วันเวลาปัจจุบัน 05 ก.ย. 2025, 15:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 170, 171, 172, 173, 174, 175, 176 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า
พรานผู้เที่ยวอยู่ในป่าชื่อเจตบุตรกล่าวแก่ชูชกว่า
แน่ะพราหมณ์ พระเวสสันดรบรมกษัตริย์ถูกพวกแก
เบียดเบียน เพราะทรงให้ทานมากไป จึงถูกขับไล่
ออกจากแว่นแคว้นของพระองค์ เสด็จไปประทับอยู่
ณ เขาวงกต แน่ะพราหมณ์ พระเวสสันดรบรมกษัตริย์

ถูกพวกแกเบียดเบียน เพราะทรงให้ทานมากไป จน
ต้องพาพระโอรสพระธิดาและพระมเหสีเสด็จไปประ-
ทับอยู่ ณ เขาวงกต แกเป็นคนมีปัญญาทราม ทำสิ่ง
ที่มิใช่กิจ มาจากรัฐสู่ป่าใหญ่ แสวงหาพระราชบุตร
ดุจนกยางหาปลา แน่ะพราหมณ์ ข้าจักไม่ไว้ชีวิตแก
ในที่นี้ เพราะลูกศรนี้อันข้ายิงไปแล้ว จักดื่มโลหิต

แก แน่ะพราหมณ์ ข้าจักตัดหัวของแก เชือดเอา
หัวใจพร้อมทั้งไส้พุง แล้วจักบูชาปันถสกุณยัญพร้อม
ด้วยเนื้อของแก แน่ะพราหมณ์ ข้าจักเฉือนหัวใจของ
แกพร้อมด้วยเนื้อ มันข้น และเยื่อในสมองของแกบูชา
ยัญ แน่ะพราหมณ์ ข้าจักบูชาบวงสรวงด้วยเนื้อของ
แก จักไม่ให้แกนำพระราชเทวีพระโอรสพระธิดาของ
พระราชบุตรเวสสันดรไป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกิจจการี ความว่า แกเป็นผู้กระทำ
สิ่งที่มิใช่กิจ. บทว่า ทุมเมโธ ได้แก่ ไม่มีปัญญา. บทว่า รฏฐ วิวนมาคโต
ความว่า จากแว่นแคว้นมาป่าใหญ่. บทว่า สโร ปาสสติ ความว่า ลูกศร
นี้จักดื่มโลหิตของแก. บทว่า วชฌยิตวาน ความว่า เราจักฆ่าแกแล้วตัด
ศีรษะของแกผู้ตกจากต้นไม้ให้เหมือนผลตาล แล้วเฉือนเนื้อหัวใจพร้อมทั้ง

ตับไตไส้พุง บูชายัญชื่อปันถสกุณแก่เทวดาผู้รักษาหนทาง. บทว่า น จ ตฺวํ
ความว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น แกจักนำพระมเหสีหรือพระโอรสพระธิดาของพระ-
ราชบุตรเวสสันดรไปไม่ได้.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2019, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ชูชกได้ฟังคำของพรานเจตบุตรแล้ว ก็ตกใจกลัวแต่มรณภัย เมื่อจะ
กล่าวมุสาวาท จึงกล่าวว่า
ดูก่อนเจตบุตร ข้าเป็นพราหมณทูตไม่ควรฆ่า
เจ้าจงฟังข้าก่อน เพราะฉะนั้น คนทั้งหลายจึงไม่ฆ่า
ทูต นี่เป็นธรรมเนียมเก่า ชาวสีพีทั้งปวงหายขัดเคือง
พระชนกก็ทรงปรารถนาจะพบพระเวสสันดร ทั้งพระ-

ชนนีของท้าวเธอก็ถอยพระกำลัง พระเนตรทั้งสองพึง
เสื่อมโทรมโดยกาลไม่นาน ดูก่อนเจตบุตร ข้าเป็นผู้
อันพระราชาพระราชินีทรงส่งมาเป็นทูต เจ้าจงฟังข้า
ก่อน ข้าจักเชิญพระเวสสันดรราชโอรสกลับ ถ้าเจ้ารู้
จงบอกหนทางแก่เรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิชฌตตา ได้แก่ เข้าใจกันแล้ว.
บทว่า อจิรา จกขุนิ ขียเร ความว่า พระเนตรทั้งสองจักเสื่อมโทรมต่อ
กาลไม่นานเลย เพราะทรงกันแสงเป็นนิตย์.

กาลนั้นพรานเจตบุตรก็มีความโสมนัส ด้วยคิดว่า ได้ยินว่า บัดนี้
พราหมณ์นี้จะมาเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับ จึงผูกสุนัขทั้งหลายไว้ให้อยู่ที่
ส่วนข้างหนึ่ง แล้วให้ชูชกลงจากต้นไม้ ให้นั่งบนที่ลาดกิ่งไม้ ให้โภชนาหาร
เมื่อจะทำปฏิสันถาร จึงกล่าวคาถานี้ว่า

ข้าแต่ตาพราหมณ์ ตาเป็นทูตที่รักของพระเวส-
สันดรผู้เป็นที่รักของข้า ข้าจะให้กระบอกน้ำผึ้งและ
ขาเนื้อย่างเป็นบรรณาการแก่ตา และจักบอกประเทศที่
พระเวสสันดรผู้ประทานความประสงค์ประทับอยู่แก่ตา.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปิยสส เม ความว่า ตาเป็นทูตที่รักของ
พระเวสสันดรผู้เป็นที่รักของข้า ข้าจะให้บรรณาการแก่ตา เพื่อความเต็มแห่ง
อัธยาศัย.
จบชูชกบรรพ


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
จุลวนวรรณนา
พรานเจตบุตรให้พราหมณ์ชูชกบริโภคแล้ว ให้กระบอกน้ำผึ้งและขา
เนื้อย่างแก่ชูชก เพื่อเป็นเสบียงเดินทางอย่างนี้แล้ว ยืนที่หนทางยกมือเบื้อง
ขวาขึ้นเมื่อจะแจ้งโอกาสเป็นที่ประทับอยู่แห่งพระเวสสันดรมหาสัตว์ จึงกล่าวว่า
ดูก่อนมหาพราหมณ์ นั่นภูเขาคันธมาทน์ล้วน
แล้วไปด้วยศิลา ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งพระราชา
เวสสันดรพร้อมด้วยพระมัทรีราชเทวีทั้งพระชาลีและ
พระกัณหาชินา ทรงเพศบรรชิตอันประเสริฐ และ

ขอสำหรับสอยผลาผล ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชา
เพลิง กับทั้งชฎา ทรงหนังเสือเหลืองเป็นภูษาทรง
บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงนมัสการเพลิง ทิวไม้เขียว
นั้นทรงผลต่าง ๆ และภูผาสูงยอดเสียดเมฆเขียวชะอุ่ม
นั่นแลเป็นเหล่าอัญชนภูผาเห็นปรากฏอยู่ นั่นเหล่าไม้
ตะแบก ไม้หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้รัง ไม้สะคร้อและ
เถายางทราย อ่อนไหวไปตามลมดังมาณพดื่มสุราครั้ง

แรกก็โซเซฉะนั้น เหล่านกโพระดก นกดุเหว่า ส่ง
เสียงร้องบนกิ่งต้นไม้ พึงฟังดุจสังคีตโผผินบินจาก
ต้นนั้นสู่ต้นนี้ กิ่งไม้และใบไม้ทั้งหลาย อันลมให้
หวั่นไหวแล้วเสียดสีกัน ดังจะชวนบุคคลผู้ผ่านไป
ให้มายินดี และยังบุคคลผู้อยู่ในที่นั้นให้เพลิดเพลิน
ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งพระราชาเวสสันดรพร้อมด้วย

พระมัทรีราชเทวี ทั้งพระชาลีและพระกัณหาชินาทรง
เพศบรรพชิตอันประเสริฐ และขอสำหรับสอยผลาผล
ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชาเพลิง กับทั้งชฎา ทรง
หนังเสือเหลืองเป็นภูษาทรง บรรทมเหนือแผ่นดิน
ทรงนมัสการเพลิง.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คนธมาทโน ความว่า นั่นภูเขาคันธ-
มาทน์ ท่านบ่ายหน้าทางทิศอุดรเดินไปตามเชิงภูเขาคันธมาทน์ จักเห็นอาศรม
ที่ท้าวสักกะประทาน ซึ่งเป็นที่พระราชาเวสสันดรพร้อมด้วยพระโอรสพระธิดา
และพระมเหสีประทับอยู่. บทว่า พรสหมณวณณํ ได้แก่ เพศบรรพชิต
ผู้ประเสริฐ. บทว่า อาสทญจ มสญชฏํ ความว่า ทรงขอสำหรับสอย
เก็บผลาผล ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชาเพลิง และชฎา. บทว่า จมมวาสี

ได้แก่ ทรงหนังเสือเหลือง. บทว่า ฉมา เสติ ความว่า บรรทมเหนือ
เครื่องปูลาดใบไม้บนแผ่นดิน. บทว่า ธวสสกณณา ขทิรา ได้แก่ ไม้
ตะแบก ไม้หูกวาง และไม้ตะเคียน. บทว่า สกึ ปีตาว มาณวา ความ
ว่า เป็นราวกะนักเลงดื่มน้ำเมา ดื่มครั้งเดียวเท่านั้น. บทว่า อุปริ ทุม-
ปริยาเยสุ ได้แก่ ที่กิ่งแห่งต้นไม้ทั้งหลาย. บทว่า สงคีติโยว สุยยเร
ความว่า จะได้ฟังเสียงของเหล่านกต่าง ๆ ที่อยู่กัน ดุจทิพยสังคีต. บทว่า

นชชหา ได้แก่ นกโพระดก. บทว่า สมปตนติ ได้แก่ เที่ยวส่งเสียง
ร้องเจี๊ยวจ๊าว. บทว่า สาขาปตตสมีริตา ความว่า เหล่านกถูกใบแห่งกิ่งไม้
เสียดสีก็พากันส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว หรือกิ่งไม้มีใบอันลมพัดแล้วนั่นแล. บทว่า
อาคนตํ ได้แก่ คนที่จะจากไป. บทว่า ยตถ ความว่า ท่านไปในอาศรม-
บทซึ่งเป็นที่ประทับอยู่แห่งพระเวสสันดรแล้ว จักเห็นสมบัติแห่งอาศรมบทนี้.
พรานเจตบุตร เมื่อจะพรรณนาถึงอาศรมบทให้ยิ่งขึ้นกว่าที่กล่าวมา
แล้วนั้น จึงกล่าวว่า

ที่บริเวณอาศรมนั้น มีหมู่ไม้มะม่วง มะขวิด
ขนุน ไม้รัง ไม้หว้า สมอพิเภก สมอไทย มะขาม-
ป้อม ไม้โพธิ์ พุทรา มะพลับทอง ไม้ไทร ไม้มะสัง
ไม้มะซางมีรสหวาน งามรุ่งเรือง และมะเดื่อผลสุก
อยู่ในที่ต่ำทั้งกล้วยงาช้าง กล้วยหอม ผลจันทน์มีรส
หวานเหมือนน้ำผึ้ง ในป่านั้นมีรวงผึ้งไม่มีตัว คนถือเอา

บริโภคได้เอง อนึ่งในบริเวณอาศรมนั้น มีดงมะม่วง
ตั้งอยู่ บางต้นกำลังออกช่อ บางต้นมีผลเป็นหัวแมลง
วัน บางต้นมีผลห่ามเป็นปากตะกร้อ บางต้นมีผลสุก
ทั้งสองอย่างนั้นมีพรรณดังสีหลังกบ อนึ่งในบริเวณ


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อาศรมนั้น บุรุษยืนอยู่ใต้ต้นก็เก็บมะม่วงสุกกินได้
ผลมะม่วงดิบและสุกทั้งหลาย มีสีสวยกลิ่นหอมรส
อร่อยที่สุด เหตุการณ์เหล่านี้เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่
ข้าพเจ้าเหลือเกิน ถึงกับออกอุทานว่า อือ ๆ ที่ประทับ
ของพระเวสสันดรนั้น เป็นดังที่อยู่แห่งเทวดาทั้งหลาย
งดงามปานนันทนวัน มีหมู่ตาล มะพร้าว และ

อินทผลัมในป่าใหญ่ ราวกะระเบียบดอกไม้ที่ช่างร้อย
กรองตั้งไว้ ปรากฏดังยอดธง วิจิตรด้วยบุปผชาติมี
พรรณต่าง ๆ เหมือนดาวเรื่อเรืองอยู่ในนภากาศ แลมี
ไม้มูกมัน โกฐ สะค้าน และแคฝอย บุนนาค บุนนาค-
เขาและทองหลาง มีดอกบานสะพรั่ง อนึ่งในบริเวณ
อาศรมนั้น มีไม้ราชพฤกษ์ ไม้มะเกลือ กฤษณา
รักดำ ก็มีมาก ต้นไทรใหญ่ ไม้รกฟ้า ไม้ประดู่ มี

ดอกบานสะพรั่งในบริเวณอาศรมนั้น มีไม้อัญชันเขียว
ไม้สน ไม้กะทุ่ม ขนุนสำมะกอ ไม้ตะแบก ไม้รัง
ล้วนมีดอกเป็นพุ่มคล้ายลอมฟาง ในที่ไม่ไกลอาศรม
นั้น มีสระโบกขรณี ณ ภูมิภาคน่ารื่นรมย์ ดาดาษ
ไปด้วยปทุมและอุบล ดุจในนันทนอุทยานของเหล่า
ทวยเทพฉะนั้น อนึ่งในที่ใกล้สระโบกขรณีนั้น มีฝูง

นกดุเหว่าเมารสบุปผชาติ ส่งเสียงไพเราะจับใจ ทำป่า
นั้นอื้ออึงกึกก้อง ในเมื่อหมู่ไม้ผลิดอกแย้มบานตาม
ฤดูกาล รสหวานดังน้ำผึ้งร่วงหล่นจากเกสรดอกไม้ลง
มาค้างอยู่บนใบบัว เรียกว่า โบกขรมธุ น้ำผึ้งใบบัว
(ขันฑสกร) อนึ่งลมทางทิศทักษิณและทิศประจิมย่อม
พัดมาที่อาศรมนั้น อาศรมเป็นสถานที่เกลื่อนกล่นด้วย

ละอองเกสรปทุมชาติ ในสระโบกขรณีนั้นมีกระจับ
ใหญ่ ๆ ทั้งข้าวสาลีร่วงลง ณ ภูมิภาค เหล่าปูในสระ
นั้นก็มีมาก ทั้งมัจฉาชาติและเต่าว่ายไปตามกันเห็น
ปรากฏ ในเมื่อเหง้าบัวแตก น้ำหวานก็ไหลออก ดุจ
นมสด เนยใส ไหลออกจากเหง้าบัวฉะนั้น วนประเทศ
นั้นฟุ้งไปด้วยกลิ่นต่าง ๆ หอมตลบไป วนประเทศนั้น
เหมือนดังจะชวนเชิญชนผู้มาถึงแล้วให้ยินดีด้วยดอก


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ไม้และกิ่งไม้ที่มีกลิ่นหอม แมลงผึ้งทั้งหลายก็ร้องตอม
อยู่โดยรอบ ด้วยกลิ่นดอกไม้ อนึ่งในที่ใกล้อาศรมนั้น
มีฝูงวิหคเป็นอันมากมีสีสันต่าง ๆ กัน บันเทิงอยู่กับคู่
ของตน ๆ ร่ำร้องขานกะกันและกัน มีฝูงนกอีก ๔
หมู่ ทำรังอยู่ใกล้สระโบกขรณี คือหมู่ที่ ๑ ชื่อนันทิกา
ย่อมร้องทูลเชิญพระเวสสันดรให้ชื่นชมยินดีอยู่ในป่านี้
หมู่ที่ ๒ ชื่อชีวปุตตา ย่อมร่ำร้องถวายพระพรให้พระ-
เวสสันดรพร้อมด้วยพระโอรสพระธิดาและพระมเหสี
จงมีพระชนม์ยืนนานด้วยความสุขสำราญ หมู่ที่ ๓ ชื่อ
ชีวปุตตาปิยาจโน ย่อมร่ำร้องถวายพระพรให้พระเวส-
สันดรพร้อมทั้งพระโอรสพระธิดาและพระมเหสี ผู้

เป็นที่รักของพระองค์จงทรงสำราญ มีพระชนมายุยืน
นานไม่มีข้าศึกศัตรู หมู่ที่ ๔ ชื่อปิยาปุตตาปิยานันทา
ย่อมร่ำร้องถวายพระพรให้พระโอรสพระธิดาและพระ-
มเหสี จงเป็นที่รักของพระองค์ ขอพระองค์จงเป็นที่
รักของพระโอรสพระธิดาและมเหสี ทรงชื่นชมโสมนัส

ต่อกันและกัน ทิวไม้ราวกะระเบียบดอกไม้ที่ช่างร้อย
กรองตั้งไว้ ปรากฏดังยอดธง วิจิตรด้วยบุปผชาติมี
พรรณต่าง ๆ เหมือนคนฉลาดเก็บมาร้อยกรองไว้ ซึ่ง
เป็นที่ประทับแห่งพระราชาเวสสันดร พร้อมด้วยพระ-
มัทรีราชเทวีทั้งพระชาลีและพระกัณหาชินา ทรงเพศ
บรรพชิตอันประเสริฐ และขอสำหรับสอยผลาผล

ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชาเพลิงกับทั้งชฏา ทรงหนัง
เสือเหลืองเป็นภูษาทรง บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรง
นมัสการเพลิง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จารุติมพรุกขา ได้แก่ ต้นมะพลับ
ทอง. บทว่า มธุมธุกา ได้แก่ มะซางมีรสหวาน. บทว่า เถวนติ
แปลว่า ย่อมรุ่งเรือง. บทว่า มธุตถิกา ได้แก่ เหมือนน้ำผึ้ง หรือเช่นกับ
รวงผึ้งเพราะมีน้ำหวานไหลเยิ้ม. บทว่า ปาเรวตา ได้แก่ ต้นกล้วยงาช้าง.
บทว่า ภเวยยา ได้แก่ กล้วยมีผลยาว. สกมาทาย ความว่า ถือเอารวงผึ้ง

นั้นบริโภคได้เองทีเดียว. บทว่า โทวิลา ได้แก่ มีดอกและใบร่วงหล่น มี
ผลดาษดื่น. บทว่า เภงควณณา ตทูภยํ ความว่า มะม่วงทั้งสองอย่างนั้น
คือ ดิบบ้าง สุกบ้าง มีสีเหมือนสีของหลังกบทีเดียว. บทว่า อเถตถ
เหฏฐา ปุริโส ความว่า อนึ่ง ณ อาศรมนั้น บุรุษยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง

เหล่านั้น ย่อมเก็บผลมะม่วงได้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นต้น. บทว่า วณณคนธ-
รสุตตมา ได้แก่ อุดมด้วยสีเป็นต้นเหล่านี้. บทว่า อเตว เม อจฉริยํ
ความว่า เป็นที่อัศจรรย์แก่ข้าพเจ้าเหลือเกิน. บทว่า หิงกาโร ได้แก่ ทำ
เสียงว่า หึ ๆ. บทว่า วิเภทิกา ได้แก่ ต้นตาล บทว่า มาลาว คนถิตา


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ความว่า ดอกไม้ทั้งหลายตั้งอยู่บนต้นไม้ที่มีดอกบานสะพรั่ง เหมือนพวงมาลัย
ที่นายมาลาการร้อยกรองไว้. บทว่า ธชคคาเนว ทิสสเร ความว่า ต้นไม้
เหล่านั้นปรากฏราวกะยอดธงที่ประดับแล้ว. บทว่า กุฏชี กุฏฐตครา
ได้แก่ รุกขชาติอย่างหนึ่งชื่อว่าไม้มูกมัน กอโกฐ และกอกฤษณา. บทว่า
คิริปุนนาคา ได้แก่ บุญนาคใหญ่. บทว่า โกวิฬารา ได้แก่ ต้นทอง
หลาง. บทว่า อุทธาลกา ได้แก่ ต้นราชพฤกษ์ดอกสีเหลือง. บทว่า

ภลลิยา ได้แก่ ต้นรักดำ. บทว่า ลพุชา ได้แก่ ต้นขนุนสำมะลอ.
บทว่า ปุตตชีวา ได้แก่ ต้นไทรใหญ่. บทว่า ปลาลขลสนนิภา ความ
ว่า พรานเจตบุตรกล่าวว่า ดอกไม้ที่ร่วงหล่นใต้ต้นไม้เหล่านั้น คล้ายลอมฟาง.
บทว่า โปกขรณี ได้แก่ สระโบกขรณีสี่เหลี่ยม. บทว่า นนทเน ได้แก่
เป็นราวกะสระนันทนโบกขรณี ในนันทนวนอุทยาน. บทว่า ปุปผรส-

มตตา ได้แก่ เมาด้วยรสของบุปผชาติคือถูกรสของบุปผชาติรบกวน. บทว่า
มกรนเทหิ ได้แก่ เกสรดอกไม้. บทว่า โปกขเร โปกขเร ความว่า
เรณูร่วงจากเกสรดอกบัวเหล่านั้นลงบนใบบัว ชื่อโปกขรมธุน้ำผึ้งใบบัว (ซึ่ง
แพทย์ใช้เข้ายาเรียกว่า ขัณฑสกร). บทว่า ทกขิณา อถ ปจฉิมา ความว่า
ลมจากทิศน้อยทิศใหญ่ทุกทิศ ท่านแสดงด้วยคำเพียงเท่านี้. บทว่า ถูลา

สึฆาฏกา ได้แก่ กระจับขนาดใหญ่. บทว่า สสาทิยา ได้แก่ ข้าวสาลี
เล็ก ๆ ซึ่งเป็นข้าวสาลีที่เกิดเองตั้งอยู่ เรียกว่าข้าวสาลีบริสุทธิ์ ก็มี. บทว่า
ปสาทิยา ได้แก่ ข้าวสาลีเหล่านั้นแหละร่วงลงบนพื้นดิน. บทว่า พฺยาวิธา
ความว่า เหล่าสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ เที่ยวไปเป็นกลุ่ม ๆ ในน้ำใส ว่ายไปตาม

ลำดับปรากฏอยู่. บทว่า มูปยานกา ได้แก่ ปู. บทว่า มธํ ภึเสหิ
ความว่า เมื่อเหง้าบัวแตก น้ำหวานไหลออกเช่นกับน้ำผึ้ง. บทว่า ขีรํ สปปิ
มูฬาลิภิ ความว่า น้ำหวานที่ไหลออกจากเหง้าบัวเป็นราวกะเนยข้นเนยใส
ผสมน้ำนม. บทว่า สมโมทิเตว ความว่า เป็นเหมือนจะยังชนที่ถึงแล้วให้
ยินดี. บทว่า สมนตามภินาทิตา ความว่า เที่ยวบินร่ำร้องอยู่โดยรอบ.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า นนทิกา เป็นต้นเป็นชื่อของนกเหล่านั้น ก็บรรดานกเหล่านั้น นก
หมู่ที่ ๑ ร้องถวายพระพรว่า ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้า ขอพระองค์จงชื่นชม
ยินดีประทับอยู่ในป่านี้เถิด นกหมู่ที่ ๒ ร้องถวายพระพรว่า ขอพระองค์พร้อม
ทั้งพระโอรสพระธิดาและพระมเหสีจงมีพระชนม์ยืนนานด้วยความสุขสำราญเถิด
นกหมู่ที่ ๓ ร้องถวายพระพรว่า ขอพระองค์พร้อมทั้งพระโอรสพระธิดาและ
พระมเหสีผู้เป็นที่รักของพระองค์ จงทรงสำราญมีพระชนม์ยืนนานไม่มีข้าศึก

ศัตรูเถิด นกหมู่ที่ ๔ ร้องถวายพระพรว่า ขอพระโอรสพระธิดาและพระมเหสี
จงเป็นที่รักของพระองค์ ขอพระองค์จงเป็นที่รักของพระโอรสพระธิดาและ
พระมเหสี ทรงชื่นชมโสมนัสกันและกันเถิด เพราะเหตุนั้นนกเหล่านั้นจึงได้
มีชื่ออย่างนี้แล. บทว่า โปกขรณีฆรา ได้แก่ ทำรังอยู่ใกล้สระโบกขรณี.

พรานเจตบุตรแจ้งสถานที่ประทับของพระเวสสันดรอย่างนี้แล้ว ชูชก
ก็ยินดี เมื่อจะทำปฏิสันถารจึงกล่าวคาถานี้ว่า
ก็สัตตูผงอันระคนด้วยน้ำผึ้งและสัตตูก้อนมีรส
หวานอร่อยของลุงนี้ อมิตตตาปนาจัดแจงให้แล้ว ลุง
จะแบ่งให้แก่เจ้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตตุภตตํ ได้แก่ ภัตตาหารคือสัตตู
ที่คล้ายน้ำผึ้งเคี่ยว มีคำอธิบายว่าสัตตูของลุงที่มีอยู่นี้นั้น ลุงจะให้แก่เจ้า เจ้า
จงรับเอาเถิด.

พรานเจตบุตรได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า
ข้าแต่ท่านพราหมณ์ จงเอาไว้เป็นเสบียงทาง
ของลุงเถิด ข้าพเจ้าไม่ต้องการเสบียงทาง ขอเชิญลุง
รับน้ำผึ้งกับขาเนื้อย่างจากสำนักของข้านี้เอาไปเป็น
เสบียงทาง ขอให้ลุงไปตามสบายเถิด ทางนี้เป็นทาง
เดินได้คนเดียว มาตามทางนี้ ตรงไปสู่อาศรมอัจจุต-
ฤาษี พระอัจจุตฤาษีอยู่ในอาศรมนั้น มีฟันเขลอะ มี

ธุลีบนศีรษะ ทรงเพศเป็นพราหมณ์ มีขอสำหรับสอย
ผลาผล ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชาเพลิง กับทั้งชฎา
ครองหนังเสือเหลือง นอนเหนือแผ่นดิน นมัสการ
เพลิง ลุงไปถึงแล้วถามท่านเถิด ท่านจักบอกหนทาง
ให้แก่ลุง.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมพลํ ได้แก่ เสบียงทาง. บทว่า
เอติ ความว่า หนทางเดินได้เฉพาะคนเดียวมาตรงหน้าเราทั้งสองนี้ ตรงไป
อาศรมบท. บทว่า อจจโต ความว่า ฤาษีองค์หนึ่งมีชื่ออย่างนี้ อยู่ใน
อาศรมนั้น.
ชูชกผู้เป็นเผ่าพันธุ์พราหมณ์ได้ฟังคำนี้แล้ว ทำ
ประทักษิณเจตบุตร มีจิตยินดีเดินทางไปยังสถานที่
อัจจุตฤาษีอยู่ ดังนี้แล.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เยนาสิ ความว่า อัจจุตฤาษีอยู่ในที่ใด
ชูชกไปแล้วในที่นั้น.
จบจุลวนวรรณนา

เมื่อชูชกพราหมณ์ภารทวาชโคตรไป ก็ได้พบ
พระอัจจุตฤาษี ครั้นได้พบท่านแล้วก็สนทนาปราศรัย
กับพระอัจจุตฤาษีว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่มีโรคาพาธกระ-
มัง พระผู้เป็นเจ้ามีความผาสุกสำราญกระมัง พระผู้
เป็นเจ้ายังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการเสาะแสวงหา
ผลาหารสะดวกกระมัง มูลผลาหารมีมากกระมัง
เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลานที่จะมีน้อยกระมัง

ความเบียดเบียนให้ลำบากในวนประเทศที่เกลื่อนไป
ด้วยเนื้อร้ายไม่ค่อยมีกระมัง.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภารทวาโช ได้แก่ ชูชก. บทว่า
อปปเมว ได้แก่ น้อยทีเดียว. บทว่า หึสา ได้แก่ ความเบียดเบียนให้
ท่านลำบากด้วยสามารถแห่งสัตว์เหล่านั้น.
ดาบสกล่าวว่า


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ดูก่อนพราหมณ์ รูปไม่ค่อยมีอาพาธสุขสำราญดี
ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยเสาะหาผลไม้สะดวกดี และ
มูลผลาหารก็มีมาก อนึ่ง เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อย
คลานมีบ้างก็เล็กน้อย ความเบียดเบียนให้ลำบากใน
วนประเทศที่เกลื่อนไปด้วยเนื้อร้ายก็ไม่ค่อยมีแก่รูป
เมื่อรูปอยู่อาศรมหลายพรรษา รูปมิได้รู้จักอาพาธที่
ทำใจไม่ให้ยินดีเกิดขึ้นเลย ดูก่อนมหาพราหมณ์ ท่าน

มาดีแล้วและมาไกลก็เหมือนใกล้ เชิญเข้าข้างใน ขอ
ให้ท่านเจริญเถิด ชำระล้างเท้าของท่านเสีย.
ดูก่อนพราหมณ์ ผลมะพลับ ผลมะหาด ผล
มะซาง และผลหมากเม่า เป็นผลไม้มีรสหวาน
เล็ก ๆ น้อย ๆ เชิญท่านเลือกบริโภคแต่ที่ดี ๆ เถิด ดู
ก่อนพราหมณ์ น้ำดื่มนี้เย็นนำมาแต่ซอกเขา ขอเชิญ
ดื่มเถิดถ้าปรารถนาจะดื่ม.
ชูชกกล่าวว่า

สิ่งที่พระคุณเจ้าให้แล้ว เป็นอันข้าพเจ้ารับไว้
แล้ว บรรณาการอันพระคุณเจ้ากระทำแล้วทุกอย่าง
ข้าพเจ้ามาเพื่อพบพระราชโอรสของพระเจ้าสญชัยที่
ถูกชาวสีพีขับไล่นั้น ถ้าพระคุณเจ้าทราบก็จงแจ้งแก่
ข้าพเจ้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตมหํ ทสสมาคโต ความว่า ข้าพเจ้า
มาเพื่อพบพระเวสสันดรนั้น
ดาบสกล่าวว่า
มิใช่แกมาเพื่อพบพระเจ้าสีวีราชผู้มีบุญ ชะรอย
แกปรารถนาพระมเหสีของท้าวเธอ ซึ่งเป็นผู้ยำเกรง
พระราชสามี หรือชะรอยแกอยากได้พระกัณหาชินาไป
เป็นทาสี และพระชาลีไปเป็นทาส แน่ะตาพราหมณ์
อีกอย่างหนึ่ง แกมาเพื่อนำพระราชเทวีพระราชกุมาร

กุมารีทั้งสามพระองค์ไปจากป่า โภคสมบัติและพระ-
ราชทรัพย์อันประเสริฐของพระเวสสันดร ย่อมไม่มี.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า น ตสส โภคา วิชชนติ ความว่า
ดูก่อนพราหมณ์ผู้เจริญ พระเวสสันดรนั้นอยู่ในป่า ย่อมไม่มีโภคสมบัติและ
พระราชทรัพย์อันประเสริฐ พระองค์ท่านอยู่อย่างเข็ญใจ แกจักไปเฝ้าพระองค์
ทำไม.


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ชูชกได้ฟังดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า
ท่านผู้เจริญยังไม่ควรจะโกรธเคืองข้าพเจ้า เพราะ
ข้าพเจ้ามิได้มาขอทาน การเห็นพระผู้ประเสริฐย่อมให้
สำเร็จประโยชน์ การอยู่ร่วมกับพระผู้ประเสริฐเป็น
ความสุขทุกเมื่อ.
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นพระเจ้าสีวีราชที่ถูกชาวสีพี
ขับไล่ ข้าพเจ้ามาเพื่อจะพบพระองค์ ถ้าพระคุณเจ้า
ทราบก็จงแจ้งแก่ข้าพเจ้า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชานาสิ สํส เม มีคำอธิบายว่า ข้าพเจ้า
เป็นผู้ไม่ควรที่ท่านผู้เจริญจะโกรธเคืองด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ด้วยว่าข้าพเจ้ามา
เพื่อจะขออะไร ๆ กะพระเวสสันดรก็หามิได้ อนึ่งการได้เห็นพระผู้ประเสริฐ
ทั้งหลายยังประโยชน์ให้สำเร็จ และการอยู่ร่วมกับพระผู้ประเสริฐเหล่านั้นก็เป็น
ความสุข ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ของพระเวสสันดรนั้น จำเดิมแต่
พระองค์ถูกชาวสีพีขับไล่นั้น ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระองค์เลย เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าจึงมาเพื่อพบเห็นพระองค์ ถ้าพระคุณเจ้ารู้สถานที่ประทับของพระเวส-
สันดร ก็จงแจ้งแก่ข้าพเจ้า.

พระอัจจุตฤาษีได้ฟังคำของชูชกก็เชื่อจึงกล่าวว่า เอาเถอะ พรุ่งนี้เรา
จักแสดงประเทศที่ประทับของพระเวสสันดรแก่ท่าน วันนี้ท่านอยู่ในที่นี้ก่อน
กล่าวฉะนี้แล้วให้ชูชกกินผลาผลจนอิ่ม รุ่งขึ้นเมื่อจะชี้หนทางจึงเหยียดมือขวา
ออกกล่าวว่า
ดูก่อนมหาพราหมณ์ นั่นภูเขาคันธมาทน์ล้วน
แล้วไปด้วยศิลา ซึ่งเป็นที่ประทับแห่งพระราชาเวส-
สันดร พร้อมด้วยพระมัทรีราชเทวี ทั้งพระชาลีและ
พระกัณหาชินา ทรงเพศบรรพชิตอันประเสริฐ ทรง

ขอสำหรับสอยผลาผล ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชา
เพลิง กับทั้งชฏา ทรงหนังเสือเหลืองเป็นภูษาทรง
บรรทมเหนือแผ่นดิน ทรงนมัสการเพลิง ทิวไม้เขียว
นั้นทรงผลต่าง ๆ และภูผาสูงยอดเสียดเมฆ เขียว
ชะอุ่มนั่นแลเป็นเหล่าอัญชนภูผาเห็นปรากฏอยู่ นั่น
เหล่าไม้ตะแบก ไม้หูกวาง ไม้ตะเคียน ไม้รัง ไม้
สะคร้อ และเถายางทราย อ่อนไหวไปตามลม ดัง
มาณพดื่มสุราครั้งแรกก็โซเซฉะนั้น เหล่านกโพระดก
นกดุเหว่า ย่อมร่ำร้องบนกิ่งต้นไม้ พึงฟังดุจสังคีต


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
โผผินบินจากต้นนั้นสู่ต้นนี้ กิ่งไม้และใบไม้ทั้งหลาย
อันลมให้หวั่นไหวแล้ว ดังจะชวนบุคคลผู้ไปให้มา
ยินดี และยังบุคคลผู้อยู่ในที่นั้นให้เพลิดเพลิน ซึ่ง
เป็นที่ประทับแห่งพระราชาเวสสันดร พร้อมด้วย
พระมัทรีราชเทวีทั้งพระชาลีและพระกัณหาชินา ทรง
เพศบรรพชิตอันประเสริฐ และขอสำหรับสอยผลาผล
ภาชนะสำหรับใช้ในการบูชาเพลิง กับทั้งชฎา ทรง
หนังเสือเหลืองเป็นภูษาทรง บรรทมเหนือแผ่นดิน
ทรงนมัสการเพลิง.

ดอกกุ่มหล่นเกลื่อนในภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์
ภาคพื้นเขียวไปด้วยหญ้าแพรก ละอองธุลีไม่มีฟุ้งขึ้น
ในสถานที่นั้น ภูมิภาคนั้นเช่นกับสัมผัสนุ่น คล้าย
คอนกยูง หญ้าทั้งหลายขึ้นเสมอกันเพียง ๔ องคุลี
ไม้มะม่วง ไม้หว้า ไม้มะขวิด และมะเดื่อมีผลสุกอยู่
ในที่ต่ำ ราวไพรยังความยินดีให้เจริญ เพราะมีเหล่า
ต้นไม้ที่ใช้บริโภคได้ น้ำใสสะอาดกลิ่นหอมดี สีดัง
แก้วไพฑูรย์ เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลาไหลหลั่งมาใน
ป่านั้น.

ในภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ใจไม่ไกลอาศรมนั้น มี
สระโบกขรณีดารดาษไปด้วยปทุมและอุบล ดุจใน
นันทนอุทยานของเหล่าทวยเทพฉะนั้น ดูก่อนพราหมณ์
ในสระนั้นมีอุบลชาติ ๓ ชนิดคือ เขียว ขาว และแดง
งามวิจิตรมิใช่น้อย.

เนื้อความของคาถานั้น เหมือนกับที่กล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล. บทว่า
กเรริมาลา วิคตา ความว่า เกลื่อนกลาดไปด้วยดอกกุ่มทั้งหลาย. บทว่า
สทฺทลา หริตา ความว่า ภูมิภาคเขียวไปด้วยหญ้าแพรกประจำ. บทว่า น
ตตถุทธํสเต รโช ความว่า ธุลีแม้มีประมาณน้อยก็ไม่ฟุ้งขึ้นในที่นั้น บทว่า
ตูลผสสสมูปมา ได้แก่ เช่นกับสัมผัสแห่งนุ่น เพราะมีสัมผัสอ่อนนุ่ม.

บทว่า ติณานิ นาติวตตนติ ความว่า หญ้ามีสีเหมือนสีคอนกยูงในภูมิภาค
นั้นเหล่านั้น ขึ้นสูงแค่ ๔ องคุลีเท่านั้นโดยรอบ ไม่งอกยาวเลยกว่านั้น. บทว่า
อมพา ชมมู กปฏฐา จ ได้แก่ ไม้มะม่วงด้วย ไม้หว้าด้วย ไม้มะขวิด
ด้วย. บทว่า ปริโภเคหิ ได้แก่ ต้นไม้ที่บริโภคได้ มีดอกมีผล หลาย
อย่าง. บทว่าสนฺทติ ความว่า น้ำหลั่งจากภูเขาไหลเป็นไปในไพรสณฑ์

นั้น. บทว่า วิจิตฺรนีลาเนกานิ เสตานิ โลหิตกานิ จ ความว่า อัจจุตฤาษี
แสดงว่าสระนั้นงามด้วยอุบลชาติสามอย่างเหล่านี้ คือ อุบลเขียวอย่างหนึ่ง อุบล
ขาวอย่างหนึ่ง อุบลแดงอย่างหนึ่ง ซึ่งคล้ายผอบดอกไม้ที่จัดแต่งไว้อย่างวิจิตร
งดงาม


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระอัจจุตฤาษีพรรณนาสระโบกขรณีสี่เหลี่ยมอย่างนี้แล้ว เมื่อจะ
พรรณนาสระมุจลินท์อีก จึงกล่าวว่า
ปทุมชาติในสระนั้นสีขาวดังผ้าโขมพัสตร์ สระ
นั้นชื่อว่ามุจลินท์ ดารดาษไปด้วยอุบลขาว จงกลนี
และผักทอดยอด อนึ่ง ปทุมชาติในสระนั้นมีดอกบาน
สะพรั่ง ปรากฏเหมือนไม่มีกำหนดประมาณ บานใน
คิมหันตฤดูและเหมันตฤดู แผ่ไปในน้ำแค่เข่า เหล่า
ปทุมชาติงามวิจิตรชูดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้ง หมู่
ภมรบินว่อนร่อนร้องอยู่รอบ ๆ เพราะกลิ่นหอมแห่ง
บุปผชาติ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โขมาว ได้แก่ สีขาวราวกะว่าสำเร็จ
แด่ผ้าใยไหม. บทว่า เสตโสคนฺธิเยหิ จ ความว่า สระนั้นดารดาษไป
ด้วยอุบลขาว จงกลนีและผักทอดยอดทั้งหลาย. บทว่า อปริยนฺตาว ทิสฺสเร
ความว่า ปรากฏเหมือนหาประมาณมิได้. บทว่า คิมหา เหมนติกา ได้แก่
ปทุมชาติที่บานสะพรั่งในคิมหันตฤดูและเหมันตฤดู. บทว่า ชณณุตคฆา

อุปตถรา ความว่า แผ่ไป ได้แก่ บาน คือปรากฎราวกะดำรงอยู่ในน้ำ
ประมาณแค่เข่า. บทว่า วิจิตรา ปุปผสณฐิตา ความว่า ปทุมชาติทั้งหลาย
งามวิจิตรชูดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทุกเมื่อ.

ดูก่อนพราหมณ์ อนึ่ง ที่ขอบสระนั้นมีรุกขชาติ
หลากหลายขึ้นอยู่ คือ ไม้กระทุ่ม ไม้แคฝอย ไม้
ทองหลาง ผลิดอกบานสะพรั่ง ไม้ปรู ไม้สัก ไม้
ราชพฤกษ์ ดอกบานสะพรั่ง ไม้กากะทิง มีอยู่สองฟาก
สระมุจลินท์ ไม้ซึก ไม้แคขาว บัวบก ไม้คนทิสอ
ไม้ยางทรายขาว ไม้ประดู่ ดอกบานหอมฟุ้งที่ใกล้สระ
นั้น ต้นมะคำไก่ ต้นพิกุล ต้นแก้ว ต้นมะรุม

ต้นการเกด ต้นกรรณิการ์ ต้นชะบา ต้นรกฟ้าขาว
ต้นรกฟ้าดำ ต้นสะท้อน และต้นทองกวาว ดอกบาน
ผลิดอกออกยอดพร้อม ๆ กัน ตั้งอยู่รุ่งเรืองแท้ ต้น
มะรื่น ต้นตีนเป็ด ต้นกล้วย ต้นคำฝอย ต้นนมแมว
ต้นคนทา ต้นประดู่ลายกับต้นกากะทิง มีดอกบาน

สะพรั่ง ต้นมะไฟ ต้นงิ้ว ต้นช้างน้าว ต้นพุดขาว
ต้นพุดซ้อน โกฐเขมา โกฐสอ มีดอกบานสะพรั่ง


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พฤกษชาติทั้งหลายในสถานที่นั้น มีทั้งอ่อนทั้งแก่ ต้น
ไม่คด ดอกบาน ตั้งอยู่สองข้างอาศรม รอบเรือนไฟ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ติฏฐนติ ความว่า ตั้งล้อมรอบสระ.
บทว่า กทมพา ได้แก่ ต้นกระทุ่ม. บทว่า กจจิการา จ ได้แก่ ต้นไม้ที่มี
ชื่ออย่างนั้น. บทว่า ปาริชญญา ได้แก่ มีดอกแดง. บทว่า วารณา วุยหนา
ได้แก่ ต้นนาคพฤกษ์. บทว่า มุจลินทมภโต ได้แก่ ณ ข้างทั้งสองของ

สระมุจลินท์. บทว่า เสตปาริสา ได้แก่ รุกขชาติที่เป็นพุ่มขาว. ได้ยิน
ว่า ต้นแคขาวเหล่านั้นมีลำต้นขาว ใบใหญ่ มีดอกคล้ายดอกกรรณิการ์. บทว่า
นิคคณฑี สรนิคคณฑี ได้แก่ ต้นคนทิสอธรรมดา และต้นคนทิสอดำ.
บทว่า ปงฺกุรา ได้แก่ ต้นไม้สีขาว. บทว่า กุสุมภรา ได้แก่ ไม้กอ
ชนิดหนึ่ง. บทว่า ธนุตกการีปุปเผหิ ความว่า งดงามด้วยดอกนมแมว

และดอกคนทาทั้งหลาย. บทว่า สีสปาวารณาหิ จ ได้แก่ งดงามด้วยต้น
ประดู่ลายและต้นกากะทิงทั้งหลาย. แม้บทว่า อจฉิปา เป็นต้นก็เป็นชื่อ
ต้นไม้ทั้งนั้น. บทว่า เสตเครุตคริกา ได้แก่ ต้นพุดขาวและต้นกฤษณา.
บทว่า มํสิโกฏฐกุลาวรา ได้แก่ กอต้นชาเกลือ กอต้นโกฐ และต้นเปราะ-
หอม. บทว่า อกุฏิลา ได้แก่ ต้นตรง. บทว่า อคยาคารํ สมนตตโต
ความว่า ตั้งแวดล้อมเรือนไฟ.

อนึ่ง ที่ขอบสระนั้นมีพรรณไม้เกิดเอง เกิดขึ้น
เป็นอันมาก คือ ตะไคร้ ถั่วเขียว ถั่วราชมาส
ถั่วครั่ง น้ำในสระมุจลินท์นั้นกระเพื่อมเนื่องถึงฝั่ง
น้ำ แมลงผึ้งทั้งหลายเรียกว่าหิงคุชาล รุกขชาติทั้ง
สองคือไม้สีเสียดและไม้เต่าร้าง ก็มี ณ สระมุจลินท์
นั้น ผักทอดยอดเป็นอันมากก็มี ณ เบื้องต่ำ ดูก่อน
พราหมณ์ รุกขชาติทั้งหลายอันเถาสลิดปกคลุมตั้งอยู่

กลิ่นของดอกสลิดเป็นต้นเหล่านั้น ทรงอยู่ได้ ๗ วัน
ไม่จางหาย ฝั่งสระมุจลินท์ทั้งสองฟากมีต้นไม้ตั้งอยู่
เป็นส่วน ๆ ราวกะบุคคลปลูกไว้ ป่านั้นดารดาษไป
ด้วยหมู่ต้นราชพฤกษ์งามดี กลิ่นแห่งดอกราชพฤกษ์


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2019, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เป็นต้นเหล่านั้น ทรงอยู่ได้กึ่งเดือน ไม่จางหาย อัญชัญ
เขียวอัญชัญขาวและกรรณิการ์เขาดอกบานสะพรั่ง ป่า
นั้นปกคลุมไปด้วยอบเชยและแมงลัก อันบุคคลยินดี
ด้วยกลิ่นจากดอกและกิ่งก้าน หมู่ภมรบินว่อนร่อนร้อง
อยู่รอบ ๆ เพราะกลิ่นหอมแห่งบุปผชาติ ดูก่อน
พราหมณ์ ณ ที่ใกล้สระนั้นมี ฟักแฟง แตง น้ำเต้า
สามชนิด ชนิดหนึ่งผลโตเท่าหม้อ อีกสองชนิดผล
โตเท่าตะโพน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ผณิชชกา ได้แก่ ติณชาติที่เกิดเอง.
บทว่า มุคคติโย ได้แก่ ถั่วเขียวชนิดหนึ่ง. บทว่า กรติโย ได้แก่ ถั่ว
ราชมาส. บทว่า เสวาลํ สีสกํ ได้แก่ แม้ต้นไม้เหล่านี้ก็เป็นไม้กอนั่นแล
อีกอย่างหนึ่ง. บทว่า สีสกํ ท่านกล่าวว่า จันทน์แดง. บทว่า อุธาปวตตํ
อุลลุลิตํ ความว่า น้ำนั้นถูกลมพัดกระเพื่อมเนื่องถึงริมฝั่งตั้งอยู่. บทว่า
มกขิกา หิงคุชาลิกา ความว่า แมลงผึ้ง ๕ สีที่กลุ่มดอกไม้แย้มบานที่

เรียกหิงคุชาล ต่างบินวนว่อนร่อนร้องด้วยเสียงอันไพเราะอยู่ในสระนั้น. บทว่า
ทาสิมกญจโก เจตถ ความว่า ในสระนั้นมีรุกขชาติอยู่สองชนิด. บทว่า
นีเจ กลมพกา ได้แก่ ผักทอดยอดมี ณ เบื้องต่ำ. บทว่า เอลมพกรุกข-
สญฉนนา ความว่า อันไม้เถาซึ่งมีชื่ออย่างนี้ปกคลุม. บทว่า เตสํ ได้

แก่ ดอกเหล่านั้นของไม้เถานั้น กลิ่นของดอกสลิดเป็นต้นเหล่านั้นแม้ทั้งหมด
หอมอยู่ตลอด ๗ วัน ดอกไม้ทั้งหลายสมบูรณ์ด้วยกลิ่นหอม ภูมิภาคเต็มไป
ด้วยทรายคล้ายแผ่นเงิน. บทว่า คนโธ เตสํ ความว่า กลิ่นของดอกราช-
พฤกษ์เป็นต้นเหล่านั้นหอมอยู่กึ่งเดือน. บทว่า นีลปุปผิ เป็นต้น ได้แก่
ไม้เถามีดอก. บทว่า ตุลสีหิ จ ความว่า ผลของไม้เถา ๓ ชนิด คือ

ฟักแฟง แตง น้ำเต้า ไม้เถาเหล่านั้น ไม้เถาชนิดหนึ่งมีผลเท่าหม้อใหญ่ อีก
๒ ชนิดผลเท่าตะโพน เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวไว้ อีกอย่างหนึ่ง ๒ ชนิด
มีผลเท่าตะโพนและกอกระเพรา.
อนึ่ง ที่ใกล้สระนั้นมีพรรณผักกาดเป็นอันมาก
ทั้งกระเทียมประกอบด้วยใบเขียว ต้นเหลาชะโอนตั้ง
อยู่ดุจต้นตาล ผักสามหาวมีเป็นอันมาก ควรเด็ดดอก

ด้วยกำมือ เถาโคกกระออม นมตำเลีย เถาหญ้านาง
เถาชะเอม ไม้อโศก ต้นเทียน บรเพ็ดไฟ ชิงช้าชาลี
ว่านหางช้าง อังกาบ ไม้หนาด ไม้กากะทิงและมะลิ-
ซ้อนบานแล้ว ต้นทองเครือก็บานขึ้นต้นไม้อื่นตั้งอยู่


+ จิตที่ไร้คุณธรรมย่อมนำทุกข์มาสู่ตนและคนรอบข้าง
+ บางคราวนิ่งเงียบเสียบ้างก็ดี จะได้รับฟังคำของคนอื่นบ้าง
+ รู้ว่าตนผิดรู้แก้ไขตัว ไม่เมามัวอยู่กับความหลงผิด
+ อยากให้คนอื่นดี อยากให้คนอื่นรู้ เรานั้นแหละควรดีควรรู้ก่อน
+ ไม่อ่านก็ไม่รู้ มัวแต่คิดว่าตัวรู้แล้วก็เลยไม่สนใจในการศึกษาเพิ่ม
+ หากคิดว่ามีประโยชน์ โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว
เพราะสังคมนี้มิได้มีแค่เราคนเดียว ควรเหลียวแลมองดูคนอื่นบ้าง
+ เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมเปิดช่องทางให้ความอกุศลเข้ามาได้ง่าย
+ เมื่อความอยากได้ อยากมี อยากเป็นมีมาก ย่อมทำให้หลงคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 170, 171, 172, 173, 174, 175, 176 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร