วันเวลาปัจจุบัน 15 ม.ค. 2025, 16:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2021, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8437


 ข้อมูลส่วนตัว


มหาวิปัสสนา ๑๘

อฏฺฐารส มหาวิปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา ปญฺญา
มหาวิปัสสนา ๑๘ คือ อนิจจานุปัสสนาปัญญา เป็นต้น
ก็มหาวิปัสสนาดังกล่าวนั้นได้แก่

ยาสุ อนิจฺจานุปสฺสนํ ภาวนฺโต นิจฺจสญฺญํ ปชหติ.
๑. ผู้ที่เจริญอนิจจานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ความไม่เที่ยง)
ย่อมละนิจจสัญญา(ความสำคัญว่าเป็นของเที่ยงแท้)

ทุกฺขานุปสฺสน๋ ภาเวนฺโต สุขสญฺญํ ปชหติ.
๒. ผู้ที่เจริญทุกขานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ความทุกข์)
ย่อมละสุขสัญญา(ความสำคัญว่าเป็นสุข)

อนตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อตฺตสญฺญํ ปชทติ.
๓. ผู้ที่เจริญอนัตตานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ อนัตตา ความไม่เป็นไปตาม)
ย่อมละอัตตสัญญา(ความสำคัญว่าเป็นตัวตน)

นิพฺพิทานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นนฺทึ ปชหติ
๔. ผู้ที่เจริญนิพพิทานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้เพื่อให้เกิดความหน่าย)
ย่อมละตัณหา(ความยินดี)

วิราคานุปสฺสนาภาเวนฺโต ราคํ ปชหติ
๕. ผู้ที่เจริญวิราคานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้เพื่อคลายความกำหนัด)
ย่อมละราคะ(ความกำหนัด)

นิโรธานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สมุทยํ ปชหติ
๖. ผู้ที่เจริญนิโรธานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ความดับหรือญาณที่กำหนดรู้
จนกระทั่งสังขารดับลงด้วยลักษณะที่ไม่เกิดใหม่ในภพต่อๆไป)
ย่อมละสมุทัย(ความเกิด)

ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาทานํ ปชหติ
๗. ผู้ปฏิบัติปฏินิสสัคคานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้โดยอาการที่สลัดกิเลสความยึดมั่นว่า
เที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน และน้อมไปหานิพพาน)
ย่อมละอาทานะ(การรับเอากิเลสและอารมณ์ที่เป็นสังขาร)

ขยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ฆนสญฺญํ ปชหติ
๘. ผู้ที่เจริญขยานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ว่าสิ้นไป)
ย่อมละฆนะสัญญา(ความสำคัญว่าเป็นสิ่งที่เป็นปึกแผ่นเดียวกัน)

วยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อายูหนํ ปชหติ
๙. ผู้ที่เจริญวยานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ควาทดับแห่งสังขารที่เป็นอดีต และอนาคต
โดยลักษณะเปรียบเทียบกับความดับแห่งสังขารปัจจุบัน)
ย่อมละอายูหนะ(ความสรรสร้าง)

วิปริณามานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ธุวสญฺญํ ปชหติ
๑๐. ผู้ที่เจริญวิปริณามานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ความแปรเปลี่ยน)
ย่อมละธุวะ(ความสำคัญว่าเป็นของยั่งยืนเที่ยงแท้)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2021, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8437


 ข้อมูลส่วนตัว


อนิมิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นิมิตฺตํ ปชหติ
๑๑. ผู้ที่เจริญอนิมิตตานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ว่า เป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่มีรูปทรงสัณฐาณ)
ย่อมละนิมิต กล่าวคือสังขานฆนนิมิตและนิจจนิมิตอันปรากฏออกมาในลักษณะคล้ายกับว่าของเที่ยง
เป็นของมีรูปทรงสัณฐาน

อปฺปณิหิตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ปณิธึ ปชหติ
๑๒. ผู้ที่เจริญอัปปณิหิตานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ว่าเป็นสิ่งที่ปราศจากความน่าปรารถนา)
ย่อมละปณิธิ(ตัณหา ความปรารถนาในสุข)

สุญฺญตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อภินิเวสํ ปชหติ
๑๓. ผู้ที่เจริญสุญญตานุปัสสนา(ญาณที่กำหนดรู้ว่าเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าจากอัตตา)
ย่อมละอภินิเวสะ(ความยึดมั่นถือมั่น)

อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนํ ภาเวนฺโต สาราทานาภินิเวสํ ปชหติ
๑๔. ผู้ที่เจริญอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา(ญาณคือปัญญาอันแก่กล้าซึ่งหลังจากที่เห็นความเกิดดับ
อย่างต่อเนื่องของธรรมที่เป็นฝ่ายอารมณ์และธรรมที่เป็นฝ่ายอารัมมณิกะ(ผู้รับรู้อารมณ์นั้น)
แล้วได้ทำการกำหนดรู้สภาวธรรมเหล่านั้นว่า"นี้เป็นเพียงความดับของสังขารเท่านั้น"
ย่อมละสาราทานาภินิเวสะ(ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของมีสาระ)

ยถาภูตญาณทสฺสนํ ภาเวนฺโต สมฺโมหาภินิเวสํ ปชหติ.ยาภินิเวสํ ปชหติ
๑๕. ผู้ที่เจริญยถาภูตญาณทัสสนะ(ญาณที่ตรัสรู้เห็นนามรูปพร้อมทั้งเหตุปัจจัยตามสภาพที่เป็นจริง)
ย่อมละสัมโมหาภินิเวสะ(ความยึดมั่นชนิดแบบหลงงมงาย เช่น มีความเชื่อผิดๆว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง
สรรพสิ่งในโลกมีความสงสัยว่า ตัวเราเคยเกิดมาแล้วในอดีตจริงหรือ ดังนี้เป็นต้น

อาทีนวานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาลยาภินิเวสํ ปชหติ.
๑๖. ผู้ที่เจริญอาทีนวานุปัสสนา(ญาณทีเห็นโทษของสังขารและภพทั้งปวง)
ซึ่งปรากฏในลักษณะเป็นสิ่งที่น่ากลัว ย่อมละอาลยาภินิเวสะ
(ย่อมยึดมั่นในสังขารว่าเป็นที่พึ่งพิงหรือที่อาศัย)

ปฏิสงฺขานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อปฺปฏิสงฺขํ ปชหติ
๑๗. ผู้ที่เจริญปฏิสังขานุปัสสนา(ญาณที่นำสังขารมากำหนดมาพิจารณาใหม่) ย่อมลัโมหะ
ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่สามารถนำสังขารมากำหนดพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์
และเป็นของไม่ใช่ตัวตน

วิวฏฺฏานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สํโยคาภินิเวสํ ปชหติ.
๑๘. ผู้ที่เจริญวิวัฏฏานุปัสสนา(สังขารุเปกบขาญาณและอนุโลมญาณซึ่งพิจารณาสังขารด้วยความหดหู่)
ย่อมละสังโยคาภินิเวสะ(กิเลสที่เข้าไปเกาะเกี่ยวอยู่ในสังขาร)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2024, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8437


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_20240925_112909_TikTok (1).jpg
Screenshot_20240925_112909_TikTok (1).jpg [ 502.84 KiB | เปิดดู 526 ครั้ง ]
ในมหาวิปัสสนา ๑๘ นั้น โยคีได้เห็นสังขารทั้งหลายด้วยอำนาจลักษณะทั้ง ๓ มี
อนิจจลักษณะเป็นต้น เพราะเหตุใด เพราะเหตุที่สังขารทั้งหลายเธอเห็นแล้วด้วยอำนาจ
ลักษณะทั้ง ๓ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น ก็ย่อมเป็นอันเธอได้แทงตลอดอนิจจานุปัสสนา
ทุกขานุปัสสนา และอนัตตานุปัสสนา
อนึ่ง ที่ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรได้กล่าวไว้ว่า อนิจจานุปัสสนาใดด้วย
อนิมิตตานุปัสสนาใดด้วย ธรรมเหล่านี่มีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้น
ทำนองเดียวกันว่า "ทุกขานุปัสสนาใดด้วย อัปปณิหิตานุปัสสนาใดด้วย ธรรมเหล่านี้มีอรรถ
อย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะเท่านั้น" ว่า "อนัตตานุปัสสนาใดด้วย สุญญตานุปัสสนา
ใดด้วย ธรรมเหล่านี้มีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่หยัญชนะเท่านั้น" ดังนี้ เพราะเหตุใด
เพราะเหตุนั้น แม้อนิมิตตานุปัสสนา อัปปณิหิตานุปัสสนา และสูญญตานุปัสสนาแม้เหล่านั้น
ก็ย่อมเป็นอันเธอแทงตลอดแล้ว.
ส่วนอธิปัญญาธรรมวิปัสสนาก็คือวิปัสสนาทั้งหมด ยถาภูตาญาณทัสสนะก็สงเคราะห์
ด้วยกังขาวิตรณวิสุทธินั่นเอง แม้อธิปัญญาธรรรมวิปัสสนาและยถาภูตญาณทั้ง ๒
นี้ ก็เป็นอันโยคีแทงตลอดแล้วเหมือนกัน ในวิปัสสนาญาณทั้งหลายที่เหลือ บางส่วนก็
เป็นอันแทงตลอด บางส่วนยังแทงตลอดไม่ได้ วิภาคแห่งวิปัสสนาญาณเหล่านั้น ข้าพเจ้า
จักเริ่มข้างหน้า.
ก็ข้าพเจ้าหมายเอาวิปัสสนาญาณที่โยคีนี้แทงตลอดแล้วนั่นเอง ได้กล่าวคำนี้ไว้ว่า
"โยคีนั้นผู้มีรูปกัมมัฏฐานและอรูปกัมมัฏฐานคล่องแคล่วอย่างนี้ มหาวิปัสสนา ๑๘ เหล่าใด
ที่จะพึงบรรลุโดยอาการทั้งปวงด้วยอำนาจปหานปริญญา จำเดิมแต่ภังคานุปัสสนาญาญาณ
ข้างหน้าไป เบื้องต้น เมื่อแทงตลอดส่วนหนึ่งแห่งมหาวิปัสสนา ๑๘ เหล่านั้น ในตีรณ-
ปริญญานี้แหละ ก็ย่อมละธรรมอันเป็นปฏิปักษ์ต่ออนุปัสสนานั้น." ดังนี้.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร