วันเวลาปัจจุบัน 23 ส.ค. 2025, 00:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 02:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบเรียนถามถึง หน้าที่หลักและเป้าหมายหลัก ในการเกิดมาเป็นมนุษย์ คืออะไรค่ะ



คำตอบ
ผู้รู้ว่าการได้กลับมาเป็นมนุษย์หนนี้ หน้าที่หลักก็คือปรับปรุงแก้ไขสิ่งผิดพลาดให้กับชีวิต ไม่ให้จิตวิญญาณตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ส่วนเป้าหมายหลักของชีวิตคือ นำพาชีวิตของตนเองให้พ้นจากการเวียนตาย – เวียนเกิด ในสังสารวัฏ ด้วยการพัฒนาจิตตนเองให้หมดอวิชชา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 02:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือถ้าผมตั้งสัจจะไว้ว่าจะทำอะไรอย่างหนึ่งแล้ว ตอนหลังเห็นว่าทำไม่ได้และจะไม่ยึดสัจจะนั้นต่อไปแล้ว ต้องทำพิธีอะไรเพื่อยกเลิกการการตั้งสัจจะนั้นหรือเปล่าครับ หรือก็แค่ปล่อยผ่านไปเลยครับ



คำตอบ
คำถามที่ถามไปนั้น ยังตั้งคำถามไม่ถูกตรง ควรตั้งเป็นคำถามว่า ผมได้ตั้งความปรารถนา (อธิษฐาน) ไว้ว่าจะทำอะไรอย่างหนึ่ง แล้วมาตอนหลังเห็นว่าทำไม่ได้ จะขอยกเลิกความปรารถนานั้น (ยกเลิกอธิษฐาน) ก็สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น พระโพธิสัตว์ ขอยกเลิกอธิษฐานเดิมว่าจะนำชีวิตไปในแนวทางของพุทธภูมิ แต่ด้วยหนทางอันยาวไกล และยังมองไม่เห็นความสำเร็จว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด จึงขอยกเลิกอธิษฐานเดิม แล้วตั้งอธิษฐานใหม่ว่าจะนำพาชีวิตไปในแนวทางของ “ สาวกภูมิ ” อย่างนี้สามารถทำได้ และมีตัวอย่างของบุคคลในปัจจุบันทำได้สำเร็จมาแล้ว

ส่วนคำว่า “ สัจจะ ” นั้นคือ จริงใจ จริงวาจา และจริงการ (ทำจริง) เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง เมื่อทำได้แล้วจะเก็บสั่งสมในจิตวิญญาณเป็นบารมี เป็นหนึ่งในคุณธรรมที่นำสู่จุดหมายสูงสุดของชีวิต สัจจะไม่จำเป็นต้องยกเลิกหรือทำพิธียกเลิก แต่หากผู้ใดไม่มีสัจจะ โอกาสที่จะมีชีวิตเป็นปกติทุกข์เป็นของแน่นอน โอกาสที่จะมีชีวิตเป็นปกติสุข การเข้าถึง (บรรลุ) ธรรมะของพระพุทธะ การเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล การดับสลายหมดสิ้นแห่งรูปและนาม (อนุปาทิเสสนิพพาน) ย่อมไม่พึงเกิดขึ้นได้กับบุคคลผู้ไม่มีสัจจะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


FIrst of all, would like to thank archarn very deeply for all your lectures, make my life change and be happy. I would like to thank to this website and want to contribute money to continue this website. My husband is American, don't understand sin and Bun, not believe in reincarnation. I told him if you don't stop fishing I will not marry you and he didn't do fishing anymore. But he likes to buy fish and keeps as pets. I don't think it's good anyway. I told him that you limit space to animals. He told me I am crazy. I brought him to temple, he follow me. But he didn't want to learn to do meditation. We live in America. We have different belief and I can't change his belief. What should I do? I gave him Buddhist English book, he never read.
Thank you.

คำตอบ
พระพุทธะไม่เคยสอนให้ไปปรับปรุงแก้ไขคนอื่น แต่ให้ปรับปรุงแก้ไขที่ตนเอง เมื่อบอกแล้วเขาไม่ศรัทธา ก็ต้องปล่อยวางเพราะชีวิตเป็นของเขาเอง คุณเป็นผู้ร่วมทางชีวิตกับเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. สุนัขที่บ้านกัดเด็กข้างบ้าน ซึ่งหนูยอมรับผิดชดใช้ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด โดยขอให้ฉีดวัคซีนที่ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร แต่คู่กรณีไม่ยอมจะรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงมาก หนูไม่จ่ายตามนั้น เนื่องจากเห็นว่าไม่สมเหตุสมผล ตัวยาที่รักษาก็เป็นตัวเดียวกัน แต่ทำไมหนูต้องจ่ายเงินแพงกว่า หนูไม่จ่าย คู่กรณีจึงไปฟ้องตำรวจ เพื่อให้หนูชดใช้ค่าเสียหาย หนูยอมจ่ายเพียงเท่าที่รักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หนูคิดว่าหนูทำถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่ถูกต้องสำหรับคู่กรณี หนูรู้สึกถึงการต่อต้านทางความคิดมาก ความคิดหนึ่งก็คิดว่าฉันทำถูกต้อง อีกความคิดหนึ่งก็ว่าให้เขาไปเถอะ เราต้องมีเมตตา ให้กับผู้ที่เดือดร้อน หากเราไม่ลำบาก หนูสับสนใจหนึ่งก็อยากมีเมตตา แต่อีกใจหนึ่งก็ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว วันนั้นหนูอยากพบครูบาอาจารย์มากเพื่อขอปัญญาในการแก้ปัญหา
หนูนั่งสมาธิและตั้งจิดอธิษฐานขอปัญญาในการแก้ปัญหานี้ ระหว่างที่หนูนั่งสมาธินั้น มีความคิดหนึ่งเข้ามาว่า ข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่ศูนย์สาธารณสุข แตกต่างจาก ร.พ.เอกชน และค่าปรับที่กฏหมายกำหนดนั้น เป็นเพียงของสมมติ ที่มีคนกำหนดขึ้น เงินที่เกินจากที่เราควรจะจ่ายก็เป็นเพียงของสมมติ หากวันนี้เราจ่ายเงินให้เขาไปแล้วเขามีความสุข เราก็มีความสุขด้วยที่ได้ให้ โดยที่เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เงินหาใหม่ได้เรายังมีความรู้ความสามารถในการทำงาน ไม่รู้ว่าจะยึดในความถูกต้องไปทำไม ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง ไม่ทราบว่าสิ่งที่เข้ามาในความคิดนี้เป็นปัญญาหรือไม่คะ

คำตอบ
สุนัขไปกัดเด็กเป็นอกุศลกรรม ที่เด็กกับสุนัขเคยก่อเวรกันไว้ คุณรักสุนัขของคุณ แม่เด็กก็รักลูกของเขา เขาจึงคิดหาวิธีที่ดีที่สุดให้กับลูกของเขา หากคุณเชื่อภูมิปัญญาของพระพุทธะว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ” นั้นเป็นสิ่งถูกต้องและดีที่สุดในการแก้ปัญหา หากมีเงินพอไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินใครให้เขาไปเถิด หนี้เวรหนี้กรรมที่เคยผูกกันไว้ก็จะหมดไปไม่ต้องตามไปแก้ปัญหากันอีกในวัน ข้างหน้าทรัพย์ภายนอกตายแล้วนำติดตัวไปไม่ได้ นั่นเป็นความเห็นถูกเมื่อทรัพย์พร่องไป เดี๋ยวมันก็กลับมาเติมเต็มได้อีก แล้วทำไมไม่ให้ตามที่เขาต้องการล่ะ คุณจะได้ไม่ไปเสียเวลากับการแก้ปัญหาขยะที่สร้างมลพิษ ให้กับใจของคุณ รักษาใจไว้ดีกว่า ยังมีสิ่งดีๆ ข้างหน้ารอให้คุณต้องทำอีกมาก สร้างและสั่งสมทรัพย์ภายในไว้ไม่ดีกว่าหรือ


2. ตัวหนูเองเป็นครูสอนบัญชี ซึ่งมักถือหลักการและมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ชอบความถูกต้อง เป็นคนมีเหตุผล แต่มีใจเมตตา เมื่อเห็นผู้อื่นเดือนร้อนกว่าก็จะช่วยเหลือ แต่ยังยึดมั่นในความถูกต้องมากเกินไป ทำให้บางครั้งความเมตตาน้อยลงหากเห็นความไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการขัดแย้งภายในจิดใจเสมอ รู้สึกเหนื่อยและเบื่อตัวเองมากที่จะจัดการกับอนุสสัยกิเลสตัวนี้มากค่ะ ขอความเมตตาจากอาจารย์ช่วยแนะนำการกำจัดอนุสสัยกิเลสตัวนี้ด้วยค่ะ



คำตอบ
ความถูกต้องในทางโลกมิได้หมายว่าจะถูกต้องในทางธรรม เหตุผลในทางโลกมิได้หมายความว่าเป็นสิ่งเดียวกันกับเหตุผลในทางธรรม ที่กล่าวเช่นนี้เพราะปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรมเห็นสิ่งเดียวกันต่างกัน ใช้ปัญญาทางโลกทำงานให้กับโลกได้ แต่เอาปัญญาทางโลกมาใช้ส่องนำทางให้กับชีวิตมีปัญหา และแก้ปัญหาได้ไม่สิ้นสุด คุณว่าคุณเป็นคนมีเมตตาก็เป็นความเห็นถูกของคุณ แต่อาจเป็นความเห็นผิดของคนอื่นก็ได้ เมตตาในผู้รู้จริง มีจิตเป็นอิสระ จากความโกรธ ความคับข้องใจ ความหงุดหงิด ความเบื่อหน่ายฯลฯ คนมีเมตตาเป็นคนเย็น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ เทวดาคุ้มรักษา ไฟ ยาพิษ อาวุธ ไม่กล้ำกราย มีจิตตั้งมั่นได้เร็ว สีหน้าผ่องใส ฯลฯ เหล่านี้เป็นเหมือนมาตรวัดใจ ของคนเย็นคนมีเมตตาอยู่ในจิตใจ ถ้ายังหงุดหงิดอยู่กับเพื่อนบ้าน ยังหงุดหงิดกับคนรอบข้าง อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นคนมีเมตตาได้อย่างไรล่ะโยม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบว่าแม้ว่าเราไม่ได้เจตนาฆ่าสัตว์โดยตรงแต่เราทำงานอย่างหนึ่งโดย ที่เรารู้ว่างานนั้นอาจทำให้สัดว์ต่างๆตายได้อย่างนี้เราผิดศีลข้อ1 หรือไม่คร้บ คือผมจะตัดหญ้าที่สนามหน้าบ้านนะครับ แล้วสนามนั้นมีสัตว์เล็กๆอยู่เยอะทีเดียว ม้นมีสิทธิ์ไปเหยียบไปโดนมันตายได้นะครับ ผมเลยอยากถามอาจารย์สนองว่าควรตัดดีไหมครับ คือชีวิตผมทำไม่ดีมาเยอะแล้วครับเวลาที่เหลือก็อยากรักษาศีล 5 ให้ครบนะครับ



คำตอบ
ไม่มีเจตนาทำให้สัตว์ตาย แต่รู้ว่างานที่ทำไปนั้น เป็นเหตุต้องทำให้สัตว์ตาย ถือว่าผิดศีลข้อปาณาติบาตได้ ตัวอย่างเช่น ปิปผลิเป็นลูกเศรษฐีชาวมคธ มีที่ดินไร่นามากมาย ขณะกำลังยืนดูบริวารไถนาอยู่ได้เห็นฝูงนกกากำลังจิกกิน หนอน แมลงและสัตว์อื่น ๆ ที่ไต่อยู่บนขี้ไถนั้นปิปผลิได้ถามบริวารว่า บาปนี้จะตกอยู่กับใคร บริวารตอบว่าบาปต้องตกอยู่กับผู้เป็นเจ้าของนก ปิปผลิได้พิจารณาแล้วจึงทิ้งสมบัติเศรษฐีออกบวชกับพระพุทธเจ้า เป็นพระมหากัสสปะไงล่ะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือกระผมเป็นคนสายตาสั้น..ไม่มากหรอกครับ 200-300 ก้อเลยไป ทำ lasik
เป็นหมอที่นับว่าเก่งที่สุดในเมืองไทยเลยก้อว่าได้ พอทำมาแล้วมีปัญหาที่ตามากครับ ตาผมกระพริบอยุ่ตลอดเวลา ไปให้เขาตรวจเขาก้อบอกว่าปกติ ไปหลายที่แล้วก้อบอกว่าปกติ ....ท้ายที่สุดกระผมไปอุดท่อน้ำตา ทั้งใส่ silicon ไปในท่อน้ำตาทั้ง จี้ปิดท่อน้ำตา ตอนนี้ดีขึ้น มาไม่กระพริบตาถี่แล้ว แต่มีอาการตาบวม บ้างปวดหัวบ้าง ผมจะเป็นทุกวันเลยครับ .....ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ขอถามท่านอาจารย์ ตรงๆๆ เลยนะครับ ว่าทำอย่างไรจะหายครับ ..... กระผมฟังธรรมบรรยายของท่านแล้วกระผมเชื่อว่า ตรงเป็นเหตุที่กระผมสร้างเอาไว้แต่ชาติก่อน หรือชาติไหนกระผมก้อไม่ทราบ แต่ผมบอกเลยว่ากระผมเชือ ท่าน 1000% เลยครับ ว่าจิตคือพลังงาน มาอาศัยร่างนี้อยู่พอร่างนี้ดับ ก้อไปจุติใหม่ ตามบุญและกรรมที่เราได้ทำเอาไว้ใจชาตินี้ กระผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเป็น จึงอยากขอคำชี้แนะจากอาจารย์เพียงเท่านี้ครับ



คำตอบ
ถ้าคุณเชื่อเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม อกุศลวิบากที่คุณกำลังได้รับอยู่นั้น เกิดมาแต่เหตุที่เป็นอกุศลที่คุณได้ก่อไว้ เมื่อใดวิบากเกิดแล้วต้องยอมรับความจริง อยู่กับความจริง แล้วใช้หนี้อกุศลเก่าจนกว่าจะหมดไปและต้องไม่สร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นอีก พระพุทธะชี้แนะวิธีแก้อกุศลวิบากไว้อย่างนี้ ในมุมมองของผู้ตอบปัญหาเห็นว่าคุณเป็นคนที่โชคดีเป็นคนที่เริ่มมีบุญสั่งสม เจ้ากรรมนายเวรจึงมาทวงหนี้ ถ้าจะให้หนี้กรรมหมดเร็ว คุณต้องสร้างบุญใหม่เกี่ยวกับดวงตา เช่นบริจาคดวงตา บริจาคแว่นตา บริจาคโคมให้แสงสว่าง คือสร้างกุศลกรรมที่มีผลเกี่ยวกับดวงตาให้มาก ๆ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังราวีคุณอยู่ โอกาศที่อกุศลวิบากของคุณจะหมดไปเร็วกว่าที่เขาจองเวรคุณไว้ก็มีความเป็นไป ได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในการเลี้ยงสุนัข จำเป็นต้องอาบน้ำใส่แชมพูให้สุนัขเพื่อสุขอนามัยของสุนัขและสมาชิกในครอบ ครัวของผู้เลี้ยงเอง ซึ่งอาจทำให้บรรดาเห็บ หมัดในตัวสุนัขตาย ไม่ทราบว่าจะเป็นบาปหรือไม่ และทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นการสร้างบาปดังกล่าวหากจำเป็นต้องเลี้ยงสุนัข อยากเลี้ยงเพื่อให้สุนัขคอยเห่าเตือนภัยจากผู้บุกรุก และสัตว์ร้าย เช่นงูเป็นต้น



คำตอบ
คนโบราณเลี้ยงสุนัขโดยไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องอาบน้ำ เลี้ยงแบบปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ บางบ้านเลี้ยงห่านไว้เฝ้าบ้าน แทนสุนัขก็มี ส่วนคนสมัยใหม่ เลี้ยงสุนัขผิดธรรมชาติคือฉีดยาป้องกันเห็บหมัดให้กับสุนัข ก่อนที่เห็บหมัดจะเข้ามาเกาะกินเลือดสุนัข อย่างนี้บาปน้อยกว่าการอาบน้ำแล้วใช้แชมพูเห็บหมัด ถ้ารู้และจำเป็นต้องทำบาปก็ควรสร้างสิ่งที่เป็นบุญกุศลให้มากกว่าบาป เพื่อให้บาปตามให้ผลไม่ทันเป็นการหนีบาปจะหนีพ้นก็เข้านิพพานนั่นแหละ ดูพระองคุลีมาลเป็นตัวอย่างสิ เป็นพระอรหันต์แล้วขณะออกบิณฑบาตยังถูกก้อนหินก้อนอิฐขว้างศีรษะอยู่เลย จึงได้เข้าไปอยู่ในถ้ำ นิพพานในถ้ำ บาปที่เหลือเป็นอันยกเลิก

เลือกเอาเองว่าจะเลี้ยงห่านเฝ้าบ้านแบบคนโบราณ ก็ไม่ต้องอาบน้ำให้ห่านเพราะห่านอาบน้ำเองได้ หรือเลี้ยงสุนัขแบบธรรมชาติ หรือไม่เลี้ยงสุนัขเลยก็สุดแต่ใจปรารถนา คิดมากปวดหมองเดี๋ยวก็ตายจากโลกไปแล้ว เอาเวลาไปพัฒนาจิตวิญญาณตัวเองไม่ดีกว่าหรือ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกครั้งที่หนูจะสวดมนต์ไหว้พระ หรือทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพระหรือสิ่งศักดิ์ ระหว่างที่หนูกระทำกิจนั้นอยู่ จิตของจะไม่สามารถควบคุม มันจะว่ากล่าวสิ่งศักดิ์ แต่จะรีบห้ามโดยการด่าตัวเอง หนูทรมานมาก เพราะชอบที่จะสวดมนต์ไหว้พราะและอ่านหนังสือธรรมะ หนูเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาหนูไปไหว้พระที่วัดหนึ่ง แล้วทำบุญและขอสิ่งศักดิ์ว่า ชาติที่แล้วหนูทำกรรมอะไร จากนั้น 3-4 วันหนูฝันว่า ชาติที่แล้วหนูลบหลู่ฟ้าดิน เป็นคนไม่มีสัจจะ คดโกง ตระหนี่ หนูจึงอยากเรียนถามว่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และถ้าไม่ใช่ หนูควรจะแก้ไขปัญหาการควบคุมจิตนี้ได้อย่างไรค่ะ เพราะหนูอยากเป็นเหมือนคนปกติ หนูอยากมีจิตที่สงบในการไหว้สวดมนต์ นั่งสมาธิ

คำตอบ
จิตระลึกถึงสิ่งที่ไม่ดีก็แสดงว่ายังมีสิ่งที่ไม่ดียังอยู่ในจิต หากประสงค์จะกำจัดความคิดที่ไม่ดีนั้นให้หมดไปจากใจ ต้องไปสำนึกผิดและขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัย เช่นนำดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาหน้าพระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ หรือต่อหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนเคารพกราบไว้บูชากันมาก เมื่อสำนึกถึงโทษของการปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องไม่ละเมิดสัจจะด้วยการไม่ทำกรรมที่เป็นอกุศลนั้นอีก เสร็จแล้วสร้างกำลังใจให้กล้าแข็งด้วยการเจริญพละ 5 (ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา) อยู่เสมอและต่อเนื่องยาวนาน โอกาสที่คุณจะหลุดพ้นไปจากความคิดที่เป็นอกุศลนั้นเกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การทำสังฆทานด้วยผ้า ไตร กับการถวายสังฆทานด้วยพระพุทธรูป เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรในแง่ของอานิสงส์คะ



คำตอบ
ต่างกันตรงผ้าไตรเป็นวัตถุใช้นุ่งห่ม ส่วนพระพุทธรูปเป็นวัตถุบูชา ตามกฎแห่งกรรมบุคคลทำอย่างไรได้อย่างนั้น ให้เครื่องนุ่งห่มต้องได้เครื่องนุ่งห่ม ให้พระพุทธรูปเป็นทาน ได้การกราบไหว้บูชา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่าสามีของดิฉันเป็นสูติ-นรีแพทย์ เค้าจำเป็นต้องผ่าตัดเอาทารกแฝดในครรภ์มารดาที่เป็นมะเร็งปากมดลูกออกค่ะ ซึ่งเด็กยังไม่ครบกำหนดคลอด แต่ถ้าจะรอให้เด็กมีอายุครบกำหนดคลอด มะเร็งก็จะลุกลามไปจนไม่สามารถรักษาชีวิตแม่เด็กเอาไว้ได้ เขาพยายามจะส่งต่อผู้ป่วยรายนี้ไปรักษาที่อื่น แต่ก็มีเหตุให้ผู้ป่วยไม่สามารถไปรักษาที่อื่นได้ เขารู้สึกเป็นกังวลมากเพราะหากเลือกรักษามารดาก็จำเป็นต้องทำให้เด็กแท้งออก มาโดยการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเพื่อรีบรักษามะเร็งของมารดาซึ่งกำลังลุกลาม อย่างรวดเร็ว แต่หากเลือกรักษาชีวิตเด็กโดยเยื้อเวลาออกไปอาจส่งผลให้มารดาเสียชีวิตจาก มะเร็งและเด็กก็อาจเสียชีวิตด้วยหรือเกิดมาโดยไม่มีผู้เลี้ยงดูหรือแพทย์อาจ ถูกฟ้องร้องที่ไม่รีบรักษาชีวิตมารดาตามหลักทางการแพทย์ เค้าได้ปรึกษาแพทย์ทุกท่านในทีมการรักษาและแพทย์อาวุโสแล้ว ตกลงกันว่าต้องผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เพราะให้แม่เด็กคลอดออกมาเองไม่ได้เนื่องจากมีก้อนมะเร็งขวางอยู่ที่ปากช่อง คลอด ซึ่งก็หมายความว่าเด็กทั้ง 2 ในท้องต้องเสียชีวิต และได้บอกเล่าอาการให้แม่เด็กฟังแม่เด็กก็ยินยอมที่จะให้ผ่าตัดเอาเด็กออก
อยากทราบว่าในกรณีอย่างนี้เค้าจะเป็นบาปไหมคะ ที่ต้องทำให้เด็กเสียชีวิตโดยที่เค้าก็ไม่มีเจตนาอยากจะทำลายชีวิตเด็กเลย
สามีดิฉันรู้สึกเครียดมาก เพราะเค้าพยายามถือศีล 5 ปฏิบัติตัวอยู่ในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้ากลัวจะเป็นบาปกรรมติดตามไปทั้งในชาตินี้ชาติหน้าค่ะ

คำตอบ
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์กับเหตุผลทางธรรมเป็นคนละเรื่องกัน สองชีวิต (ลูกแฝด) ต้องตาย เพื่อช่วยหนึ่งชีวิต (แม่) ให้คงอยู่รวมสามชีวิตได้เคยสร้างอกุศลกรรม (การเบียดเบียนสัตว์) ร่วมกันมาแต่อดีตจึงต้องมารับอกุศลวิบากกในชาติปัจจุบัน ทีมแพทย์ผ่าตัด (หมอ+พยาบาล+คนจ่ายยา) อีกกี่ชีวิตที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอกุศลกรรมของสามชีวิตนั้น ตามกฎแห่งกรรมแล้ว ทุกคนที่ร่วมทำกรรม ต้องรับอกุศลกรรมวิบากในอนาคตโดยเฉลี่ยกันไป

อย่าคิดอะไรมาก อาชีพแพทย์-พยาบาล-เภสัชกรได้ทั้งบุญและได้ทั้งบาป เอาหมอชีวกเป็นตัวอย่างสิครับ งานส่วนรวมมีหน้าที่รักษาโรคให้คนไข้ก็ทำไป แต่งานส่วนตัวคืองานพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง สามารถนำจิตวิญญาณเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลโสดาบัน ตายแล้วไปเกิดดี เกิดเป็นเทพบุตรโสดาบัน อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตไงล่ะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การพิมพ์หนังสือธรรมะและผลิต cd ธรรมะแจกเป็นธรรมทาน
ถือว่าเป็นการสร้างปํญญาบารมีหรือไม่ครับ

คำตอบ
เป็นทานบารมีครับ ผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า “ การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง ” การให้คือทานครับ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปกติเวลาทำบุญถ้ามีการแจ้งชื่อ จะใช้ชื่อ ผู้มีจิตศรัทธา ทุก ๆ ครั้ง เพราะคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องบอกชื่อจริง เราตั้งใจทำบุญ แต่มีคนบอกว่าถ้าเราบอกชื่อนามสกุลจริง จะได้มีคนร่วมอนุโมทนาบุญกับเราได้ เหตุผลเป็นเช่นไรคะ เราจำเป็นต้องบอกชื่อจริงหรือไม่อย่างไรคะ



คำตอบ
ทำบุญด้วยการบอกชื่อจริงก็ได้ หรือไม่บอกชื่อก็ได้ การทำบุญไดไม่บอกชื่อจริง เทียบได้กับการปิดทองหลังพระได้บุญมากกว่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คืออยากทราบว่านิสัยบางอย่างที่เป็นปมปัญหาในชีวิตถ้าไม่แก้แล้วจะติดตาม ไปในชาติหน้าหรือเปล่าครับ เช่น ถ้าเป็นคนขี้เกียจในชาตินี้แล้วไม่แก้ไข ชาติหน้าก็ยังเกิดมาเป็นคนขี้เกียจอยู่หรือเปล่าครับ และถ้าแก้ไขในชาตินี้แล้ว เช่น แก้นิสัยขี้เกียจให้เป็นคนขยันแล้วชาติหน้าเราก็จะเป็นคนขยันด้วยหรือเปล่า ครับ


คำตอบ
สิ่งไม่ดีใดที่เราสามารถกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดได้แล้วในชาตินี้ เมื่อจิตทิ้งร่างนี้แล้วไปปฏิสนธิในร่างใหม่ในภพหน้าเชื้อแห่งความไม่ดีนั้น ย่อมไม่มีให้ปรากฏได้อีกในภพหน้า เช่นความขี้เกียจเกิดขึ้นได้เพราะจิตขาดสติจึงรับสิ่งกระทบต่าง ๆ ภายนอกเข้ามาปรุงอารมณ์หลากหลายทำให้เกิดเป็นความฟุ้งซ่าน คนที่มีอารมณ์ฟุ้งซ่านพลังงานสูญเสียไปจากร่างกายมาก ทำให้เกิดเป็นความขี้เกียจ หากบุคคลแก้ต้นเหตุหรือปรับต้นเหตุให้เป็นคนมีสติมากได้แล้ว อารมณ์ฟุ้งซ่านหมดไป พลังงานจะถูกอนุรักษ์ไว้ในร่างกายมาก ทำให้ความขยันเกิดแทนที่และหากพัฒนาจิตจนเข้าสู่ความเป็นอุเบกขาได้แล้ว ความขี้เกียจจะหมดไปเกิดเป็นความขยันล้วน ๆ ตายไปเกิดในภพใหม่ชีวิตในภพใหม่จะมีแต่ความขยันอย่างเดียว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. พ่อ-แม่ หนูมีอาชีพเลี้ยงหมูขาย...มิจฉาอาชีวะ หนูทราบ..หนูเคยบอกว่าไม่ยากให้ทำ..แต่แม่ตอบว่า..ถ้าไม่ทำ..ไม่รู้จะทำอะไร ให้มีรายได้บ้าง..รอพึ่งลูกอย่างเดียว..ลูกก็ลำบากอยู่แล้ว. หนูอึ้ง..จริงของแม่...และไม่พูดหรือห้ามต่อ แต่ไม่สบายใจ....บาปมั้ยค่ะ หนูไม่ได้ห้ามพ่อแม่อย่างจริงจัง เพราะลึก ๆ หนูว่าสิ่งที่แม่พูดเป็นความจริง....และปัจจุบันพ่อ-แม่ มีแต่เรื่องทุกข์ร้อนใจเกี่ยวกับลูก ๆ เสมอ พ่อ-แม่ ได้รับผลกระทบจากกรรมที่ตนเองทำโดยตรง แล้วหนูหละค่ะ ในฐานะที่เป็นลูกหนูจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง มีทางใดที่จะช่วยให้ผลกระทบที่พ่อ-แม่และหนูได้รับบรรเทาเบาบางได้มั้ยค่ะ

คำตอบ
ไม่สบายใจนั่นแหละเรียกว่าบาป เงินที่พ่อแม่ได้รับจากการประกอบอาชีพที่เป็นมิจฉาอาชีวะเป็นเงินร้อน หากพ่อแม่เลี้ยงดูลูกด้วยเงินร้อน ลูกต้องรับบาปนั้นด้วย คือความไม่สบายใจไงล่ะ ถ้าจะให้อกุศลวิบากเบาบางลงต้องหยุดเลี้ยงชีพด้วยมิจฉาอาชีวะ และไปทำสัมมาอาชีวะ คืออาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิด ธรรม ทุกครั้งที่ทำความดีที่มีอานิสงส์เป็นบุญทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงหมู ขาย ต้องอุทิศบุญกุศลให้แก่จิตวิญญาณของหมูทุกตัวที่ไปเบียดเบียนเขา อุทิศบุญกุศลไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะเลิกจองเวร หนูและพ่อแม่จึงจะพ้นจากหนี้เวรหนี้กรรมนี้ได้

2. หลังจากที่หนูเริ่มทำความดี รักษาตนให้อยู่ในกรอบในศีล ซึ่งอาจมีบางครั้งที่พลาดไปบ้าง แต่หนูก็รู้สึกได้ว่าชีวิตของหนูสงบเย็น และเรียบง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่อย่างไรก็ตามหนูมักไม่สบายใจเรื่องพี่น้องเสมอ เพราะพวกเขามักจะประสบชะตากรรมที่ร้าย ๆ และมีชีวิตที่น่าสงสาร ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาก็ทำให้หนูร่วมทุกข์และเดือดร้อนไปกับเขาด้วยทุก ครั้งมากบ้างน้อยบ้าง

ซึ่งหนูเชื่อว่าการที่หนูเจอเหตุการณ์อย่างนี้เป็นเพราะหนูกรรมของหนูด้วย เช่นกัน
หนูเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่ค่ะอาจารย์ และหนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะ

คำตอบ
เข้าใจถูกแล้วเป็นอกุศลกรรมที่เคยร่วมกระทำกันมาแต่อดีต ถ้าประสงค์จะพ้นจากอกุศลวิบากนี้ หนูต้องสร้างบุญใหญ่คือ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แล้วอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่เขายังผูกเวรกับหนูอยู่ อุทิศบุญให้ไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งข้างหน้าหนี้เวรหนี้กรรมก็จะหมดกันไปความสบายใจก็จะเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 03:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปกติเวลาผมเดินตลาด หรือตามห้าม ผมเห็น ขอทาน หรือตู้รับบริจาค ..
ผมก้อจะให้ 20 บ้าง 100 บ้างแล้วแต่สถานะการณ์
แต่ที่นี้ผมได้เทปวิธีสร้างบุญบารมี เขาบอกว่าถ้า ทำบุญกับคนมีคุณธรรมสูงๆๆ
ก้อจะดีมากกว่าทำบุญกับขอทาน ปัญหาก้อคือว่า ผุ้มีคุณธรรมสูง
ยกตัวอย่างเช่นเกจิอาจารย์ดังๆๆ เขาก้อมีคนไปทำบุญเยอะอยู่แล้ว
จนเหลือด้วยซ้ำไป เช่นถ้าผมบริจาคสัก 100 บาท ก้อน้อยมากๆ สำหรับวัดดังๆ
แต่ถ้าผมบริจาค 100 บาทกับ ขอทาน หรือผู้ยากไร้ โฮ้.. !!
วันน้นเขาสบายๆเลยนะครับ มีข้าวกิน ฝากๆ ลูกฝากภรรยาได้อีก
...ผมอยากทราบความคิดเห็นของอาจารย์เรืองนี้ครับ

คำตอบ
คำว่า “ เกจิอาจารย์ ” หมายถึงอาจารย์บางพวก ถ้าคุณบริจาคทรัพย์ให้กับเกจิอาจารย์ที่ยังมีสภาวะจิตปุถุชน จะได้อานิสงส์น้อยกว่าบริจาคให้กับเกจิอาจารย์ที่เป็นอริยบุคคล

ส่วนความคิดที่ว่าบริจาคให้วัดดัง ๆ ต้องพิจารณาให้ดีว่าดังทางไหนดังทางโลกคือ เห็นคนเข้าวัดนั้นมาก ด้วยเหตุที่วัดนั้นให้มนุษย์สมบัติ ให้สวรรค์สมบัติหรือให้สมบัติอบายภูมิแก่ผู้เข้าวัด ถ้าวัดนั้นมีลักษณะการกระทำอย่างที่กล่าวนี้การบริจาคของคุณจะได้อานิสงส์ น้อยกว่าการสละบริจาคให้กับวัดดังทางธรรม คือวัดที่ให้นิพพานสมบัติแก่ผู้เข้าวัด คุณจะได้อานิสงส์มากกว่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร