วันเวลาปัจจุบัน 12 ต.ค. 2024, 13:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=28



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5112

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

พระอาจารย์สิม พุทฺธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


:b44: รวมคำสอนและประวัติ “หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42673


นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ณ โอกาสนี้เป็นต้นไป เป็นโอกาสอันดีที่เราท่านทั้งหลายจะได้ฟังธรรม การฟังธรรมนี้ผู้ใดฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา ในขณะที่เรานั่งฟังธรรมก็ให้เป็นการปฏิบัติบูชาไปด้วย การปฏิบัติการนั่งภาวนา การทำใจให้สงบระงับมีมาตั้งแต่พระพุทธเจ้า เมื่อสมัยพระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์นั่งภาวนาใต้ร่มไม้โพธิ์ ผินหลังให้ต้นไม้โพธิ์ ผินหน้าไปทางทิศตะวันออก พระองค์นั่งขัดสมาธิเพชร คือพระองค์เอาขาซ้ายขึ้นมาทับขาขวาก่อนแล้วก็เอาขาขวาขึ้นมาทับขาซ้าย เอามือข้างขวาวางทับมือข้างซ้าย ตั้งกายของพระองค์ให้เที่ยงตรง พระองค์ก็ตั้งสัจจะอธิษฐานลงไปว่า การนั่งสมาธิภาวนาครั้งนี้จะไม่ลุกไปมาในที่ใดๆ เว้นเสียแต่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงจะลุกไปมาแสวงหาอาหารและบิณฑบาตมาเลี้ยงชีพเพื่อที่จะรื้อขนสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ภัยไปสู่นิพพาน ถ้าหากว่าการนั่งสมาธิใต้ร่มไม้นี้ไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ก็จะเอาที่นี้เป็นที่ตาย แม้เลือดเนื้อเชื้อไขจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ตามที พระองค์จะไม่ลุกไปมาในที่ใดๆ เป็นอันขาด

เมื่อพระองค์ตั้งสัจจะอธิษฐานใจลงไปแล้ว พระองค์ก็เลือกคำบริกรรมภาวนาของพระองค์เองว่าจะเอาอุบายใดมาภาวนา พระองค์ก็เอาลมหายใจเข้า ลมหายใจออกมาภาวนา คือพระองค์ตั้งใจรักษาจิตใจให้อยู่ในลมหายใจเข้าลมหายใจออก ลมเข้าไปก็รู้ว่านี่เป็นลมเข้าไป ลมออกมาก็รู้ว่านี้เป็นลมออกมา เมื่อพระองค์กำหนดอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา รวบรวมกำลังจิตกำลังใจของพระองค์ให้มีความสงบตั้งมั่น ไม่หลงใหลไปตามอารมณ์อดีตอนาคต เรื่องราวภายนอกไม่ให้จิตใจพระองค์ไปเกี่ยวเกาะกังวล

พระองค์กำหนดลมหายใจเข้าออกจนกระทั่งจิตใจสงบระงับ มีความสลดสังเวชในมรณกรรมฐาน คือว่าชีวิตของคนเรานั้นเหลืออยู่แค่ลมหายใจเข้าลมหายใจออกเท่านั้นเอง ถ้าลมหายใจเข้าไปแล้วติดขัด หายใจออกมาไม่ได้ก็ตาย ลมหายใจออกไปแล้วสูดเข้ามาไม่ได้ก็ตาย มรณํ เม ภวิสฺสติ พระองค์เตือนจิตใจของพระองค์ว่า มรณภัย คือความตายนั้น ไม่มีใครข้ามพ้นไปได้ เมื่อพระองค์กำหนดอานาปาฯลมหายใจ จิตใจของพระองค์ก็สงบระงับตั้งมั่นเป็นสมาธิภาวนา เป็นสมาธิอย่างต่ำ เป็นสมาธิอย่างกลาง เป็นสมาธิอย่างสูงสุด

เมื่อพระองค์มีจิตใจอันตั้งมั่นดีแล้วพระองค์ก็กำหนดนามรูปกายใจ ตัวตนสัตว์บุคคลทั้งเราเขาว่า นามรูปํ อนิจจํ นามและรูปนี้ไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นแล้วก็มีความเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ พระองค์ก็กำหนดดู นามรูปํ ทุกขํ นามและรูปกายใจนี้พระองค์กำหนดว่า เต็มไปด้วยความทุกข์ในร่างกายสังขาร มีความเจ็บไข้ได้ป่วย พยาธิโรคาบังเกิดมีขึ้นได้ทุกเวลา กายใจนี้เต็มไปด้วยกองทุกข์



(มีต่อค่ะ)

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร