วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 09:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




สาธุ.jpg
สาธุ.jpg [ 7.56 KiB | เปิดดู 5157 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

ลัทธิที่เห็นผิด



ในสมัยพุทธกาล มีศาสนาและลัทธิคำสอนที่ทำให้คนเห็นผิดในความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งพระพุทธองค์กล่าวว่า มีลัทธิเห็นผิดอยู่ ๓ ประการ ที่เชื่อว่าความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี หรือสภาวะที่ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ดี เป็นผลมาจาก
๑. พวกหนึ่งเชื่อว่า เกิดจากกรรมเก่าที่ได้ทำไว้ในอดีตชาติ ลัทธินี้เรียกว่า ปุพเพกตวาท
๒. พวกหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากเทพผู้เป็นใหญ่หรือพระเจ้าเป็นผู้บรรดาล ลัทธินี้เรียกว่า อิศวรนิรมิตวาท
๓. พวกหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากโชคชะตาบรรดาล หาใช่เกิดจากเหตุปัจจัยไม่ ลัทธินี้เรียกว่า อเหตุกวาท
ความเชื่อทั้ง ๓ ประการดังกล่าว แม้ในยุคปัจจุบันก็มีอยู่โดยทั่วไป ไม่เพียงแต่ผู้ที่มิได้นับถือพระพุทธศาสนาเท่านั้น แม้ชาวพุทธที่ไม่ได้ศึกษาหลักพุทธธรรมอย่างแท้จริง ก็มีความเชื่อเช่นนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดพิธีกรรมและวิถีชีวิตผิดไปจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

๑. พวกที่เชื่อว่าความสุข ความทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ในชีวิต เกิดจากกรรมเก่าที่ทำไว้ในชาติก่อน (ปุพเพกตวาท) พวกที่เชื่อเช่นนี้จะมีผลต่อความคิดจิตใจและการดำเนินชีวิตอยู่ ๒ ด้าน ด้านหนึ่งทำใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนได้เร็ว ทำให้ใจไม่ทุกข์ร้อนมาก และยอมรับเหตุผลของกรรมที่ทำไว้แต่ชาติก่อน อีกด้านหนึ่งหากเชื่อเรื่องนี้อย่างฝังใจ จะเป็นผู้ยอมจำนนต่อชีวิต ยอมจำนนต่อสภาวะทั้งหลายที่เกิดขึ้น ไม่คิดจะดิ้นรน ขวนขวาย ต่อสู้ แก้ไข ขาดแรงบันดาลใจให้กล้าหาญ เข้มแข็ง ที่จะต่อสู้ แก้ไข เอาชนะต่อปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่ หรือจะมีมาในชีวิต แท้จริงแล้วกรรมที่เราทำไว้ทุกอย่าง เมื่อทำไปแล้วย่อมเป็นกรรมเก่าที่มีกระทบผลต่อชีวิตเรา แต่กรรมเก่าของทุกคนหาได้มีเพียงแต่อดีตชาติเท่านั้น กรรมที่ทำไว้ในชาตินี้มีมากมาย ล้วนส่งผลทั้งที่สนับสนุนและเป็นปฏิปักษ์ขัดขวางต่อกรรมในอดีตชาติ เราไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงการกระทำที่ผ่านไปแล้วทั้งปัจจุบันชาติและอดีตชาติได้ แต่เราเลือกที่จะสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตในวันนี้และในวันหน้า เพื่อวิถีชีวิตที่ดีของเราได้.........พระพุทธศาสนาสอนให้เรายอมรับตามความเป็นจริงในผลของกรรม ขณะเดียวกันก็สอนให้มีสติปัญญา ที่จะไม่กระทำกรรมชั่ว ให้ทำแต่กรรมดี เพื่อจะได้รับผลดีตอบสนอง :b43: :b43: :b43:

๒. พวกที่เชื่อว่า ความสุข ความทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นผลมาจากเทพผู้เป็นใหญ่หรือพระเจ้าเป็นผู้บันดาล (อิศวรนิรมิตวาท) ผู้ที่มีความเชื่อเช่นนี้จะหวังพึ่งเทพเจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยการบนบานศาลกล่าว อ้อนวอน ร้องขอต่อสิ่งต่าง ๆ ยึดเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ดูหมิ่นดูแคลนในศักยภาพและความเป็นมนุษย์ของตน ความเชื่อดังกล่าวมีให้เห็นมากมายในวิถีชีวิตของคนไทย พุทธศาสนาสอนให้เอาตัวเองเป็นที่พึ่ง ดังพุทธพจน์ที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ผู้ที่หวังพึ่งคนอื่นคือผู้ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอ่อนแอทางด้านจิตใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง พระพุทธองค์ให้เราพึ่งตนเอง ให้เห็นคุณค่าของตนเอง รู้จักฝึกฝนพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีความสามารถ มีสติปัญญาที่จะเรียนรู้และเข้าใจสิ่งทั้งหลายที่เราสัมผัสสัมพันธ์อยู่ในวิถีชีวิต ทั้งที่เป็นบุคคล สรรพชีวิตทั้งหลาย ตลอดจนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เข้าใจตามความเป็นจริงของสิ่งเหล่านี้ ให้เข้าใจสภาพของปัญหา เหตุที่ทำให้เกิดปัญหา วิธีที่จะแก้ไขปัญหา และดำเนินการแก้ไขจนปัญหานั้นหมดไป นี่คือวิถีทางของชาวพุทธ :b43: :b43: :b43:

๓. พวกที่เชื่อว่าความสุข ความทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ เกิดจากโชคชะตาบันดาล มิใช่เกิดจากเหตุปัจจัย (อเหตุกวาท) มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าชีวิตของตนขึ้นอยู่กับโชคชะตาราศี หากโชคดีหรือโชคช่วยอาจจะดลบันดาลให้ได้รับสิ่งดี หากโชคร้ายอาจจะประสบสิ่งที่ไม่ดี ผู้ที่เชื่อเช่นนี้จะเป็นคนชอบเสี่ยงโชค รอให้โชคชะตาช่วย หวังพึ่งโชคชะตา แท้จริงแล้วเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ได้มาจากการสร้างคุณงามความดี เป็นคุณค่าที่เป็นที่ชื่นชมของคนในสังคมอย่างแท้จริง ส่วนความสุขจะเกิดขึ้นก็โดยการมีปัญญา รู้จักวางใจในสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบในชีวิตไม่ให้เป็นทุกข์ พุทธศาสนาสอนให้คนมีปัญญารู้จักคิด พิจารณาถึงเหตุ ผล สิ่งใดมีสาระ สิ่งใดไม่มีสาระ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ หรือเกิดขึ้นเพราะโชคช่วย พระพุทธองค์ทรงสอนให้เห็นความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย... เหตุ – ก็คือต้นเรื่องหรือสิ่งที่จะทำให้เกิดผล ปัจจัย – คือองค์ประกอบหรือสิ่งที่เกื้อหนุน ช่วยเสริม มีส่วนร่วม หรือเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เจริญขึ้น หรือดำเนินต่อไป คำว่าเหตุปัจจัยมักจะใช้ได้ร่วมกัน :b43: :b43: :b43:

(เรียบเรียง คัดย่อ จากหนังสือกรรมใดใครก่อ ...พระชาญชัย อธิปญฺโญ)


smiley
เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


แก้ไขล่าสุดโดย ningnong เมื่อ 06 ก.ย. 2009, 16:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาอย่างยิ่งเลยครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 23:20
โพสต์: 70

ชื่อเล่น: pmam
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นอยู่ในปัจจุบัน..ที่เห็นที่เป็นอยู่..เชื่อมาตลอดแก้ได้ยากมาก ขอบคุณสำหรับบทความนี้โมทนาบุญคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 00:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์ จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 14:50
โพสต์: 69

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ

แต่จะทำอย่างไรให้ผู้นับถือพุทธศาสนาส่วนใหญ่ กลับมามีความเห็นที่ถูกต้อง เพราะเท่าที่เห็นในปัจจุบันนี้ ความเชื่อ ความศรัทธา ในลัทธิที่เห็นผิดมีมากจริง ๆ

:b26: :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ningnong เขียน:
.........พระพุทธศาสนาสอนให้เรายอมรับตามความเป็นจริงในผลของกรรม ขณะเดียวกันก็สอนให้มีสติปัญญา ที่จะไม่กระทำกรรมชั่ว ให้ทำแต่กรรมดี เพื่อจะได้รับผลดีตอบสนอง
............................................................................................................... .....พุทธศาสนาสอนให้เอาตัวเองเป็นที่พึ่ง ดังพุทธพจน์ที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ผู้ที่หวังพึ่งคนอื่นคือผู้ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอ่อนแอทางด้านจิตใจ ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง พระพุทธองค์ให้เราพึ่งตนเอง ให้เห็นคุณค่าของตนเอง รู้จักฝึกฝนพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี มีศีลธรรม มีคุณธรรม มีความสามารถ มีสติปัญญาที่จะเรียนรู้และเข้าใจสิ่งทั้งหลายที่เราสัมผัสสัมพันธ์อยู่ในวิถีชีวิต ทั้งที่เป็นบุคคล สรรพชีวิตทั้งหลาย ตลอดจนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เข้าใจตามความเป็นจริงของสิ่งเหล่านี้ ให้เข้าใจสภาพของปัญหา เหตุที่ทำให้เกิดปัญหา วิธีที่จะแก้ไขปัญหา และดำเนินการแก้ไขจนปัญหานั้นหมดไป นี่คือวิถีทางของชาวพุทธ
..........................................................................................................พุทธศาสนาสอนให้คนมีปัญญารู้จักคิด พิจารณาถึงเหตุ ผล สิ่งใดมีสาระ สิ่งใดไม่มีสาระ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ หรือเกิดขึ้นเพราะโชคช่วย พระพุทธองค์ทรงสอนให้เห็นความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย... เหตุ – ก็คือต้นเรื่องหรือสิ่งที่จะทำให้เกิดผล ปัจจัย – คือองค์ประกอบหรือสิ่งที่เกื้อหนุน ช่วยเสริม มีส่วนร่วม หรือเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เจริญขึ้น หรือดำเนินต่อไป คำว่าเหตุปัจจัยมักจะใช้ได้ร่วมกัน...........


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 11:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2009, 15:09
โพสต์: 122

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: ขออนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2010, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลัทธิเหล่านี้...ยิ่งแพร่หลายในปัจจุบัน..ยากที่จะเยียวยารักษา
ผู้มีปัญญาเท่านั้น..ที่จะหลุดออกจากความงมงายเหล่านี้ได้

ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 18:34
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ คนพุทธส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงหลักของศาสนาของเราที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ยังปนกับความเชื่ออื่นๆ หลายอย่าง ทำให้ความเข้มแข็งของคนพุทธในยุคนี้น้อยลงมาก หากคนพุทธทั้งหลายเข้าใจอย่างนี้โดยถ้วนหน้ากันแล้ว ศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้าคงจะยังเป็นศาสนาที่มีพุทธบริษัทสี่ที่มีความเป็นพุทธอย่างท่องแท้มากมาย ..... ผมขออนุโมทนาครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร