วันเวลาปัจจุบัน 23 ส.ค. 2025, 19:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2024, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




illustration-guru-purnima-celebrated-by-hindus-buddhists-thank-their-teachers-ai-generated_852336-14345 (1).jpg
illustration-guru-purnima-celebrated-by-hindus-buddhists-thank-their-teachers-ai-generated_852336-14345 (1).jpg [ 132.77 KiB | เปิดดู 4026 ครั้ง ]
๑๙. สัมปยุตตปัจจัย

๑. สัมปยุตตะ หมายความว่า การประกอบกันที่พร้อมด้วยลักษณะ ๔ ประการคือ
๑.เอกุปปาทะ เกิดพร้อมกัน
๒. เอกนิโรธะ ดับพร้อมกัน
๓.เอกาลัมพนะ มีอารมณ์เดียวกัน
๔. เอกวัตถุกะ มีที่อาศัยเดียวกัน
ธรรมที่ประกอบกันพร้อมด้วย
ลักษณะ ๔ ประการที่กล่าวนี้ ก็มีแต่จิตกับเจตสิกเท่านั้น นอกจากนี้ไม่มีอีกเลย
๒. ประเภท นามเป็นปัจจัย นามเป็นปัจยุบบัน
๓. ชาติ เป็น สหชาตชาติ
๔. กาล เป็นกาลปัจจุบัน
๕. สัตติ มีทั้ง ชนกสัตติ และ อุปถัมภกสัตติ

๖. องค์ธรรมของปัจจัย ได้แก่ นามขันธ์ ๔ คือ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ แล้ว
แต่จะยกขันธ์ใด จะเป็นขันธ์เดียว ๒ ขันธ์ หรือ ๓ ขันธ์ก็ตาม เป็นปัจจัยขันธ์นั้นก็
เป็นสัมปยุตดปัจจัย
องค์ธรรมของปัจขยุบบัน ได้แก่ นามขันธ์ ๔ คือ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ แล้วเฉพาะขันธ์ที่เหลือ
จะเป็น ๓ ขันธ์, ๒ ขันธ์ หรือขันธ์เดียว ตามลำดับนั้น เป็นสันสัมปยุตตปัจจยุบบัน
องค์ธรรมของปัจจนิก ได้แก่ รูปทั้งหมด
๗. ความหมายโดยย่อ สัมปยุตตปัจจัยนี้ มี ๓ วาระ
(๑) กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสล กุสลนามขันธ์ ๔ อันได้แก่กุสลจิต ๒๑ เจตสิก ๓๘
ขันธใดขันธ์หนึ่ง เป็นสัมปบุตตปัจจัย ขันธ์ที่หรือนั้นก็เป็น สัมปยุตตปัจจยุบบัน
(๒) อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล อกุสลนามชันธ์ ๔ อันได้แก่อกุสลจิต ๑๒ เจตสิก
๒๗ ขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง เป็นสัมปยุตตปัจจัย ขันธ์ที่เหลือนั้น ก็เป็นสัมปยุตตปัจจยุบบัน
(๓) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ วิบากนามขันธ์ ๔ อันได้แก่ วิบากจิต
๓๖, กิริยานามขันธ์ ๔ อันได้แก่ กิริยาจิต ๒๐ เจตสิก ๓๘ ในปวัตติการและในปฏิสนธิ
กาลนั้น ขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง เป็นสัมปยุตตปัจจัย ขันธ์ที่เหลือในจิตดวงเดียวกันนั้นก็เป็นสัมป-
ยุตตปัจจยุบบัน
๘. ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้ รวม ๗ ปัจจัย คือ
๑. สัมปยุตตปัจจัย ๒. สหชาตปัจจัย ๓. อัญญมัญญปัจจัย
๔. สหชาตนิสสยปัจจัย ๕. วิปากปัจจัย ๖. สหชาตัตถิปัจจัย
๗. สหชาตอวิคตปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2025, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับนามธรรมที่เกิดในปัญจโวการภูมิ จะต้องมีลักษณะครบทั้ง ๔
ประการ เพราะจะต้องมีวัตถุรูป ๖ เป็นที่อาศัยให้จิตเจตสิกเกิด
แต่ถ้าเกิดในจตุโวการภูมิก็มีลักษณะครบ ๓ ประการ เพราะนาม
ในที่นั้นไม่ต้องอาศัยวัตถุรูปเกิด นามธรรมคือ จิตและเจตสิกนี้ เมื่อเกิดขึ้น
ประกอบพร้อมกันแล้ว ก็ยังกลมกลืนเข้ากันได้สนิทเหมือนธรรมอันเดียวกัน
จนไม่อาจแยกได้ว่าอะไรเป็นอะไร อุปมาเหมือนยาที่ชื่อว่า จตุมธุรส อัน
ประกอบด้วยของ ๔ อย่าง คือ น้ำมันเนย น้ำมันงา น้ำผึ้ง น้ำตาลโตนด
เมื่อเาสิ่งเหล่านั้นผสมกวนให้เข้ากันแล้ว ผู้บริโภคก็ไม่สามารถจะแยกออก
ได้ว่านี้เป็นรสของเนย นี้เป็นรสของน้ำมันงา นี้เป็นของน้ำผึ้ง หรือนี้เป็น
รสของน้ำตาลโตนด ทั้งที่ยานี้เป็นรูปรรรม ซึ่งมีสภาพหยาบกว่านามธรม
ก็ยังเเยกออกให้รู้ไม่ได้ฉันใด จิตและเจตสิกซึ่งเป็นนามธรรมที่ละเอียด มอง
ไม่เห็นจะแยกออกได้อย่างไรว่า นี้เป็นจิต นี้เป็นเจตสิก แต่เพราะอาศัย
พระสัพพัญญุตญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงรู้ในสิ่งที่รู้ให้ยากยิ่ง จึง
สามารถแยกนามธรรมเหล่านี้ออกจากกันได้ แล้วก็ได้นำมาแสดงให้ผู้อื่นได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2025, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ตาม คือบอกลักษณะของจิตและเจตสิกที่มีลักษณะต่าง ๆ กัน ให้รู้ตรง
ตามความเป็นจริงทุกประการ แม้ว่าจิตและเจตสิกนั้นจะเกิดพร้อมกัน แต่
พระพุทธองค์ก็สามารถรู้ได้ และแยกนามธรรมต่าง ๆ เหล่านั้นออกจากกัน
ได้ เพราะธรรมดาจิตที่เกิดขึ้น จะมีจิตอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีเจตสิกหลาย
อย่างเกิดร่วมด้วย นามธรรมที่เกิดพร้อมกันในลักษณะ ๓ หรือ ๔
อย่างนี้ จึงเรียกว่า สัมปยุตตปัจจัย คือนามเป็นปัจจัยแก่นามเท่านั้น และ
ามธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกันแล้ว ต่างก็อาศัยซึ่งกันและกันด้วย เพราะ
นามขันธ์ มีเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ต่างก็เป็น
ปัจจัยอาศัยซึ่งกันและกันในขณะที่เกิดพร้อมกัน และต่างก็ทำหน้าที่ของ
ตน ๆ ไปในคราวเดียวกัน พร้อม ๆ กันด้วย โดยไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันเลย
การที่เป็นไปได้เช่นนี้ ก็เพราะการช่วยอุดหนุนอุปการะซึ่งกันและกัน โดย
ความเป็นสัมปยุตตปัจจัยนั่นเอง จึงได้ชื่อว่าสัมปยุตตปัจจัย

ส่วนรูปกับนามถึงแม้ว่าจะเกิดพร้อมกันได้ แต่ก็ไม่ได้ทำกิจร่วมกัน
ครบทั้ง ๔ จึงไม่เป็นสัมปยุตตปัจจัย เช่นรูปเกิดพร้อมจิตแต่ก็ไม่ได้ทำกิจ
ร่วมกันครบทั้ง ๔ จึงไม่เป็นสัมปยุตตปัจจัย คือเกิดพร้อมจิต แต่ไม่ได้ดับ
พร้อมจิต ส่วน รูปกับรูป ถึงแม้ว่าเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกันได้ แต่
ก็ไม่ชื่อว่า สัมปยุตตปัจจัย เพราะไม่ประกอบด้วยลักษณะ ๓ หรือ ๔ ประการ
ที่กล่าวแล้ว
แม้นามธรรมที่เป็นนามขันธ์ ๔ กับนามที่เป็นพระนิพพาน เกิดพร้อม
กันได้ แต่ก็ไม่เรียกว่าสัมปยุตตปัจจัย เพราะนามธรรมที่เป็นสัมปยุตตตปัจจัย
ได้ ก็เฉพาะแต่นามขันธ์ ๔ คือ จิตกับเจตสิกที่เกิดพร้อมกันเท่านั้น แม้
นามธรรมที่ป็นกุศลกับอัพยากตะก็ไม่ชื่อว่า สัมปยุตกัน เพราะเกิดในจิตคน
ละดวงกัน ที่เป็นสัมปยุตตปัจจัยได้จะต้องเป็นนามธรรมที่เกิดในจิตดวงเดียวกัน
สัมปยุตตปัจจัย เป็นประเภทนามเป็นปัจจัยแก่นาม เกิดขึ้นพร้อม
กันในจิตดวงเดียวกัน จึงเป็นปัจจุบันกาล เป็นประเภทสหชาตชาติ
๒ กิจ คือชนกกิจ และอุปถัมภกกิจ สัมปยุตตปัจจัยจึงมีลักษณะคล้ายสหชาต
ปัจจัย และอัญญมัญญปัจจัย เพราะเหตุนี้ อิงอาศัยซึ่งกันและ
กันด้วย และมีลักษณะครบทั้ง ๓-๔ ประกอบด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร