วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 22:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2011, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 13:20
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เกตุดารานั่งอยู่ที่นั่งริมหน้าต่าง มองลงไปเบื้องล่าง เห็นสนามบินสุวรรณภูมิ และกรุงเทพมหานครยามราตรี งดงามด้วยแสงไฟระยิบระยับของตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางเบื้องล่างคดเคี้ยวมากมายหลายเส้นทาง สวยงามแปลกตาต่างจากตอนกลางวัน กรุงเทพมหานคร ช่างเป็นเมืองที่น่าอยู่สวยงามยิ่งนัก แต่ตอนนี้เกดต้องจากไปสักระยะหนึ่ง แล้วจะกลับมาอีกแน่นอน
“ ลาก่อน กรุงเทพมหานคร ลาก่อนนพกับรุ้งเพื่อนรัก เกดไปไม่นานหรอก”

เกตุดารานึกย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงที่ฝ่านมา เธอยังจำติดตาภาพของเพื่อนรักทั้งสองที่มาส่งเธอที่สนามบิน ทั้งสองดูอาลัยและห่วงหาอาทรเกตุดารามากมาย จนเธอนึกขำ เธอสัญญากับเพื่อนว่า จะรีบกลับเมืองไทยถ้าเรียนจบปริญญาโทแล้ว

เนื่องจากคุณพ่อได้ย้ายมาเป็นทูตที่อิตาลี คุณแม่ติดตามมาด้วย จึงชวนให้เธอมาเรียนต่อ เกตุดาราชื่นชอบและสนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกรุงโรม และของประเทศอิตาลีมาครั้งตั้งแต่เป็นนักศึกษาสาขาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ประจวบกับความรู้สึกว้าวุ่นใจใคร่รู้ว่า อนาคตข้างหน้าของเธอจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาด เหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้อีกหรือไม่ แต่ด้วยเพราะได้ไปฝึกปฏิบัติธรรมมาแล้ว เธอจึงพยายามฝึกตัวเองให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พยายามอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบันเท่านั้น พยายามไม่คิดถึงอดีต หรือเพ้อฝันถึงอนาคต เพราะยังจำได้ถึงคำสอนของพระอาจารย์ที่สอนไว้ว่า
“ อดีตนั้นฝ่านเลยไปแล้ว ไม่มีทางย้อนกลับคืนมา ส่วนเรื่องของอนาคต ก็ไกลเกินกว่าที่จะคาดถึง การจดจำอดีตและการคิดถึงอนาคต แม้จะมีความสำคัญแต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจิตของคนเราชอบที่จะคิดย้อนไปถึงอดีต โดยเฉพาะอดีตที่ขมขื่น ปวดร้าว คิดคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต คิดเพ้อฝัน คิดวาดวิมานในอากาศ ดังนั้นจิตจึงไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบัน มักจะย้อนไปสู่อดีต หรือคิดถึงเรื่องในอนาคตอยู่ตลอดเวลา คนเหล่านี้จึงแทบจะไม่ได้พบความสุขจากความสงบ”

เกตุดาราเข้าใจแล้วว่า คนทั่วไปที่มีลักษณะเช่นนี้ จึงไม่ใคร่ได้สัมผัสกับ ความสุขจากความสงบ แต่จะมีความรู้สึกเร่าร้อนและทุกข์ทรมานอยู่เสมอ ดังนั้นพระอาจารย์จึงสอนให้ พยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยทุกวันจะต้อง
“ คิดดี พูดดี ทำดี และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”
ทว่า มันก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ที่จะไม่คิดย้อนอดีต จะสำเร็จได้ในบางครั้ง ก็ต้องใช้โยนิโสมนสิการ ซึ่งก็คือการคิด พิจารณาไตร่ตรอง ว่า สิ่งที่จะทำลงไปนั้นสมควร เหมาะสมหรือไม่ และอาศัยกัลยาณมิตร โดยการปฏิบัติตามคำสอนของพระอาจารย์ เกตุดาราจึงเห็นทางออกจากความทุกข์ใจได้ ในที่สุด โดยการที่จะไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท เพราะการเรียนจะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เธอได้อยู่กับปัจจุบัน แล้วขณะเดียวกัน เธอก็จะทำให้ความฝันเป็นจริงเสียที เพราะเธอจะได้มีโอกาสไปเที่ยวกรุงโรม ได้ชมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ชมนครรัฐวาติกัน ไปเที่ยวชมน้ำพุเทรวี่ ที่มีกลุ่มประติมากรรมหินอ่อนประดับอาคาร น้ำพุที่ถูกเลื่องลือชื่อว่าสวยที่สุดในกรุงโรม และสวยที่สุดในโลก ชมรูปปั้นประติมากรรมเทพเจ้าโพไซดอน ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร

แต่ลึกๆในใจเธอ เกตุดาราก็ยังคงแอบหวังว่า จะได้พบกับ เทพบุตรสุดหล่อ เจ้านาเคนทร์นาคราช ของเธออีกสักครั้ง พบกันคราวนี้ เขาจะจำเธอได้หรือยังเอ่ย เธอรำพึงรำพันในใจ

คุณพ่อกับคุณแม่มารอรับอยู่ที่สนามบินเลโอนาร์โด ดาวินชี ห่างจากกรุงโรมไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ สามสิบกิโลเมตร ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วจึงได้พบกัน คุณพ่อทักทายด้วยการกอดลูกสาวสุดที่รักคนเดียวแล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ แล้วคุณแม่ก็กอดบ้าง ก่อนเพ่งพิศใบหน้านวลผ่อง งามแอร่มแช่มช้อยของบุตรสาว กล่าวชื่นชม ว่าสวยเหมือนรูปวาดนางฟ้า แต่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา เพราะดูไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเดิม ดูเศร้าสร้อยพิกลอยู่

เกตุดารารีบเปลี่ยนบรรยากาศ โดยเอ่ยแกมขอร้องว่า
“ คุณพ่อ คุณแม่ พาเกดเที่ยวชมกรุงโรมพรุ่งนี้เลยได้ไหมคะ ? เกดอยากไปชมโบสถ์เซนต์ปีเตอร์”
คุณแม่ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์มาก่อน ก็เอาใจเธอ รับปากว่าพรุ่งนี้จะพาไป แล้วบรรยายให้ฟังย่อๆ
“ กรุงโรมเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอ และของประเทศ ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศอิตาลี่ โรมเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะเป็นที่ตั้งของนครวาติกันด้วย โรมเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า สองพันแปดร้อยปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ด ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรในอดีตมากมาย เช่น ราชอาณาจักรโรมัน สาธารณรัฐโรมัน และจักรวรรดิโรมัน อีกทั้งโรมยังเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก ในอดีตเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
“ แค่ได้ฟังคุณแม่เล่าย่อๆ เท่านี้ เกดก็ชักอยากเที่ยวชมกรุงโรมเสียแล้ว พรุ่งนี้คุณแม่พาเกดเที่ยวให้ทั่วเลยได้ไหมคะ?”
“ ได้จ้ะ ลูกรัก แต่วันนี้หนูเดินทางมาถึง ท่าทางดูอิดโรย พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนนะ แล้วแม่กับคุณพ่อจะพาเที่ยวให้ทั่วเลย”
คุณแม่เอาอกเอาใจ ลูบหลังลูบไหล่บุตรสาวสุดที่รัก ฝ่ายคุณพ่อก็กุลีกุจอ ช่วยยกกระเป๋าเดินทางไปขึ้นรถด้วยท่าทางดีอกดีใจ เป็นสุขกันทั้งสามคน พ่อ แม่ ลูก พาลูกสาวสุดที่รักเดินทางกลับที่พักกัน

ช่วงที่เกตุดาราไปถึงประเทศอิตาลี่นั้น อากาศกำลังสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ ๑๒ องศาเซลเซียส ด้วยต้องใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพมหานคร และเดินทางเข้าที่พักเป็นเวลานานมากกว่า สิบชั่วโมง อีกทั้งเมื่ออยู่บนเครื่องบิน เกตุดาราแทบจะไม่ได้หลับเลย เมื่อเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง กินอาหารบนเครื่องบินได้น้อย พอมาถึงบ้านพัก อาบน้ำและรับประทานอาหารว่างรองท้อง นอนพักผ่อน แล้วจึงหลับสนิทไปทันที

เกตุดารตื่นขึ้นตอนสายของเช้าวันใหม่ หลังจากสลัดความง่วงทิ้งไป พร้อมๆ กับนึกทบทวนความจำ
“ นี่ เรามานอนอยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี่แล้วหรือ ไม่ได้ฝันไปนะ” นึกขึ้นได้จึงรีบกระโดลงจากเตียง พร้อมกับอุทานเสียงดัง เมื่อเหลือบดูนาฬิกา ใกล้จะเก้านาฬิกา

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็เดินตามหาพ่อและแม่ไปทั่วบ้าน แต่ไม่พบใครสักคน ทั้งๆที่เป็นวันหยุด มองไปมองมา นึกว่าจะเปิดโทรทัศน์ดูข่าว พลันก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ต ที่เขียนข้อความวางไว้ใต้ที่ทับกระดาษ ใจความว่า
“ คุณพ่อมีแขกคนสำคัญจากเมืองไทย ต้องรีบไปต้อนรับ โดยคุณแม่ต้องติดตามไปคอยต้อนรับด้วย ให้เกตุดาราช่วยตัวเองไปก่อน ในห้องครัวมีอาหารสด อาหารแห้งทุกอย่าง หรือจะกินอาหารเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้ก็ได้ แล้วเย็นนี้พบกันนะลูกรัก”

เกตุดารามิได้นึกโกธรคุณพ่อกับคุณแม่ เพราะเคยชินเสียแล้ว กับชีวิตที่ต้องเกิดมาเป็นลูกของนักการทูตอย่างคุณพ่อ ตั้งแต่เด็ก เกือบทุกวัน ที่เธอต้องอยู่บ้านกับคุณป้า เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปงานรีเซ็บชั่น กว่าจะกลับถึงบ้านก็สี่ห้าทุ่ม หรือไม่ก็ต้องไปงานเลี้ยงรับรอง

ชีวิตเช่นนี้ ทำให้เธอสามารถช่วยตัวเองได้เร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน กลายเป็นคนที่รักความเป็นอิสระ และเพราะคุณป้าสงสารหลานที่แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดพ่อกับแม่อย่างที่ควร คุณป้าก็เลยตามใจชอบพาไปเที่ยว เธอก็เลยชอบท่องเที่ยว ชอบชีวิตที่ต้องผจญภัย

การที่ได้ท่องเที่ยวไปในหลายประเทศ ทำให้เธอได้เปิดโลกทัศน์ ขณะเดียวกันก็ได้พบเห็นเหตุการณ์ลี้ลับต่างๆ ที่ยังคงพิสูจน์ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงตัดสินใจโดยบอกตัวเองว่า
“ ดีละ เดี๋ยวกินข้าวแล้ว จะออกไปตะลุยกรุงโรมคนเดียว ไปชมน้ำพุเทรวี่ จะไปโยนเหรียญด้วยมือขวา ข้ามบ่าซ้ายลงไปในน้ำ เพื่อว่าในอนาคต จะได้มีโอกาสกลับมาที่กรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง ตามความเชื่อที่มีมานานแสนนาน คงจะสนุกและน่าตื่นเต้นดี” เธอนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจอยู่คนเดียว

เธอเลือกใช้บริการของบริษัทนำเที่ยว โดยเลือกรายการที่สั้นที่สุดใช้เวลาเพียง สามชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องพาหนะ และต้องการจะกลับมาบ้านก่อนที่คุณพ่อและคุณแม่จะกลับมา เธอจึงเลือกรายการไปชม น้ำพุเทรวี่ ก่อน
น้ำพุนี้ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของกรุงโรม หรืออาจจะมีชื่อเสียงที่สุดของโลกก็ว่าได้
มัคคุเทศก์ที่นำเที่ยวบรรยายให้ฟังว่า
“ น้ำพุนี้ถือเป็นงานศิลปะชิ้นเอก ออกแบบเป็นกลุ่มรูปปั้นประติมากรรมหินอ่อน ประดับอาคารสวย เป็นน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงโรม ที่เด่นสะดุดตามากที่สุดก็คือ ประติมากรรมหินอ่อนรูปเทพเจ้า โพไซดอน ผู้เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค สร้างตรงจุดที่มีท่อส่งน้ำ เข้ามายังกลางกรุงโรม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.๑๗๖๒ สาเหตุที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็เพราะ เคยเป็นฉากอาบน้ำ ในภาพยนตร์คลาสสิกซึ่งเป็นที่รู้จักดีของแฟนหนังสมัยก่อนเรื่อง “ ลาโดลเซวิตา” แต่จริงๆแล้ว เขามีกฎห้ามลงไปเล่นน้ำในน้ำพุอย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังห้ามลงไปหยิบเหรียญที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากนำมาโยนทิ้งลงไปในน้ำพุ

เงินเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการกุศลเท่านั้น เนื่องจากจะได้เงินเป็นล้านยูโรทีเดียวในแต่ละปี ที่นักท่องเที่ยวนำมาโยนลงไปในน้ำพุแห่งนี้ โดยต้องหันหลังโยนเหรียญด้วยมือขวาข้ามบ่าซ้าย ให้ลงไปในน้ำให้สำเร็จ ถ้าทำได้ตามความเชื่อที่มีมานานแสนนาน ก็หมายความว่าผู้ที่โยนเหรียญคนนั้น จะได้กลับมากรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง”

เกตุดาราจ้องมองประติมากรรมหินอ่อนรูปเทพเจ้าโพไซดอน และประติมากรรมของทั้งบุรุษและสตรี ที่ฝังอยู่ในช่องผนังอาคาร มีการแกะสลักเป็นรูปม้าด้วยนั่งอยู่เบื้องล่างใกล้กับเทพเจ้าโพไซดอน ม้าที่มีหน้าตาอ่อนโยน ดูเชื่องและชาญฉลาด นั่งยกสองขาอยู่ดูน่ารักดี

นอกจากนี้ยังมีการแกะสลักประติมากรรมหินอ่อนอีกหลายรูป ซึ่งเธอไมรู้ว่าเป็นรูปของเทพเจ้าหรือเทพธิดาองค์ใด แต่ละรูปปั้นเป็นประติมากรรมที่ล้วนสวยงามอย่างยิ่ง ถ้าเป็นสตรีก็จะอ่อนช้อย งดงาม หาที่ติมิได้ ถ้าเป็นบุรุษ ก็จะแสดงให้เห็นถึงกล้ามเนื้อต่างๆ เหมือนจริง มีสัดส่วนถูกต้องตามธรรมชาติ เห็นเด่นชัดแม้กระทั่งอาภรณ์ที่หุ้มห่อร่างกายเป็นริ้วแบบโรมัน ช่างเป็นงานประติมากรรมชิ้นเอกจริงๆ ทั้งที่สลักจากหินอ่อนแท้ ๆ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ ที่ทำได้งดงาม ยิ่งใหญ่อลังการอย่างน่าพิศวงเช่นนี้
เธอยืนชื่นชมน้ำพุเทรวี่อย่างตื่นตาตื่นใจ น้ำพุเทรวี่นี่เอง ทำให้เธอได้ตระหนักและประจักษ์กับตาตนเองว่า อันมนุษย์นั้น ทุกคนมีศักยภาพมากมาย อาจจะแตกต่างกันไปตามความสนใจ ความถนัด หรือความสามารถพิเศษ และถ้าทุกคนมีโอกาสได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง แล้วใช้ศักยภาพให้เต็มที่ ใช้ให้เต็มร้อย โลกของเราก็คงจะมีสิ่งมหัศจรรย์จากฝีมือมนุษย์ ฝากไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้สัมผัสได้ชื่นชมอีกมากมายมหาศาล
แต่เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกิน ที่ยังมีคนส่วนใหญ่อีกกว่าห้าสิบเปอร์เซ็น ที่ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง
เกตุดาราจำได้ว่าเธอเคยอ่านบทความเรื่อง “ การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์” และบทสรุปจากผลการวิจัยว่า คนส่วนใหญ่ ใช้ศักยภาพของตนเองเพียงแค่สามสิบกว่าเปอร์เซ็นเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนั้นคือไม่ได้ใช้ให้เต็มตามศักยภาพที่ตนมีอยู่ อาจจะมีสาเหตุมาจาก ความไม่อดทน ความเกียจคร้าน หรือการปลูกฝังค่านิยมในสังคมที่ผิด เช่นการที่พ่อแม่รักลูกมาก เอาใจลูกมากเกินไป ไม่เคยฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเองบ้าง ยิ่งคนที่มีฐานะดี ยิ่งมักจะปลูกฝังลูกให้โตขึ้นมาเป็นเจ้าคนนายคน จึงไม่เคยทำงานหนัก ไม่ช่วยทำงานบ้าน ช่วยตัวเองไม่ได้แม้แต่งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เช่นการกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำความสะอาด ต้องมีคนคอยรับใช้ตลอด ดีแต่เรียนเก่งอย่างเดียว ซึ่งนอกจากจะเสียโอกาสในการค้นหาศักยภาพของตัวเองแล้ว ยังอาจจะช่วยตัวเองไม่ได้เมื่อไม่มีคนคอยรับใช้และให้บริการ

เธอนึกขอบคุณโชคชะตาชีวิตของตนเอง และนึกขอบคุณทั้งบิดาและมารดา ที่ฝึกให้ลูกรู้จักช่วยตัวเองตั้งแต่เล็ก อีกทั้งต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมของแต่ละประเทศ ที่คุณพ่อย้ายไปเป็นทูต ด้วยเหตุนี้เธอจึงสื่อสารได้ดี ทั้งการ ฟัง พูด อ่านและเขียนได้ถึงสามภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาจีนกลาง และภาษาอังกฤษ แถมยังฟังและพูดภาษาอิตาเลียน ได้รู้เรื่อง เพราะเคยมีเพื่อนสนิทเป็นชาวอิตาลี เมื่อตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติในระดับมัธยมศึกษา แสดงว่าตัวเธอเองต้องมีศักยภาพในด้านการใช้ภาษาได้ดีกว่าคนทั่วไป และไม่แน่นะ เธออาจจะฟังภาษาพูดของพญานาคได้รู้เรื่องด้วย เกตุดารานึกแล้ว ก็อดยิ้มขำความคิดของตัวเองไม่ได้ ในที่สุดจึงตัดสินใจว่าจะโยนเหรียญลงไปในน้ำให้สำเร็จตามความเชื่อเดิม ขณะยืนชมน้ำพุ
“ ได้การแล้ว จะต้องโยนเหรียญลงไปในบ่อน้ำพุเสียหน่อย โดยจะอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่นี่อีก ต่อไปในภายภาคหน้า เพื่อว่าจะได้มาท่องเที่ยวกับ ท่าน “ เทพเจ้าอพอลโล” ของฉัน”

เธอคิดพลางใจก็กระหวัดถึง บุรุษหนุ่มที่มีดวงหน้างามราวกับเทพเจ้า ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีมรกต
“ อีกนานแค่ไหนนะ เราจึงจะได้พบกัน” เธอรำพึงกับตัวเอง

วันนั้น มีนักท่องเที่ยวแน่นขนัดไปหมด เธอพยายามหาช่องว่างเพื่อที่จะเบียดแทรกตัวไปยืนให้ชิดกับแนวราวเหล็กที่กั้นเป็นขอบของบ่อน้ำพุด้านล่างสุดให้ได้ เพราะจะโยนเหรียญได้สะดวก โดยจะต้องยืนหันหลังและพยายามให้หลังพิงกับราวเหล็ก ที่กั้นเหนือแนวขอบของบ่อน้ำพุ เพื่อให้มั่นใจจริงๆว่า เหรียญจะลงไปในน้ำได้สำเร็จ เพราะถ้าโยนจากลานชั้นบนตรงที่ที่เธอยืนอยู่เดิม เหรียญคงไม่ตกลงไปในน้ำเป็นแน่เพราะ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยงยืนขวางอยู่หลายคน

แม้ว่าจะพยายามแทรกตัวอย่างไร เธอก็ยังไม่มีโอกาสไปถึงที่หมายที่เล็งเอาไว้ได้ เพราะนักท่องเที่ยวแออัดไปหมด อีกทั้งยังต้องคอยระวังกระเป๋าถือ เพราะไกด์เตือนว่าให้คอยระวังอยู่เสมอ เนื่องจากมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่กับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คอยล้วงกระเป๋าแอบหยิบหรือกรีดเอาเงินและของมีค่าไป

ขณะที่กำลังละล้าละลัง ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะหาทางโยนด้วยวิธีใด พลันเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มนวล คุ้นหู เป็นภาษาไทยอยู่ใกล้ ๆ เขาคนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ ถ้าเธอไม่เงยหน้าขึ้นไปมองก็ คงไม่เห็นใบหน้า แต่เธอก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง เพราะจังหวะเดียวกันนั้นเอง ที่เขาผู้นั้นเบี่ยงตัวจากการยืนอยู่ชิดราวเหล็กที่กั้นเหนือแนวขอบบ่อน้ำด้านล่างสุด พร้อมกับบอกให้เธอแทรกตัวเข้าไปแทนที่ตรงตำแหน่งเดิมของเขา เพื่อที่เธอจะโยนเหรียญได้สะดวก

เกตุดาราดีใจมาก เอ่ยปากบอกขอบคุณเขาไป พร้อมกับก้มศีรษะแสดงความขอบคุณจากใจอีกครั้งหนึ่ง รีบทำตามที่เขาเอื้ออาทร ทั้งๆที่ใจยังนึกสงสัยว่า เขารู้ใจเธอได้อย่างไร แต่ความตั้งใจที่จะโยนเหรียญมีมากกว่าความสงสัย โอกาสดีอย่างนี้คงไม่มีเป็นครั้งที่สองหรอก เธอกำเหรียญในมือแน่น ยืนหันหลัง เอาหลังพิงราวเหล็ก มั่นใจดีแล้ว ก็จัดการโยนเหรียญด้วยมือขวา ข้ามบ่าซ้ายลงไปในน้ำได้สำเร็จ
“ ไชโย จะได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งแน่แล้ว” เธอนึกในใจ เหตุที่รู้ว่าสำเร็จ ก็เพราะได้ยินเสียงทุ้ม นุ่ม เมื่อครู่ ที่ให้โอกาสกับเธอ เขาผู้นั้นออกปากร้องชื่นชมเบาๆ ว่า
“ เยี่ยมมาก สำเร็จแล้ว ยินดีด้วยนะครับ”

เกตุดาราหันขวับ แหงนหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่กล่าวชมเธอ ฉับพลันพอเห็นหน้าเขาชัด เกตุดาราก็ตะลึง อ้าปากกว้าง เบิ่งตาโต อุทานเบาๆว่า
“ ท่านนั่นเอง เทพเจ้าอพอลโล แต่เอะ! หรือว่าท่านคือ นาเคนทร์นาคราช”
นาเคนทร์นาคราชก้มศรีษะ เป็นเชิงยอมรับ
“ ดาว ดาวน้อยของพี่ เกตุดาราเธอจำพี่ได้แล้วหรือ? พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือเธอ จูงพาเดินออกมาจากฝูงชน ที่มาเที่ยวชมน้ำพุเทรวี่ เกตุดาราก็เดินตามต้อยๆไปเรื่อยๆ คล้ายต้องมนต์สะกด รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่า ทั้งเธอและนาเคนทร์นาคราชมายืนอยู่ตรงบันไดสเปน หรือ Spanish Stairs อันลือลั่นทั่วโลก เพราะบันไดนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ทั้งหลาย เมื่อตั้งสติได้ เธอก็ขอโทรศัพท์แจ้งแยกทางกับหัวหน้าทัวร์ที่เธอซื้อทัวร์มากับเขาก่อน เพื่อที่จะได้ใช้เวลากับนาเคนทร์นาคราชได้เต็มที่
จัดการเรื่องของเธอเสร็จเรียบร้อย ก็เหลียวมองหาคนที่ใจใฝ่ถวิลหามาเป็นแรมเดือน เลือดในกายฉีดแรง จนแก้มแดงปลั่งเหมือนผิวมะปรางสุกขึ้นทันที เมื่อมองสบตากันและกัน
เกตุดาราเกือบเคลิ้ม เมื่อสบตาหวานหวาม สื่อประกายรักใคร่มากมายของนาเคนทร์นาคราช
“ เพียงหวานตา หวานพาชื่นใจ ความหวาน ตาลต้นไหน หวานใดเปรียบ เทียบความหวานตา”

ใครหนอแต่งเพลงนี้ จริงเสียด้วย แค่สบตากัน ก็ซึ้งไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เกตุดารารู้ตัวทันที เธอตกหลุมรัก เจ้านาเคนทร์นาคราชเสียแล้ว จนยากที่จะถอนตัว !

รักอีกครั้งหนึ่ง รักอีกครั้งหลังจากเคยรักกันเนิ่นนานมาแล้ว จากอดีตชาติตามที่แม่นาคินี เคยเล่าให้ฟัง เมื่อครั้งที่เธอไปปฏิบัติธรรมที่วัดที่เมืองกาญจน์ เกตุดารานึกในใจ ขณะทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างนาเคนทร์นาคราชบนขั้นบันไดสเปน
รักย่อมเข้าใจในรัก ทั้งสองแทบจะไม่ได้พร่ำพลอดคำหวานใดๆ ต่อกันเลย เพียงแค่นั่งกุมมือกันและกัน พลางสบตากันเป็นครั้งคราว ก็เป็นสุขล้นเหลือ เกินจะสรรหาถ้อยคำมาบรรยาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2011, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ค. 2006, 22:43
โพสต์: 29

โฮมเพจ: http://www.thaimillionaire.net
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพ

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ่านแล้วเคลิ้มเลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร