วันเวลาปัจจุบัน 25 มิ.ย. 2025, 17:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2010, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งที่ ๓ นรกขุม ๖ แดนลงทัณฑ์ ๔ (คดีลามก)
กายธรรมกายในกายมนุษย์ยืนอยู่ข้างล่างบนพื้นพิภพยมโลก ในนรกขุมนี้ผมยืนอยู่เบื้องล่างพร้อมกับยมทูตสององค์ ยมทูตสององค์ที่ยืนอยู่ข้างผมมีลักษณะเหมือนยมทูตทั่วไปแต่มีผมสีทอง เมื่อผมมองไปที่ตายมทูตมองไม่เห็นแววตาที่เขามอง เนื่องจากกรรมที่เขาได้ทำไว้บนพื้นมนุษย์ตั้งแต่ครั้งในอดีต นี่เป็นกรรมที่เขาต้องได้รับภพนี้ ยมทูตองค์นี้ไม่สวมเสื้อ ร่างกายกำยำ บึกบึนด้วยกล้ามอย่างได้สัดส่วน โดยถือปืนยาวเป็นอาวุธ มีผมสีทองไว้หนวดดกยาวหน้าตาดุเหี้ยมเพราะจะต้องลงโทษวิญญาณอยู่เสมอ
ยมทูตที่ยืนอยู่สององค์กำลังลงทัณฑ์วิญญาณคู่หนึ่งอยู่ เป็นผู้ชายหนึ่งและเป็นผู้หญิงหนึ่ง ทั้งสองกำลังได้รับกรรมที่เขากระทำอยู่บนพื้นพิภพ อาการของคนทั้งสองอยู่ในลักษณะซ้อนกายด้วยเพศ (เป็นการร่วมเพศของสัตว์ในนรก) เขาทั้งสองได้ร่วมเพศกันด้วยอาการเมามันและเหนื่อยอ่อน
“ยมทูต เราต้องการเอาอาการของชายหญิงสองตนนี้มาร่วมบันทึกในบาปกรรมของมนุษยธรรมที่เราบันทึกไว้ในหนังสือบาปกรรม (เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวต่าง ๆ ในนรกไว้หมด) เนื่องจากเราได้รับพระบัญชาจากองค์มหาเทพให้แต่งหนังสือจากการปฏิบัติกรรมฐานส่วนตัว เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ที่ทำบาปกรรมและตกนรกใดไว้บนโลกมนุษย์ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์สอนใจมนุษย์ที่คิดจะทำบาป จะได้รู้ตัวว่าทำไปแล้วจะได้รับผลกรรมเช่นไร”
“เราต้องการทราบเรื่องของเธอที่เธอทำไว้บนโลกมนุษย์จ๊ะ” ผมถามวิญญาณหญิง
“เกล้าหม่อมฉันกล่าวคำสัตย์คำกล่าวที่เกล้าหม่อมฉันจะกล่าวต่อไปนั้น ขอกล่าวด้วยความสัตย์จริงหากเท็จแม้แต่คำเดียวขอให้อายตนะในกายเกล้าหม่อมฉันนี้สิ้นสลายไป ณ บัดนี้เทอญ สาธุ เกล้าหม่อมฉันขอกล่าวคำสัตย์”
“เกล้าหม่อมฉันได้ทำกรรมหนักไว้กับตน เนื่องจากเกล้าหม่อมฉันและเพื่อนชายคนนี้เป็นคนมีกรรมหนักเนื่องจากเกล้าหม่อมฉันทั้งสองได้ร่วมกันก่อกรรมในทางเพศเพราะกรรมเก่ามากระทำ ดังนั้นเกล้าหม่อมฉันทั้งสองจึงได้ร่วมกันทำกรรมในครั้งนี้”
“เกล้าหม่อมฉันได้กล่าวคำสัตย์ครั้งนี้ด้วยความเกรงกลัวในบาปแห่งตนครั้งนี้ เกล้าหม่อมฉันเคยประมาทกับตนทำให้ตนเองรับทุกข์กรรมอยู่ในเช่นนี้”
เมื่อสัตว์นั้นได้กล่าวกรรมเช่นนั้นแล้ว ผมเห็นว่ากรรมนั้นสมควรจะช่วยได้จึงช่วยไป สัตว์ตนนี้ได้กล่าวคำจริงในความจริงที่ตนไดกระทำสิ้น ดังจากความจริงที่ปรากฏ
“เกล้าหม่อมฉันเป็นเพศหญิงมีกรรม เนื่องจากเกล้าหม่อมฉันเป็นหญิงลามกอาศัยร่างกายหลอกชายหลายคน รวมทั้งชายคนนี้เข้ามาร่วมเพศกับตนแล้วหลอกเอาเงินเขาด้วยการใช้เพศเข้าล่อ ทำให้เขาลุ่มหลง เกล้าหม่อมฉันจึงต้องตกนรกขุมนี้”
“ข้าพระพุทธเจ้าได้สร้างกรรมเวรไว้หนัก” ผีผู้ชายหันมาตอบคำถาม
“เธอได้สร้างกรรมเวรไว้หนักเนื่องจากกรรมอะไร”
“เนื่องจากข้าพระพุทธเจ้าได้สมสู่กับหญิงตนนี้ อาศัยความเป็นชายทำลายร่างเธอ”
“เธอจงจำไว้ แม้เธอกระทำผิดเพียงนี้ แต่ด้วยความเมตตาของสวรรค์ได้มีบัญชาราชให้ตัวเรารับหน้าที่ช่วยเหลือพวกเธอพ้นจากขุมนรก จากการสอบถามบัญชีกรรมที่ตัวเธอได้รับและการกระทำของเธอกับการแสดงออกของเธอว่ามีความเป็นจริงเช่นไร หากแม้มีความเป็นจริงเราสามารถช่วยเธอให้พ้นจากขุมนรกนี้ได้ หากไม่มีความจริงโดยเธอโกหกมดเท็จ เธอจะได้รับกรรมตอบแทนเพิ่มสองเท่า เข้าใจไม๊”
ชายคนนี้ได้สมสู่กับเพศสมรส (แปลว่าได้สมสู่กับเพศที่มีตัวตนด้วยความเป็นเจ้าของ) และได้ใช้อำนาจกรรมกายที่เกิดกับตนเข้าร่วมการกระทำนั้นโดยมิชอบ และได้สร้างความทรมานด้วยความงามในร่างกายของตน นี่เป็นกรรมที่เขาจะต้องได้รับ
ในกรรมเก่าของชายคนนี้ ชาติหนึ่งมีส่วนช่วยให้สวรรค์สงบ แต่จากการกระทำของเขาในบางชาติเขาได้กระทำบาปไว้ และได้มีการติดสินใช้โทษไป เขาจึงต้องรับผลกรรมนั้นอยู่ก่อนจนเขาได้รับตนกรรม (กรรมที่ตัวเองทำขึ้น) สามชาติ จากนั้นเขาจะต้องจบชีวิตด้วยการเป็นเพศดิถี (ชายที่มีสองเพศ) ในภพมนุษย์สองเพศ มนุษย์ผู้นี้คงจะต้องถูกทรมานด้วยกรรมทัณฑ์ไปอีกนาน จนกว่าพระศรีอารย์มาตรัสบนโลกมนุษย์จึงจะพ้นกรรมนั้นได้
จากที่ที่ผมยืนอยู่นี้ ผมอาศัยแสงสว่างที่พอมองเห็นเดินไปตามทางที่เห็นด้วยความระมัดระวัง อากาศรอบ ๆ หนาวเย็นอย่างรู้สึกได้ ผมเดินไปถึงจุดลงทัณฑ์ที่สอง ผมเห็น “แดนต้นงิ้ว” ขึ้นอยู่เบื้องหน้าที่ข้าง ๆ นั้นมีเจ้าหน้าที่ยมทูตหนึ่งองค์นั่งอยู่กับโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีสมุดเล่มใหญ่วางอยู่หนึ่งเล่มพร้อมกับขนนกสำหรับเขียนเสียบอยู่ในที่เสียบ ยมทูตที่นำวิญญาณทั้งสองไปข้าง ๆ โต๊ะ มียมทูตองค์หนึ่งแยกตัวไปลงบันทึกในสมุดเล่มนั้นและย้อนกลับมาพร้อมกับนำวิญญาณทั้งสองไปลงโทษ
วิญญาณทั้งสองได้ถูกนำตัวไปยืนใต้ต้นงิ้วต้นหนึ่ง ยมทูตสั่งให้วิญญาณทั้งสองปีนขึ้นไปบนต้นงิ้ว ต้นไม้งิ้วแต่ละต้นมีวิญญาณชายหญิงเปลือยกายกำลังปีนป่ายบนต้นงิ้วอยู่มากมายหลายตน วิญญาณบางตนถูกหนามของต้นงิ้วเสียบทะลุกลางอกตายคาต้นงิ้วก็มี และก็มี “อีกาปากเหล็ก” หลายตัวบินโฉบเข้าจิกตีตามร่างกายวิญญาณเหล่านั้นจนร่วงตกลงสู่พื้นและยมทูตก็เอาน้ำทิพย์ที่ถืออยู่เข้าพรมไปตามร่างกาย สักครู่วิญญาณเหล่านั้นก็ฟื้นกลับขึ้นมา วิญญาณเหล่านี้จะถูกลงโทษเช่นเดิมอีกจนกว่าจะหมดกรรม ถ้าหากวิญญาณไม่กล้าปีนขึ้นไปยมทูตก็เอาปืนยิงไล่ (ยมทูตต่างชาติให้ปืนเป็นอาวุธ-ตามแต่ตนมี) ในส่วนการลงโทษนี้เป็นการลงโทษวิญญาณชาติอื่น
ต้นงิ้วเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยธาตุทิพย์จึงมีความพิเศษและแตกต่างไปจากต้นไม้ธรรมดา คือจะเจริญงอกหนามแหลมได้เองดั่งมีชีวิต ด้วยเหตุนี้วิญญาณที่ปีนป่ายขึ้นต้นงิ้วจึงถูกหนามแหลมของต้นงิ้วทิ่มแทง
วิญญาณทั้งสองที่ถูกนำตัวมาลงโทษนี้ก็ได้รับกรรมเช่นเดียวกันนี้ทุกคน จากการลงทัณฑ์นี้ผมได้เดินตามยมทูตไปอีก ในระหว่างทางมีเสียงครวญครางของ วิญญาณและเสียงด่าอย่างหยาบ ๆ ของยมทูตสลับกันสักครู่ก็ถึงที่ ๆ หนึ่ง
ที่แห่งนี้คือ “แดนกระทะทองแดง” มีกะทะขนาดใหญ่อยู่มากมาย มีไฟสุมเป็นเชื้อเพลิงอยู่ข้างใต้กะทะไฟที่ลุกโชนอย่างร้อนแรง อนึ่งไฟนี้เป็นไฟกรดที่มีเฉพาะในยมโลก มีวิญญาณหลายตนตกอยู่ในกะทะมากมายวิญญาณบางตัวพยายามปีนป่ายออกนอกกะทะ แต่ก็ถูกยมทูตคอยไล่ให้กลับเข้าไปในนั้นมีแต่การลงโทษไม่มีการปราณี จะหนีก็หนีไม่ได้ ตกอยู่ในสภาพที่แสนจะทุกข์ทรมาน ผิวหนังลอกเปื่อยออกมาต่างร้องให้ครวญครางเสียงระงม วิญญาณบางตัวก็หมดสติจมลงไปในน้ำเดือด ยมทูตก็เอาตัววิญญาณนั้นออกมาและพรมน้ำมนต์ เพื่อให้วิญญาณนั้นฟื้นและยมทูตก็จะนำตัวเขาไปลงโทษอีก วิญญาณที่ยมทูตนำตัวมาพร้อมกันนั้นก็ถูกยมทูตบังคับให้ลงไปในกะทะเช่นกัน แม้เขาจะมีการลงทัณฑ์ก็ตาม ยมทูตก็มีความปรานีให้เขาได้พักในยามที่ไม่มีการลงทัณฑ์
สภาพของวิญญาณต่าง ๆ ที่ถูกลงโทษนั้น เกิดจากบาปกรรมในความลามกของตนเอง ฉะนั้นขอให้ผู้ที่กระทำกรรมชั่วไว้ จงรีบสร้างบุญและอย่าทำกรรมชั่วสวรรค์ก็จะลดโทษให้แก่ผู้นั้น ให้รับโทษเบาบาง
“ดวงตาสวรรค์นั้นมี” สามารถเห็นการกระทำของมนุษย์อยู่ทุกเมื่อ จงอย่าคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ขอให้คิดเสียใหม่ว่ากรรมนั้นมี มีตัวตนจริง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:ซับซ้อน


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 22 ม.ค. 2010, 21:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร