วันเวลาปัจจุบัน 18 ส.ค. 2025, 23:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2024, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1733045693292.jpg
FB_IMG_1733045693292.jpg [ 136.51 KiB | เปิดดู 5119 ครั้ง ]
๑๒. อาเสวนปัจจัย

อาเสวนปัจจัย หมายถึงการเสพบ่อยๆ ในวิถีหนึ่ง ๆ การบ่อย ๆ แต่ละวิถี
นั้นก็มีจิตที่ทำกิจนี้ คือ ชวนจิต ๕๕ ดวงเท่านั้นเอง แต่จะต้องประกอบตัวเลักษนะ ๓
อย่างดังต่อไปนี้ด้วย คือ
ก. ต้องเป็นจิตชาติเดียวกัน
ข. ต้องเกิดซ้ำกันอย่างน้อย ๔ หรือ ๕ ขณะ
ค. ต้องไม่ใช่วิบากชวนจิต
ถ้าไม่ครบลักษณะทั้ง ๓ นี้ด้วยแล้ว ก็ไม่เป็นอาเสวนปัจจัย
๑. อาเสวนะ หมายความว่า เสพบ่อย ๆ
๒. ประเภท นามเป็นปัจจัย นามเป็นปัจจยุบบัน
๓. ชาติ เป็น อนันตรชาติ หมายความว่า ปัจจัยธรรมนั้นช่วยอุปการะให้
ปัจจยุบบันนธรรมเกิดโดยไม่มีระหว่างคั่น
๔. กาล เป็นอดีตกาล หมายความว่า ปัจจัยธรรมนั้นจะต้องดับไปเสียก่อน
จึงจะอุปการะให้ปัจจยุบบันนธรรมเกิดขึ้นได้
๕. สัตติ มีอำนาจอย่างเดียว คือ ชนกสัตติ
๖. องค์ธรรมของปัจจัย ได้แก่ โลกียชวนจิต ๔๗ ที่เกิดก่อน ๆ (เว้นชวนะดวง
สุดท้าย) ที่เป็นชาติเดียวกัน เจตสิก ๕๒
องค์ธรรมของปัจจยุบบัน ได้แก่ ชวนจิต ๕๑. ที่เกิดหลัง ๆ (เว้นชวนะดวงที่ ๑
และ ผลชวนจิต ๔) เจตสิก ๕๒
องค์ธรรมของปัจจนิก ได้แก่ ชวนจิตดวงที่ ๑ ของกามชวนจิต ๒๙, อาวัชชนจิต ๒,
วิบากจิต ๓๖, เจตสิก ๕๒ และรูปทั้งหมด
๗. ความหมายโดยย่อ อาเสวนปัจจัยนี้ มี ๓ วาระ
(๑) กุสลเป็นปัจจัยแก่กุสล โลกียกุสลชวนจิต ๓๗ ที่เกิดก่อน ๆ (เวันชวนะดวง
สุดท้าย) เป็นอาเสวนปัจจัย กุสลชวนจิต ๒๑ ที่เกิดหลัง ๆ (เว้นชวนะดวงที่ ๑) เป็น
อาเสวนปัจจยุบบัน
(๒) อกุสลเป็นปัจจัยแก่อกุสล อกุสลชวนจิต ๑๒ ที่เกิดก่อน ๆ (เว้นชวนะดวง
สุดท้าย) เป็นอาเรวมปัจจัย อกุสลชวนจิต ๑๒ ที่เกิดหลัง ๆ (เว้นชวนะดวงที่ ๑) เป็น
อาเสวนปัจจยุบบัน
(๓) อพยากตะเป็นปัจจัยแก่อพยากตะ กิริยาชวนจิต ๑๘ ที่เกิดก่อน ๆ (เว้นชวนะ
ดวงสุดท้าย) เป็นอาเสวนปัจจัย กิริยาชวนจิต ๑๘ ที่เกิดหลัง ๆ (เว้นชวนะดวงที่ ๑) เป็น
อาเสวนปัจจยุบบัน
๘. ปัจจัยที่เกิดร่วมด้วยกันได้ รวม ๖ ปัจจัย คือ
๑. อาเสวนปัจจัย ๒. อนันตรปัจจัย
๓. สมนันตรปัจจัย ๔. อนันตรูปนิสสยปัจจัย
๕. นัตถิปัจจัย ๖.อวิคตปัจจัย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2025, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


อาเสวนปัจจัย
อาเสวนปัจจัย เป็นปัจจัยที่ ๑๒ ในปัจจัย ๒๔ หรือเป็นปัจจัยที่ ๒๐
อุทเทส อาเสวนปจฺจโย ธรรมที่เสพอารมณ์เป็นปัจจัย
อาเสวนปัจจัย หมายถึง ธรรมที่ทำหน้าที่เสพอารมณ์
อาเสวนะ แปลว่า การส้องเสพ คือเสพบ่อย ๆ เสพมาก ๆ การที่ส้องเสพ
กันอยู่เสมอ ๆ จึงเป็นเหตุสนับสนุนให้เกิดผลทั้งดีและชั่ว อุปมาเหมือนกับ
คนเราที่คิดจะทำการงานใหญ่โต จะทำเพียงคนเดียวการงานนั้นย่อมสำเร็จ
ไม่ได้ จำเป็นจะต้องอาศัยมีผู้ช่วยเหลือการงานที่กระทำนั้น การงานนั้น
จะสำเร็จลงด้วยดีฉันใด อาเสวนปัจจัยก็ฉันนั้น คือจิตที่จะมาเป็นอาเสวน
ปัจจัยได้ จะต้องเป็นจิตประเภทเดียวกับที่เกิดขึ้นเสพอารมณ์ซ้ำ ๆ กัน อย่าง
น้อยไม่ต่ำกว่า ๔-๕ ขณะ ซึ่งได้แก่ จิตที่ทำหน้าที่ชวนกิจนั่นเอง ส่วนจิต
อื่น ๆ ที่ไม่ได้ทำชวนกิจ จึงไม่มีกำลังเป็นอาเสวนปัจจัย อนึ่ง ชวนจิตที่
เป็นอาเสวนปัจจัยได้ก็จะต้องประกอบด้วยลักษณะ ๓ ประการนี้ คือ
๑. ต้องเป็นชวนจิตที่เป็นชาติเดียวกัน (เกิดในวิถีจิตเดียวกัน)
เว้นโลกุตตรชวนะ เพราะเป็นชวนะต่างชาติกัน คือ เป็นโลกุตตรกุศล
และโลกุตตรวิบาก
๒. ต้องเป็นชวนจิตที่เกิดซ้ำๆกันอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๔ ๕ ขณะ
จึงจะมีกำลังเป็นอาเสวนปัจจัยได้ เพราะจะต้องอาศัยกำลังมากจึงจะทำให้
สำเร็จการงานได้
๓. ต้องเป็นจิตที่ไม่ใช่วิบาก เพราะวิบากจิตเป็นจิตที่ไม่มีกำลัง
เป็นของตนเอง เนื่องจากตนเองเป็นผลของกรรมที่จิตได้ทำเหตุไว้แล้ว คือ
กรรมเป็นผู้นำมาให้เกิดขึ้นเพื่อเสวยผล คนเองไม่มีกำลังไม่ต้องขวนขวาย
ทำอะไร ทั้งสิ้น แม้ภวังค์จิตที่เกิดติดต่อกันหลาย ๆ ขณะก็เป็นอาเสวนปัจจัย
ไม่ได้ เพราะกวังค์เป็นชาติวิบาก และไม่ได้ขึ้นวิถีรับอารมณ์ใหม่ด้วย ส่วน
ในปัจจัย ๕๒

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2025, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ผลจิตในผลสมาบัติ ถึงแม้จะเกิดมากมายหลายขณะเท่าไรก็ตาม ก็
เป็นอาเสวนปัจจัยไม่ได้เหมือนกัน เพราะเป็นวิบากจิตซึ่งเป็นผลของ
มัคคกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยอารมณ์พระนิพพานเท่านั้น

อีกอย่างหนึ่ง ซวนจิตที่ประกอบด้วยลักษณะ ๓ ประการนี้ ถึงแม้
ต่างภูมิต่างอารมณ์กัน แต่ถ้าเป็นจิตชาติเดียวกันก็เป็นอาเสวนปัจจัยได้
เช่นในมัคควิถี ชวนจิตมีทั้งโลกิยกุศลและโลกุตตรกุศล คือมี บริกรรม
อุปจาร อนุโลม โคตรภู เป็นโลกิยกุศล เป็นปัจจัยแก่ มัคคจิตซึ่งเป็น
โลกุตตรกุศล ก็เป็น อาเสวนปัจจัยได้ เพราะเป็นจิตชาติเดียวกัน คือเป็น
เป็นกุศลด้วยกัน ถึงแม้จะมีอารมณ์ต่างกัน เช่น บริกรรม อุปจาระ อนุโลม มี
สังขาร นามรูปเป็นอารมณ์ ส่วนโคตรภูหรือโวทานและมัคคมีนิพพานเป็น
อารมณ์ คือต่างกันทั้งภูมิและต่างกันทั้งอารมณ์ แต่ว่าเป็นชาติกุศลเหมือนกัน
และเกิดไม่ต่ำกว่า ๔-๕ ขณะ จึงเป็นอาเสวนปัจจัยได้ แต่ส่วนมัคคจิต เป็น
ปัจจัยแก่ผลจิต โดยอาเสวนปัจจัยไม่ได้ ถึงแม้ว่าเป็นชวนะด้วยก็ตาม
แต่เป็นจิตต่างชาติกันคือเป็นชาติกุศลกับชาติวิบาก เหตุนี้ปัจจัยของ
อาเสวนปัจจัยจึงได้เว้นโลกุตตรชวนะเอาแต่โลกิยชวนะเท่านั้น ส่วนโลกุตตร
กุศลเป็นปัจจุบันของอาเสวนปัจจัยได้

อาเสวนปัจจัยจึงหมายถึงชวนะที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ชวนะที่เกิด
หลัง ๆ คือ ชวนะดวงแรกเป็นได้แต่ปัจจัยอย่างเดียว ชวนะดวงสุดท้ายคือ
ดวงที่ ๗ ที่เกิดในกามวิถีเป็นได้แต่ปัจจยุบบันอย่างเดียว ส่วนชวนะดวงที่
๒-๖ เป็นได้ทั้งปัจจัยและปัจจยุบบัน
ธรรมที่เป็นอาเสวนปัจจัย ปัจจัยและปัจยุบบันธรรมจะต้องเกิดดับ
ติดต่อกันไม่มีระหว่างคั่นอย่างน้อย ๔ - ๕ ขณะ เหมือนอย่างอนันตรปัจจัย
อาเสวนปัจจัยจึงเป็นปัจจัยประเภทเดียวกันคือเป็นอนันตรชาติ แต่มีที่
แตกต่างเจากอนันตรปัจจัยก็คือ อาเสวนปัจจัยเอาแต่จิตที่ทำชวนกิจ
และเป็นกุศล อกุศล กิริยาเท่านั้น อาเสวนปัจจัย นามเป็นปัจจัยแก่นาม
โดยกาลเป็นอดีตกาล คือปัจจัยต้องดับไปก่อน ปัจจยุบบันจึงจะเกิดได้
โดยกิจเป็นชนกกิจ คือทำให้เกิดขึ้นอย่างเดียว ทำอุปถัมภ์ไม่ได้ เพราะ
ว่าปัจจัยดับไปแล้ว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร