วันเวลาปัจจุบัน 04 ก.ย. 2025, 21:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 168, 169, 170, 171, 172, 173, 174 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธมมิกํ วรํ ได้แก่ ผู้สูงสุดในระหว่าง
พระราชาผู้ทรงธรรมทั้งหลาย. บทว่า อวรุทธสิ ความว่า นำออกจากแว่น
แคว้น. บทว่า ภูตา ได้แก่ อดีตกาล. บทว่า ภวิสสเร ความว่า ชน
เหล่าใดจักมีในอนาคต และเกิดในปัจจุบัน. บทว่า โสหํ สเก อภิสสึ
ความว่า หม่อมฉันนั้นชื่อว่าเบียดเบียนชาวเมืองของตน ทำอะไร. บทว่า

ยชมาโน ได้แก่ บริจาคทาน. บทว่า สเก ปุเร ได้แก่ ในปราสาทของ
ตน แต่ในบาลีเขียนไว้ว่า เมื่อหม่อมฉันนั้นบริจาคทาน. บทว่า นิรชชหํ
ได้แก่ เมื่อหม่อมฉันออก บทว่า อฆนตํ ความว่า หม่อมฉันจักเสวยทุกข์
ที่ผู้อยู่ในป่าพึงเสวยนั้น. บทว่า ปงกมหิ ความว่า พระเวสสันดรทูลว่า
แต่พระองค์จะจมอยู่ในเปือกตม คือกาม.

พระมหาสัตว์ทูลกับพระชนกด้วย ๔ คาถานี้ อย่างนี้แล้ว เสด็จไป
เฝ้าพระชนนี ถวายบังคมแล้ว เมื่อจะทรงขออนุญาตบรรพชา จึงตรัสว่า
ข้าแต่เสด็จแม่ ขอพระองค์ทรงอนุญาตแก่หม่อม
ฉัน หม่อมฉันขอบวช หม่อมฉันบริจาคทานในวัง
ของตนยังชื่อว่าเบียดเบียนตนและคนอื่น หม่อมฉัน
จะออกไปจากแคว้นของตนโดยประสงค์ตามคำของ

ชาวสีพี หม่อมฉันจะเสวยทุกข์นั้นในป่าที่เกลื่อนด้วย
พาลมฤค มีแรดและเสือเหลืองอยู่อาศัยแล้ว หม่อมฉัน
บำเพ็ญบุญทั้งหลาย จะไปเขาวงกต
พระนางผุสดีได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสว่า
ลูกรัก แม่อนุญาตลูก บรรพชาจงสำเร็จแก่ลูก
ก็แต่แม่มัทรีกัลยาณีผู้มีตะโพกงามเอวบาง จงอยู่กับ
บุตรธิดา แม่จะทำอะไรในป่าได้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมิชฌตุ ความว่า จงมีความสำเร็จด้วย
ฌาน. บทว่า อจฉตํ ความว่า พระนางผุสดีตรัสว่า จงอยู่ คือจงมีในที่นี้
แหละ.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระเวสสันดรตรัสว่า
หม่อมฉันไม่อาจจะพาแม้ทาสีไปสู่ป่าโดยที่เขา
ไม่ปรารถนา ถ้าเขาปรารถนาจะตามหม่อมฉันไป ก็
จงไป ถ้าไม่ปรารถนาก็จงอยู่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกามา ความว่า ข้าแต่เสด็จแม่ เสด็จ
แม่ตรัสอะไรอย่างนั้น แม้ทาสีหม่อมฉันก็ไม่อาจจะพาไป โดยที่เขาไม่ปรารถนา.

ลำดับนั้น พระเจ้ากรุงสญชัยได้ทรงสดับพระดำรัสแห่งพระราชโอรส
ก็ทรงคล้อยตามเพื่อทรงวิงวอนพระสุณิสา
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
ต่อแต่นั้น พระเจ้ากรุงสญชัยมหาราชทรงคล้อย
ตามเพื่อทรงวิงวอนพระสุณิสาว่า แน่ะแม่ผู้มีสรีระอัน
ประพรมด้วยแก่นจันทน์ แม่อย่าได้ทรงธุลีละอองและ
ของเปรอะเปื้อนเลย แม่เคยทรงภูษาของชาวกาสีแล้ว
จะมาทรงผ้าคากรอง การอยู่ในป่าเป็นทุกข์ แน่ะแม่
ผู้มีลักษณะงาม แม่อย่าไปเลย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปฏิปชชถ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย พระเจ้ากรุงสญชยได้ทรงสดับถ้อยดำรัสของพระราชโอรสแล้ว ได้ทรง
คล้อยตามเพื่อทรงวิงวอนพระสุณิสา. บทว่า มา จนทนสมาจเร ความว่า
แน่ะแม่ผู้มีสรีระที่ประพรมด้วยจันทน์แดง. บทว่า มา หิ ตวํ ลกขเณ
คมิ ความว่า แน่ะแม่ผู้ประกอบด้วยลักษณะอันงาม แม่อย่าไปป่าเลย.

พระนางมัทรีราชบุตรีผู้งามทั่วองค์ได้กราบทูล
พระสสุระว่า หม่อมฉันไม่ปรารถนาความสุข ที่ต้อง
พรากจากพระเวสสันดรของหม่อมฉัน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมพรวิ ความว่า ได้กราบทูล คือได้
กราบเรียนพระสสุระนั้น.

พระเจ้าสญชัยมหาราชผู้ยังแคว้นแห่งชาวสีพีให้
เจริญ ได้ตรัสกะพระมัทรีว่า แน่ะแม่มัทรี แม่จง
พิจารณา สัตว์เหล่าใดมีอยู่ในป่าที่บุคคลทนได้ยากคือ
ตั๊กแตน บุ้ง เหลือบ ยุง แมลง ผึ้ง มีมาก สัตว์
แม้เหล่านั้นพึงเบียดเบียนแม่ในป่านั้น ความเบียด

เบียนนั้นเป็นความทุกข์ยิ่งจะพึงมีแก่แม่ แม่จงดูสัตว์
เหล่าอื่นอีกที่น่ากลัว อาศัยอยู่ที่แม่น้ำ คืองู ชื่อว่างู
เหลือมไม่มีพิษแต่มันมีกำลังมาก มันรัดคนหรือมฤค
ที่มาใกล้มันด้วยขนดให้อยู่ในอำนาจของมัน ยังสัตว์
เหล่าอื่น ดำดังผมที่เกล้าชื่อว่าหมี เป็นมฤคนำความ
ทุกข์มา คนที่มันเห็นแล้วขึ้ต้นไม้ก็ไม่พ้นมัน ฝูง


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
กระบือมักขวิดชนเอาด้วยเขามีปลายแหลม เที่ยวอยู่
ราวป่าริมฝั่งแม่น้ำชื่อโสตุมพระ แม่มัทรีเป็นเหมือนแม่
โคนมอยากได้ลูก เห็นโคไปตามฝูงมฤคในไพรสณฑ์
จักทำอย่างไร เมื่อแม่มัทรีไม่รู้จักเขตไพรสณฑ์ ภัย
ใหญ่จักมีแก่แม่ เพราะเห็นฝูงลิง น่ากลัวพิลึก มันลง
มาในทางที่เดินยาก แม่มัทรีครั้งยังอยู่ในวัง แม่ไปถึง
เขาวงกตจักทำอย่างไร ฝูงสกุณชาติจับอยู่ในเวลากลาง
วัน ป่าใหญ่ก็จักเหมือนบันลือขึ้น แม่จะอยากไปใน
ราวไพรนั้นทำไม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมพรวิ ความว่า ได้ตรัสกะพระสุณิสา
นั้น. บทว่า อปเร ปสส สนตาเส ความว่า จงดู คือจงเห็นเหตุที่ให้
เกิดภัยที่น่าหวาดสะดุ้ง. บทว่า นทีนูปนิเสวิตา ความว่า อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ
โดยสถานที่ใกล้. บทว่า อวิสา ได้แก่ ปราศจากพิษ. บทว่า อปิจาสนนํ
ความว่า ใกล้ คือมาสัมผัสสรีระของตน. บทว่า อฆมมิคา ได้แก่ มฤคที่

ทำความลำบาก อธิบายว่า มฤคที่นำความทุกข์มาให้. บทว่า นทึ โสตุมพรํ
ปติ ได้แก่ ที่ริมฝั่งแม่น้ำชื่อโสตุมพระ. บทว่า ยูถานํ ได้แก่ ซึ่งฝูง ปาฐะ
อย่างนี้แหละ. บทว่า เธนุว วจฉคิทธาว ความว่า เธอเป็นเหมือนแม่
โคนมอยากได้ลูก เมื่อไม่เห็นลูก ๆ ของเธอ จักทำอย่างไร ก็ ว อักษรใน
บทว่า วจฉคิทธาว นี้เป็นเพียงนิบาตเท่านั้น. บทว่า สมปติเต ได้แก่

ลงมา. บทว่า โฆเร ได้แก่ มีรูปแปลกน่าสะพึงกลัว. บทว่า ปลวงคเม
ได้แก่ ฝูงลิง. บทว่า อเขตตญญาย ได้แก่ ไม่ฉลาดในภูมิประเทศในป่า.
บทว่า ภวิตนเต ความว่า จักมีแก่เธอ. บทว่า ยา ตฺวํ สิวาย สุตฺวาน
ความว่า ได้ยินเสียงของสุนัขจิ้งจอก. บทว่า มหุํ ความว่า แม้เมื่ออยู่ใน
เมืองก็ตกใจบ่อย ๆ. บทว่า สุณเตว ได้แก่ เหมือนบันลือ คือส่งเสียง.


+ อดไว้บ้าง ลดการสร้างปัญหาชีวิตให้หนักขึ้นอีก
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระนางมัทรีราชบุตรี ผู้งามทั่วองค์ได้กราบทูล
พระเจ้ากรุงสญชัยว่า หม่อมฉันทราบภยันตรายเหล่า
นั้น ว่าเป็นภัยเฉพาะหม่อมฉันในพรสณฑ์ แต่หม่อม
ฉันจะสู้ทนต่อภัยทั้งปวงนั้นไป คือจักบรรเทาแหวกต้น
เป้ง หญ้าคา หญ้าคมบาง แฝก หญ้ามุงกระต่าย และ
หญ้าปล้องไปด้วยอุระ จักนำเสด็จพระภัสดาไปมิให้
ยาก กุมารีได้สามีด้วยการประพฤติวัตรเป็นอันมาก

เช่นด้วยตรากตรำท้อง มิให้ใหญ่ด้วยวิธีกินอาหารแต่
น้อย รู้ว่าสตรีมีบั้นเอวกว้างสีข้างผายได้สามี จึงเอาไม้
สัณฐานเหมือนคางโคค่อย ๆ บุบทุบบั้นเอว เอาผ้ารีด
สีข้างทั้งสองให้ผึ่งผายออก หรือด้วยทนผิงไฟแม้ใน
ฤดูร้อน ขัดสีกายด้วยน้ำในฤดูหนาว ความเป็นหม้าย

อาการเตรียมตรมในโลก หม่อมฉันจักต้องไปอย่าง
แน่นอน.
อนึ่งบุรุษไม่สมควรอยู่ร่วมกับสตรีหม้ายที่เขาทิ้ง
แล้ว บุรุษไรเล่าจะจับมือถือแขนสตรีหม้ายที่เขาไม่
ต้องการคร่ามา เหล่าบุรุษจิกหย่อมผมของสตรีหม้าย
มาแล้วเอาเท้าเขี่ยให้ล้มลง ณ พื้น ให้ทุกข์เป็นอันมาก
ไม่ใช่น้อยแล้วไม่หลีกไป เหล่าบุรุษต้องการสตรีหม้าย

ผู้มีผิวขาว ถือตัวว่ารูปงามเลิศ ให้ทรัพย์เล็กน้อยฉุด
คร่าสตรีหม้ายผู้ไม่ปรารถนาไป ดุจฝูงกาตอมจิกคร่า
นกเค้าไปฉะนั้น.

อีกอย่างหนึ่ง สตรีหม้ายเมื่ออยู่ในสกุลญาติอัน
มั่งคั่ง รุ่งเรืองด้วยภาชนะทองคำ ไม่พึงได้ซึ่งคำกล่าว
ล่วงเกิน แต่หมู่พี่น้องและเหล่าสหายว่า หญิงผู้หาผัว
มิได้นี้ ต้องตกหนักแก่พวกเราตลอดชีวิต ฉะนี้ไม่มี
เลย.

แม่น้ำไม่มีน้ำก็เปล่าดาย แว่นแคว้นไม่มีพระ-
ราชาปกครองก็สูญเปล่า สตรีแม้มีพี่น้องตั้ง ๑๐ คน
ถ้าเป็นหม้ายก็สูญหาย ธงเป็นเครื่องปรากฏแห่งราชรถ
ควันเป็นเครื่องปรากฏแห่งไฟ พระราชาเป็นเครื่อง
ปรากฏแห่งแว่นแคว้น ภัสดาเป็นเครื่องปรากฏแห่ง
สตรี ความเป็นหม้ายเป็นอาการเตรียมตรมในโลก
หม่อมฉันจักต้องไปอย่างแน่นอน.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สตรีใดเข็ญใจก็ร่วมทุกข์กับสามีผู้เข็ญใจในคราว
ถึงทุกข์ สตรีใดมั่งมี มีเกียรติ ก็ร่วมสุขด้วยสามีผู้
มั่งมีในคราวถึงสุข เทวดาและมนุษย์ย่อมสรรเสริญ
สตรีนั้น เพราะสตรีนั้นทำกรรมที่ทำได้โดยยาก.
หม่อมฉันจะนุ่งห่มผ้ากาสายะตามเสด็จพระภัส-
ดาทุกเมื่อ ความเป็นหม้ายแห่งสตรีผู้มีแผ่นดินไม่แยก
ก็ไม่เป็นที่ยินดี อีกประการหนึ่งหม่อมฉันไม่ปรารถนา

แผ่นดินที่ทรงไว้ซึ่งทรัพย์เป็นอันมาก มีสาครเป็นที่สุด
เต็มไปด้วยรัตนะต่าง ๆ แต่พรากจากพระเวสสันดรผู้
ภัสดา สตรีใดในเมื่อสามีทุกข์ร้อน ย่อมอยากได้
ความสุขเพื่อตน สตรีนั้นเด็ดจริง ใจของเขาจะเป็น
อย่างไรหนอ เมื่อพระเวสสันดรมหาราชเจ้าผู้ยังสีพีรัฐ
ให้เจริญเสด็จออกพระนคร หม่อมฉันจักโดยเสด็จ
พระองค์ เพราะพระองค์เป็นผู้พระราชทานความใคร่
ทั้งปวงของหม่อมฉัน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมพรวิ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พระนางมัทรีได้สดับพระดำรัสของพระเจ้ากรุงสญชัยแล้วได้ทูลตอบพระเจ้ากรุง
สญชัยนั้น. บทว่า อภิสมโภสสํ ได้แก่ จักสู้ทน คือจักอดกลั้น. บทว่า
โปตกิลํ ได้แก่ หญ้าคมบาง. บทว่า ปนูทเหสสามิ ความว่า หม่อมฉัน
จักแหวกไปทางข้างหน้าพระเวสสันดร. บทว่า อุทรสสุปโรเธน ได้แก่

การงด คือกินอาหารแต่น้อย. บทว่า โคหนุเวฏฐเนน ความว่า เหล่า
กุมาริการู้ว่าสตรีที่มีบั้นเอวกว้างและสีข้างผายย่อมได้สามี จึงเอาไม้มีสัณฐาน
เหมือนคางโคค่อย ๆ ทุบบั้นเอว เอาผ้ารัดสีข้างทั้งสองให้ผึ่งผายออก ย่อมได้
สามี. บทว่า กฏกํ ได้แก่ ไม่น่ายินดี. บทว่า คจฉญเญว ได้แก่ จัก
ไปแน่นอน. บทว่า อปปตโต ความว่า ไม่สมควรจะบริโภคของที่เป็นเดน

ของหญิงหม้ายนั้นทีเดียว. บทว่า โย นํ ความว่า บุรุษใดมีชาติต่ำจับมือ
ทั้งสองฉุดคร่าหญิงหม้ายนั้นผู้ไม่ปรารถนาเลย. บทว่า เกสคคหณมุกเขปา
ภูมยา จ ปริมุมภนา ความว่า เหล่าบุรุษจิกหย่อมผมหญิงไม่มีสามี เขี่ย
ให้ล้มลง ณ พื้น ดูหมิ่นล่วงเกินหญิงเหล่านั้น. บทว่า ทตวา จ ความว่า
บุรุษอื่นยังให้ความทุกข์เป็นอันมาก คือมิใช่น้อยเห็นปานนี้แก่หญิงไม่มีสามี.
บทว่า โน ปกกมติ ความว่า เป็นผู้ปราศจากความรังเกียจยืนแลดูหญิงนั้น.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า สกกจฉวี ได้แก่ มีผิวพรรณที่ถูด้วยจุรณสำหรับอาบ. บทว่า
เวธเวรา แปลว่า ผู้มีความต้องการหญิงหม้าย บทว่า ทตวา ได้แก่ ให้
ทรัพย์มีประมาณน้อยอะไร ๆ ก็ตาม. บทว่า สุภคคมานิโน ได้แก่ เข้าใจ
ตัวว่าพวกเรางามเลิศ. บทว่า อกามํ ได้แก่ หญิงหม้าย คือหญิงไม่มีสามี
ผู้ไม่ปรารถนานั้น. บทว่า อุลูกญเญว วายสา ความว่า เหมือนฝูงกาจิก

คร่านกเค้า. บทว่า กํสปปชโชตเน ได้แก่ รุ่งเรืองด้วยภาชนะทอง.
บทว่า วสํ ได้แก่ อยู่ในสกุลญาติแม้เห็นปานนั้น. บทว่า เนวาติวากฺยํ
น ลเภ ความว่า ไม่พึงได้ คือย่อมไม่ได้เลยทีเดียวซึ่งคำอันเป็นคำล่วงเกิน
คือเป็นคำติเตียนนี้จากพี่น้องก็ตาม จากสหายก็ตาม ผู้กล่าวคำเป็นต้นว่า หญิง
คนนี้ไม่มีสามี ตกหนักแก่พวกเราไปตลอดชีวิตทีเดียว. บทว่า ปญญาณํ

ได้แก่ กระทำภาวะให้ปรากฏ. บทว่า ยา ทลิทที ทลิททสส ความว่า
ข้าแต่พระองค์ หญิงที่มีเกียรติ คือหญิงที่ในเวลาสามีผู้ยากจนของตนมีความ
ทุกข์ แม้ตนเองยากจนก็ร่วมทุกข์ด้วย ในเวลาที่สามีนั้นมั่งคั่งมีความสุข ตน
เองก็มั่งคั่งมีความสุขกับสามีนั้นเหมือนกัน. บทว่า ตํ เว เทวา ปสํสนติ

ความว่า แม้เทวดาทั้งหลายก็สรรเสริญหญิงนั้นคือเห็นปานนั้น. บทว่า อภิช-
ชนตยา ได้แก่ ไม่แตก อธิบายว่า ก็แม้ถ้าแผ่นดินทั้งสิ้นของหญิงไม่
แตก หญิงนั้นก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินทั้งสิ้น ความเป็นหญิงหม้ายเป็นอาการ
เตรียมตรมแม้ถึงอย่างนั้นทีเดียว. บทว่า สุขรา วต อิตถิโย ได้แก่ เป็น
หญิงเด็ดแท้หนอ.

พระเจ้าสญชัยมหาราชได้ตรัสกะพระนางมัทรี
ผู้งามทั่วองค์นั้นว่า แน่ะแม่มัทรีผู้มีลักษณะงาม บุตร
ทั้งสองของแม่เหล่านี้คือพ่อชาลีและแม่กัณหาชินา ยัง
เด็กอยู่ แม่จงละไว้ไปแต่ตัว เราทั้งหลายจะเลี้ยง
ดูหลานทั้งสองนั้นเอง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชาลี กณหาชินา จุโภ ได้แก่ บุตร
ทั้งสองคือพ่อชาลีและแม่กัณหาชินา. บทว่า นิกขิป ความว่า แม่จงละ
หลานทั้งสองนี้ไปแต่ตัวเถิด.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระนางมัทรีราชบุตรีผู้งามทั่วองค์ได้กราบทูล
พระเจ้ากรุงสญชัยว่า ข้าแต่พระองค์ พ่อชาลีและแม่
กัณหาชินาทั้งสองเป็นลูกรักของหม่อมฉัน ลูกทั้งสอง
นั้นจักยังหฤทัยของหม่อมฉันทั้งสองผู้มีชีวิตเศร้าโศก
ให้รื่นรมย์ในป่านั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตยมหํ ความว่า พวกเหล่านั้นจักยัง
หฤทัยของเราทั้งหลายให้รื่นรมย์ในป่านั้น. บทว่า ชีวิโสกินํ ความว่า จัก
ยังหฤทัยของพวกเราผู้ยังไม่หายเศร้าโศก ให้รื่นรมย์.
พระเจ้าสญชัยมหาราชผู้ยังสีพีรัฐให้เจริญได้ตรัส
กะพระนางมัทรีนั้นว่า เด็กทั้งสองเคยเสวยข้าวสาลีที่
ปรุงด้วยเนื้ออันสะอาด เมื่อต้องเสวยผลไม้ จักทำ
อย่างไร.

เด็กทั้งสองเคยเสวยในถาดทองหนักร้อยปละ ซึ่ง
เป็นของประจำราชสกุล เมื่อต้องเสวยในใบไม้ จัก
ทำอย่างไร.
เด็กทั้งสองเคยทรงภูษากาสีรัฐโขมรัฐและโกทุม
พรรัฐ เมื่อต้องทรงผ้าคากรอง จักทำอย่าไร.
เด็กทั้งสองเคยเสด็จไปด้วยคานหาม วอและรถ
เมื่อต้องเสด็จไปด้วยพระบาทจักทำอย่างไร.
เด็กทั้งสองเคยบรรทมในตำหนักยอดไม่มีลม ลง

ลิ่มชิดแล้ว เมื่อต้องบรรทมที่โคนไม้ จักทำอย่างไร.
เด็กทั้งสองเคยบรรทมบนพรมทำด้วยขนแกะ ที่
ลาดไว้อย่างวิจิตรบนบัลลังก์ เมื่อต้องบรรทมบนเครื่อง
ลาดหญ้า จักทำอย่างไร.

เด็กทั้งสองเคยไล้ทาด้วยของหอม ทั้งกฤษณา
และแก่นจันทน์ เมื่อต้องทรงธุลีละอองและโสโครก
จักทำอย่างไร เด็กทั้งสองเคยมีผู้อยู่งานพัดด้วยจามรี
และแพนหางนกยูง ดำรงอยู่ในความสุขต้องสัมผัส
เหลือบและยุง จักทำอย่างไร.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาเหล่านั้น บทว่า สตปเล กํเส ได้แก่ ในถาดทองที่ทำ
ด้วยทองหนักหนึ่งร้อยปละ. บทว่า โคนเก จิตรสนถเต ได้แก่ ที่ปูลาด
ด้วยผ้าโกเชาว์ดำและเครื่องลาดอันวิจิตรบนตั่งใหญ่. บทว่า จามรโมรหต-
เถหิ ความว่า มีคนอยู่งานพัดด้วยจามรทั้งหลายและด้วยแพนหางนกยูง.

เมื่อกษัตริย์เหล่านั้นเจรจากันอยู่อย่างนี้แลราตรีก็สว่าง ดวงอาทิตย์ขึ้น
เจ้าพนักงานทั้งหลายนำรถที่นั่งอันตกแต่งแล้ว เทียมม้าสินธพ ๔ ตัวมาเทียบ
ไว้แทบประตูวัง เพื่อพระมหาสัตว์ พระนางมัทรีเทวีถวาย บังคมพระสัสสุและ
พระสสุระแล้ว อำลาสตรีที่เหลือทั้งหลาย พาพระชาลีพระกัณหาชินาเสด็จไป
ก่อนพระเวสสันดรประทับอยู่บนรถที่นั่ง.

พระศาสดาเมื่อจะประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระนางมัทรีราชบุตรีผู้งามทั่วองค์ ได้กราบทูล
พระเจ้ากรุงสญชัยว่า ข้าแต่เทพเจ้าขอพระองค์อย่าทรง
คร่ำครวญเลย และอย่าเสียพระหฤทัยเลย หม่อมฉัน
ทั้งสองยังมีชีวิตเพียงใด ทารกทั้งสองก็จักเป็นสุข
เพียงนั้น พระนางมัทรีผู้งามทั่วองค์ ครั้นกราบทูลคำ

นี้แล้วเสด็จหลีกไป พระนางผู้ทรงศุภลักษณ์ ทรงพา
พระโอรสพระธิดาเสด็จไปตามมรรคาที่พระเจ้าสีวีราช
เสด็จ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สิวิมคเคน ได้แก่ ตามมรรคาที่
พระเจ้าสีพีราชเสด็จนั่นแล. บทว่า อเนวสิ ได้แก่ เสด็จไปสู่ทางนั้น คือ
เสด็จลงจากปราสาทขึ้นประทับรถที่นั่ง.
ลำดับนั้นพระราชาเวสสันดรบรมกษัตริย์ทรง
บำเพ็ญทานแล้ว ถวายบังคมพระชนกและพระชนนี
และทรงทำประทักษิณเสด็จขึ้นสู่รถที่นั่งเทียมม้าสินธพ
๔ ตัว วิ่งเร็ว ทรงพาพระโอรสพระธิดาและพระมเหสี
เสด็จไปสู่เขาวงกต.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตโต ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใน
กาลที่พระนางมัทรีนั้นเสด็จขึ้นรถทันทีนั่นประทับอยู่. บทว่า ทตวาน ได้แก่
ทรงบำเพ็ญทานวันวาน. บทว่า กตวา จ นํ ปทกขิณํ ได้แก่ และทรง
ทำประทักษิณ. บทว่า นํ เป็นเพียงนิบาต.
แต่นั้นพระราชาเวสสันดรเสด็จไปโดยตรงที่
มหาชนคอยเฝ้า ตรัสว่า เราทั้ง ๔ ขอลาไปละนะ ขอ
ท่านทั้งหลายผู้เป็นญาติจงปราศจากโรคเถิด.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เนื้อความของคาถานั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นพระราชา
เวสสันดรทรงขับรถที่นั่งไปในที่ที่มหาชนยืนอยู่ด้วยหวังว่าจักเห็นพระราชาเวส-
สันดร เมื่อทรงลามหาชน ตรัสว่า พวกเราขอลาไปละนะ ขอญาติทั้งหลาย
จงไม่มีโรคเถิด. บทว่า ตํ ในคาถานั้นเป็นเพียงนิบาต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พระราชาเวสสันดรตรัสกะญาติทั้งหลาย ตรัสเรียกญาติทั้งหลายว่า ท่านทั้ง
หลาย คือว่า เราทั้งหลายไปละ ขอท่านทั้งหลายจงมีความสุขปราศจากความ
ทุกข์เถิด.

เมื่อพระมหาสัตว์ตรัสเรียกมหาชนมาประทานโอวาทแก่เขาเหล่านั้นว่า
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทจงบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ดังนี้อย่างนี้แล้ว
เสด็จไป พระนางผุสดีราชมารดาแห่งพระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า ลูกของเรามีจิต
น้อมไปในทาน จงบำเพ็ญทาน จึงให้ส่งเกวียนทั้งหลายเต็มด้วยรัตนะ ๗
ประการ พร้อมด้วยอาภรณ์ทั้งหลายไปสองข้างทางเสด็จ ฝ่ายพระเวสสันดรก็

ทรงเปลื้องเครื่องประดับที่มีอยู่ในพระวรกาย พระราชทานแก่เหล่ายาจกผู้มาถึง
แล้ว ๑๘ ครั้ง ได้พระราชทานสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด พระองค์เสด็จออกจาก
พระนครมีพระประสงค์จะกลับทอดพระเนตรราชธานี ครั้งนั้นอาศัยพระมนัส
ของพระองค์ ปฐพีในที่มีประมาณเท่ารถที่นั่งก็แยกออกหมุนเหมือนจักรของ
ช่างหม้อ ทำรถที่นั่งให้มีหน้าเฉพาะเชตุดรราชธานี พระองค์ได้ทอดพระเนตร

สถานที่ประทับของพระชนกพระชนนี เหตุอัศจรรย์ทั้งหลายมีแผ่นดินไหว
เป็นต้นได้มีแล้วด้วยการุญภาพนั้น.
ด้วยเหตุนั้นท่านจึงกล่าวไว้ว่า

เมื่อพระเวสสันดรเสด็จออกจากพระนคร ทรง
กลับเหลียวมาทอดพระเนตร แม้ในกาลนั้นแผ่นดิน
อันมีขุนเขาสิเนรุและหมู่ไม้เป็นเครื่องประดับก็กัมป-
นาทหวาดหวั่นไหว.

ก็เมื่อพระมหาสัตว์ทอดพระเนตรเองแล้ว ตรัสพระคาถาเพื่อให้พระ-
นางมัทรีทอดพระเนตรด้วยว่า


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แน่ะพระน้องมัทรี เชิญเธอทอดพระเนตร นั่น
พระราชนิเวศน์ของพระเจ้าสีพีราชผู้ประเสริฐ นั่นวัง
ของฉันซึ่งพระราชบิดาประทาน ย่อมปรากฏเป็นภาพ
ที่น่ารื่นรมย์ทีเดียว.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิสาเมหิ ได้แก่ จงทอดพระเนตร.
ครั้งนั้น พระเวสสันดรมหาสัตว์ยังอำมาตย์ ๖ หมื่น ผู้สหชาติและ
เหล่าชนอื่น ๆ ให้กลับแล้ว ขับรถที่นั่งไปตรัสกะพระนางมัทรีว่า แน่ะพระน้อง
ผู้เจริญ ถ้ายาจกมาข้างหลัง แม่พึงคอยดูไว้ พระนางก็นั่งทอดพระเนตรดูอยู่
ครั้งนั้นมีพราหมณ์ ๔ คนมาไม่ทันรับสัตตสดกมหาทานของพระเวสสันดร จึง

ไปสู่พระนคร ถามว่า พระเวสสันดรราชเสด็จไปไหน ครั้นได้ทราบว่า ทรง
บริจาคทานเสด็จไปแล้ว จึงถามว่า พระองค์เสด็จไปเอาอะไรไปบ้าง ได้ทราบว่า
เสด็จทรงรถไป จึงติดตามไปด้วยคิดว่า พวกเราจักทูลขอม้า ๔ ตัวกะพระองค์
ครั้งนั้น พระนางมัทรีทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์ทั้ง ๔ ตามมา จึงกราบทูล
พระภัสดาว่า ข้าแต่สมมติเทพ ยาจกทั้งหลายกำลังมา พระมหาสัตว์ก็ทรง

หยุดรถพระที่นั่ง พราหมณ์ทั้ง ๔ คนเหล่านั้นมาทูลขอม้าทั้งหลายที่เทียมรถ
พระมหาสัตว์ได้พระราชทานม้าทั้ง ๔ ตัวแก่พราหมณ์ ๔ คนเหล่านั้น.
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า

พราหมณ์ทั้งหลายได้ตามพระเวสสันดรมา ได้
ทูลขอม้าทั้ง ๔ นั้นต่อพระองค์ พระองค์อันเหล่า
พราหมณ์ขอแล้ว ก็พระราชทานม้า ๔ ตัว แก่พราหมณ์
๔ คน.

ก็เมื่อพระเวสสันดรพระราชทานม้า ๔ ตัวไปแล้ว งอนรถพระที่นั่งได้ตั้ง
อยู่ในอากาศนั่นเอง ครั้งนั้น พอพวกพราหมณ์ไปแล้วเท่านั้น เทวบุตร ๔
องค์ จำแลงกายเป็นละมั่งทองมารองรับงอนรถที่นั่งลากไป พระมหาสัตว์ทรง
ทราบว่าละมั่งทั้ง ๔ นั้นเป็นเทพบุตร จึงตรัสคาถานี้ว่า
แน่ะพระน้องมัทรี เชิญเธอทอดพระเนตรมฤค
ทั้ง ๔ มีเพศเป็นละมั่ง เป็นเหมือนม้าที่ฝึกมาดีแล้วนำ
เราไป ย่อมปรากฏเป็นภาพที่งดงามทีเดียว.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทกขิณสสา วหนติ มํ ความว่า
เป็นราวกะม้าที่ศึกษาดีแล้วนำเราไป.

ครั้งนั้น ยังมีพราหมณ์อีกคนหนึ่งมาทูลขอรถที่นั่งต่อพระเวสสันดร
ผู้กำลังเสด็จไปอยู่อย่างนี้ พระมหาสัตว์จึงยังพระโอรสพระธิดาและพระราชเทวี
ให้เสด็จลงแล้ว พระราชทานรถแก่พราหมณ์ ก็ครั้นเมื่อพระมหาสัตว์พระราช
ทานรถที่นั่งแล้ว เทวบุตรทั้งหลายได้อันตรธานหายไป.
พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศความที่พระโพธิสัตว์ทรงบริจาครถไป
แล้ว จึงตรัสว่า

ครั้งนั้น พราหมณ์นั้นนับเป็นที่ ๕ ที่มาทูลขอ
รถที่นั่งต่อพระโพธิสัตว์ในป่านี้ พระองค์ก็ประทาน
มอบรถนั้นแก่พราหมณ์นั้น และพระหฤทัยของพระ-
องค์มิได้ย่อหย่อนเลย ต่อนั้น พระราชาเวสสันดรก็
ยังคนของพระองค์ให้เสด็จลงจากรถ ทรงยินดีมอบรถ
ม้าให้แก่พราหมณ์ผู้แสวงหาทรัพย์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อเถตถ ได้แก่ ครั้งนั้น ในป่านี้.
บทว่า น จสส ปหโต มโน ความว่า และพระหฤทัยของพระเวสสันดร
นั้นก็มิได้ย่อหย่อนเลย. บทว่า อสสาสยิ ความว่า ทรงยินดีมอบให้.

จำเดิมแต่นั้น กษัตริย์เหล่านั้นทั้งหมดก็เสด็จดำเนินด้วยพระบาท.
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ได้มีพระดำรัสแก่พระนางมัทรีว่า
แน่ะแม่มัทรี แม่จงอุ้มกัณหาชินา เพราะเธอเป็น
น้อง เบา พี่จักอุ้มพ่อชาลี เพราะเธอเป็นพี่ หนัก.
ก็แลครั้นตรัสฉะนี้แล้ว กษัตริย์ทั้งสองก็อุ้มพระโอรสพระธิดาเสด็จไป

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระราชาเวสสันดรทรงอุ้มพระกุมารชาลี พระ-
มัทรีราชบุตรีทรงอุ้มพระกุมารีกัณหาชินา ต่างทรง
บรรเทิงตรัสปิยวาจากะกันและกันเสด็จไป.
จบทานกัณฑ์


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
วนปเวสนกัณฑ์
กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ มีพระเวสสันดรเป็นต้นทอดพระเนตรเห็นคน
ทั้งหลายที่เดินสวนทางมา จึงตรัสถามว่า เขาวงกตอยู่ที่ไหน คนทั้งหลายทูล
ตอบว่ายังไกล
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า

ถ้ามนุษย์บางพวกเดินมาตามทาง หรือเดินสวน
ทางมา เราจะถามมรรคากะพวกนั้นว่า เขาวงกตอยู่ที่
ไหน คนพวกนั้นเห็นเราทั้งหลายในป่านั้น จะพากัน
คร่ำครวญน่าสงสาร พวกเขาแจ้งให้ทราบอย่างเป็น
ทุกข์ว่า เขาวงกตยังอยู่อีกไกล.

พระชาลีและพระกัณหาชินาได้ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้ทรงผลต่าง ๆ
สองข้างทางก็ทรงกันแสง ด้วยบุญญานุภาพแห่งพระมหาสัตว์ ต้นไม้ที่ทรงผลก็
น้อมลงมาสัมผัสพระหัตถ์ แต่นั้นพระเวสสันดรก็ทรงเลือกเก็บผลาผลที่สุกดี
ประทานแก่สองกุมารกุมารีนั้น พระนางมัทรีทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรง
ทราบว่าเป็นเหตุอัศจรรย์.

เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า
พระราชกุมารกุมารีทอดพระเนตรเห็นพฤกษชาติ
เผล็ดผลในป่าใหญ่ ก็ทรงกันแสงเพราะเหตุอยากเสวย
ผลไม้เหล่านั้น ต้นไม้ทั้งหลายเต็มไปในป่า ประหนึ่ง
เห็นพระราชกุมารกุมารีทรงกันแสง ก็ร้อนใจน้อม
กิ่งลงมาถึงพระราชกุมารกุมารีเอง พระนางมัทรีราช-

เทวีผู้งามทั่วองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นอัศจรรย์นี้อันไม่
เคยมีมา ทำให้ขนพองสยองเกล้า ก็ยังสาธุการให้เป็น
ไป ความอัศจรรย์ไม่เคยมีทำให้ขนพองสยองเกล้ามี
ในโลก พฤกษชาติทั้งหลายน้อมลงมาเอง ด้วยเดชา
นุภาพแห่งพระเวสสันดร.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ตั้งแต่เชตุดรราชธานีถึงภูเขาชื่อสุวรรณคิรีตาละ ๕ โยชน์ ตั้งแต่สุวรรณ
คิรีตาละถึงแม่น้ำชื่อโกนติมารา ๕ โยชน์ ตั้งแต่แม่น้ำโกนติมาราถึงภูเขาชื่อ
อัญชนคิรี ๕ โยชน์ ตั้งแต่ภูเขาอัญชนคิรีถึงบ้านพราหมณ์ชื่อตุณณวิถนาลิทัณฑ์
๕ โยชน์ ตั้งแต่บ้านพราหมณ์ตุณณวิถนาลิทัณฑ์ถึงมาตุลนคร ๑๐ โยชน์ รวม
ตั้งแต่เชตุดรนครถึงแคว้นนั้นเป็น ๓๐ โยชน์ เทวดาย่นมรรคานั้น กษัตริย์
ทั้ง ๔ พระองค์จึงเสด็จถึงมาตุลนครในวันเดียวเท่านั้น.

เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า
เทวดาทั้งหลายย่นมรรคาด้วยอนุเคราะห์แก่พระ-
ราชกุมารกุมารี กษัตริย์ทั้ง ๔ ถึงเจตรัฐโดยวันที่เสด็จ
ออกนั้นเอง.
ก็แลกษัตริย์ทั้ง ๔ เมื่อเสด็จไป ได้เสด็จดำเนินตั้งแต่เวลาเสวยเช้า
แล้ว ลุถึงมาตุลนครในเจตรัฐเวลาเย็น

พระศาสดา เมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
กษัตริย์ ๔ พระองค์เสด็จไปสิ้นทางไกลถึงเจตรัฐ
ซึ่งเป็นชนบทมั่งคั่ง มีความสุข มีมังสะ สุรา และ
ข้าวมาก.

กาลนั้น มีเจ้าครองอยู่ในมาตุลนคร ๖ หมื่นองค์ พระมหาสัตว์ไม่
เสด็จเข้าภายในนคร ประทับพักอยู่ที่ศาลาใกล้ประตูเมือง ครั้งนั้นพระนางมัทรี
ชำระเช็ดธุลีที่พระบาทของพระมหาสัตว์ แล้วถวายอยู่งานนวดพระบาท ทรง
คิดว่า เราจักยังประชาชนให้รู้ความที่พระเวสสันดรเสด็จมา จึงเสด็จออกจาก
ศาลา ประทับยืนอยู่ที่ประตูศาลาตรงทางประตูเมือง เพราะเหตุนั้น หญิงทั้ง
หลายผู้เข้าสู่เมืองและออกจากเมือง ก็ได้เห็นพระนางมัทรี ต่างเข้าห้อมล้อม
พระองค์.

พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
สตรีชาวเจตรัฐเห็นพระนางมัทรีผู้มีลักษณะเสด็จ
มา ก็ปริวิตกว่า พระแม่เจ้าผู้สุขุมาลชาตินี้เสด็จมาด้วย
พระบาท พระนางเคยเสด็จไปไหน ๆ ด้วยยานที่หาม
หรือพระวอและรถที่นั่ง วันนี้พระนางมัทรีเสด็จดำเนิน
ไปในป่าด้วยพระบาท.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ลกขณมาคตํ ความว่า พระนางมัทรี
ผู้ถึงพร้อมด้วยลักษณะทั้งปวงเสด็จมา. บทว่า ปริธาวติ ความว่า พระนาง
เป็นเจ้าหญิงสุขุมาลชาติอย่างนี้หนอ ต้องเสด็จด้วยพระบาทเที่ยวไป. บทว่า
ปริยายิตวา ความว่า เสด็จเที่ยวไปในนครเชตุดรในกาลก่อน. บทว่า สิวิกาย
ได้แก่ ด้วยวอทอง.

มหาชนเห็นพระนางมัทรี พระเวสสันดร และพระโอรสทั้งสอง
พระองค์ เสด็จมาด้วยความเป็นผู้น่าอนาถ จึงไปแจ้งแก่พระยาเจตราชทั้งหลาย
พระยาเจตราชทั้ง ๖ หมื่นก็กันแสงร่ำพิไรมาเฝ้าพระเวสสันดร
พระศาสดาเมื่อทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พระยาเจตราชทั้งหลายเห็นพระเวสสันดร ก็ร้อง
ให้เข้าไปเฝ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ

พระองค์ทรงพระสำราญ ไม่มีพระโรคาพาธแลหรือ
พระราชบิดาของพระองค์หาพระโรคาพาธมิได้แลหรือ
ชาวนครสีพีก็ไม่มีทุกข์หรือ.
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พลนิกายของพระองค์อยู่
ที่ไหน รถพระที่นั่งของพระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์
ไม่มีม้าทรง ไม่มีรถทรง เสด็จดำเนินมาทางไกลถูก

ข้าศึกย่ำยีกระมัง จึงเสด็จมาถึงประเทศนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทิสวา ได้แก่ เห็นแต่ไกลทีเดียว.
บทว่า เจตปาโมกขา ได้แก่ กษัตริย์เจตราชทั้งหลาย. บทว่า อุปาคมํ
ได้แก่ เข้าไปเฝ้า. บทว่า กุสลํ ได้แก่ ความไม่มีโรค. บทว่า อนามยํ
ได้แก่ ความไม่มีทุกข์. บทว่า โก เต พลํ ความว่า กองทหารของพระ-

องค์อยู่ที่ไหน. บทว่า รถมณฑลํ ความว่า เหล่ากษัตริย์เจตราชทูลถามว่า
รถซึ่งประดับแล้วที่พระองค์เสด็จมานั้น อยู่ที่ไหน. บทว่า อนสสโก ได้
แก่ ไม่มีม้าทรงเลย. บทว่า อรถโก ได้แก่ ไม่มีรถทรง. บทว่า ทีฆมท-
ธานมาคโต ความว่า พระองค์เสด็จมาทางไกล. บทว่า ปกโต ได้แก่
ถูกข้าศึกครอบงำย่ำยี.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ครั้งนั้น พระมหาสัตว์เมื่อจะตรัสถึงเหตุการณ์ที่พระองค์เสด็จมา แก่
พระยาเจตราชหกหมื่นเหล่านั้น จึงตรัสว่า
แน่ะสหายทั้งหลาย เราไม่มีโรคาพาธ เรามี
ความสำราญ อนึ่ง พระราชบิดาของเราก็ทรงปราศ-
จากพระโรคาพาธ และชาวสีพีก็สุขสำราญดี แต่เพราะ
เราให้ช้างซึ่งมีงาดุจงอนไถ เป็นราชพาหนะรู้ชัยภูมิ
แห่งการยุทธ์ทุกอย่าง ขาวทั่วสรรพางค์ เป็นช้างสูงสุด

คลุมด้วยผ้ากัมพลเหลือง ซับมัน อาจย่ำยีศัตรูได้ มี
งางาม พร้อมด้วยพัดวาลวีชนี มีกายสีขาวเช่นกับเขา
ไกรลาส พร้อมด้วยเศวตฉัตร ทั้งเครื่องลาดอันงาม
ทั้งหมด ทั้งคนเลี้ยง เป็นราชยานอันประเสริฐ เป็น
ช้างพระที่นั่ง ให้เป็นทรัพย์แก่พราหมณ์ทั้ง ๘ คน
เพราะเหตุนั้น ชาวสีพีพากันขัดเคืองเรา และพระราช

บิดาก็กริ้วขับไล่เรา เราจะไปเขาวงกต แน่ะสหาย
ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายรู้โอกาสแห่งที่อยู่ของพวกเราที่
จะอยู่ในป่า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตสมึ เม ความว่า ชาวสีพีทั้งหลาย
โกรธเราในเพราะเหตุนั้น. บทว่า อุปหโตมโน ความว่า พระราชบิดาก็
กริ้ว คือทรงขัดเคืองด้วย จึงทรงขับไล่เราจากแว่นแคว้น. บทว่า ยตถ

ความว่า พระเวสสันดรตรัสว่า พวกเราควรอยู่ในป่าใด ท่านทั้งหลายรู้โอกาส
เป็นที่อยู่ของพวกเราในป่านั้น.
ลำดับนั้น พระยาเจตราชทั้งหลายทูลพระเวสสันดรว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาดีแล้ว เสด็จ
มาแต่ไกลก็เหมือนใกล้พระองค์ผู้เป็นอิสระเสด็จมา

ถึงแล้ว สิ่งใดมีอยู่ในประเทศนี้ โปรดรับสั่งให้ทราบ
เถิด ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์เสวยข้าวสุกแห่ง
ข้าวสาลีอันบริสุทธิ์ ทั้งผัก เหง้าบัว น้ำผึ้ง เนื้อ
พระองค์เสด็จมาเป็นแขกของข้าพระบาททั้งหลาย.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 168, 169, 170, 171, 172, 173, 174 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร