วันเวลาปัจจุบัน 25 ส.ค. 2025, 05:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นดิฉันอยากจะขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยกรุณาชี้ทางธรรมให้ ดิฉันได้พบหนทางแห่งการดับทุกข์ การบรรยายธรรมของท่าน สามารถนำมาปฎิบัติแล้วใช้ได้จริงๆ นับเป็นบุญของดิฉันที่ได้พบกัณลยาณมิตรอย่างท่าน ดิฉันนับถือและศรัทธราท่านมาก ดิฉันอยู่ต่างประเทศ สังคมที่แตกต่างทำให้จิตใจสับสนแต่เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่สับสนแล้วคะ เพราะดิฉันได้ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยชี้นำทางให้ทุกคำสั่งสอน ขององค์ท่าน ตามที่อาจารย์ได้กรุณานำมาเผยแผ่ ถูกต้องเป็นจริงทุกประการ หาที่ติไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกสงสารผู้ที่เขามีทุกข์และหาทางออกไม่ได้ ดิฉันอยากจะบอกพวกเขาให้เอาธรรมะดับทุกข์แต่ดิฉันไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี กลัวเขาจะว่าดิฉันบ้า หากเขาไม่เชื่อ อาจารย์คะดิฉันได้ฟังคำบรรยายธรรมของท่านเกือบทุกตอน ดิฉันได้นำปฏิบัติตามที่อาจารย์แนะนำมา ได้ผลมากคะ ทำให้ดิฉันเย็นลงมาก ทุกวันนี้หากดิฉันจะต้องตาย ดิฉันก็ไม่กลัวที่จะต้องตกนรก เพราะดิฉันมีความละอายต่อบาปไม่กล้าที่จะทำผิด หากจะทำสิ่งที่ไม่ดี ดิฉันจะนึกถึงคำที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวสอน ตามตัวอย่างที่อาจารย์บรรยายให้ทราบ

อาจารย์คะ วันที่18 กันยายน ที่จะถึงนี้ เป็นวันครบรอบวันเกิดของดิฉัน(ดิฉันเกิด 18 ก.ย. 2508) ดิฉันขออนุญาตอาจารย์นำซีดีการบรรยายธรรมของอาจารย์ที่ดิฉันได้โลดในเครื่อง คอมม์เอาไว้ นำไปอัดก็อปปี้แจกเป็นธรรมทานได้ไหมคะ? และหากอาจารย์ได้อ่านเมลล์ของดิฉัน ดิฉันอยากจะขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอวยพรวันเกิดให้ดิฉันด้วยนะคะ ดิฉันนับถืออาจารย์เป็นครูบาอาจารย์ของดิฉันคะ เพราะหากดิฉันจะทำในสิ่งที่ไม่ดี ดิฉันจะนึกถึงท่านทันทีคะ คำบรรยายธรรมของท่านจะก้องอยู่ในหูเลยคะ ว่ามันไม่ดี อย่าทำดังนั้นดิฉันเชื่อว่า คำอวยพรของครูคือสิ่งที่เป็นมงคลคะ(คือพ่อแม่ดิฉันท่านเสียแล้วคะ)

ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ ที่ช่วยดิฉันให้ได้พบแสงสว่าง จากการบรรยายธรรมของท่าน และได้เข้าถึงคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขออานิสงค์นี้จงช่วยให้ท่านเข้าถึงพระนิพานในชาติปัจจุบันด้วยเทิญ สาธุ

ขอแสดงความเคารพ


คำตอบ
คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อและทำตามคำสอนของพระพุทธะ จนกระทั่งธรรมะได้เข้าไปยึดพื้นที่ใจได้สำเร็จ สามารถขับไล่ทุกข์ให้พ้นไปจากใจได้ นี่เป็นความสามารถของเวไนยบุคคลเช่นคุณที่ทำได้..สาธุ จงรักษาธรรมะให้คงอยู่ในใจตลอดไป และพยายามกำจัดสิ่งเศร้าหมองอื่นใด ที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง แล้วความอัศจรรย์ในธรรมของพระพุทธองค์ก็จะเป็นสุดยอกของพรที่คุณจะได้รับ เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดนี้

เรื่องที่กลัวคนอื่นจะว่าคุณบ้า นั่นเป็นคำพูดที่ออกจากปากคน มีทั้งพูดดี มีทั้งพูดไม่ดี มันเป็นปากของเขาที่พูดออกมาจากใจที่มีโปรแกรมจิตดีและมีโปรแกรมจิตไม่ดี คุณไม่สามารถไปห้ามใจคนอื่นไม่ให้พูดร้ายได้แต่คุณสามารถปิดหูตัวเอง ไม่ให้รับเอาคำพูดที่เลวร้าย เข้าไปกวนใจของคุณให้ขุ่นมัว ก็สติยังไงล่ะ เจริญให้มาก ๆ แล้วคุณก็จงมีหูเป็นเช่น หูหม้อ หูกระทะนั่นแหละ สบาย ไม่แบกคำพูดที่ออกจากปากคน เป็นอิสระดีนะ

เรื่องที่จะขยายซีดีเอาไปแจกเป็นธรรมทานนั้นอนุญาต แต่ต้องระมัดระวังไม่นำเอาอัญมณีของพระพุทธไปให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า จะเป็นธรรมทานที่สูญเปล่าไร้อานิสงส์ เสียเวลาทำความดีให้กับชีวิตของคุณไปโดยเปล่าประโยชน์ นับว่าไม่ฉลาดเลย

คำอวยพรของครูเป็นสิ่งมงคล เป็นความเชื่อที่ถูกของคุณ ถูกของชาวโลก แต่ไม่ถูกของพระพุทธะ ด้วยเหตุที่ว่าคุณยังเอาใจไปรองรับความเป็นทาสของโลกธรรม ใจยังไม่เป็นอิสระ แล้วจะเป็นมงคลได้อย่างไร ถ้าประสงค์จะทำตัวเองให้เป็นมงคล จงปฏิบัติมงคล 38 ข้อ ที่พระพุทธะตรัสแก่เทวดาในวันที่มาขอความเป็นมงคลที่วัดเชตุวัน เมืองสาวัตถีนั่นแหละ ทำให้มงคลเหล่านั้นมีอยู่ในใจของคุณได้แล้วสรรพมงคลก็จะเกิดกับชีวิตของคุณ จริงแท้แน่นอน ผู้ตอบปัญหาได้พิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง จึงได้แสวงหาความเป็นมงคลเข้ามาบรรจุไว้ในใจ จนปัจจุบันนี้มีแต่ อโสกํ เขมํ เอตมฺมํ คลมุตฺตมํ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ดิฉันมีปัญหาทะเลาะกับแม่อย่างแรง จึงคอยหลบหน้าแม่ เพราะแม่ยังทำหน้าเมินเฉย และไม่ยอมพูดกับดิฉัน ทำให้ดิฉันรู้สึกอึดอัด และไม่อยากอยู่ใกล้แม่ ทำอย่างไรดีคะ ดิฉันกับแม่จึงจะเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน

คำตอบ
การทะเลาะเบาะแว้งเป็นวิถีแห่งเดรัจฉาน ผู้หวังความเจริญในชีวิตควรหลีกเลี่ยงและทำความดีต่อแม่ทุกครั้งที่มีโอกาส ต้องไม่หวังให้ผลแห่งการทำความดีตอบแทนกลับคืนมาดังที่คาดหวังไว้ แล้วคุณจะได้ไม่ผิดหวังยังไงล่ะ

2. พี่ชายและพี่สะใภ้กลัวว่าแม่จะดีกับดิฉัน และจะแบ่งมรดกให้ดิฉัน เพราะพ่อเสียแล้ว จึงคอยยุแม่ว่าอย่าให้อภัยดิฉัน ยิ่งทำให้ดิฉันง้อแม่ยากขึ้น เพราะถึงจะหลบหน้าแม่ แต่ทุกเช้า และทุกเย็นก่อนนอน ดิฉันจะโผล่หน้าไปให้แม่เห็น และทักแม่ตอนเช้า สวัสดีแม่ก่อนนอนทุกวัน แต่แม่ก็ไม่พูดด้วย ดิฉันควรแก้ปัญหาอย่างไรดีคะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
ใครจะคิดอย่างไรเป็นเรื่องของเขาใครจะพูดอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ใครจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ขอเพียงคุณคิดดี พูดดี ทำดีกับแม่ ตั้งทัศนคติให้ถูกว่า “ ทำความดีเพื่อความดี ” นั่นเพียงพอแล้ว สำหรับลูกที่ดี ลูกที่มีความเห็นถูกจะได้ไม่ทุกข์ใจยังไงล่ะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันอยากรักษาจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ แต่ก็มีเรื่องให้วิตก อีกแล้ว ควรทำอย่างไรดีคะ

1. ดิฉันซื้อประกันไว้ 2 ตัว โดยผู้ขายไม่แจ้งเลยว่าจะไม่ได้รับเงินต้นคืนเลย บอกว่าได้กำไร อย่างเดียว พอผ่านไป 1 ปี ดิฉันส่งไม่ไหว ขอยกเลิก ปรากฏว่าดิฉันได้เงินคืนเพียง 6,000 บาท จาก เงินต้น 60,000 บาท ดิฉันจิตหมองเลยค่ะ

คำตอบ
จิต หมองครั้งแรก คือ เกิดความเห็นผิด จึงคิดผิด คิดอยากซื้อ (ตัณหา) ประกันฯ เอาไว้ โดยหวังว่าจะได้สิ่งตอบแทนมากกว่าทุนที่ได้ลงไป จึงทำผิดคือลงทุนไปกับธุรกิจประกันฯ

จิตหมองครั้งที่ 2 คือได้สิ่งตอบแทนคืนมาไม่คุ้มทุนที่จ่ายไป ผู้รู้กล่าวว่า “ หากไม่อยากได้อะไร ก็จะไม่เสียอะไร ” ผลงานนี้เกิดจากการกระทำของคุณเอง อยู่กับความจริง ยอมรับความจริง ทำใจให้สงบ แล้วพิจารณาดูว่าตอนที่ถือกำเนิดลืมตาดูโลกใบนี้คุณไม่ได้เอาวัตถุใด ๆ ติดตัวมาเลย วัตถุต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากเกิดแล้วทั้งสิ้น หากวาระสุดท้ายมาถึงวัตถุต่าง ๆ ที่คุณเป็นเจ้าของ ต่างเป็นวัตถุกำพร้าเพราะเจ้าของต้องตายจากมันไปทุกคนก็เหมือนคุณ ไม่มีใครเอาวัตถุของโลกไปได้สักราย เมื่อดูให้ถึงที่สุดไม่เห็นคุณได้อะไร ไม่เห็นคุณเสียอะไร มีแต่ประสบการณ์ชีวิตที่ต้องเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข ชีวิตให้ดีก่อนเดินทางต่อในปรโลก นั่นเป็นสิ่งมีคุณค่าที่สุด


2.ทุกวันนี้แม่ไม่ยอมคุยกับดิฉัน เพราะดิฉันฝืนคำสั่งพี่ชายหนีไปปฏิบัติธรรม ตอนนี้เป็นเวลา 1 เดือนแล้วค่ะ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ


คำตอบ
ไม่เห็นต้องเอาใจตัวเองไปรองรับกิเลสของคนอื่นให้ใจเกิดความ เศร้าหมอง พัฒนาจิตวิญญาณตัวเองให้มีศีลธรรมอยู่ในใจ มีความกตัญญูกตเวทีด้วยการประพฤติจริยธรรมของลูกที่ดี ต่อบุพการีผู้ให้กำเนิดรูปนามนั่นแหละดีที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ดิฉันได้เริ่มปฏิบัติกรรมฐานด้วยตนเองมาได้ประมาณเกือบ 1 เดือนแล้วค่ะ โดยใช้คำบริกรรม ยุบหนอ-พองหนอ พอได้ยินเสียง ก็ ยินหนอ ปวด ก็ ปวดหนอ สภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์แรก คือ ปวดที่ขาข้างขวาตั้งแต่หัวเข่าจนถึงข้อเท้า ก็ใช้ปวดหนอไปเรื่อยๆ จนหายไปเอง บางวันรู้สึกว่าไม่มีแขนไม่มีขา ตั้งใจนั่งทุกวัน ช่วงแรกๆ นั่งประมาณ 30 นาที แต่ช่วงอาทิตย์ที่ 3 นี้ได้นั่ง ประมาณ 1 ชั่วโมง อาการที่เกิดขึ้นคือ รู้สึกว่าศีรษะพองโต แล้วเริ่มหมุนไปเรื่อย จนตัวโยกไปทางขวาอย่างแรงแล้วก็โยกกลับมาตั้งตรง โยกไปโยกมา ก็กำหนด โยกหนอ กำหนดอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด จนต้องพยายามบังคับโดยเปลี่ยนคำบริกรรมไปเป็น ยุบหนอ พองหนอ หยุดหนอ รู้หนอ อาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไรคะ เพราะว่าฝึกด้วยตนเอง อยากได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
เมื่อรู้สึกว่า ตัวโยกต้องกำหนดว่า “ โยกหนอ ๆ ๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่า ความรู้สึกตัวโยกนั้นจะหายไป ในสมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรม มีอาการเช่นนี้แรก ๆ กำหนดเป็นจำนวนหลายร้อยครั้งกว่าอาการดังกล่าวจะหายไป เหตุที่ต้องกำหนดยาวนานเช่นนี้ก็เพราะจิตยังมีกำลงของสติไม่กล้าแข็ง แต่เชื่อในคำสอนของครูบาอาจารย์ จึงได้กำหนด “ โยกหนอ ๆ ๆ ” ไม่เลิกตัวโยกก็ไม่เลิกกำหนด ในที่สุดปัญหาตัวโยกก็หายไปได้จริง เมื่อกำหนดแล้วอาการตัวโยกไม่ยอมหายไป คุณก็คิดว่าวิธีการแก้ปัญหานี้ไม่ได้ผล จึงเลิกกำหนดและบอกว่า กำหนดอย่างไรอาการตัวโยกก็ไม่ยอมหยุด จึงใช้จิตไปบังคับให้กลับมาอยู่ที่อาการพองยุบของผนังหน้าท้อง นี่แหละ...ขออภัยผิดวิธีแล้วครับ

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาตัวโยก จะทำได้สำเร็จหรือไม่อยู่ที่ ศรัทธาและความเพียรของคุณเป็นต้นเหตุ ทำไม่ดับเหตุให้ได้ล่ะ

2. การปฏิบัติด้วยตนเองสามารถทำได้ไหมคะ หรือว่าต้องหาสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่อฝึกฝนให้ชำนาญก่อนจึงค่อยฝึกด้วยตนเอง อยากให้อาจารย์แนะนะสถานที่ปฏิบัติธรรมแถวลำลูกกาให้ด้วยค่ะ


คำตอบ
การปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองสามารถทำได้หากมีบุญบารมีเก่าสั่งสมมามากพอ และมีกำลังสติสัมปชัญญะกล้าแข็งพอ ที่จะส่องดูใจตัวเองว่าการปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองนั้นต้องไม่เป็นเหตุให้เกิด ราคะ ไม่เป็นเหตุทำให้ติดอยู่ในภพ ไม่เป็นเหตุให้เกิดการสั่งสมกิเลส ไม่เป็นเหตุให้เกิดความมักมาก ไม่เป็นเหตุให้ไม่สันโดษ ไม่เป็นเหตุให้คลุกคลีกับหมู่คณะ ไม่เป็นเหตุให้เกิดความเกียจคร้าน และไม่เป็นเหตุให้เลี้ยงดูยาก เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วต้องได้ผลตรงข้ามกับสิ่งที่กล่าวมาทั้ง 8 ข้อนี้นั่นแหละ คุณก็สามารถปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองได้และสามารถบรรลุธรรมได้ในที่สุด

หากไม่สามารถทำใจให้เข้าถึงเงื่อนไขที่กล่าวมาทั้งหมดได้ ต้องแสวงหาครูอาจารย์ช่วยฝึกให้ คุณมีถิ่นพำนักอยู่แถวลำลูกกา ทำไมไม่ลองไปฝึกกับเจ้าอาวาสวัดทับทิมแดงล่ะ วัดนี้อยู่ไม่ห่างไกลจากตลาดไทเท่าใดนัก ความสำเร็จอยู่ที่กำลังของศรัทธา กำลังความเพียรกำลังของสัจจะ และต้องทำตัวให้เหมือนกับถ้วยแล้วที่ว่างเปล่า พร้อมรับคำสอนของครูอาจารย์ให้เต็มที่ และนำมาปฏิบัติตามให้ได้แล้วธรรมะของพระพุทธะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ที่จะไขว่คว้าเอามาบรรจุไว้ในใจของคุณได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเริ่มปล่อยวางกิเลสคือความอยากลง การปฎิบัติธรรมก็ดีขึ้น มีความสุขกับเวลานั่งสมาธิมากครับ พอออกจากสมาธิก็เริ่ม ทำใจให้สะอาดด้วยการพูดจาไพเราะ พูดเบาๆเหมือนเราท่องให้ใจหยุดนิ่ง
แต่สิ่งที่จะเรียนท่านอาจารย์สนอง มีดังนี้ครับ

ผมไม่ทราบว่าจะแผ่เมตตาตอนไหนดีครับ
เพราะช่วงหลังมานี้ผมปฎิบัติธรรมทุกคืน
พอใจสงบนิ่งร่างกายสบายใจละเอียดดีแล้วก็จะนอนหลับทันที โดยจะนึกถึงพ่อที่เสียแล้ว
ให้ท่านอนุโมทนาบุญกับผลการปฎิบัติธรรมของผมด้วย
ผมไม่เคยแผ่เมตตาให้ใครเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะให้บุญใครนะครับแต่ไม่แน่ใจว่าเค้าจะได้รับ เพราะทุกวันนี้ผมนั่งสมาธิเพราะอยากจะรักษาใจให้สะอาด

แต่ที่แปลกคือแฟนของผม มักฝันเห็นเปรตมาขอส่วนบุญบ้าง และไม่นานมานี้ก็เป็นหญิงสาวมาขอบุญ
เวลาขอแต่ละทีจะขอเยอะๆเร็วๆ แฟนของผมกลัวมากเลย บอกกับผมว่า
ให้เลิกนั่งก่อนนอนเถอะ เพราะเธอกลัว ผมจึงไปหาที่ปฎิบัติธรรมห้องอื่น
แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบครับ
ขณะนั่งสมาธิมักมีเสียงจากภายนอนเข้ามาเช่นเสียงลากของกับพื้น
เสียงเคาะประตูดังๆ3ครั้ง บางทีก็เหมือนมีคนเดินผ่านตัวบ้าง
ขณะนั่งสมาธิอยู่ใจไม่รู้สึกกลัวเลยครับ แต่ไม่มีสมาธิพอเพราะเสียงดังมาก
พอหลับไปก็ฝันว่ามีเด็กนำเงินมาให้ทำบุญ ผมก็รับไว้พอตื่นมา
ผมก็คิดว่าเราควรไปทำบุญให้เค้าให้หมดเลย จะได้ไม่มากวนเราและครอบครัวอีก

จึงอยากกราบเรียนอาจารย์สนอง ครับว่า เค้าไม่กลัวคนที่ปฎิบัติธรรมหรือครับ
พี่ชายของผมเค้านั่งสมาธิดีมากเลยครับแต่เพราะไปเห็นดวงกลมๆวิ่งไปมาที่ห้อง จึงเลิกนั่งสมาธิเพราะกลัวพอพูดถึงทีไรพี่ชายของผมก็จะขนลุกทุกทีเลยครับ
และหลังจากทำบุญให้เค้าแล้วจะเกิดเหตุแบบนี้อีกหรือไม่ครับ
ผมเกรงว่าเค้าจะไม่พอมาขออีก บุญจากการนั่งสมาธิจะช่วยได้มั้ยครับ
มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ



คำตอบ
การแผ่เมตตาสามารถทำได้ทุกครั้งที่นึกได้ ถามว่าคุณมีเมตตาที่จะแผ่ให้คนอื่นหรือไม่ ผู้ใดมีเมตตาเข้ามาสิ่งสถิตอยู่ในใจได้แล้ว ความโกรธ ความหงุดหงิดความรำคาญ ฯลฯ จะปลาสนาการไปจากใจ ทำให้ใจสงบ มีอารมณ์สงบอารมณ์เย็นอยู่เนืองนิตย์ บุคคลผู้มีลักษณะเช่นนี้สามารถแผ่เมตตาไปให้สรรพสัตว์ได้ทุกครั้งที่ใจ ปรารถนา

เรื่องเปรต ผี มาขอส่วนบุญ เป็นเพราะแฟนของคุณมีบุญเกิดขึ้นในใจได้แล้วน่ะสิ เขาจึงมาขอ เมื่อมีแล้วทำไมไม่อุทิศให้เขาล่ะจะหวงบุญไว้ทำไม การอุทิศบุญกุศลให้สรรพสัตว์ เป็นการทำบุญวิธีหนึ่ง แฟนคุณไม่อยากได้บุญในส่วนนี้หรือ ยิ่งมีความตระหนี่ บุญยิ่งเข้าหาผู้ตระหนี่ได้ยาก กิเลสหลุดจากใจได้ยาก ปัญหาเรื่องการเห็นเปรต เห็นผี ได้ยินเสียงลากของบนพื้น ก็จะหมดไปเมื่อเขาเหล่านั้นได้บุญจากแฟนของคุณไปแล้วเขาก็จะจากไปไม่มารบกวน แฟนคุณอีก ไม่เห็นต้องกลัวให้เกิดกิเลส (โมหะ) เพิ่ม เอาอย่างผู้ตอบปัญหาสิ โคจรไปในที่ไหน ๆ ก่อนนอนทุกคืนได้อุทิศบุญกุศลให้กับสรรพสัตว์ที่มาทิ้งขันธ์ลงในที่นั้น ๆ ด้วยการกล่าวคำว่า “ ขอให้สรรพสัตว์ที่สิงสถิตอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ จงเป็นสุข จงเป็นสุข จงเป็นสุข ” ผลที่เกิดตามมาคือ นอนหลับสบายดี ไม่มีสิ่งใด ๆ มารบกวนให้ต้องตื่นก่อนเวลา ที่ตั้งจิตกำหนดไว้ทำได้ง่ายแค่ผลที่ได้...สบายสบาย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบว่าคนที่มีอาการทางประสาท จากการเสพยา โดยปัจจุบันเลิกเสพแล้ว และอาการดีขึ้น แต่ยังต้องทานยาควบคุมอยู่ สามารถฝึกกรรมฐานได้มั้ยคะ ตอนนี้สวดมนต์เป็นประจำค่ะ



คำตอบ
สามารถฝึก กรรมฐานได้ และสามารถเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้ หากมีศรัทธาและเข้าหากัลยาณมิตรในทางธรรม ช่วยชี้แนะแนวทางการฝึกให้ แล้วต้องทำตามให้ได้ ก่อนหน้าที่ผู้ตอบปัญหาจะไปฝึกกรรมฐานกับท่านเจ้าคุณโชดกไม่นาน มีนักเรียนอาชีวะติดยาเสพติด ได้ไปบวชเป็นภิกษุ และฝึกกรรมฐานอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ขณะเป็นภิกษุยังพกยาเสพติดไว้ตัวตัวเพื่อเอาออกมาใช้เมื่อใจเกิดความอยากเสพ ยาขึ้นมา ท่านเจ้าคุณโชดกบอกให้เอายาเสพติดที่ซุกซ่อนไว้ออกมาแล้วโยนทิ้งไป บอกว่าวิปัสสนากรรมฐานแก้ปัญหายาเสพติดได้ภิกษุรูปนั้นปฏิบัติกรรมฐานได้ไม่ นานจิตเข้าสู่ความสงบ ฤทธิ์ของยาถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย และสามารถปลดใจให้เป็นอิสระจากยาเสพติดได้ จนในที่สุดท่านเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้ก่อนผู้ตอบปัญหาเสียอีก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์ครับผมเคยฟังธรรมะจากอาจารย์เรื่องวิบากกรรม โดยปกติของโลกถ้าเราเกิดความทุกข์เพราะคนอื่นมาเบียดเบียนเรา เราก็ต้องป้องกันตัวเอง และการป้องกันตัวเองบางครั้งก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ ในทางธรรมอย่างนี้เป็นการหนีวิบากหรือป่าวครับ หรือว่าทางที่สั้นที่สุด
เราควรจะทนรับวิบากกรรมอันนั้นจนกว่าวิบากจะหมดไปหรือครับ

บางครั้งถ้าเรารู้ว่าผู้ที่ทำความเดือดร้อนให้เราทุกวัน จะทำอีกในวันพรุ่งนี้
สำหรับผมมันยากที่จะให้อภัยมากกว่าการให้อภัยในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
ผมควรจะทำอย่างไรกับคนที่คอยทำความเดือดร้อนให้เราทุกวันดีครับ




คำตอบ
ในทางธรรมถือว่าเป็นการเบี้ยวหนี้กรรม คือไม่ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมที่เคยก่อไว้ ไม่เรียกว่าหนี้วิบาก เพราะหากเป็นการหนีวิบากที่ไม่ดีแล้ว ต้องสร้างกุศลกรรมอยู่เสมอให้มีกุศลกรรมเก็บสั่งสมอยู่ในใจให้มากกว่า อกุศลกรรมเมื่อกุศลกรรมมีมากจนถึงขั้นให้ผลเป็นกุศลวิบากแล้ว หนี้เวรกรรมจะตามส่งผลไม่ทัน อย่างนี้จึงจะเรียกวาหนีหนี้หรือหนีอกุศลวิบากได้

ดัง นั้นทางที่สั้นที่สุดคือต้องอยู่กับความจริง ยอมรับความจริงและชดใช้ความจริงที่ได้กระทำไว้ให้หมดไป เมื่ออกุศลวิบากหมดไปคุณก็จะปลอดจากความเดือดร้อน ที่คุณกำลังเสวยวิบากไม่ดีอยู่นั่นแหละ

อยากสมัครเป็นศิษย์ต้องทำตนให้มีลักษณะคล้ายครู คือพัฒนาจิตใจตัวเองให้เป็นผู้มีเมตตามีความเพียร มีศีล มีสัจจะ มีจาคะ มีปัญญา ฯลฯ ได้เมื่อใด ความเป็นครูเป็นศิษย์ย่อมมีได้เป็นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือเรื่องผ่านมานานเป็นปีแล้วคะ แต่ว่ายังคาใจอยู่จนทุกวันนี้ เลยต้องส่งมารบกวนสอบถามนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่า วันนึงพี่ชายได้พาพระรูปนึงจะมาจำวัดที่บ้าน แต่ที่บ้านจะมีแม่ น้าสาว พี่สะใภ้ หลานสาว 2 คน พี่ชาย และก็ตัวดิฉันเอง จะมีอยู่แค่ 2 ห้อง แม่กับน้าสาวจะนอนอยู่ข้างล่างเพราะแม่เป็นอัมพาตเดินไม่ได้มานาน 20 กว่าปีแล้วคะ ดิฉันก็จะต้องเช็ดตัว ใส่ผ้าอ้อมอะไรต่างๆให้ตรงเตียงแม่เลย ห้องนีงชั้นบนจะเป็นห้องของดิฉัน ส่วนอีกห้องจะเป็นของพี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาว 2 คน พี่ชายจะให้ดิฉันไปนอนอีกห้อง เพื่อที่จะให้ท่านจำวัดห้องของดิฉัน ห้องของดิฉันก็จะเก็บพวกเสื้อผ้าของดิฉันด้วยและจะมีของสำคัญของมีค่าอยู่ ด้วย ดิฉันเคยบอกกับพี่ชายแล้วว่าไม่สะดวกและพระสมัยนี้ข่าวก็หนาหูในทางไม่ค่อย ดี ที่ดีก็มีเยอะคะ แต่ถ้าไม่รู้จักก็ไม่กล้าไว้ใจอ่ะคะ พี่ชายจะเป็นคนที่เชื่อคนง่ายมากในความคิดของดิฉัน คนที่บ้านก็ไม่สะดวกด้วยมีแต่ผู้หญิงแต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดพี่ชาย

วันนั้นพี่ชายโทรมาบอกแล้วก็วางหูไป พอดิฉันจะโทรกลับไปบอกอีกครั้งว่าอย่าพามาดีกว่า ก็ติดต่อไม่ได้ พี่ชายพามาประมาณ 4 ทุ่มได้ ดิฉันจึงได้เรียนกับท่านไปว่าที่บ้านไม่ค่อยสะดวกมีแต่ผู้หญิง จะให้พี่ชายพาท่านไปจำวัดที่วัดใกล้บ้านแทน ท่านก็ไม่ว่ากระไร แต่พี่ชายก็พูดมาว่ามันดึกแล้ววัดเข้าไม่ได้แล้วประมาณนี้ ท่านก็เลยตัดสินใจกลับวัดของท่าน พี่ชายได้ไปส่งในคืนนั้นเลย ดิฉันพึ่งมาทราบหลังจากพี่ชายกลับมาว่าพระรูปนั้นมาจากต่างจังหวัดและท่านก็ ได้กลับในคืนนั้นเลย ดิฉันรู้สึกแย่มากเลย ไม่ทราบว่าท่านอยู่วัดต่างจังหวัด และก็คิดว่าน่าจะไปจำวัดที่วัดใกล้บ้านนั้นได้ น่าจะเป็นการดีกว่าเพราะพี่ชายก็เคยบวชที่วัดนั้นอ่ะคะ รู้สึกบาปเหมือนไม่ให้ที่อาศัยกับพระไงก็ไม่ทราบคะ ^^" แบบนี้บาปหนักมากเลยใช่มั้ยคะ



คำตอบ
การจะให้ภิกษุมาพักที่บ้านที่ไม่มีความพร้อม โดยพักอยู่ร่วมกับฆราวาส เป็นการไม่สมควร ภิกษุที่มีศีลมีธรรมท่านจะไม่พักร่วมชายคาหรอก ที่ท่านจากไปโดยไม่พักที่บ้านฆราวาสนั้นท่านทำถูกต้องแล้ว

ถ้าคุณเห็นถูกตามนี้ไม่ถือว่าเป็นบาป บาปอยู่ที่คุณมีใจเห็นผิดต่างหาก อุตส่าห์แบกหามบาปไว้นานข้ามปีเชียวเรอะ น่าสงสารใจความเห็นผิดของตัวเองจริงนะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่ถูกสาปแช่งให้มีอันเป็นไปทั้งที่เรามิได้ทำความผิดนั้น พยายามอธิบายและ
บอกก็ไม่มีใครเชื่อเราเลย ก็เลยต้องหยุดพูด หยุดบอก เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว เรา
จะต้องรับกรรมนั้นหรือไม่ค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
เมื่อไม่ได้ทำกรรมผิด อกุศลวิบากตามที่ถูกสาปแช่งจะเข้ามาหาคุณได้อย่างไร ถ้าจะให้ปลอดภัยต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีลและมีสติครองใจอยู่ทุกขณะตื่น ได้แล้วปลอดภัยที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีเรืองสงสัยอยากเรียนถามว่า เวลาที่เราไปไหว้ที่ศาลเจ้าของคนจีนอยางเช่น
เล่งเน้ยยี่ หรือที่ ซัมปอกง นั้น เวลาที่เราอฐิษฐาน
เราสามารถขอให้เรามีดวงตาเห็นธรรมเหมือนที่เราตั้งจิตเวลาไหว้พระได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้เราควรอฐิษฐานแบบไหนคะ



คำตอบ
หากเจ้าทั้งสองศาลเจ้าไม่ได้เป็นอริยบุคคล คุณอธิษฐานให้มีดวงตาเห็นธรรม ท่านจะไม่สามารถดลใจของคุณให้ประพฤติได้ตรงธรรม ที่นำสู่การมีดวงตาเห็นธรรมได้ แต่ถ้าอธิษฐานขอให้มีมนุษย์สมบัติมีสวรรค์สมบัติ นั้นมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า แต่คุณต้องประพฤติให้ตรงด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. เหตุใด คนที่เคยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในชาติภพที่แล้ว หรือสะสมมาหลายภพชาติแล้ว เมื่อเกิดมาในชาตินี้จึงยังมาทำผิดศีล เช่น ดื่มสุรา พูดโกหก ฆ่าสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องการสร้างกรรม ไม่ใช่ชดใช้กรรม ไม่น่าที่จะเป็นการกระทำของคนที่เคยผ่านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาแล้ว
(สงสัยว่ากุศลจากชาติที่แล้วไม่ช่วยให้มีจิตฝักไฝ่หรือดลบันดาลให้ทำแต่ความ ดีเลยหรือ)

คำตอบ
อดีตเคยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานก็จริงอยู่หากจิตยังเข้าไม่ ถึงมรรคผลของการปฏิบัติ ตายแล้วมาเกิดใหม่ได้รูปนามในชาติปัจจุบัน ยังมีโอกาสทำผิดพลาดเช่น ดื่มสุรา พูดโกหก
ฆ่าสัตว์ฯลฯ


2. ดิฉันมีอาชีพรับราชการตำรวจ ก่อนหน้านี้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานบริการและติดต่อกับประชาชนทั่วไป มีเรื่องผลประโยชน์และการผิดศีลเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจุบันโดนย้ายอยู่งานอำนวยการ ไม่ได้ติดต่อกับประชาชน และดิฉันเพิ่งจะได้สัมผัสและเห็นด้วยกับแนวทางตามรอยของอาจารย์ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมะจัดสรร หรือไม่

คำตอบ
เมื่อรู้ตัวว่าประพฤติผิดธรรม แล้วสามารถหยุดการกระทำที่ไม่ดีนั้นได้ ถือว่ายังมีความดีถูกเก็บอยู่ในจิตใจ ฉะนั้นจงหยุดประพฤติไม่ดี แล้วเร่งทำคามดีทางกาย วาจา ใจให้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะให้ทาน รักษาศีล ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ จนตาย วันข้างหน้าชีวิตคุณดีแน่นอน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันมีคำถามเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ คือ ดิฉันได้ดาวน์โหลดเสียงธรรมบรรยายของท่านอาจารย์จาก เว็บไซด์ชมรมกัลยาณธรรมมาฟัง แล้วเห็นว่ามีคุณค่าต่อชีวิต จึงเขียนซีดีให้เพื่อนๆ ด้วย 3 คนไม่ทราบว่าจะผิดหรือเปล่าค่ะ ที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านอาจารย์ก่อน

ถ้าผิดต้องขออนุญาตท่านอาจารย์ด้วยนะค่ะ แล้วจะไม่ทำอีก

ที่ทำลงไปแล้วนั้นเพราะไม่รู้ แต่พอได้ฟังการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ตอนหนึ่ง ที่มีเด็กหนุ่มเอาซีดีของท่านอาจารย์ไปก๊อปปี้ต่อ เท่ากับว่าเป็นการขโมย เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของก่อน เลยกลัวเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นค่ะ

ขอเรียนถามต่อคะ
กรณีที่เว็บไซด์ต่างๆ (โดยเฉพาะเว็บไซด์เกี่ยวกับพุทธศาสนาจะมีให้โหลดทั้งบทสวดมนต์, เสียงเพลง, เสียงบรรยายธรรมต่างๆนั้น) เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อชีวิต แล้วเราดาวน์โหลดมา แล้วนำมาเขียนซีดี ให้ญาติ เพื่อน ได้ฟังได้รู้เหมือนเรานั้น ทำได้หรือไม่ค่ะ



คำตอบ
รู้ว่าผิดแล้วยังถามไปอีก สบายใจได้อนุญาตให้โดยมีผลย้อนหลัง

จากคำถามต่อเนื่อง ตอบว่าทำได้ หากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บอกอนุญาตไว้ล่วงหน้า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเร็วๆ นี้ทางบ้านมีปัญหา ดิฉันฟุ้งซ่าน ทำใจปล่อยวางลำบาก ขอความกรุณาท่านช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยค่ะ ดิฉันมีพี่น้อง 2 คน พ่อแม่รับราชการ ตอนนี้เกษียณอายุแล้วค่ะ ดิฉันแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่พยายามทำงานกำลังสร้างตัว น้องชายยังไม่แต่งงาน มีงานประจำทำแต่เพิ่งทำได้ไม่ถึงปีค่ะ และเค้ามักจะพาผู้หญิงเข้ามาอยู่ด้วยที่บ้าน แล้วก็ถูกผู้หญิงทิ้งอยู่เป็นประจำ ใครเตือนให้เปลี่ยนพฤติกรรมก็ไม่เปลี่ยนซะที

พ่อแม่แบ่งมรดกให้ดิฉันกับน้องเท่าๆ กัน น้องใช้หมดแล้ว แต่ส่วนของดิฉันยังไม่หมดกำลังจะลงทุนเปิดกิจการกับสามี ส่วนของพ่อแม่แบ่งไว้ก้อนหนึ่งเป็นก้อนสุดท้ายที่จะใช้ยามแก่เฒ่า

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจู่ๆ ผู้หญิงของน้องชายก็บอกว่าท้อง จะต้องให้ไปสู่ขอตามประเพณี แล้วกำชับว่า อย่าบอกให้พ่อแม่เธอรู้ว่าท้อง กลัวพ่อแม่เธอจะเสียใจ พร้อมกับบอกน้องชายว่าให้เตรียมสินสอดไว้ไปให้พ่อแม่เธอ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากกว่าที่ทางบ้านดิฉันมี ซึ่งต้องใช้เงินของพ่อแม่และดิฉันรวมกันถึงจะพอ

ดิฉันแนะนำว่าควรรีบแต่งแต่อย่าได้เรียกร้องมากนักและอย่าทำให้ตัวเอง และคนอื่นเดือดร้อน ให้จัดงานเท่าที่เรามี พอทำได้ก็ไม่น่าเกลียด ดีกว่าปล่อยให้ท้องโต และควรจะไปรับผิดกับพ่อแม่ เค้าจะได้ช่วยกันคิดหาทางออก เพราะน้องชายดิฉันก็ไม่มีเงิน แต่น้องชายตามใจผู้หญิงของเค้าจะไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อจัดงานให้ใหญ่โต ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วตัวน้องชายเองก็ไม่สามารถหาเงินมาได้เพราะไม่มีสินทรัพย์อะไรจะไปค้ำ ประกันเงินกู้เลย สุดท้ายก็มาอ้อนขอเงินพ่อกับแม่ก่อนและบอกว่าจะหามาคืน ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้ใช้หลังเกษียณ ก็ยังไม่พอจะต้องมายืมดิฉัน หรือญาติคนอื่นๆ

ซึ่งพ่อกับแม่ก็พร้อมที่จะเสียสละเงินก้อนนั้นให้ และอาจถึงขั้นพ่อแม่ต้องเอาทรัพยสินที่มีอยู่ไปขอกู้เงินมาให้น้องชาย แต่ดิฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องจึงห้ามพ่อกับแม่ และส่วนของดิฉันก็ไม่ให้ยืม เพราะไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือไม่ และเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และดิฉันยืนยันขันแข็งจะไม่ช่วยและตามใจแม่กับน้องชาย เพราะถ้าตามใจแม่กับน้องชายแล้ว พ่อแม่ดิฉันเองจะลำบาก และครอบครัวดิฉันจะมีปัญหา

อยากเรียนถามท่าน ดร. สนอง ว่า

1.ดิฉันเป็นลูก อกตัญญูหรือเปล่าคะที่ไม่ยอมช่วยเหลือพ่อแม่ในเรื่องนี้

คำตอบ
ไม่เป็นลูกอกตัญญู


2.มีวิธีไหนที่จะหาทางออกได้และเป็นการดีกับทุกฝ่าย

คำตอบ
ช่วยเหลือเท่าที่ตนเองสามารถช่วยได้ และการช่วยเหลือนั้นต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง


3.จะทำอย่างไรกับน้องชายดีคะ
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
“ กมฺมุหา วตฺตติโลโก ” สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมต้องปล่อยเขาไปตามกรรมของเขา เพราะเขาเป็นผู้ทำเหตุของกรรม เขาจึงต้องรับผลของกรรมที่เขาทำขึ้นด้วยตัวเอง จึงจะถูกต้องตามธรรม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเราไม่มีโอกาสไปขอขมาบุคคลผู้มีพระคุณอย่างสูง เช่น ครูบาร์อาจารย์ บิดา
มารดา เป็นต้น กับสิ่งที่เราทำผิดต่อท่านจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ไม่สามารถพบเจอ
ท่านได้อีก เราสามารถขอขมาลาโทษโดยการตั้งจิตบ่อย ๆ ได้หรือไม่คะ



คำตอบ
เมื่อไม่สามารถเจอผู้มีพระคุณ คุณสามารถขอขมาได้ ขอขมากี่ครั้งก็ได้ สำคัญอยู่ที่ว่า ท่านผู้มีพระคุณจะอโหสิให้คุณหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากท่านไม่ทราบและไม่ยกโทษให้หรือหากท่านทราบแต่ไม่ยกโทษให้ การขอขมานั้นก็ไม่สำเร็จประโยชน์ถือเป็นโมฆะ

หากผู้มีพระคุณทราบเรื่องที่คุณขอขมา ทราบโดยวิธีใดก็ตาม และอโหสิให้คุณการขอขมานั้นถือว่าสำเร็จประโยชน์ไม่เป็นโมฆะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. การบวชเนกขัมมะกับการบวชชีพราหมณ์ต่างกันอย่างไร?

คำตอบ
สาระของคำว่าบวชเนกขัมมะ หมายถึงการนำตัวออกห่างจากสิ่งเย้ายวน ทางกามคุณ

ส่วนคำว่าบวชชีพราหมณ์ เป็นสมมติบัญญัติที่ใช้เรียกหญิงที่ออกบวชด้วยการนุ่งขาวห่มขาว และไม่โกนผมโกนคิ้ว

ประเพณีที่ถือปฏิบัติ บุคคลทั้งสองกลุ่มออกบวชเพื่อการปฏิบัติธรรม



2. และแบบใดมีอานิสงส์มากกว่ากันคะ? สำหรับผู้ปฏิบัติเอง และพ่อกับแม่



คำตอบ
ถามว่าใครได้อานิสงส์มากกว่า อยู่ที่ว่าใครปฏิบัติธรรมแล้ว กายใจเป็นอิสระจากกามได้มากกว่า ผู้นั้นได้รับอานิสงส์ของการอกบวชมากกว่า คนที่กายใจยังตกเป็นทาสของกาม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร