วันเวลาปัจจุบัน 21 ม.ค. 2025, 19:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2024, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8443


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_20241004_181700_TikTok.jpg
Screenshot_20241004_181700_TikTok.jpg [ 174.68 KiB | เปิดดู 876 ครั้ง ]
เรื่องตายเกิดเกี่ยวกับสุคติปฏิสนธิ
อนึ่ง สำหรับบุคคลผู้ตั้งอยู่ในทุคติภูมิ ผู้มีกรรมอันไม่มีโทษได้สั่งสมไว้
คำทั้งปวงบัณฑิตพึงทราบตามนัยก่อนนั่นแหละ ใครบรรจุคำฝ่ายขาวลงแทนในคำฝ่ายดำ
กรรมอันหาโทษมิได้นั้นบ้าง กรรมนิมิตบ้าง ย่อมมาสู่คลองในมโนทวาร ดังนี้ ตามนัย
ที่กล่าวไว้แล้วนั่นแหละ

นี้เป็นอาการเป็นไปแห่งสุคติปฏิสนธิ ที่มีอารมณ์เป็นอดีตและเป็นปัจจุบัน ในลำดับ
แห่งทุคติจุติอันมีอารมณ์เป็นอดีต.
ในทำคำว่า บรรจุคำฝ่ายขาวลงแทนในทำฝ่ายดำ นี้ มีความว่า
บัณฑิตพึงหราบคำทั้งปวงที่เหลือ โดยบรรจุคำฝ่ายขาวอย่างนี้ว่า ปฏิสนธิจิตอันนับเนื่องใน,
สุคติภูมิ มีนิมิตแห่งสุคติภูมิ กล่าวคือวรรณรูปเป็นท้องมารดา เหมือนกับผ้ากัมพลแดงใน
มนุษยโลก หรือมีนิมิตแห่งสุคติภูมิ กล่าวคือวรรรณรูปเป็น อุทยาน วิมาน ต้นกัลปพฤกษ์
เป็นต้น ในเทวโลก ดังนี้ ลงแทนในฝ่ายดำ ที่ท่านกล่าวไว้ว่า "อนึ่ง ปฏิสนธินับเนื่องในทุคติ
มีนิมิตแห่งทุคติเป็นวรรณรูปของเปลวเพลิงเป็นต้น ในนรดเป็นต้น" เหมือนดังที่ท่านกล่าว
ฝ่ายขาวว่า กรรมอันหาโทษมิได้บ้าง กรรมนิมิตบ้าง ดังนี้ แทนลงในฝ่ายตำที่ท่านกล่าวไว้
ว่า "บาปกรรมบ้าง กรรมนิมิตบ้าง" ดังนี้ฉะนั้น

คำว่า สุคติปฏิสนธิที่มีอารมณ์เป็นอดีตและเป็นปัจจุบัน ความว่า มีอารมณ์เป็น
อดีต ด้วยอำนาจกรรมและกรรมนิมิต มีอารมณ์เป็นปัจจุบัน ด้วยอำนาจนินิมิตในสุคติภูมิ
มีวรรณรูปเป็นท้องมารดาเป็นต้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2024, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8443


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_20241009-080413_TikTok.jpg
Screenshot_20241009-080413_TikTok.jpg [ 356.35 KiB | เปิดดู 431 ครั้ง ]
อธิบาย เรื่องตายเกิดเกี่ยวกับสุคติปฏิสนธิอีกนัยหนึ่ง

[๖๒๕] อนึ่ง สำหรับบุคคลผู้ตั้งอยู่ในสุคติภูมิ ผู้มีกรรมอันไม่มีโทษได้สั่งสมไว้
นอนอยู่บนเตียงอันเป็นที่ตาย กรรมอันหาโทษมิได้ตามที่ตนได้ก่อไว้บ้าง กรรมนิมิตบ้าง
ย่อมมาสู่คลองในมโนทวาร โดยพระบาลีมีอาทิว่า "ในสมัยนั้น กรรมทั้งหลายที่ทำไว้ก่อน
นั้น คล้องรอยู่แก่บุคคลนั้น" ดังนี้ ก็แต่ว่าข้อที่กระทำความไม่กำหนดไว้ว่า อนวัชชกรรม
กรรมนิมิตมาสู่คลองในมโนทวารดังนี้นั้นแล ก็เฉพาะสำหรับบุคคลผู้มีอนวัชชกรรม
ฝ่ายกามาวจรที่ได้สั่งสมไว้เท่านั้น ส่วนสำหรับผู้มีมหัคคตกรรมที่ได้สั่งสมไว้ มีแต่กรรม
นิมิตอย่างเดียวย่อมมาสู่คลอง จุติจิตกระทำอารมณ์แห่งภวังค์ให้เป็นอารมณ์ เกิดขึ้นใน
ลำดับแห่งชวนวิถีที่มีตทารัมมณะเป็นที่สุด หรือแห่งชวนวิถีล้วน ที่ปรารภกรรมหรือกรรม
นิมิตนั้นกิดขึ้น เมื่อจุติจิตนั้นดับไปแล้ว ปฏิสนจิตที่นับเนื่องในสุคติภูมืที่กำลังแห่งกิเลสที่
ยังตัดไม่ได้ ชักนำถลำไป ปรารภกรรมหรือกรรมนิมิตที่มาสู่คลองนั้นแลเกิดขึ้น
นี้เป็นปฏิสนธิที่เป็นอดีตารมณ์บ้าง นวัตตัพพารมณ์บ้าง ในลำดับแห่งแห่งจุติที่เปิน
อตีตารมณ์.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2024, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8443


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_20241005_081839_TikTok.jpg
Screenshot_20241005_081839_TikTok.jpg [ 158.23 KiB | เปิดดู 814 ครั้ง ]
ในมรณสมัยของบุคคลผู้ได้สั่งสมอนวัชชกรรมไว้อีกคนหนึ่ง สุคตินิมิต กล่าวคือ
วรรณรูปเป็นท้องมารดาในมนุษยโลกบ้าง กล่าวคือวรรณรูปเป็น อุทยาน วิมาน ต้นกัลป-
พฤกษ์ เป็นตัน ในเทวโลกบ้าง มาสู่คลองในมโนทวารด้วยอำนาจแห่งอนวัชชกรรมที่เป็น
กามาวจรปฏิสนธิจิต ย่อมเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นในลำดับแห่งจุติจิต โดยลำดับที่ได้แสดงไว้
แล้วในทุคตินิมิตนั่นแหละ
นี้เป็นปฏิสนธิที่เป็นปัจจุปันนารมณ์ ในลำดับแห่งจุติที่เป็นอตีตารมณ์
ในมรณสมัยของบุคคลอีกผู้หนึ่ง พวกญาติพูดว่า "นี่แน่แน่ะฟอ พุทธบูชานี้เรานี้เพื่อ
ประไยชน์แก่ท่าน ขอท่านจะทำจิตให้เลื่อมใสเถิด" ดังนี้ แล้วน่าเอารูปารมณ์โดยเป็นเครื่อง
บูชามีพวงดอกไม้และธงแผ่นผ้าเป็นต้นบ้าง สัททารมณ์โดยเป็นการฟังธรรมและบูชาด้วย
ดนตรีเป็นต้นบ้าง คันธารมณ์โดยเป็นกลิ่นธูปและเครื่องอบเป็นต้นบ้าง รสารมณ์โดยเป็น
เครื่องลิ้มมีน้ำผึ้งและน้ำอ้อยเป็นต้นบ้าง "นี่แน่ะพ่อ ขอเชิญลิ้มนี้เถิต เป็นไทยธรรมที่เรา
พึงให้เพื่อประโยชน์แก่ท่าน" ดังนี้ โผฏฐัพพารมณ์โดยเป็นผ้าจีนและผ้าโสมารเป็นต้น กล่าว
ว่า "นี่แน่ะพ่อ ขอเชิญท่านสัมผัสนี้ดู เป็นไทยธรรมที่เราพึงให้เพื่อประโยยน์แก่ท่าน" ดังนี้
เข้าไปในทวารทั้ง ๕ ชวนะ ๕ เพราะความเป็นจิตมีกำลังอ่อนด้วยความที่มรณะใกล้เข้ามา
ตทารัมมณะ ๒ ย่อมเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้น ในที่สุดแห่งโวฏฐัพพนะที่เกิดขึ้นตามลำดับ ใน
อารมณ์มีรูปเป็นต้นที่มาสู่คลอง. ต่อจากนั้น จุติจิตตวงที่ ๑ กระทำอารมณ์แห่งภวังค์ให้
เป็นอารมณ์เกิดขึ้นในที่สุดแห่งจุติจิตนั้น ปฏิสนธิจิตย่อมเกิดขึ้นขึ้นในอารมณ์ ซึ่งตั้งอยู่ขณะ
จิตเดียวเท่านั้น

แม้นี้ก็เป็นปฏิสนธิที่เป็นปัจจุปันนารมณ์ ในลำดับแห่งจุติที่เป็นอดีตารมณ์.
[๖๒๕] บทว่า ตญฺจ โข มีความว่า ก็แต่ว่า ข้อที่กระทำความไม่กำหนดไว้ว่า
อนวัชชกรรม หรือ กรรมนิมิต ดังนี้. กรรมนิมิตอย่างเดียวย่อมมาสู่คลอง สำหรับผู้ที่มี
มหัคคตวิบาก เพราะความที่ตนมีกรรมเป็นอารมณ์อย่างเดียว. คำว่า หรือแห่งชวนวิถีล้วน
ได้แก่ แห่งชวนวิถีที่มีกรรมนิมิตแห่งมหัศตะเป็นอารมณ์ อธิบายว่า ที่เว้นจากตทารมณ์
ก็ขวนวิถีนั้นเป็นเหมือนอุปจารแห่งมหัคคตะวิบาก.
ส่วนอาจารย์บางพวกกล่าววิถีนั่นแหละว่า มีมหัคคตะเป็นที่สุด. คำว่า ปฏิสนธิที่
เป็นนวัตตัพพารมณ์บ้าง นี้ ท่านอาจารย์กล่าวหมายถึงปฏิตนธิในรูปาวจร และปฏิสนธิที่ ๑
ปฏิสนธิที่ ๓ ในอรูปาวจร ส่วนปฏิสนธิที่ ๒ และที่ ๔ ท่านถือเอาด้วยความว่า ปฏิสนธิเป็น
อตีตารมณ์นั้นเอง
(๑๕๔) ด้วยคำว่า กล่าวคือ วรรณรูปเป็นท้องมารดา เป็นต้น วรรณรูปเท่านั้น
มาแล้วด้วยควานเป็นคตินิต ในคำนั้น สัททรูปไม่ได้มาแล้วด้วยอรรถกถาทั้งหลาย ด้วย
ความเป็นคตินิมิต เพราะธรรรมชาติที่นับเนื่องอยู่ในสุคติภูมิด้วยควานเป็นอนุปาทินนรูป
เพราะฉะนั้น ข้อนี้จึงชอบแล้ว ส่วนเหตุในการไม่มาแห่งคันธรูปเป็นต้น บัณฑิตควรพิจารณา
ในคำว่า นี่แน่ะพ่อ พุทธบูชานี้เราทำเพื่อประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น มีวินิจฉัยว่า
บุญย่มสำเร็จด้วยอ่านาจบุพเจตนา. อาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า สำหรับบุคคลแม้กำลังเป็น
ไปอยู่ในชวนจิตดวงสุดท้ายทั้งหมด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร