วันเวลาปัจจุบัน 11 ก.ย. 2025, 04:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 155, 156, 157, 158, 159, 160, 161 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 31 มี.ค. 2019, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พากันแวดล้อมพระนางรุจาราชธิดา งามยิ่งนักราวกะนางเทพกัญญา.
ก็พระนางรุจาราชธิดานั้น ประดับด้วยเครื่อง
อาภรณ์ทั้งปวง เสด็จไป ณ ท่ามกลางหญิงสหาย
เพียงดังสาย ฟ้าแลบออกจากกลีบเมฆ เสด็จเข้าสู่
จันทกปราสาท พระนางรุจาราชธิดาเสด็จเข้าไปเฝ้า
พระเจ้าวิเทหราช ถวายบังคมพระชนกนาถ ผู้ทรงยินดี
ในวินัย แล้วประทับอยู่ ณ ตั่งอันวิจิตรด้วยทองคำ
ส่วนหนึ่ง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สเตริตา แปลว่า เหมือนสายฟ้าแลบ
บทว่า อพฺภมิว ได้แก่ แลบออกจากภายในกลีบเมฆ. บทว่า ปาวิสิ ความว่า
เสด็จเข้าไปสู่จันทกปราสาท อันเป็นที่ประทับของพระชนกนาถ. บทว่า
สุวณฺณขจิเต ได้แก่ ที่ตั่งอันล้วนแล้วด้วยทองคำ อันวิจิตรด้วยรัตนะ ๗.

ก็พระเจ้าวิเทหราช ทอดพระเนตรเห็นพระนาง
รุจาราชธิดา ผู้ประทับอยู่ท่ามกลางหญิงสหาย ซึ่งเป็น
ดังสมาคมแห่งนางเทพอัปสร จึงตรัสถามว่า ลูกหญิง
ยังรื่นรมย์อยู่ในปราสาท และยังประพาสอยู่ในอุทยาน
เล่นน้ำในสระโบกขรณีเพลิดเพลินอยู่หรือ เขายังนำ
เอาของเสวยมากอย่างมาให้ลูกหญิงเสมอหรือ ลูก
หญิงและเพื่อนหญิงของลูก ยังเก็บดอกไม้ต่าง ๆ ชนิด

มาร้อยพวงมาลัย และยังช่วยกันทำเรือนหลังเล็ก ๆ
เล่นเพลิดเพลินอยู่หรือ ลูกหญิงขาดแคลนอะไรบ้าง
เขารีบนำสิ่งของมาให้ ทันใจลูกอยู่หรือ ลูกรักผู้มี
พักตร์อันผ่องใส จงบอกความชอบใจแก่พ่อเถิด แม้
สิ่งนั้นจะเสมอดวงจันทร์ พ่อก็จักให้เกิดแก่ลูกจนได้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อจฺฉรานํว สงฺคมํ ความว่า ทอด
พระเนตรเห็นสมาคมนั้น เหมือนสมาคมแห่งนางเทพอัปสร. บทว่า ปาสาเท
ความว่า ดูก่อนลูก เจ้าย่อมยินดีเพลิดเพลินใน รติวัฑฒปราสาท อันเสมอ
เวชยันตปราสาท ซึ่งพ่อสร้างไว้เพื่อเจ้าอยู่หรือ. บทว่า อนฺโต โปกฺขณึ ปติ
ความว่า เฉพาะเรื่องภายในนี้ลูกยังประพาสสระโบกขรณี อันมีส่วนเปรียบด้วย

นันทโบกขรณีซึ่งพ่อสร้างไว้เพื่อลูก เจ้ายังเล่นน้ำรื่นรมย์ยินดีอยู่หรือ. บทว่า
มาลยํ ความว่า พระเจ้าวิเทหราชตรัสว่า ลูกเอ๋ย พ่อจะส่งผอบดอกไม้ ๒๕
กล่องแก่เจ้าทุกวัน ๆ พวกเจ้าผู้เป็นกุมาริกาทั้งหมด ยังเก็บดอกไม้ร้อยพวงมาลัย
นั้นเล่นเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์หรือ ยังทำเรือนเฉพาะหลังเล็ก เล่นเพลิดเพลิน
อยู่หรือ พวกเจ้ายังกระทำเรือนดอกไม้ ห้องดอกไม้ ที่นั่งดอกไม้และที่นอน

ดอกไม้ เหมือนอย่างแข่งขันกันโดยเฉพาะอย่างนี้ว่า เราจะทำให้ดีกว่าอยู่หรือ.
บทว่า วิกลํ แปลว่า ขาดแคลน บทว่า มนํ กรสฺสุ ความว่า จงยังจิตให้เกิด.
บทว่า กุฏมุขี ความว่า พระเจ้าวิเทหราชตรัสกะพระนางรุจานั้นอย่างนั้น
เพราะพระนางเป็นผู้มีพักตร์อันผ่องใส ด้วยปลายเมล็ดพันธุ์ผักกาด จริงอยู่
หญิงทั้งหลายทำสีหน้าให้ผ่องใส ทาหน้าด้วยปลายเมล็ดพันธุ์ผักกาดก่อน เพื่อ

กำจัดต่อมที่หน้าที่มีโลหิตเสีย ประทุษร้าย แต่นั้นย่อมฉาบทาด้วยผงดิน เพื่อ
กระทำโลหิตให้สม่ำเสมอ แต่นั้นด้วยปลายเมล็ดงา เพื่อทำผิวให้ผ่องใส. บทว่า
จนฺทสมํ หิ เต ความว่า ชื่อว่าหน้าอันงดงามกว่าดวงจันทร์หาได้ยาก ย่อม
ไม่มี เจ้าชอบใจในของเช่นนั้นจงบอกพ่อ พ่อจะได้ให้จัดแจงให้แก่ลูก.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระนางรุจาราชธิดา ได้สดับพระดำรัส ของ
พระเจ้าวิเทหราชแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราชา
กระหม่อมฉันย่อมได้ของทุก ๆ อย่าง ในสำนักของ
ทูลกระหม่อม พรุ่งนี้ ๑๕ ค่ำ เป็นวันทิพย์ ขอราช-
บุรุษทั้งหลายจงนำพระราชทรัพย์หนึ่งพันมาให้ กระ-
หม่อมฉัน จักให้ทานแก่วนิพกทั้งปวงตามที่ให้มาแล้ว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สพฺพวนิสฺวหํ ความว่า กระหม่อม
ฉันจักให้ทานในบรรดาวนิพกทั้งปวง.
พระเจ้าอังคติราชได้สดับพระดำรัส ของพระ-
นางรุจาราชธิดาแล้วตรัสว่า ลูกหญิงทำทรัพย์ให้พินาศ
เสียเป็นอันมาก หาผลประโยชน์มิได้ ลูกหญิงยังรัก-
ษาอุโบสถศีล ไม่บริโภคข้าวน้ำเป็นนิตย์ ลูกหญิงไม่
บริโภคข้าวน้ำเป็นนิตย์ บุญไม่มี แก่ผู้ไม่บริโภค.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า องฺคติมพฺรวิ ความว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย พระเจ้าอังคติราชนั้น แม้พระราชธิดา เคยทูลขอ ก็ได้ให้ทรัพย์
หนึ่งพัน ด้วยตรัสว่า ลูกเอ๋ย เจ้าจงให้ทาน แม้ถูกพระราชธิดาทูลขอในวันนั้น
ก็ไม่ให้ เพราะถือมิจฉาทิฏฐิ จึงได้ตรัสคำนี้มีอาทิว่า ลูกหญิงทำให้ฉิบหายเสีย
เป็นอันมาก. บทว่า นิยเตตํ อภุตฺตพฺพํ ความว่า ชรอยว่าเจ้าไม่บริโภค
อาหารนี้แน่นอน ผู้บริโภคก็ดี ไม่บริโภคก็ดี บุญย่อมไม่มี คนทั้งปวงพึง
บริสุทธิ์ได้โดยไม่ล่วงเลย ๘๔ มหากัปแล.

แม้วีชกบุรุษได้ฟังคำของคุณาชีวกกัสสปโคตร
ในกาลนั้นแล้ว ถอนหายใจฮึดฮัดร้องไห้น้ำตาไหล
ลูกหญิงรุจาเอ๋ย ตราบที่ลูกยังมีชีวิตอยู่ อย่าอดอาหาร
เลย ปรโลกไม่มี ลูกหญิงจะลำบากไปทำไม ไร้
ประโยชน์.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วีชโกปิ ความว่า พระเจ้าอังคติราช
ทรงนำแม้เรื่องแห่งวีชกบุรุษมาเป็นอุทาหรณ์แก่พระราชธิดาว่า แม้วีชกบุรุษ
กระทำกัลยาณกรรมในกาลก่อน เพราะผลแห่งกรรมนั้นจึงบังเกิดในท้องของ
นางทาสี. บทว่า นตฺถิ ภทฺเท ความว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ คุณาจารย์
กล่าวอย่างนี้ว่า โลกนี้ไม่มี โลกอื่นไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ทั้งหลาย

ผู้ผุดเกิดไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ยินดีในความพร้อมเพรียงกัน ผู้ปฏิบัติชอบย่อม
ไม่มี เพราะเหตุนั้น เมื่อปรโลกมีโลกนี้ชื่อว่าพึงมี โลกนี้นั้นนั่นแลย่อมไม่มี
และเมื่อมารดาบิดามี บุตรธิดาที่ชื่อว่าจะพึงมีนั้นนั่นแลย่อมไม่มี เมื่อธรรมมี
สมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมที่จะพึงมีนั้นนั่นแลย่อมไม่มี ลูกจะให้ทานไป
ทำไมจะรักษาศีลไปทำไม เดือดร้อนไปทำไมไร้ประโยชน์.

พระนางรุจาราชธิดา ผู้มีพระฉวีวรรณงดงาม
ทรงทราบกฏธรรมดาในอดีต ๗ ชาติ ในอนาคต ๗
ชาติ ได้สดับพระดำรัสของพระเจ้าวิเทหราชแล้ว
กราบทูลพระชนกนาถว่า แต่ก่อนกระหม่อมฉันได้ฟัง
มาเท่านั้น กระหม่อมฉันเห็นประจักษ์เองข้อนี้ว่า ผู้

ใดเข้าไปเสพคนพาล ผู้นั้นก็เป็นพาลไปด้วย ผู้หลง
อาศัยคนหลงย่อมถึงความหลงยิ่งขึ้น อลาตเสนาบดี
และนายวีชกะสมควรจะหลง.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุพฺพาปรํ ธมฺมํ ความว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย พระนางรุจาราชธิดา ได้ทรงสดับพระดำรัสของพระชนกนาถ
ทรงรู้ธรรมในก่อนคือในอดีต ๗ ชาติ และธรรมที่ยังไม่มาถึงคืออนาคต ๗
ชาติ ทรงพระประสงค์จะปลดเปลื้องพระชนกนาถจากมิจฉาทิฏฐิ จึงตรัสคำนี้
มีอาทิว่า สุตเมว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมุปชฺชถ ความว่า

ผู้ใดคบคนพาล ผู้นั้นก็สำเร็จเป็นคนพาลไปด้วย ดังนี้ คำนี้หม่อมฉันได้ยินมา
ก่อนแล้วทีเดียว แต่วันนี้หม่อมฉันเห็นประจักษ์แล้ว. บทว่า มุฬฺโห หิ
ความว่า แม้คนหลงด้วยอำนาจทิฏฐิ อาศัยคนหลงด้วยอำนาจทิฏฐิ ย่อมถึง
ความหลงยิ่งขึ้น หลงหนักขึ้น เหมือนคนหลงทางอาศัยคนหลงทาง ฉะนั้น.
บทว่า อลาเตน ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ การที่พระองค์อาศัย

คุณาชีวกผู้เป็นพาลไม่มีความละอายเช่นกับเด็กชาวบ้าน แล้วมาหลงกับอลาต-
เสนาบดีผู้เสื่อมจากชาติ โคตร ตระกูล ประเทศ ความเป็นใหญ่ บุญและ
ปัญญา และกับวีชกทาส ผู้มีปัญญา ผู้ไม่มีปัญญาทราม ผู้เสื่อมแล้วโดยส่วน
เดียว เป็นการไม่สมควร เป็นการไม่เหมาะสมเลย เหตุไฉนพระองค์จึงไป
หลงกับคนเช่นนั้นเล่า.

พระนางรุจาราชธิดาทรงติเตียนชนทั้ง ๒ นั้นอย่างนี้แล้ว เมื่อจะทรง
สรรเสริญพระชนกนารถ ด้วยทรงประสงค์จะปลดเปลื้องจากมิจฉาทิฏฐิจึง
กราบทูลว่า

ขอเดชะ ก็พระองค์มีพระปรีชา ทรงเป็นนัก
ปราชญ์ ทรงฉลาดรู้ซึ่งอรรถ จะทรงเป็นเช่นกับพวก
คนพาล เข้าถึงซึ่งทิฏฐิอันเลวได้อย่างไร ก็ถ้าสัตว์จะ
บริสุทธิ์ได้ด้วยการท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ การบวช
ของคุณาชีวกก็ไม่มีประโยชน์ คุณาชีวกเป็นคนหลง

งมงาย ย่อมถึงความเป็นคนเปลือย เหมือนตั๊กแตน
หลงบินเข้ากองไฟ ฉะนั้น คนเป็นอันมากไม่รู้อะไร
ได้ฟังคำของกัสสปคุณาชีวกว่า ความหมดจดย่อมไม่มี
ด้วยสังสารวัฏ ก็เชื่อมั่นเสียก่อนทีเดียว จึงพากัน
ปฏิเสธกรรมและผลของกรรม โทษคือความฉิบหายที่
ยึดไว้ผิดในเบื้องต้นก็ยากที่จะเปลื้องได้ เหมือนปลา
ติดเบ็ดยากที่จะเปลื้องตนออกจากเบ็ดได้ฉะนั้น.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สปฺปญฺโ ความว่า ก็พระองค์เป็นผู้
มีปัญญาด้วยปัญญา อันได้ด้วยการใส่ใจถึงยศวัยและปัญญาเครื่องทรงจำ และ
การสนทนาธรรม ชื่อว่า เป็นนักปราชญ์ เพราะเหตุนั้นเหมือนกัน ชื่อว่า
เป็นผู้ฉลาดในเหตุ เพราะเหตุแห่งประโยชน์และมิใช่ประโยชน์โดยเป็นนัก-
ปราชญ์. บทว่า พาเลหิ สทิโส ความว่า พระองค์เป็นผู้เข้าถึงทิฏฐิอัน

เลวเหมือนคนเหล่านั้นอย่างไรจึงเป็นคนพาล. บทว่า อปาปตํ ตัดเป็น
อปิ อาปตํ อธิบายว่าตกไปอยู่ พระราชธิดาตรัสอธิบายไว้ว่า ข้าแต่พระ-
ชนกนาถ เมื่อความบริสุทธิ์ด้วยสงสารมี แม้คุณาชีวกก็ละกามคุณ ๕ แล้ว
ถึงความเป็นคนเปลือยกายไม่มีสิริ ไม่มีความละอาย ไม่มีความแช่มชื่น
เพราะความหลงด้วยสามารถแห่งโมหะ เหมือนตั๊กแตนเห็นไฟโพลงในส่วน

แห่งราตรี ไม่รู้ถึงทุกข์อันมีกองไฟนั้นเป็นปัจจัย ตกไปในกองไฟนั้นถึงความ
ทุกข์ใหญ่ฉะนั้น. บทว่า ปุเร นิวิฏฺ€า ความว่า ข้าแต่พระชนกนาถ ชนเป็น
อันมาก ฟังคำของกัสสปโคตรว่า บริสุทธิ์ด้วยสงสาร เชื่อมั่นลงไปก่อนทีเดียว
เพราะถือว่าผลของกรรมที่ทำดีและทำชั่วย่อมไม่มี เมื่อไม่รู้ก็ยึดเอาสิ่งที่ไม่เป็น
ประโยชน์ด้วยความเห็นผิด จึงปฏิเสธกรรม อธิบายว่า เมื่อปฏิเสธกรรมนั้น

ก็ชื่อว่าปฏิเสธผลแห่งกรรม เมื่อพวกเขายึดถือเอาโทษอันเป็นความปราชัยแห่ง
พวกเขาในชั้นต้นอย่างนี้ก็เป็นอันชื่อว่ายึดถือผิด. บทว่า ทุมฺโมจยา พลิสา
อมฺพุโช ว ความว่า ชนพาลเหล่านั้นเมื่อไม่รู้อย่างนี้ ยึดถือความฉิบหายด้วย
การเห็นผิดดำรงอยู่ ย่อมชื่อว่าปลดเปลื้องออกจากความฉิบหายนั้นได้โดยยาก
เหมือนปลาที่กลืนเบ็ดเข้าไป ปลดเปลื้องออกจากเบ็ดได้ยากฉะนั้น.

พระนางรุจาราชธิดา ครั้นตรัสดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงพร่ำสอนพระ
ราชาให้ยิ่งขึ้นไป จึงตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
ข้าแต่พระราชา กระหม่อมฉันจักยกตัวอย่างมา
เปรียบถวาย เพื่อประโยชน์แก่ทูลกระหม่อมบัณฑิตทั้ง
หลายในโลกนี้บางพวกย่อมรู้เนื้อความได้ด้วยอุปมา
เปรียบเหมือนเรือของพ่อค้า บรรทุกสินค้าหนักเกิน
ประมาณ ย่อมนำสินค้าอันหนักยิ่งไปจมลงในมหา-
สมุทรฉันใด นรชนสั่งสมบาปกรรมทีละน้อย ๆ ก็ย่อม
พาเอาบาปอันหนักยิ่งไปจมลงในนรกฉันนั้น ทูลกระ-


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
หม่อมเพคะ อกุศลอันหนักของอลาตเสนาบดียังไม่
บริบูรณ์ก่อน อลาตเสนาบดียังสั่งสมบาปอันเป็นเหตุ
ให้ไปสู่ทุคติอยู่ ขอเดชะการที่อลาตเสนาบดีได้รับ
ความสุขอยู่ในบัดนี้ เป็นผลบุญที่ตนทำไว้แล้วในปาง
ก่อนนั่นเอง บุญของอลาตเสนาบดีนั้นจะหมดสิ้น
อลาตเสนาบดีจึงมายินดีในอกุศลกรรมอันไม่ใช่คุณ

หลีกละทางตรงเดินไปตามทางอ้อม นรชนสั่งสมบุญ
ไว้แม้ทีละน้อย ๆ ย่อมไปสู่เทวโลก เหมือนวีชกบุรุษ
ผู้เป็นทาสยินดีในกรรมอันงาม ย่อมมุ่งไปสู่สวรรค์ได้
เปรียบเหมือนตาชั่งที่กำลังชั่งของ ย่อมต่ำลงข้างหนึ่ง
เมื่อเอาของหนักออกเสีย ข้างที่ต่ำก็จะสูงขึ้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิรเย ได้แก่ มหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก
๑๖ ขุมและโลกันตนรก. บทว่า ภาโร ความว่า ข้าแต่ทูลกระหม่อม ท่าน
อลาตเสนาบดีนั้น มีอกุศลภาระยังไม่เพียบก่อน. บทว่า ตสฺส ความว่า ข้อ
ที่ท่านอลาตเสนาบดีนั้น ได้ความสุขเพราะบุญ นั่นเป็นปัจจัยนั้นเป็นผลแห่ง
บุญกรรมที่ตนทำไว้ในชาติก่อน ข้าแต่ทูลกระหม่อม ความจริงผลแห่งการฆ่าโค

อันชื่อว่าเป็นบาปอกุศลจักเป็นผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่ก็หาไม่ นั่นไม่ใช่ฐานะ
ที่จะมีได้เลย. บทว่า อคุเณ รโต ความว่า จริงอย่างนั้น บัดนี้เขาย่อมยินดี
แต่ในอกุศลกรรม. บทว่า อุชุมคฺคํ ความว่า ละทางกุศลกรรมบถ ๑๐. บทว่า
กุมฺมคฺคํ ความว่า แล่นไปสู่ทางอกุศลกรรมบถ ๑๐ อันเป็นทางไปนรก.
บทว่า โอหิเต ตุลมณฺฑเล ความว่า เมื่อเอาตราชั่งคล้องไว้เพื่อรับสิ่งของ.

บทว่า อุนนฺเมติ ความว่า ย่อมยกให้สูงขึ้นข้างบน. บทว่า อาจินํ ความว่า
เมื่อนรชนสั่งสมบุญทีละน้อย ๆ ปลดบาปที่หนักลง ยกกัลยาณกรรมขึ้นบนศีรษะ
แล้วไปสู่เทวโลก. บทว่า สคฺคาติมาโน ความว่า มุ่งไปในสวรรค์ยินดียิ่ง


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ในกัลยาณกรรม อันเป็นสุขสำราญยังสัตว์ให้ถึงสวรรค์. บาลีว่า สคฺคาธิมาโน
ดังนี้ก็มี อธิบายว่า มีจิตตั้งมั่นกระทำสวรรค์ไว้เป็นเบื้องหน้า. บทว่า สาตเว
รโต ความว่า วีชกทาสนั้น ยินดีในกุศลกรรมอันน่าสำราญใจ มีผลชื่นใจ
เวลาบาปกรรมนี้สิ้นไป เขาจักบังเกิดในเทวโลก เพราะผลแห่งกัลยาณกรรม
แต่บัดนี้เขาเข้าถึงความเป็นทาส ได้มีบาปกรรมที่เขาทำไว้ในกาลก่อน อันเป็น
ทางเป็นไปเช่นนั้นเพราะผลแห่งกัลยาณกรรมหามิได้ ในข้อนี้พึงถึงความตกลง
ดังว่ามานี้แล.

พระนางรุจาราชธิดาเมื่อจะทรงประกาศความนี้จึงได้ตรัสว่า
นายวีชกะผู้เป็นทาส เห็นทุกข์ในตนวันนี้ เพราะ
ได้เสพบาปกรรมที่ตนทำไว้ในปางก่อน บาปกรรม
ของเขาจะหมดสิ้น เขาจึงมายินดีในวินัยอย่างนี้ ทูล-
กระหม่อมอย่าคบหากัสสปคุณาชีวก ทรงดำเนินทาง
ผิดเลยเพคะ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มา เหวุปฺปถมาคมา ความว่า พระนาง-
รุจาราชธิดาทูลว่า ข้าแต่ทูลกะหม่อม ทูลกระหม่อมเข้าไปหากัสสปคุณาชีวก
คนเปลือยนี้ ทูลกระหม่อมอย่าเข้าไปสู่ทางผิดอันเป็นทางไปนรก อย่าได้กระทำ
บาปเลยเพคะ.

บัดนี้พระนางรุจาราชธิดา เมื่อจะทรงแสดงโทษในการซ่องเสพบาป
และคุณในการคบหากับกัลยาณมิตรแก่พระราชา จึงตรัสว่า
ข้าแต่พระราชบิดา บุคคลคบบุคคลใด ๆ จะ
เป็นสัตบุรุษก็ตามอสัตบุรุษก็ตาม ผู้มีศีลก็ตาม ผู้ไม่
มีศีลก็ตาม เขาย่อมตกไปสู่อำนาจของผู้นั้น บุคคลทำ
บุคคลเช่นใดให้เป็นมิตร และเข้าไปคบหาคนเช่นใด

แม้เขาก็ย่อมเป็นคนเช่นนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันก็
ย่อมเป็นเช่นนั้น ผู้เสพย่อมติดนิสัยผู้ที่ตนเสพ ผู้ติดต่อ
ย่อมติดนิสัยผู้ที่ตนติดต่อ เหมือนลูกศรอาบยาพิษย่อม
เปื้อนแล่งฉะนั้น นักปราชญ์ไม่ควรเป็นผู้มีคนลามก

เป็นสหาย เพราะกลัวจะแปดเปื้อน การเสพคนพาล
ย่อมเป็นเหมือนบุคคลเอาใบไม้ห่อปลาเน่า แม้ใบไม้
ก็มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป ฉะนั้น ส่วนการคบหาสมาคมกับ
นักปราชญ์ ย่อมเป็นเหมือนบุคคลเอาใบไม้ห่อของ


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
หอม แม้ใบไม้ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งไป ฉะนั้น เพราะฉะนั้น
บัณฑิตรู้ความเป็นบัณฑิตของตนดังใบไม้สำหรับห่อ
จึงไม่คบหาสมาคมอสัตบุรุษ คบหาสมาคมสัตบุรุษ
อสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมให้ถึงสุคติ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สนฺตํ วา ได้แก่ สัตบุรุษก็ดี
บทว่า ยทิ วา อสํ ได้แก่ อสัตบุรุษก็ดี. บทว่า สโร ทุฏฺโ€ กลาปํว
ความว่า ข้าแต่พระราชบิดา มิตรชั่ว เมื่อเสพคบหากับคนอื่น และสนิท
ชิดเชื้อกับคนอื่น ย่อมจะทำบุรุษผู้ไม่ได้แปดเปื้อนกับบาป ให้มีอัธยาศัย
เป็นเช่นเดียวกับตน เข้าไปเปื้อนคือ กระทำให้แปดเปื้อนบาปเหมือนกัน.

บทว่า วายนฺติ ความว่า แม้หญ้าคาเหล่านั้นที่ห่อของนั้นก็ย่อมมีกลิ่นเหม็น
ฟุ้งขจรไป. บทว่า ตครญฺจ ความว่า ใบไม้ห่อกฤษณาและคันธชาตที่
สมบูรณ์ด้วยกลิ่นอย่างอื่น ย่อมมีกลิ่นหอมไปด้วย. บทว่า เอวํ ความว่า เข้า
ไปคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน จริงอยู่นักปราชญ์กระทำผู้คบกับตนให้
เป็นนักปราชญ์เหมือนกัน. บทว่า ตสฺมา ปตฺตปุฏสฺเสว ความว่า เพราะ

เหตุที่ใบไม้ที่ห่อของหอมมีกฤษณาเป็นต้น ย่อมพลอยมีกลิ่นหอมไปด้วย ฉะนั้น
พึงรู้อย่างนี้ว่า แม้เราก็เป็นบัณฑิต เพราะการซ่องเสพกับบัณฑิต เหมือน
ใบไม้สำหรับห่อฉะนั้น. บทว่า สมฺปากมตฺตโน ความว่า ครั้นรู้ความแก่
กล้า ความแปรไป ความเป็นบัณฑิตของตนแล้ว พึงละอสัตบุรุษคบหาแต่

สัตบุรุษผู้เป็นบัณฑิต. ในบทว่า นิรยํ เนนฺติ นี้ บัณฑิตพึงนำอุทาหรณ์
ด้วยอำนาจนิทานว่า ชื่อว่านำนรกมาด้วยเรื่องพระเทวทัตเป็นต้น และนำสุคติ
มาด้วยเรื่องพระสารีบุตรเถระเป็นต้น.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชธิดา ครั้นทรงแสดงธรรมแก่พระชนกนาถด้วย ๖ คาถาอย่าง
นี้แล้ว บัดนี้เมื่อจะทรงแสดงถึงทุกข์อันตนเคยเสวยมาในอดีตจึงตรัสว่า

แม้กระหม่อมฉันก็ระลึกชาติที่ตนท่องเที่ยวมา
แล้วได้ ๗ ชาติ และระลึกชาติที่ตนจุติจากชาตินี้แล้ว
จักไปเกิดในอนาคตอีก ๗ ชาติ ข้าแต่พระจอมประชา-
ชน ชาติที่ ๗ ของกระหม่อมฉันในอดีต กระหม่อม-
ฉันเกิดเป็นบุตรนายช่างทองในแคว้นมคธ ราชคฤห์
มหานคร กระหม่อมฉันได้คบหาสหายผู้ลามก ทำบาป

กรรมไว้มาก เที่ยวคบชู้ภรรยาของชายอื่นเหมือนจะ
ไม่ตาย กรรมนั้นยังไม่ให้ผล เหมือนไฟอันเถ้าปกปิด
ไว้ ในกาลต่อมาด้วยกรรมอื่น ๆ กระหม่อมฉันนั้นได้
เกิดในวังสรัฐเมืองโกสัมพี เป็นบุตรคนเดียวในสกุล
เศรษฐีผู้สมบูรณ์มั่งคั่ง มีทรัพย์มากมาย คนทั้งหลาย
สักการะบูชาอยู่เป็นนิตย์ ในชาตินั้น กระหม่อมฉัน

ได้คบหาสมาคมมิตรสหายผู้ยินดีในกรรมอันงาม ผู้
เป็นบัณฑิต เป็นพหูสูต เขาได้แนะนำให้กระหม่อม-
ฉันรักษาอุโบสถศีลในวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ตลอดราตรี
เป็นอันมาก กรรมนั้นยังไม่ได้ให้ผล ดังขุมทรัพย์ที่ฝัง
ไว้ใต้น้ำ ครั้นภายหลัง บรรดากรรมทั้งหลาย ปรทารก

กรรมอันใดที่กระหม่อมฉันได้กระทำไว้ในมคธรัฐ ผล
แห่งกรรมนั้นมาถึงกระหม่อมฉันแล้วเหมือนดื่มยาพิษ


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อันร้ายแรงฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้ครองวิเทหรัฐ กระ-
หม่อมฉันจุติจากตระกูลเศรษฐีนั้นแล้ว ต้องหมกไหม้
อยู่ในโรรุวนรกสิ้นกาลนานเพราะกรรมของตน กระ-
หม่อมฉันได้ระลึกถึงทุกข์ที่ได้เสวยในนรกนั้น ไม่ได้
ความสุขเลย กระหม่อมฉันยังทุกข์เป็นอันมาก ให้สิ้น
ไปในนรกนั้นนานปี แล้วเกิดเป็นลาถูกเขาตอนอยู่ใน
ภิณณาคตนคร.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตฺต ความว่า ข้าแต่ทูลกระหม่อม
ชื่อว่า โลกนี้และโลกหน้า และผลแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีและทำชั่ว ย่อมมี แต่
สงสารไม่สามารถจะชำระสัตว์ทั้งหลายให้หมดจดได้ ด้วยว่าสัตว์ทั้งหลายย่อม
หมดจดด้วยกรรมเท่านั้น อลาตเสนาบดีและวีชกะผู้เป็นทาส ย่อมระลึกได้เพียง
ชาติเดียวเท่านั้น มิใช่แต่ท่านเหล่านั้นเท่านั้นที่ระลึกชาติได้ แม้กระหม่อม

ฉันก็ระลึกถึงความที่ตนท่องเที่ยวในอดีตได้ถึง ๗ ชาติ ทั้งย่อมระลึกถึงชาติที่
จะพึงไปจากนี้แม้ในอนาคตถึง ๗ ชาติเหมือนกัน. บทว่า ยา เม สา ความว่า
ชาติที่ ๗ ในอดีตของหม่อมฉันก็มีอยู่. บทว่า กมฺมารปุตฺโต ความว่า
ในชาติที่ ๗ นั้นหม่อมฉันเกิดเป็นบุตรช่างทองในกรุงราชคฤห์ มคธรัฐ. บทว่า

ปรทารสฺส เหเ€นฺตา ได้แก่ เบียดเบียนภรรยาของคนอื่น คือผิดในภัณฑะ
ที่คนเหล่าอื่นรักษาคุ้มครองไว้. บทว่า อฏฺ€ เพราะกรรมชั่วนั้นที่หม่อมฉัน
ทำในเวลานั้นไม่ได้โอกาสได้ตั้งเก็บไว้ แต่เมื่อได้โอกาสจึงให้ผล เหมือนไฟ
อันเถ้าปิดไว้ฉะนั้น. บทว่า วํสภูมิยํ แปลว่า ในวังสรัฐ. บทว่า เอกปตฺโต

ความว่า หม่อมฉันได้เป็นบุตรคนเดียว ในตระกูลเศรษฐี มีสมบัติถึง ๘๐ โกฏิ.
บทว่า สาตเว รตํ ความว่า ยินดียิ่งในกัลยาณกรรม. บทว่า โส มํ ได้แก่
เขาได้เป็นสหาย ได้ชักนำหม่อมฉันให้ตั้งอยู่ในสิ่งเป็นประโยชน์คือในกุศล
กรรม. บทว่า ตํ กมฺมํ ความว่า กัลยาณกรรมของหม่อมฉันแม้นั้น ยังไม่ได้


+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา
+ เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาให้ตนด้วย
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตา พ่อแม่บ้าง
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาคนภายในครอบครัวบ้าง
เมตตาคนอื่นนั้นดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือเมตตาให้แก่ทุกคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
โอกาสในกาลนั้น ครั้นเมื่อได้โอกาสจึงให้ผล. บทว่า อุทกนฺติเก ความว่า
ได้เป็นขุมทรัพย์ฝังไว้ในน้ำ บทว่า ยเมตํ ความว่า ลำดับในบรรดากรรมชั่วมี
ประมาณเท่านี้ของหม่อมฉัน กรรมใดที่หม่อมฉันกระทำแล้วในภรรยาของ
คนอื่นในมคธรัฐ ผลแห่งกรรมนั้นจึงติดตามมาถึงหม่อมฉัน. ถามว่า เหมือน
อะไร ? แก้ว่า เหมือนบุคคลบริโภคยาพิษฉะนั้น อธิบายว่า กรรมนั้นย่อม

ถึงหม่อมฉัน เหมือนยาพิษที่ชั่วช้า กล้าแข็ง ร้ายกาจ กำเริบแก่บุคคลผู้
บริโภคโภชนะอันมียาพิษฉะนั้น. บทว่า ตโต ได้แก่ จากตระกูลเศรษฐี
ในกรุงโกสัมพีนั้น. บทว่า ตํ สรํ ความว่า หม่อมฉันเมื่อระลึกถึงทุกข์ที่
หม่อมฉันเสวยในนรกนั้น ย่อมไม่ได้รับความสบายใจเลย หม่อมฉันย่อมเกิด

แต่ความกลัวเท่านั้น. บทว่า ภินฺนาคเต ความว่า ในภินนาคตรัฐ หรือ
ในนครชื่อว่า ภินนาคตะ. บทว่า อุทฺธตปฺผโล ได้แก่ พืชที่ถูกเขาตอน
ก็แพะนั้นได้เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยกำลัง. คนทั้งหลายแม้ขึ้นขี่หลังแพะนำแพะนั้น
ไป เทียมเพะนั้นแม้ที่ยานน้อย.
พระนางรุจาราชธิดา เมื่อประกาศความนั้นจึงกล่าวว่า

กระหม่อมฉันพาลูกผู้ดีทั้งหลายไป ด้วยหลังบ้าง
ด้วยรถบ้าง นั่นเป็นผลแห่งกรรมคือการที่หม่อมฉัน
คบชู้กับภรรยาของคนอื่น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สาตปุตฺตา ได้แก่ บุตรแห่งอำมาตย์
ทั้งหลาย. บทว่า ตสฺส กมฺมสฺส ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ
การที่หม่อมฉันหมกไหม้อยู่ในมหาโรรุวนรก และการที่หม่อมฉันถูกตอนใน
กาลเป็นแพะ ทั้งหมดนั่น เป็นผลของกรรมนั้น คือกรรมที่หม่อมฉันคบชู้กับ
ภรรยาของคนอื่น.

ก็แล ครั้นหม่อมฉันจุติจากชาติเป็นลานั้นแล้ว ก็ถือปฏิสนธิในกำเนิด
ลิงในป่า ครั้นในวันที่หม่อมฉันเกิด พวกลิงเหล่านั้นนำหม่อมฉันไปแสดงแก่
ลิงผู้เป็นนายฝูง ลิงผู้เป็นนายฝูงกล่าวว่า จงนำบุตรมาให้เรา ดังนี้แล้วจับไว้
มั่นแล้วกัดลูกอัณฑะของลิงนั้นถึงจะร้องเท่าไรก็ไม่ปล่อย.


+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา
+ เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาให้ตนด้วย
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตา พ่อแม่บ้าง
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาคนภายในครอบครัวบ้าง
เมตตาคนอื่นนั้นดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือเมตตาให้แก่ทุกคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เมื่อพระนางรุจาราชธิดาประกาศความนั้นจึงกราบทูลว่า
ข้าแต่พระชนกนาถผู้ปกครองวิเทหรัฐ กระ-
หม่อมฉันจุติจากชาติลานั้นแล้ว ก็ไปเป็นลิงอยู่ในป่า
สูง ถูกลิงนายฝูงคนองปากขบกัดลูกอัณฑะ นั่นเป็น
ผลของการที่เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิลุจฺฉิตผโลเยว ความว่า หม่อมฉัน
ถูกลิงนายฝูงคนองปากในป่านั้น ขบกัดลูกอัณฑะเอาทีเดียว.
เมื่อพระนางรุจาราชธิดาจะทรงแสดงชาติอื่น ๆ จึงทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ครองวิเทหรัฐ กระหม่อมฉัน
จุติจากชาติเป็นลิงนั้นแล้ว ได้เกิดเป็นโคในทสันนรัฐ
ถูกเขาตอน มีกำลังแข็งแรง กระหม่อมฉันต้องเทียม
ยานอยู่สิ้นกาลนาน นั่นเป็นผลของกรรม คือ การที่
กระหม่อมฉันคบชู้ภรรยาผู้อื่น ข้าแต่พระองค์ผู้ครอง
วิเทหรัฐ กระหม่อมฉันจุติจากชาติเป็นโคนั้นแล้ว มา

บังเกิดเป็นกระเทยในตระกูลที่มีโภคสมบัติมากในแคว้น
วัชชี จะได้เกิดเป็นมนุษย์ยากจริง ๆ นั่นเป็นผลแห่ง
กรรม คือ การที่กระหม่อมฉันคบชู้ภรรยาผู้อื่น ข้า
แต่พระองค์ผู้ครองวิเทหรัฐ กระหม่อมฉันจุติจากชาติ
เป็นกระเทยนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดเป็นนางอัปสรใน

นันทนวัน ณ ดาวดึงส์พิภพ มีวรรณะ น่าใคร่ มีผ้าและ
อาภรณ์อันวิจิตร สวมกุณฑลแก้วมณี เป็นผู้ฉลาดใน
การฟ้อนรำขับร้อง เป็นบาทบริจาริกาของท้าวสักกะ
ข้าแต่พระองค์ผู้ครองวิเทหรัฐ เมื่อกระหม่อมฉันอยู่ใน


+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา
+ เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาให้ตนด้วย
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตา พ่อแม่บ้าง
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาคนภายในครอบครัวบ้าง
เมตตาคนอื่นนั้นดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือเมตตาให้แก่ทุกคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดาวดึงส์พิภพนั้น ระลึกชาติแม้ในอนาคตได้อีก ๗ ชาติ
ที่กระหม่อมฉันจุติจากดาวดึงส์พิภพนั้นแล้ว จักไปเกิด
ต่อไป กุศลที่กระหม่อมฉันทำไว้ในเมืองโกสัมพีตาม
มาให้ผล กระหม่อมฉันจุติจากดาวดึงส์พิภพนั้นแล้ว
ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ ข้าแต่พระมหาราชา
กระหม่อมฉันเป็นผู้อันชนทั้งหลายสักการะแล้วเป็น

นิตย์ตลอด ๗ ชาติ กระหม่อมฉันไม่พ้นจากความเป็น
หญิงตลอด ๖ ชาติ ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐชาติที่ ๗
กระหม่อมฉันจักได้เกิดเป็นเทวดาผู้ชาย เป็นเทพบุตร
ผู้มีฤทธิ์มาก เป็นผู้สูงสุดในหมู่เทวดา แม้วันนี้นาง
อัปสรทั้งหลายก็ยังร้อยดอกไม้เป็นพวงมาลัย อยู่ใน
นันทนวัน เทพบุตรนามว่าชวะสามีกระหม่อมฉัน ยัง

รับพวงมาลัยอยู่ ๑๖ ปีในมนุษย์นี้ราวครู่หนึ่งของ
เทวดา ๑๐๐ ปีในมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดา
ดังที่ได้กราบทูลให้ทรงทราบมานี้ กรรมทั้งหลายย่อม
ติดตามไปทุก ๆ ชาติ แม้ตั้งอสงไขยด้วยว่ากรรมจะ
เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม (ยังไม่ให้ผลแล้ว) ย่อม
ไม่พินาศไป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทสนฺเนสุ แปลว่า ในทสันนรัฐ. บทว่า
ปสุ แปลว่า เป็นโค. บทว่า อหุํ แก้เป็น อโหสิ แปลว่า ได้เป็นแล้ว
บทว่า นิลุจฺฉิโต ความว่า ในกาลที่หม่อมฉันเป็นลูกโคนั้นเองพวกเขาได้
ตอนพืชของหม่อมฉันด้วยคิดว่าจักเป็นที่ชอบใจด้วยประการฉะนี้ หม่อมฉันนั้น
ถูกเขาตอนแล้ว คือเป็นเหมือนคนมีกำลังดีถูกถอนพืชฉะนั้น. บทว่า วชฺชีสุ
กุลมาคโต นี้พระนางรุจาราชธิดาแสดงว่า หม่อมฉันจุติจากกำเนิดโคแล้ว


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา
+ เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาให้ตนด้วย
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตา พ่อแม่บ้าง
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาคนภายในครอบครัวบ้าง
เมตตาคนอื่นนั้นดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือเมตตาให้แก่ทุกคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 01 เม.ย. 2019, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บังเกิดในตระกูลคนผู้มีโภคะมากตระกูลหนึ่งในแคว้นวัชชี. ด้วยบทว่า เนวิตฺถี
น ปุมา นี้ท่านกล่าวหมายถึงกระเทย. ภวเน ตาวตึสาหํ ความว่า หม่อมฉัน
เกิดในภพดาวดึงส์. บทว่า ตตฺถ €ิตาหํ เวเทห สรามิ ชาติโย อิมา
ความว่า ได้ยินว่า พระนางรุจานั้นอยู่ในเทวโลกนั้นตรวจดูอยู่ว่า เรา
มาสู่เทวโลกเห็นปานนี้ มาจากไหนหนอ ? เห็นแล้วซึ่งความเกิดในเทวโลกนั้น

เพราะจุติจากความเป็นกระเทยในตระกูลที่มีโภคะมาก ในแคว้นวัชชี จากนั้น
พระนางรุจาราชธิดาตรวจดูว่า เพราะกรรมอะไรหนอ เราจึงบังเกิดในที่อันน่า
รื่นรมย์เช่นนี้ เห็นแล้วซึ่งกุศลมีทานที่ตนทำแล้วเป็นต้น ทำให้บังเกิดใน
ตระกูลเศรษฐีในกรุงโกสัมพี ตรวจดูว่า เราบังเกิดในอัตภาพเป็นกระเทย ใน
ภพอดีตเป็นลำดับ มาแต่ที่ไหน ดังนี้ ได้รู้แล้วว่าตนเคยเสวยทุกข์ใหญ่ใน

กำเนิดโค ในทสันนรัฐ เมื่อหวลระลึกถึงชาติต่อจากนั้น ได้เห็นตนถูกตอน
ในกำเนิดลิง เมื่อหวลระลึกชาติถัดจากนั้น จึงหวลระลึกถึงภาวะที่ตนถูกตอน
พืชในกำเนิดแพะ ในภินนาคตะรัฐ เมื่อหวลระลึกถัดจากชาตินั้นได้ระลึกถึง
ภาวะที่ตนบังเกิดในโรรุวนรก ลำดับนั้นเมื่อพระนางรุจาราชธิดาระลึกถึงภาวะ
ที่ตนหมกไหม้ในนรก และทุกข์ที่ตนเสวยในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ความกลัว

จึงเกิดขึ้น. ลำดับนั้น พระนางรุจาราชธิดา เมื่อหวลระลึกถึงชาติที่ ๖ ว่า เรา
เสวยทุกข์เห็นปานนี้เพราะกรรมอะไรหนอ จึงเห็นกัลยาณกรรมที่ตนกระทำใน
กรุงโกสัมพีในชาตินั้น แล้วทรงตรวจดู ชาติที่ ๗ ได้เห็นกรรมคือ การคบชู้
กับภรรยาคนอื่นที่ตนทำเพราะอาศัยมิตรชั่วในมคธรัฐ จึงได้รู้ว่าเราเสวยทุกข์

ใหญ่นั้น เพราะผลแห่งกรรมนั้น. ลำดับนั้นพระนางจึงตรวจดูว่า เราจุติจาก
ชาตินี้แล้ว จักบังเกิดในภพไหนในอนาคต ได้รู้ว่า เราจักบังเกิดเป็นบาท


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ ใฝ่เรียนใฝ่ศึกษา เสริมสร้างพัฒนาปัญญาบารมี
+ อยากทำกิจให้เสร็จไม่ควรอู้ อยากได้ความรู้ควรเพียรแสวงหา
+ เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาให้ตนด้วย
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตา พ่อแม่บ้าง
เมตตาคนอื่น อย่าลืมเมตตาคนภายในครอบครัวบ้าง
เมตตาคนอื่นนั้นดี แต่สิ่งที่ดีที่สุดนั้นก็คือเมตตาให้แก่ทุกคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 155, 156, 157, 158, 159, 160, 161 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร