ คือความเกิด
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากไปไม่ได้...


ยิ่งเราเก็บไว้มากแค่ไหน ทุกสิ่งที่เราเก็บไว้รักษาไว้ ก็จะถูกไฟนั้น
เผาทำลาย ให้เราได้รับความ ทุกข์ ความโศกเศร้า หดหู่เมื่อสูญ
เสียในสิ่งที่รักที่พอใจ นั้นๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น

คนฉลาด อยู่เหนือโลก เหนือกรรมแล้ว เขาดูแลใช้สอย สรรพสิ่ง
ต่างๆ สมมติในโลกนี้ ไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่ฝืนกรรม ฝืนธรรม
ยามมีรักษา ยามลา ก็รู้อนิจจา อนิจจัง รู้สละ รู้ละในยาม ต้องสละ
ต้องละ
เมื่อศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญาไม่เสมอกันแล้ว ได้ชี้แจงแล้ว
ความรัก ก็เหมือนลมที่ผ่านมาให้รู้ร้อนหนาว คนรัก ก็เหมือน ก้อนหนี้
เหมือนสาธารณะ เหมือนของยืมของเขามา...


ตั้งหน้ารักษาศีล ๕,๘ เพิ่มพูนศรัทธาในพระรัตนตรัย มีพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ มีจาคะ ความเสียสละ ละความสุขที่น้อยนิด
ของคนในโลก แสวงหาสุขที่แท้จริงที่ยิ่งใหญ่ สละความโลภ
ความโกรธ ความหลง ความสงสัยเรื่องกรรมผลของกรรม ศรัทธา
ต่อปัญญาความตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอบรมภาวนา
พัฒนาจิตใจ ให้เกิดสมาธิปัญญา ตามพระธรรมคำสั่งสอน ขอขมา
กรรมต่อบิดา มารดา อโหสิให้อภัยต่อคนอื่น

ให้อภัยต่อตัวเราเอง เมตตาสงสารตัวเราเอง อนุญาตให้ตัวเราเอง
ได้พบความสุขที่แท้จริงเสียที

จริงใจนะ เขียน:
วานเกจิอาจารย์ช่วยตอบด้วยนะค่ะ


ทุกข์ที่กำลังสอน ธรรมที่กำลังแสดงปรากฏ ต่อเราในอดีต ปัจจุบัน
นั่นแหละครับ ครู นั่นแหละครับ เกจิอาจารย์ ลองตรองดูด้วยสติปัญญา
ในเวลาที่ จิตโสภา ผ่องใส สะอาด สว่าง สงบ เป็นครูตัวเองให้ได้นะครับ
ขออวยพรให้ได้รับความสุขความเจริญโดยเ็ร็ววัน เจริญพร ^^

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2012, 12:44
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ"คุณพุทธฎีกา "ขอบคุณคุณมะกอกมะนาว"และคุณวันนี้"มากนะนะค่ะที่ช่วยชี้แจง...ดิฉันจะนำเอาคำแนะนำของพวกคุณไปทำตามนะคะ ....อนุโมทนาบุญค่ะ..สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร