วันเวลาปัจจุบัน 04 ก.ย. 2025, 19:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 167, 168, 169, 170, 171, 172, 173 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ตรัสเรียกพระนางมัทรี
ผู้งามทั่วสรรพางค์นั้นมาว่า พัสดุอันใดอันหนึ่งที่ฉัน
ให้เธอ ทั้งทรัพย์อันประกอบด้วยสิริ เงิน ทอง มุกดา
ไพฑูรย์มีอยู่มาก และสิ่งใดที่เธอนำมาแต่พระชนก
ของเธอ เธอจงเก็บสิ่งนั้นไว้ทั้งหมด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิทเหยฺยาสิ ความว่า เธอจงเก็บขุม
ทรัพย์ไว้. บทว่า เปติกํ ได้แก่ ที่เธอนำมาแต่ฝ่ายพระชนก.
พระราชบุตรีพระนามว่ามัทรีผู้งามทั่วพระกายจึง
ทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ จะโปรดให้เก็บทรัพย์
ทั้งนั้นไว้ในที่ไหน ขอพระองค์รับสั่งแก่หม่อมฉันผู้
ทูลถามให้ทราบ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมพฺรวิ ความว่า ทูลกระหม่อม
เวสสันดรพระสวามีของเราไม่เคยตรัสว่า เธอจงเก็บทรัพย์ตลอดกาลมีประมาณ
เท่านี้ เฉพาะคราวนี้พระองค์ตรัส เราจักทูลถามทรัพย์นั้นจะโปรดให้เก็บ
ไว้ในที่ไหนหนอ พระนางมัทรีมีพระดำริดังนี้จึงได้ทูลถามดังนั้น.
พระเวสสันดรบรมกษัตริย์จึงตรัสว่า

ดูก่อนพระน้องมัทรี เธอจงบริจาคทานในท่าน
ผู้มีศีลทั้งหลายตามควร เพราะที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง
อย่างอื่นยิ่งกว่าทานการบริจาคย่อมไม่มี.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทชฺเชสิ ความว่า แน่ะพระน้องมัทรีผู้เจริญ
เธออย่าได้เก็บทรัพย์ไว้ในที่มีพระคลังเป็นต้น เมื่อจะเก็บเป็นขุมทรัพย์ที่จะติด
ตามตัวไป พึงถวายในท่านผู้มีศีลทั้งหลายในแว่นแคว้นของเรา. บทว่า น หิ
ทานา ปรํ ความว่า ขึ้นชื่อว่าที่พึ่งอาศัยที่ยิ่งขึ้นไปกว่าทาน ย่อมไม่มี.

พระนางมัทรีรับพระดำรัสว่า สาธุ. ครั้งนั้นพระบรมโพธิสัตว์เมื่อจะ
ประทานพระราโชวาทแก่พระนางให้ยิ่งขึ้นจึงตรัสว่า
ดูก่อนพระน้องมัทรี เธอจงเอ็นดูในโอรสและ


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ธิดากับทั้งพระสัสสุและพระสสุระ กษัตริย์ใดมาสำคัญ
ว่าจะเป็นภัสดาเธอ เธอจงบำรุงกษัตริย์นั้นโดยเคารพ
ถ้าว่าไม่มีใครสำคัญว่าจะเป็นภัสดาเธอ เพราะเธอไม่
ได้อยู่กับฉัน เธอจงแสวงหาภัสดาอื่น เธออย่าลำบาก
เพราะพรากจากฉันเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทเยสิ ความว่า พึงเอ็นดูกระทำความ
เมตตา. บทว่า โย จ ตํ ภตตา มญเญยย ความว่า แน่ะนางผู้เจริญ
เมื่อฉันไปแล้วกษัตริย์ใดมาสำคัญว่า เราจักเป็นภัสดาของเธอ เธอพึงบำรุง
กษัตริย์แม้นั้นโดยเคารพ. บทว่า มยา วิปปวเสน เต ความว่า ถ้าใคร ๆ ไม่
สำคัญเธอว่า เราจักเป็นภัสดาของเธอ เพราะเธอไม่ได้อยู่กับฉัน เมื่อเป็น
เช่นนั้นเธอจงแสวงหาภัสดาอื่นด้วยตนเองนั่นแล. บทว่า มา กิลิตถ มยา
วินา ความว่า เธอพรากจากฉันแล้วอย่าลำบาก คือจงอย่าลำบาก.

ครั้งนั้นพระนางมัทรีมีพระดำริว่า พระเวสสันดรผู้ภัสดาตรัสพระวาจา
เห็นปานนี้ เหตุเป็นอย่างไรหนอ จึงกราบทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์
ตรัสพระวาจาอันไม่สมควรตรัสนี้เพราะเหตุไร ลำดับนั้น พระเวสสันดรจึงตรัส
ตอบพระนางว่า แน่ะพระน้องมัทรีผู้เจริญ ชาวสีพีขัดเคืองเพราะฉันให้ช้าง
จึงขับไล่ฉันจากแว่นแคว้น พรุ่งนี้ฉันจักให้สัตตสดกมหาทาน จักออกจาก
พระนครในวันที่ ๓ ตรัสฉะนี้แล้ว ตรัสว่า

ฉันจักไปป่าที่น่ากลัว ประกอบด้วยพาลมฤค
ฉันผู้เดียวอยู่ในป่าใหญ่ มีชีวิตน่าสงสัย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สํสโย ความว่า เมื่อฉันผู้สุขุมาลชาติ
โดยส่วนเดียว อยู่ในป่าที่มีศัตรูไม่น้อยจะมีชีวิตอยู่แต่ไหน ฉันจักตายเสียเป็น
แน่ พระเวสสันดรตรัสอย่างนั้นด้วยความประสงค์ดังนี้
พระราชบุตรีพระนามว่ามัทรีผู้งามทั่วสรรพางค์


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ได้กราบทูลถามพระราชสวามีว่า พระองค์ตรัสพระวาจา
ซึ่งไม่เคยมีหนอ ตรัสวาจาชั่วแท้ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า
พระองค์เสด็จไปแต่พระองค์เดียวไม่สมควร แม้หม่อม
ฉันก็จักโดยเสด็จด้วย ความตายกับด้วยพระองค์ หรือ
พรากจากพระองค์เป็นอยู่ สองอย่างนี้ตายนั่นแลประ-
เสริฐกว่า พรากจากพระองค์เป็นอยู่จะประเสริฐอะไร

ก่อไฟให้ลุกโพลงมีเปลวเป็นอันเดียวกัน แล้วตายเสีย
ในไฟนั้นประเสริฐกว่า พรากจากพระองค์จะประเสริฐ
อะไร นางช้างพังไปตามช้างพลายตัวประเสริฐอยู่ในป่า
เที่ยวอยู่ตามภูผาทางกันดารสถานที่เสมอแลไม่เสมอ ฉัน
ใด หม่อมฉันจะพาบุตรและบุตรีตามเสด็จไปเบื้องหลัง
ฉันนั้น หม่อมฉันจักเป็นผู้ที่เลี้ยงง่ายของพระองค์ จัก
ไม่เป็นผู้ที่เลี้ยงยากของพระองค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อภุมเม ความว่า พระองค์ตรัสแก่หม่อม
ฉันถึงพระวาจาซึ่งไม่เคยมีหนอ. บทว่า คจเฉยย แปลว่า เสด็จไป. บทว่า
เนส ธมโม ความว่า นั่นไม่ใช่สภาวะ คือนั่นมิใช่เหตุ. บทว่า ตเทว
ความว่า หม่อมฉันตายกับด้วยพระองค์นั่นแล ประเสริฐกว่า. บทว่า ตตถ
ได้แก่ ในเชิงตะกอนไม้ที่มีเปลวไฟเป็นอันเดียวกัน. บทว่า เชสสนตํ แปล
ว่า เที่ยวไปอยู่.

พระนางมัทรีราชกัญญากราบทูลพระภัสดาอย่างนี้แล้ว เมื่อจะทรงพรรณนา
ถึงหิมวันตประเทศ ซึ่งเป็นประหนึ่งว่าได้เคยทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสว่า
เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นกุมารทั้งสองนี้ ผู้
มีเสียงอันไพเราะ พูดจาน่ารัก นั่งอยู่ที่พุ่มไม้ในป่า
เล่นอยู่ที่พุ่มไม้ในป่า จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ

เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระกุมารทั้งสองนี้ ผู้มี
เสียงไพเราะ พูดจาน่ารัก เล่นอยู่ที่พุ่มไม้ในป่า จัก
ไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อพระองค์ทอดพระ-
เนตรเห็นพระกุมารทั้งสองนี้ ผู้มีเสียงไพเราะ พูดจา
น่ารัก ที่อาศรมรัมณียสถาน จักไม่ทรงระลึกถึงราช


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สมบัติ, เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระกุมารทั้ง
สองนี้ ผู้มีเสียงไพเราะ พูดจาน่ารัก เล่นอยู่ ณ
อาศรมรัมณียสถาน จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ,
เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระกุมารทั้งสองนี้
ทรงมาลาประดับพระองค์ ณ อาศรมรัมณียสถาน จัก
ไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อพระองค์ทอดพระเนตร
เห็นพระกุมารทั้งสองนี้ ทรงมาลาประดับพระองค์
เล่นอยู่ ณ อาศรมเป็นที่รื่นรมย์ จักไม่ทรงระลึกถึงราช

สมบัติ เมื่อใดพระองค์ทอดพระเนตรเห็นกุญชรชาติ
มาตังคะ อายุล่วง ๖๐ ปี เที่ยวอยู่ในป่าตัวเดียว เมื่อ
นั้นจักทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใด พระองค์ทอด
พระเนตรเห็นกุญชรชาติมาตังคะ มีวัยล่วง ๖๐ ปี
เที่ยวไปในเวลาเย็น ในเวลาเช้า เมื่อนั้นจักไม่ทรง
ระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใด กุญชรชาติมาตังคะ มีวัย
ล่วง ๖๐ ปี เดินนำหน้าโขลงช้างพังไป ส่งเสียงร้อง

กึกก้องโกญจนาท พระองค์ได้ทรงสดับเสียงร้องของ
ช้างที่บันลือก้องอยู่นั้น เมื่อนั้นจักไม่ทรงระลึกถึงราช
สมบัติ, เมื่อใดพระองค์ผู้พระราชทานความใคร่แก่
หม่อมฉัน ทอดพระเนตรชัฏไพรเป็นหมู่ไม้ทั้ง ๒ ข้าง
มรรคา อันเกลื่อนไปด้วยพาลมฤค เมื่อนั้นจักไม่ทรง
ระลึกถึงราชสมบัติ, พระองค์จักทอดพระเนตรเห็น

มฤคผู้มาเป็นแถว ๆ แถวละ ๕ ตัว และเหล่ากินนร
ผู้ฟ้อนอยู่ในเวลาเย็น ก็จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ,
เมื่อใดพระองค์ได้ทรงฟังเสียงกึกก้องแห่งกระแสใน
แม่น้ำไหล และเสียงขับร้องแห่งฝูงกินนร เมื่อนั้น
พระองค์จักระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ทรง
สดับเสียงร้องของนกเค้าที่เที่ยวอยู่ตามซอกเขา เมื่อ


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นั้นพระองค์จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใด
พระองค์จักได้ทรงสดับเสียงแห่งสัตว์ร้ายในป่า คือ
ราชสีห์ เสือโคร่ง แรด โคลาน เมื่อนั้นก็จักไม่ทรง
ระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ได้ทอดพระเนตร
เห็นนกยูงผู้ปกคลุมด้วยแพนหางจับอยู่ที่ยอดเขาเกลื่อน
ไปด้วยนางนกยูงทั้งหลายรำแพนอยู่ เมื่อนั้นจักไม่

ทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ได้ทอดพระ-
เนตรนกยูงผู้เกลื่อนด้วยฝูงนางนกยูง มีแพนหางอัน
วิจิตรรำแพนอยู่ เมื่อนั้นจักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ,
เมื่อใด พระองค์ได้ทอดพระเนตรนกยูงมีขนคอเขียวมี
หงอนเกลื่อนไปด้วยฝูงนางนกยูงรำแพนอยู่ เมื่อนั้น

ก็จักไม่ทรงระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ทอด
พระเนตรเห็นเหล่าพฤกษชาติอันบานแล้ว ส่งกลิ่นหอม
ฟุ้งในเหมันตฤดู และพื้นดินเขียวชอุ่มปกคลุมไปด้วย
แมลงค่อมทองในเดือนเหมันต์ เมื่อนั้นจักไม่ทรงระลึก
ถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น
รุกขชาติอันมีดอกบานสะพรั่ง คืออัญชันเขียวที่กำลัง

ผลิยอดอ่อน ต้นโลท และบัวบกมีดอกบานสะพรั่ง
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งในเหมันตฤดู เมื่อนั้นก็จักไม่ทรง
ระลึกถึงราชสมบัติ, เมื่อใดพระองค์ได้ทอดพระเนตร
เห็นหมู่ไม้มีดอกบานสะพรั่ง และปทุมชาติมี ดอกร่วง
หล่นในเดือนฤดูเหมันต์ เมื่อนั้นก็จักไม่ทรงระลึก
ถึงราชสมบัติ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มญชเก ได้แก่ มีเสียงไพเราะ มีถ้อย
คำไพเราะ. บทว่า กเรณุสํฆสส ได้แก่ หมู่ช้างพัง. บทว่า ยูถสส ได้
แก่ ไปข้างหน้าโขลงช้าง. บทว่า อุภโต ได้แก่ ทั้งสองข้างมรรคา. บทว่า
วนวิกาเส ได้แก่ ชัฏไพร. บทว่า กามทํ ได้แก่ ผู้ให้สิ่งที่น่าใคร่ทุก
อย่างแก่หม่อมฉัน. บทว่า สินธุยา ได้แก่ แม่น้ำ. บทว่า วสมานสสุ-
ลูกสส ได้แก่ นกเค้าผู้อยู่. บทว่า พาฬานํ ได้แก่ พาลมฤคทั้งหลาย


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ด้วยว่าเสียงของกินนรเหล่านั้นเป็นราวกะเสียงดนตรีเครื่อง ๕ จักมีในเวลาเย็น
เพราะเหตุนั้นพระนางมัทรีจึงทูลว่า พระองค์ทรงสดับเสียงของกินนรเหล่านั้น
แล้วจักทรงลืมราชสมบัติ. บทว่า วรหํ ได้แก่ ปกคลุมด้วยแพนหาง. บทว่า
มตถกาสินํ ได้แก่ จับอยู่ที่ยอดบรรพตเป็นนิจ. ปาฐะว่า มตตกาสินํ ก็
มี ความว่า เป็นผู้เมาด้วยความเมาในกามจับอยู่. บทว่า พิมพชาลํ ได้แก่
ใบอ่อนแดง. บทว่า โอปุปผานิ ได้แก่ มีดอกห้อยลง คือมีดอกร่วงหล่น.

พระนางมัทรีทรงพรรณนาถึงหิมวันตประเทศ ด้วยคาถามีประมาณ
เท่านี้ ประหนึ่งพระองค์เคยเสด็จประทับอยู่ ณ หิมวันตประเทศแล้วฉะนั้น
ด้วยประการฉะนี้.
จบหิมวันตวรรณนา

ทานกัณฑ์
แม้พระนางผุสดีราชเทวีมีพระดำริว่า ข่าวเดือดร้อนมาถึงลูกของเรา
ลูกของเราจะทำอย่างไรหนอ เราจักไปให้รู้ความ จึงเสด็จไปด้วยสิวิกากาญจน์
ม่านปกปิดประทับที่ทวารห้องบรรทมอันมีสิริ ได้ทรงสดับเสียงสนทนาแห่ง
กษัตริย์ทั้งสองคือพระเวสสันดรและพระนางมัทรี ก็พลอยทรงกันแสงคร่ำครวญ
อย่างน่าสงสาร

พระศาสดาเมื่อทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระผุสดีราชบุตรพระเจ้ามัททราช ผู้ทรงยศได้
ทรงสดับพระราชโอรสและพระสุณิสาทั้งสองปริเทวนา
การ ก็ทรงพลอยคร่ำครวญละห้อยไห้ว่า เรากินยาพิษ
เสียดีกว่า เราโดดเหวเสียดีกว่า เอาเชือกผูกคอตาย
เสียดีกว่า เหตุไฉนชาวสีพีจึงให้ขับไล่ลูกเวสสันดรผู้

ไม่มีความผิด เหตุไฉนชาวนครสีพีจึงจะให้ขับไล่เจ้า
เวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษไม่ผิด ผู้รู้ไตรเพทเป็นทาน
บดี ควรแก่การขอ ไม่ตระหนี่ เหตุไฉนชาวนครสีพี
จึงจะให้ขับไล่เจ้าเวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษผิด อัน


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชาต่างด้าวทั้งหลายบูชา มีเกียรติยศ เหตุไฉน
ชาวสีวีจึงให้ขับไล่ลูกเวสสันดรผู้ไม่มีความผิด ผู้เลี้ยง
ดูบิดามารดา ประพฤติถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในราชสกุล
เหตุไฉนชาวสีวีจึงให้ขับไล่ลูกเวสสันดรผู้ไม่มีความผิด
ผู้เกื้อกูลแก่พระเจ้าแผ่นดิน แก่เทพเจ้า แก่พระประยูร
ญาติ แก่พระสหาย เกื้อกูลทั่วแว่นแคว้น เหตุไฉนจึง
ให้ขับไล่ลูกเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดเสีย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ราชปุตตี ได้แก่ พระนางผุสดีราชธิดา
ของพระเจ้ามัททราช. บทว่า ปปเตยยหํ ความว่า เราพึงโดด. บทว่า
รชชุยา พชฌมิยาหํ ความว่า เราพึงเอาเชือกผูกคอตายเสีย. บทว่า กสมา
ความว่า เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ เหตุไฉนชาวสีวีจึงให้ขับไล่ลูกของเราผู้ไม่
มีความผิดเสีย. บทว่า อชฌายิกํ ความว่า ผู้ถึงฝั่งแห่งไตรเพท คือถึง
ความสำเร็จในศิลปะต่าง ๆ.

พระนางผุสดีทรงคร่ำครวญอย่างน่าสงสารฉะนี้แล้ว ทรงปลอบพระ-
โอรสและพระศรีสะใภ้ให้อุ่นพระหฤทัย แล้วเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าสญชัย กราบ
ทูลว่า

ชาวสีวีให้ขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มีความผิด
รัฐมณฑลของพระองค์ ก็จักเป็นเหมือนรังผึ้งร้าง
เหมือนผลมะม่วงหล่นลงบนดิน ฉะนั้น พระองค์อัน
หมู่เสวกามาตย์ละทิ้งแล้ว จักต้องลำบากอยู่พระองค์
เดียว เหมือนหงส์มีขนปีกหลุดร่วงแล้ว ก็ลำบากอยู่

ในเปียกตมอันไม่มีน้ำ ฉะนั้น ข้าแต่พระมหาราชเจ้า
เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงขอกราบทูลพระองค์ว่า
ประโยชน์อย่าได้ล่วงเลยพระองค์ไปเสียเลย ขอพระ-
องค์อย่าทรงขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มีความผิดนั้น
ตามคำของชาวสีพีเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปลิตานิ ได้แก่ เหมือนรวงผึ้งที่ตัวผึ้ง
หนีไปแล้ว. บทว่า ปติตา ฉมา ได้แก่ ผมมะม่วงสุกที่หล่นลงพื้นดิน.
พระนางผุสดีทรงแสดงว่า ข้าแต่สมมติเทพ เมื่อขับไล่ลูกของเราไปอย่างนี้แล้ว
แว่นแคว้นของพระองค์ก็จักสาธารณ์แก่คนทั่วไป. บทว่า นิกขีณปตโต ได้
แก่ มีขนปีกหลุดร่วงแล้ว. บทว่า อปวิฏโฐ อมจเจหิ ความว่า เหล่า

อำมาตย์ประมาณหกหมื่นผู้เป็นสหชาติกับลูกของเราละทิ้งแล้ว. บทว่า วิหญญสิ
แปลว่า จักลำบาก. บทว่า สีวีนํ วจนา ความว่า ขอพระองค์อย่าทรงขับ
ไล่ลูกของเราผู้ไม่มีความผิดนั้น ตามคำของชาวสีวีเลย.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระเจ้าสญชัยได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสว่า
เมื่อเราขับไล่ลูกที่รักผู้เป็นดุจธงชัยของชาวสีพี
ก็ทำโดยเคารพต่อขัตติยราชประเพณีธรรมของโบราณ
เพราะฉะนั้น ถึงลูกจะเป็นที่รักกว่าชีวิตของเรา เราก็
ต้องขับไล่.

เนื้อความของคาถานั้นว่า แน่ะพระน้องผุสดีผู้เจริญ เมื่อฉันขับไล่ คือ
เนรเทศลูกเวสสันดร ซึ่งเป็นธงชัยของชาวสีพี ก็ทำโดยเคารพยำเกรงต่อ
ขัตติยราชประเพณีธรรมของโบราณในสีพีรัฐ เพราะเหตุนั้น ถึงแม้ลูกเวสสันดร
นั้นเป็นที่รักกว่าชีวิตของฉัน ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขับไล่.

พระนางผุสดีราชเทวีได้ทรงสดับดังนั้นก็ทรงครวญคร่ำรำพันว่า
แต่กาลก่อน ๆ เหล่าทหารถือธง และเหล่าทหาร
ม้าเป็นอาทิ ราวกะดอกกรรณิการ์อันบานแล้ว และ
ราวกะราวป่าดอกกรรณิการ์ ไปตามเสด็จพ่อเวสสันดร
ผู้เสด็จไปไหน ๆ วันนี้พ่อจะเสด็จไปแต่องค์เดียว.

เหล่าราชบุรุษผู้ห่มผ้ากัมพลเหลืองมาแต่คันธาร-
รัฐ มีแสงสีดุจแมลงค่อมทองตามเสด็จไปไหน ๆ วัน
นี้พ่อจะเสด็จไปแต่องค์เดียว แต่ก่อนพ่อเคยเสด็จด้วย
ช้างที่นั่ง พระวอหรือรถที่นั่ง วันนี้พ่อจะต้องเสด็จไป
ด้วยพระบาทอย่างไรได้.

พ่อมีพระกายลูบไล้ด้วยแก่นจันทร์ อันเจ้าพนัก-
งานปลุกให้ตื่นบรรทมด้วยฟ้อนรำขับร้อง จะต้องทรง
หนังเสืออันหยาบขรุขระ และถือเสียมหาบคานอัน
คอนเครื่องบริขารแห่งดาบสทุกอย่างไปเองอย่างไรได้
ไม่มีใครนำผ้ากาสาวะและหนังเสือไป เมื่อพ่อเสด็จ
เข้าสู่ป่าใหญ่ ใครจะช่วยแต่งองค์ด้วยผ้าเปลือกไม้ ก็

ไม่มี เพราะเหตุไรขัตติยบรรพชิตทั้งหลาย จะทรงผ้า
เปลือกไม้ได้อย่างไรหนอ แม่มัทรีจักนุ่งห่มผ้าคากรอง
กะไรได้ แม่มัทรีเคยทรงภูษามาแต่แคว้นกาสี และ
โขมพัสตร์และโกทุมพรพัสตร์ บัดนี้จะทรงผ้าคากรอง
จักทำอย่างไร.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แม่มัทรีเคยเสด็จไปไหน ๆ ด้วยสิวิกากาญจน์
คานหามและรถที่นั่ง วันนี้แม่ผู้มีวรกายหาที่ติมิได้ จะ
ต้องดำเนินไปตามวิถีด้วยพระบาท แม่มัทรีผู้มีฝ่าพระ-
หัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อน มักมีพระหฤทัยหวั่นขวัญ
อ่อนสถิตอยู่ในความสุข เสด็จไปข้างไหนก็ต้องสวม

ฉลองพระบาททอง วันนี้แม่ผู้มีอวัยวะงาม จะต้อง
ดำเนินสู่วิถีด้วยพระบาทเปล่า แม่จะเสด็จไปไหนเคย
มีสตรีนับด้วยพันนางนำเป็นแถวไปข้างหน้า วันนี้แม่
ผู้โฉมงามจะต้องเสด็จไปสู่ราวไพรแต่องค์เดียว.
แม่มัทรีได้ยินเสียงสุนัขป่า ก็จะสะดุ้งตกพระ-
หฤทัยก่อนทันทีหรือได้ยินเสียงนกเค้าอินทสโคตรผู้
ร้องอยู่ก็จะสะดุ้งกลัวองค์สั่น ดุจแม่มดสั่นอยู่ฉะนั้น

วันนี้แม่ผู้มีรูปงามเป็นผู้ขลาดไปสู่แนวป่า ตัวแม่เอง
จักหมกไหม้ด้วยความทุกข์นาน เพราะอาศัยวังนี้เปล่า
จากลูกรัก ตัวแม่แลไม่เห็นลูกรัก จักผอมผิวเหลือง
จักแล่นไปในที่นั้น ๆ เหมือนนางนกมีลูกถูกเบียดเบียน
เห็นแต่รังเปล่าฉะนั้น ตัวแม่จักหมกไหม้ด้วยความ
ทุกข์นาน เพราะอาศัยวังนี้ว่างจากพระลูกรัก ตัวแม่

แลไม่เห็นลูกรัก ก็จักผอมผิวเหลือง จักแล่นไปในที่
นั้น ๆ เปรียบดังนางนกเขามีลูกถูกเบียดเบียนแล้ว
เห็นแต่รังเปล่า หรือเปรียบเหมือนนางนกจากพราก
ตกในเปือกตมไม่มีน้ำฉะนั้น เมื่อหม่อมฉันพิลาปอยู่
อย่างนี้ ถ้าพระองค์ยังจะขับไล่พระราชโอรสผู้ไม่มี
ความผิดนั้นเสียจากแว่นแคว้น หม่อมฉัน เห็นจะต้อง
สละชีวิตเสียเป็นแน่.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กณิการาว ความว่า เป็นราวกะดอก
กรรณิการ์ที่บานดีแล้ว เพราะประดับด้วยเครื่องอลังการอันเป็นสุวรรณ
วัตถาภรณ์. บทว่า ยายนตมนุยายนติ ความว่า ตามเสด็จพระเวสสันดร
ผู้เสด็จเพื่อต้องการประพาสสวนอุทยานเป็นต้น. บทว่า สวาชเชโกว ความ
ว่า วันนี้พระเวสสันดรจักเสด็จไปพระองค์เดียวเท่านั้น. บทว่า อนีกานิ ได้
แก่ มีกองช้างเป็นต้น. บทว่า คนธารา ปณฑุกมพลา ความว่า ผ้า

กัมพลแดงที่เสนานุ่งห่มมีค่าแสนหนึ่ง เกิดที่คันธารรัฐ. บทว่า หาริติ ความ
ว่า แบกไป. บทว่า ปสิสนตํ ได้แก่ เมื่อพระเวสสันดรเสด็จเข้าไปอยู่.
บทว่า กสมา จีรํ น พชฌเร ความว่า ใคร ๆ ที่แต่งตัวได้ จะช่วย
แต่งองค์ด้วยผ้าเปลือกไม้ก็ไม่มี เพราะอะไร. บทว่า ราชปพพชิตา ได้แก่
พวกกษัตริย์บวช. บทว่า โขมโกทุมพรานิ ได้แก่ ผ้าสาฎกที่เกิดในโขม-

รัฐและในโกทุมพรรัฐ. บทว่า สา กถชช ตัดบทเป็น สา กถํ อชช.
บทว่า อนุจจงคี ได้แก่ ผู้มีพระวรกายไม่มีที่ตำหนิคือหาที่ติมิได้. บทว่า
ปีฬมานาว ความว่า หวั่นไหวเสด็จไปเหมือนเหน็ดเหนื่อย. บทว่า อสสุ
ในบทเป็นต้นว่า ยสสุ อิตถีสหสส เป็นนิบาต ความว่า ใด ปาฐะว่า ยาสา
ก็มี. บทว่า สิวาย ได้แก่ สุนัขจิ้งจอก. บทว่า ปุเร ความว่า อยู่ใน

พระนครในกาลก่อน. บทว่า อินทสโคตสส ได้แก่ โกสิยโคตร. บทว่า
วาริณีว ได้แก่ เหมือนยักษทาสีที่เทวดาสิง. บทว่า ทุกเขน ได้แก่ ทุกข์
คือความโศกเพราะความพลัดพรากจากบุตร. บทว่า อาคมมิมํ ปุรํ ความ
ว่า เมื่อลูกไปแล้ว แม่มาวังนี้ คือวังของลูก. บทว่า ปิเย ปุตเต ท่าน
กล่าวหมายพระเวสสันดรและพระนางมัทรี. บทว่า หตจฉาปา ได้แก่ มีลูก

คือลูกน้อยถูกเบียดเบียนแล้ว. บทว่า ปพพาเชสิ จ นํ รฏฐา ความว่า
ถ้าพระองค์ยังจะขับไล่ลูกเวสสันดรนั้นจากแว่นแคว้น.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เหล่าสีพีกัญญาของพระเจ้ากรุงสญชัยทั้งปวงได้ยินเสียงคร่ำครวญของ
พระนางผุสดีเทวี ก็ประชุมกันร้องไห้ ส่วนราชบริจาริกานารีทั้งหลายในพระราช-
นิเวศน์ของพระเวสสันดร ได้ยินเสียงเหล่าราชบริจาริกาของพระเจ้ากรุงสญชัย
ร้องไห้ ต่างก็ร้องไห้ไปตามกัน คนหนึ่งในราชสกุลทั้งสองที่สามารถระทรงตน
ไว้ได้ไม่มีเลย ต่างทอดกายาร่ำพิไรรำพัน ดุจหมู่ไม้รังต้องลมย่ำยีก็ล้มลงตามกัน
ฉะนั้น.

พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
เหล่าสีพีกัญญาทั้งปวงในพระราชวัง ได้ฟังสุร-
เสียงของพระนางผุสดีทรงกันแสง ก็ประชุมกันประ
คองแขนทั้งสองร้องไห้ เหล่าราชบุตรราชบุตรี ชายา
พระสนม พระกุมาร พ่อค้า พราหมณ์ กองช้าง กอง

ม้า กองรถ กองราบ ฝ่ายข้างวังพระเวสสันดร ก็
พากันลงนอนยกแขนทั้งสองร้องไห้ ประหนึ่งหมู่ไม้
รังต้องลมประหารย่ำยีก็ล้มลงตามกันฉะนั้น แต่นั้น
เมื่อราตรีสว่าง ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พระเวสสันดรก็
เสด็จมาสู่โรงทาน ทรงบำเพ็ญทาน โดยพระโองการ
ว่า เจ้าทั้งหลายจงให้ผ้าห่มแก่เหล่าผู้ต้องการผ้านุ่งห่ม

น้ำเมาแก่พวกนักเลงสุรา โภชนาหารแก่เหล่าผู้ต้อง
การโภชนาหารโดยชอบทีเดียว อย่าเบียดเบียนเหล่า
วนิพก ผู้มาในที่นี้แม้แต่คนหนึ่ง จงให้อิ่มหนำด้วย
ข้าวและน้ำ พวกนี้เราบูชาแล้ว จงให้ยินดีกลับไป
ในเมื่อพระเวสสันดรมหาราชผู้ยังแคว้นแห่งชาวสีพีให้

เจริญเสด็จออกแล้ว ดุจคนเมาสุราหรือคนเหน็ดเหนื่อย
ชาวสีพีเหมือนตัดเสีย ซึ่งต้นไม้ที่ให้ผลต่าง ๆ ที่ทรง
ผลต่าง ๆ ที่ให้ความใคร่ทั้งปวง ที่นำมาซึ่งรสคือ


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความใคร่ทั้งปวง เพราะพวกเขาขับไล่พระเวสสันดร
ผู้หาความผิดมิได้จากรัฐมณฑล ในเมื่อพระเวสสันดร
มหาราชผู้ยังแคว้นแห่งชาวสีพีให้เจริญเสด็จออกแล้ว
เหล่าคนแก่ คนหนุ่ม และคนกลางคนทั้งหมด ภูต
แม่มด ขันที สตรีของพระราชา สตรีในพระนคร
พราหมณ์ สมณะ และเหล่าวนิพกอื่น ๆ ประคอง
แขนทั้งสองร้องไห้ว่า ดูเถอะ พระราชาเป็นอธรรม.
พระเวสสันดรเป็นผู้อันมหาชนในเมืองของตน

บูชาแล้ว ต้องเสด็จออกจากเมืองของพระองค์ โดย
ต้องการตามคำของชาวสีวี พระเวสสันดรมหาสัตว์นั้น
พระราชทานช้าง ๗๐๐ เชือก ล้วนประดับด้วยคชาลัง-
การ มีเครื่องรัดกลางตัวแล้วไปด้วยทอง คลุมด้วย
เครื่องประดับทอง มีนายหัตถาจารย์ขี่ประจำ ถือโตมร
และขอม้า ๗๐๐ ตัว สรรพไปด้วยอัศวาภรณ์เป็นชาติ

ม้าอาชาไนยสินธพ เป็นพาหนะว่องไว มีนายอัศวา-
จารย์ขี่ประจำ ห่มเกราะถือธนู รถ ๗๐๐ คัน อันมั่น
คงมีธงปักแล้ว หุ้มหนังเสือเหลืองเสือโคร่งประดับ
สรรพาลังการ มีคนขับประจำถือธนูห่มเกราะ สตรี
๗๐๐ คน คนหนึ่ง ๆ อยู่ในรถ สวมสร้อยทองคำประดับ
กายแล้วไปด้วยทองคำ มีอลังการสีเหลือง นุ่งห่มผ้า

สีเหลือง ประดับอาภรณ์สีเหลือง มีดวงตาใหญ่ ยิ้ม
แย้มก่อนจึงพูด มีตะโพกงามบั้นเอวบาง โคนม ๗๐๐
ตัว ล้วนแต่งเครื่องเงินทาสี ๗๐๐ คน ทาส ๗๐๐ คน
(พระองค์ทรงบำเพ็ญทานเห็นปานนี้) ต้องเสด็จออก
จากแคว้นของพระองค์.

พระราชาเวสสันดรพระราชทานช้างม้ารถ และ
สตรีอันตกแต่งแล้ว ต้องนิราศจากแคว้นของพระองค์
ในเมื่อมหาทาน อันพระเวสสันดรพระราชทานแล้ว
พสุธาดลก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหว และพระราชา-
เวสสันดรทรงกระทำอัญชลี นิราศจากแคว้นของ
พระองค์ นั่นเป็นมหัศจรรย์อันน่าสยดสยอง ให้ขน
พองสยองเกล้า ได้เกิดมีแล้วในกาลนั้น.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ ฝึกความอดทน ย่อมจะทำชีวิตตนให้ดียิ่งขึ้น
+ ความสุขอยู่ที่ใจ แล้วมีใครบ้างที่รู้วิธีปฏิบัติและทำได้จริง
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สิวิกญญา ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สตรีทั้งหลายของพระเจ้าสญชัยราชาแห่งชาวสีวีแม้ทั้งปวง ได้ฟังเสียงคร่ำ-
ครวญของพระนางผุสดีแล้ว ประชุมกันคร่ำครวญร้องไห้. บทว่า เวสสนตร-
นิเวสเน ความว่า เหล่าชนฝ่ายข้างวังแม้ของพระเวสสันดร ได้ฟังเสียงคร่ำ
ครวญของสตรีทั้งหลายในวังของพระเจ้าสญชัยนั้น ก็คร่ำครวญไปตามกัน ใน
ราชสกุลทั้งสอง ไม่มีใคร ๆ ที่สามารถจะดำรงอยู่ได้ตามภาวะของตน ต่างล้ม

ลงเกลือกกลิ้ง ไปมาคร่ำครวญดุจหมู่ไม้รังโค่นลงด้วยกำลังลมฉะนั้น. บทว่า
ตโต รตยา วิวสเน ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อราตรีนั้นล่วงไป
ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวกขวนขวายในทานได้กราบทูลแด่พระเวสสันดรว่า ทาน
ได้จัดเสร็จแล้ว. ลำดับนั้น พระราชาเวสสันดรทรงสรงสนานแต่เช้าทีเดียว
ประดับด้วยสรรพาลังการ เสวยโภชนาหารรสอร่อย แวดล้อมไปด้วยมหาชน

เสด็จเข้าสู่โรงทานเพื่อพระราชทานสัตตสดกมหาทาน. บทว่า เทถ ความว่า
พระเวสสันดรเสด็จไปในที่นั้นแล้ว เมื่อตรัสสั่งเหล่าอำมาตย์หกหมื่น ได้ตรัส
อย่างนี้. บทว่า วารุณึ ความว่า พระเวสสันดรทรงทราบว่า การให้น้ำเมา
เป็นทานไร้ผล แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ทรงดำริว่า พวกนักเลงสุรามาถึงโรง
ทานแล้ว อย่าได้กล่าวว่า ไม่ได้ดื่มสุราในโรงทานของพระเวสสันดร ดังนี้จึง

ให้พระราชทาน. บทว่า วนิพพเก ความว่า บรรดาเหล่าชนวนิพกผู้ขอ
พวกท่านอย่าได้เบียดเบียนใคร ๆ แม้คนหนึ่ง. บทว่า ปฏิปูชิตา ความว่า
พระเวสสันดรตรัสว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่เราบูชาแล้ว จงกระทำอย่างที่เขา
ไปสรรเสริญเรา พระเวสสันดรได้พระราชทานสัตตสดกมหาทาน คือ ช้าง

๗๐๐ เชือก มีเครื่องประดับทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ม้า ๗๐๐ ตัว ก็
เหมือนอย่างนั้นแล รถ ๗๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์เป็นต้น วิจิตรด้วยรัตนะ
ต่าง ๆ มีธงทอง สตรีมีขัตติยกัญญาเป็นต้น ๗๐๐ คน ประดับด้วยสรรพาลังการ
ทรงรูปอันอุดม แม่โคนม ๗๐๐ ตัว ซึ่งเป็นหัวหน้าโคผู้ประเสริฐ รีดน้ำนม

ได้วันละหม้อ ทาสี ๗๐๐ คนผู้ได้รับการฝึกหัดศึกษาดีแล้ว ทาส ๗๐๐ คนก็
เหมือนอย่างนั้น พร้อมเครื่องดื่มและโภชนาหารหาประมาณมิได้ ด้วยประการ
ฉะนี้.

เมื่อพระมหาสัตว์ทรงบริจาคทานอยู่อย่างนี้ ชาวนครเชตุดร มีกษัตริย์
พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เป็นต้น ต่างร่ำพิไรรำพันว่า ข้าแต่พระเวสสันดรผู้
เป็นเจ้า ชาวสีพีรัฐขับพระองค์ผู้ทรงบริจาคทานเสียจากรัฐมณฑล พระองค์ก็
ยังทรงบริจาคทานอีก.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า
ครั้งนั้นเสียงกึกก้องโกลาหลน่าหวาดเสียว เป็น
ไปในพระนครนั้นว่า ชาวพระนครสีพีจะขับไล่พระ-
เวสสันดรเพราะทรงบริจาคทาน ขอให้พระองค์ทรงได้
บริจาคทานอีกเถิด.

ฝ่ายเหล่าผู้รับทานได้รับทานแล้วก็พากันรำพึงว่า ได้ยินว่า บัดนี้
พระราชาเวสสันดรจักเสด็จเข้าสู่ป่า ทำพวกเราให้หมดที่พึ่ง จำเดิมแต่นี้พวกเรา
จักไปหาใคร รำพึงฉะนี้ก็นอนกลิ้งเกลือกไปมา ประหนึ่งว่ามีเท้าขาดคร่ำครวญ
ด้วยเสียงอันดัง.

พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
เมื่อพระมหาราชาผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญจะเสด็จ
ออก วนิพกเหล่านั้นก็ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมา ดุจคน
เมาหรือคนเหน็ดเหนื่อยฉะนั้น ดังนี้เป็นต้น.

บรรดาบทเหล่านั้น สุ อักษรในบทว่า เต สุ มตตา นี้เป็นเพียง
นิบาต ความว่า วนิพกเหล่านั้น. บทว่า มตา กิลนตาว ความว่า เป็น
ผู้ราวกะคนเมาและราวกะคนเหน็ดเหนื่อย. บทว่า สมปตนติ ความว่า ล้ม
ลงบนพื้นดินกลิ้งเกลือกไปมา. บทว่า อจเฉจฉํ วต แปลว่า ตัดแล้วหนอ.
บทว่า ยถา แปลว่า ด้วยเหตุใด. บทว่า อติยกขา ได้แก่ หมอผีบ้าง

แม่มดบ้าง. บทว่า เวสสวรา ได้แก่ พวกขันทีผู้ดูแลฝ่ายใน. บทว่า วจนต-
เถน ได้แก่ เพราะเหตุแห่งถ้อยคำ. บทว่า สมหา รฏฐา นิรชชติ
ความว่า ออกไปจากแคว้นของพระองค์. บทว่า คามณีเยภิ ได้แก่ อาจารย์
ฝึกช้าง. บทว่า ชาติเย ได้แก่ สมบูรณ์ด้วยชาติ. บทว่า คามณีเยภิ

ได้แก่ อาจารย์ฝึกม้า. บทว่า อินทิยาจาปธาริภิ ได้แก่ ผู้ทรงไว้ซึ่งเกราะ
และธนู. บทว่า ทีเป อโถปิ เวยยคเฆ ได้แก่ หุ้มด้วยหนังเสือเหลือง
และหนังเสือโคร่ง. บทว่า เอกเมกา รเถ ฐิตา ความว่า ได้ยินว่า พระ-
เวสสันดรได้พระราชทานนางแก้วคนหนึ่ง ๆ ยืนอยู่บนรถ มีทาสี ๘ คน แวด
ล้อม. บทว่า นิกขรชชูหิ ได้แก่ สร้อยที่สำเร็จด้วยเส้นทองคำ. บทว่า
อาฬารปปมุขา ได้แก่ มีดวงตาใหญ่. บทว่า หสุลา ได้แก่ ยิ้มแย้ม


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ก่อนจึงพูด. บทว่า สุสญญา ได้แก่ มีตะโพกผึ่งผาย. บทว่า ตนุมชฌิมา
ได้แก่ มีเอวบาง. บทว่า กํส ในบทว่า กํสุปาธาริโน นี้เป็นชื่อของเงิน
ความว่า ได้พระราชทานพร้อมด้วยภาชนะใส่น้ำนมที่สำเร็จด้วยเงิน. บทว่า
ปทินนมหิ ได้แก่ ให้อยู่. บทว่า สมกมปถ ความว่า หวั่นไหวด้วย
อานุภาพแห่งทาน. บทว่า ยํ ปญชลีกโต ความว่า พระราชาเวสสันดร

พระราชทานมหาทานแล้วประคองอัญชลีนมัสการทานของพระองค์ ได้ทรงกระ
ทำอัญชลีอธิษฐานว่า ขอทานนี้จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณของเราที
เดียว แม้ข้อนั้นก็ได้เป็นมหัศจรรย์น่าสยดสยองนั่นแล อธิบายว่า แผ่นดินได้
หวั่นไหวในขณะนั้น. บทว่า นิรชชติ ความว่า แม้พระเวสสันดรได้พระ-
ราชทานถึงอย่างนี้แล้ว ก็ยังต้องเสด็จนิราศไป ไม่มีใคร ๆ จะห้ามพระองค์ได้.

ก็ในกาลนั้น เทวดาทั้งหลายแจ้งแก่พระราชาในพื้นชมพูทวีปว่า
พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญมหาทาน มีพระราชทานนางขัตติยกัญญาเป็นต้น
เพราะเหตุนั้นกษัตริย์ทั้งหลายจึงเสด็จมาด้วยเทวานุภาพ รับนางขัตติยกัญญา
เหล่านั้นแล้วหลีกไป.

กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เป็นต้น รับพระราชทานบริจาค
ของพระเวสสันดรแล้วหลีกไป ด้วยประการฉะนี้ พระเวสสันดรทรงบริจาค
ทานอยู่จนถึงเวลาเย็น พระองค์จึงเสด็จกลับพระราชนิเวศน์ของพระองค์ ทรง
ดำริว่า เราจักถวายบังคมลาพระชนกพระชนนีไปในวันพรุ่งนี้ จึงเสด็จไปสู่ที่
ประทับของพระชนกพระชนนีด้วยรถที่นั่งอันตกแต่งแล้ว ฝ่ายพระนางมัทรีก็

ทรงคิดว่า แม้เราก็จักโดยเสด็จพระสวามี จักยังพระสัสสุและพระสสุระให้ทรง
อนุญาตเสียด้วย จึงเสด็จไปพร้อมพระเวสสันดร พระมหาสัตว์ถวายบังคม
พระราชบิดาแล้วกราบทูลความที่พระองค์จะเสด็จไป.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า

พระเวสสันดรกราบทูลพระเจ้าสญชัย ผู้วรธรร-
มิกราชว่า พระองค์โปรดให้หม่อมฉันออกจากเชตุดร
ราชธานี หม่อมฉันขอทูลลาไปเขาวงกต ชนทั้งหลาย
เหล่าใดเหล่าหนึ่งมีแล้วในอดีต หรือจักมีในอนาคต

และเกิดในปัจจุบัน เป็นผู้ไม่อิ่มด้วยกามทั้งหลาย ย่อม
ไปสู่ยมโลก หม่อมฉันได้บริจาคทานในวังของตนยัง
ชื่อว่าเบียดเบียนตนและคนอื่น จึงนิราศจากแคว้นของ
ตนโดยความประสงค์ตามคำของชาวสีพี หม่อมฉันจัก
เสวยความทุกข์นั้นในป่าที่เกลื่อนด้วยพาลมฤค มีแรด
และเสือเหลืองอยู่อาศัยแล้ว หม่อมฉันบำเพ็ญบุญ
ทั้งหลาย เชิญพระองค์จมอยู่ในเปือกตม คือกามเถิด
พระเจ้าข้า.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 167, 168, 169, 170, 171, 172, 173 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร