วันเวลาปัจจุบัน 14 ต.ค. 2024, 05:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

แม่ไก่ฟังธรรม
:: พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ)

จากหนังสือธรรมะของ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙) ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ท่านนำออกมาจากพระไตรปิฏกอีกทีหนึ่ง และชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เจริญสมถกรรมฐาน จนได้ฌานไปเกิดอยู่ในพรหมโลกแล้ว เมื่อหมดบุญก็สามารถกลับมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานได้อีก

มีเรื่องเล่าไว้ว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ มีแม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในที่ใกล้อาสนะศาลา แม่ไก่ตัวนั้นได้ฟังเสียงประกาศธรรมของภิกษุ ผู้เป็นนักปฏิบัติธรรมรูปหนึ่ง กำลังสาธยายเรื่องวิปัสสนากรรมฐานอยู่ ขณะนั้นเอง เหยี่ยวตัวหนึ่งบินมาโฉบเอาแม่ไก่ไปกินเสีย พอแม่ไก่ตัวนี้ตายไปในขณะที่ฟังธรรมอยู่ จึงได้เกิดมาเป็นพระราชธิดานามว่า อุพพรี และได้ออกบวชในสำนักของปริพาชิกาทั้งหลาย

วันหนึ่งนางได้เข้าไปสู่ในเว็จกุฎี (ห้องส้วม) ทอดพระเนตรเห็นหมู่หนอนแล้วได้เจริญสมถกรรมฐานโดยเอาหนอนเป็นอารมณ์ เรียกว่า ปุฬุวกสัญญา ได้บรรลุปฐมฌาน เพราะสามารถฝึกสมาธิจนได้ฌาน

ตายจากชาตินั้นจึงได้ไปเกิดในพรหมโลก อยู่บนนั้นเสียนาน ตายแล้วมาเกิดในตระกูลเศรษฐี จากนั้นก็ตายไปเกิดเป็นลูกนางสุกรในกรุงราชคฤห์ ซึ่งเป็นกาลแห่งพระพุทธเจ้าของเรานี้ พระบรมศาสดาได้ทอดพระเนตรเห็นลูกนางสุกรตัวนั้น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์เถระจึงได้ทูลถาม พระพุทธองค์จึงได้ตรัสตอบข้อความนั้นทั้งหมด (คือเล่าตั้งแต่แม่ไก่มาถึงลูกนางสุกร) ภิกษุทั้งหลายมีพระอานนท์เป็นประมุขได้สดับเรื่องนั้นแล้ว ต่างพากันสังเวชสลดใจเป็นอันมาก

พระศาสดายังความสังเวชสลดใจให้เกิดแก่ภิกษุเหล่านั้นแล้ว จึงประกาศโทษแห่งราคะตัณหา ทั้งๆ ที่ประทับยืนอยู่ในระหว่างถนนนั่นเอง ท่านตรัสเป็นพระคาถาแปลเป็นใจความว่า “ต้นไม้เมื่อรากไม่มีอันตราย ยังมั่นคง ถึงจะถูกบุคคลตัดแล้ว รากก็ยังขึ้นได้อีก แม้ฉันใดทุกข์นี้ก็ฉันนั้น”

คือเมื่อตัณหานิสัยอันบุคคลยังขจัดไม่ได้แล้ว ย่อมเกิดขึ้นได้อยู่ร่ำไปเหมือนกันอย่างนั้นหมู่สัตว์เกิดตัณหาผู้ทำความดิ้นรนล้อมไว้แล้ว ย่อมกระเสือกกระสนเหมือนกระต่าย ที่นายพรานดักได้แล้วนั้น เพราะเหตุนั้นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร หวังธรรมเป็นที่สำรอกกิเลสแก่ตนพึงบรรเทา พึงกำจัด พึงนำออก พึงละตัณหา ผู้กระทำการดิ้นรนนั้นเสียด้วยญาน มีโสดาปัตติมรรคญาน เป็นต้นดังนี้

ฝ่ายลูกนางสุกรตัวนั้น ตายจากชาตินั้นแล้วได้ไปเกิด ในราชตระกูลในสุวรรณภูมิ ไปเกิดในกรุงพาราณสี เกิดในเรือนพ่อค้าม้าที่ท่าสุปปารกะเกิดในเรือนของกฎุมพีชื่อสุมนะ ในเภกกันตคาม มีชื่อว่าสุมนา ต่อมาบิดาย้ายไปสู่แคว้นทีฆวาปีอยู่ในหมู่บ้านชื่อมหามุนีคาม อำมาตย์ของพระเจ้าทุฏฐคามณี นามว่า ลกุณฏอติมพระไปที่หมู่บ้านนั้นด้วยกิจบางอย่าง เห็นนางสุมนาแล้วเกิดรักใคร่ จึงทำการมงคลให้อย่างใหญ่โต และได้พานางไปสูบ้านมหาปุณณคาม

ครั้งนั้นพระมหาอตุลเถระเที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านนั้น ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของนาง เห็นนางแล้วจึงกล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า “ผู้มีอายุทั้งหลายลูกนางสุกรถึงความเป็นภรรยาของอำมาตย์ชื่อลกุณฏอติมพระแล้ว โอ.....น่าอัศจรรย์จริง”

นางสุมนาเมื่อได้ฟังคำของพระเถระแล้ว สามารถระลึกชาติในอดีตได้ทันทีและเกิดความสลดสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง อ้อนวอนสามีขอบวชในสำนักพระเถรีผู้ประกอบด้วยพละ๕ ด้วอิสริยยศชั้นสูงได้ฟังกถาพรรณนามหาสติปัฏฐานสูตรในติสสมหาวิหาร ได้สำเร็จโสดาปัตติผล

ภายหลังเมื่อพระเจ้าทุฏฐคามณีทรงปราบทมิฬได้แล้ว พระนางสุมนาเถรีได้เดินทางไปสู่บ้านเภกกันตคามซึ่งเป็นที่อยู่ของมารดาบิดา ขณะอยู่ในบ้านนั้นได้ฟังอาสีวิสูปมสูตรในกัลลกมหาวิหาร จนบรรลุพระอรหันต์ในวันปรินิพพาน นางอันพวกภิกษุณีได้ถามแล้วได้เล่าประวัติทั้งอย่างละเอียดแก่ภิกษุณีสงฆ์ แล้วสนทนากับพระมหาติสสเถระ ผู้กล่าวบทแห่งธรรม ผู้มีปกติอยู่ในมณฑลาราม ณ ท่ามกลางภิกษุสงฆ์ผู้ประชุมกันแล้วกล่าวว่า

“ในกาลก่อน ข้าพเจ้าตายจากมนุษย์แล้วเกิดเป็นแม่ไก่ ถูกเหยี่ยวตัดศีรษะในอัตตภาพนั้น ได้ไปเกิดในกรุงราชคฤห์ แล้วออกบวชในสำนักของปริพาชิกาทั้งหลายเจริญสมถกรรมฐานได้บรรลุปฐมฌาน ตายไปแล้วบังเกิดในพรหมโลก แล้วมาเกิดในตระกูลเศรษฐี ตายจากนั้นแล้วไปเกิดเป็นสุกร แล้วไปเกิดในสุวรรณภูมิ.....ตายจากนั้นไปเกิดที่บ้านเภกันตคาม ข้าพเจ้าได้เกิดถึง ๑๒ อัตตภาพ อันสูงๆ ต่ำๆ ด้วยประการฉะนี้ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เกิดในอัตตภาพอันอุกฤษฏ์ ขอให้ท่านทั้งหลายแม้ทั้งหมดจงยังธรรมที่เป็นกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”

ดังนี้ได้ยังบริษัท ๔ ให้สังเวชสลดใจ แล้วปรินิพพาน


>>> จบ >>>
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2177

:b50: :b49: :b50: ประวัติและปฏิปทา
พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ)

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=19975

:b50: รวมคำสอน “พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ)”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49279

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2015, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1013


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบสาธุๆๆ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2022, 13:47 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2885


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร